เมื่อเราต้องการจะซื้อโน้ตบุ๊คเครื่องใหม่หรือจะประกอบคอมพิวเตอร์สักเครื่อง ซีพียู (CPU) หรือหน่วยประมวลผล เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ เพราะมันส่งผลต่อความเร็วในการทำงานของคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก ซึ่งซีพียูเราก็จะพิจารณาจากความเร็วและจำนวนคอร์ของซีพียู แล้วแบบไหนดีกว่ากันล่ะ สามารถหาคำตอบได้จากบทความนี้เลย
บทความนี้สำหรับ "คอมพิวเตอร์เท่านั้น" ไม่สามารถใช้หลักการนี้กับ "สมาร์ทโฟน" ได้
เอาล่ะ หลังจากเข้าใจธรรมชาติของซีพียูแล้ว เรามาเก็บความรู้กันต่อว่า Dual Core กับ Quad Core ตกลงแบบไหนดีกว่ากัน
ตามหลักการพื้นฐานแล้ว จำนวนคอร์ที่มากกว่าจะทำให้ CPU ทำงานได้เร็วกว่า แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะมันมีความซับซ้อนมากกว่านั้น
จำนวนคอร์ที่มากกว่าจะทำให้โปรแกรมทำงานได้เร็วขึ้นก็ต่อเมื่อ โปรแกรมสามารถแบ่งการประมวลผลระหว่างคอร์ได้ ซึ่งไม่ใช่ทุกโปรแกรมที่สามารถแบ่งการประมวลผลระหว่างคอร์ได้
ความเร็วของของแต่ละคอร์ก็ถือว่าปัจจัยสำคัญด้านความเร็วเช่นเดียวกัน ซีพียู Dul Core รุ่นใหม่ๆ ที่มีความเร็วสูง มักจะสามารถทำงานได้เร็วกว่า Quad Core ตัวเก่า ที่มีความเร็วต่อคอร์ต่ำกว่า
จำนวนคอร์ที่มากกว่า ย่อมตามมาซึ่งการเรียกใช้พลังงานที่สูงขึ้นตามไปด้วย เมื่อซีพียูเริ่มทำงาน คอร์ทุกตัวจะเริ่มกินไฟพร้อมกันทุกตัว
ผู้พัฒนาซีพียูจึงได้พยายามลดอัตราการใช้พลังงาน (Power consumption) เพื่อให้ซีพียูประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งบนโน้ตบุ๊คที่มีพลังงานจำกัด ซีพียูแบบ Quad Core จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่มากกว่าซีพียูแบบ Dual Core
เช่นเดียวกันกับพลังงาน จำนวนคอร์ที่มากกว่าใช้พลังงานที่มากกว่า ย่อมเกิดความร้อนที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน ผู้ผลิตจึงมีการออกแบบ Heat sinks หรือระบบระบายความร้อนอื่นเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
จำนวนคอร์ที่มากกว่าไม่ได้แปลว่ามันจะแพงกว่าเสมอไป ขึ้นอยู่กับความเร็ว, เวอร์ชันของสถาปัตยกรรมที่ใช้ในการผลิต ล้วนส่งผลต่อราคาด้วย
นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้ผลิตชิปไม่ค่อยจะอยากบอกเราสักเท่าไหร่ ความเร็วไม่เกี่ยวกับว่าคอมพิวเตอร์ของเรามีจำนวนคอร์อยู่เท่าไหร่ แต่มันขึ้นอยู่กับว่าซอฟต์แวร์สามารถแบ่งงานไปยังคอร์ต่างๆ ได้หรือไม่
โปรแกรมส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ ได้ออกแบบมาให้สามารถดึงประสิทธิภาพของจำนวนคอร์บนซีพียูมาใช้ได้ (Multiple processes) แต่ว่ามันก็ยังมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนเอาไว้มากกว่าที่เราคิด
ตัวอย่างง่ายๆ เช่น Google Chrome และ Adobe Premier Pro ทั้งคู่รองรับการทำงานแบบ Multiple processes
Adobe Premier Pro จะแบ่งงานออกเป็นส่วนๆ เวลาที่เราทำการแก้ไข ในการแก้ไขวิดีโอ มีงานหลายเลเยอร์ที่ต้องประมวลผล ซึ่งจำนวนคอร์ที่สูงกว่าจะช่วยกันทำงาน ทำให้เรนเดอร์วิดีโอได้เร็วขึ้น
ส่วน Google Chrome จะแบ่งการทำงานเป็นแท็บ แท็บที่ไม่ได้ถูกใช้งานจะถูกพักไว้ในคอร์อื่นๆ ซึ่งในการใช้งานจริง แท็บที่ไม่ได้ถูกเรียกใช้ ก็ไม่ได้จำเป็นต้องประมวลผลอะไรมากอยู่แล้ว เพราะงานส่วนใหญ่จะภาระตกไปอยู่ที่แรมอยู่ดี ดังนั้น จำนวนคอร์ที่มากกว่าจึงไม่ส่งผลอะไรต่อการทำงานของ Google Chrome มากนักแม้ว่าตัวโปรแกรมจะรองรับ Multiple processes
เกมส์ระดับ AAA จากสตูดิโอดังๆ ในปัจจุบัน ต่างออกแบบเกมส์ให้รองรับ Multiple processes แม้ว่าการเล่นเกมส์จะใช้ GPU เป็นหลัก แต่ CPU ก็มีผลไม่น้อยเช่นเดียวกัน
สายการทำงานที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมจำนวนวิดีโอและเสียง จำนวนคอร์ที่สูงจะช่วยให้การประมวลผลงานทำได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งโปรแกรมยอดนิยมส่วนใหญ่ ล้วนแต่รองรับ Multiple processes อยู่แล้ว
สำหรับนักออกแบบ ความเร็วของซีพียู และขนาดของ Cache จะส่งผลต่อความเร็วในการทำงานมากกว่าจำนวนคอร์ แม้แต่ Photoshop ก็เช่นเดียวกัน จำนวนคอร์ที่มากไม่ช่วยให้โปรแกรมทำงานเร็วขึ้นสักเท่าไหร่
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น Multiple processes บนเว็บเบราว์เซอร์ไม่ได้ช่วยให้เรารู้สึกเล่นเว็บได้เร็วขึ้นสักเท่าไหร่ ไปเพิ่มแรมน่าจะดีกว่า
โปรแกรม Office ส่วนใหญ่ ทำงานแบบคอร์เดียว ดังนั้น Quad Core ไม่ช่วยให้โปรแกรมทำงานได้เร็วขึ้นแต่อย่างใด
แน่นอนว่าคอร์เยอะๆ ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว ในภาพรวม Quad Core ทำานได้เร็วกว่า Dual Core แน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเปิดหลายๆ โปรแกรมขึ้นมาใช้งานพร้อมกัน เช่น เปิด Microsoft Office, พร้อมกับ Chrome และยังมี iTunes ไหนจะ LINE อีก
บทความนี้ต้องการชี้ให้เห็นถึงความคุ้มค่าที่เราได้จากการจ่ายเงินเพิ่มมากกว่า เช่น หากต้องการประกอบคอมพิวเตอร์มาใช้งาน Office เพียงอย่างเดียว เราก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนกับซีพียูมากก็ได้ เพราะมันไม่ได้ช่วยให้โปรแกรมทำงานได้เร็วขึ้นสักเท่าไหร่ เอาเงินไปเพิ่มกับแรม หรือการ์ดจอ น่าจะคุ้มค่ากว่า
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |