วิธีแก้ปัญหา Disk Usage 100% หรือ ดิสก์ทํางานตลอดเวลาเต็มที่ บน Windows 10 (How to fix Disk Usage 100 on Windows 10)

วิธีแก้ปัญหา Disk Usage 100% หรือ ดิสก์ทํางานตลอดเวลาเต็มที่
(How to fix Disk Usage 100 on Windows 10 ?)

Disk Usage 100% หรือ ดิสก์เต็ม (พื้นที่หมดเกลี้ยง) ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในปัญหาสุดคลาสสิกที่ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีโอกาสพบเจอ ปัญหานี้ทำให้ไดร์ฟเก็บข้อมูลทำงานหนักผิดปกติ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ลดต่ำลง โดยมันเกิดขึ้นได้ไม่ว่าคุณจะใช้ HDD (Hard Disk Drive) หรือว่า SSD (Solid State Drive) ก็ตาม

ปัญหา Disk Usage 100% มีได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาจึงมีอยู่หลายวิธี เป็นการยากที่จะบอกได้ว่าควรใช้วิธีไหน ได้แต่แนะนำให้ลองทำตามไปทีละวิธีที่เรารวบรวมมานำเสนอในบทความนี้ครับ

วิธีตรวจสอบสถานะ Disk Usage 100% 

ก่อนจะไปถึงวิธีแก้ปัญหา เรามาอ่านวิธีตรวจสอบก่อนว่า คอมพิวเตอร์ที่คุณใช้งานอยู่ในสถานะ Disk Usage 100% หรือเปล่า ซึ่งตามปกติแล้ว เวลาที่เกิดอาการ Disk Usage 100% ผู้ใช้จะสามารถสังเกตได้จากการที่คอมพิวเตอร์ตอบสนองได้ช้าผิดปกติ เปิดโปรแกรม เปิดโฟลเดอร์อะไรก็ตาม มันจะหน่วงมากกว่าจะมีการตอบสนอง

เราสามารถตรวจสอบสถานะการทำงานของไดร์ฟในเครื่องของเราได้โดยการกด "ปุ่ม Ctrl+Shift+Esc" เพื่อเปิด "Task Manager" ตรวจสอบตรง "เมนู Disk" จะมีบอกเปอร์เซ็นที่ไดร์ฟกำลังทำงานอยู่ ถ้าขึ้น 100% ตลอดเวลาล่ะก็ แสดงว่าคอมพิวเตอร์กำลังมีปัญหาบางอย่างอยู่แน่ ๆ

1. ใช้คำสั่ง Check เพื่อสแกนหาข้อผิดพลาด

ในการตรวจสอบไดร์ฟ ในระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีเครื่องมือสำหรับงานนี้เตรียมไว้ให้แล้วนะครับ สามารถเรียกใช้งานได้การไปที่ "This PC" คลิกขวาที่ "ไดร์ฟ C:" แล้วเลือก "เมนู Properties" จากนั้นไปที่ "แท็บ Tools" แล้วคลิก "ปุ่ม Check" เพื่อสั่ง "Scan Drive" ครับ

2. อัปเดตระบบป้องกันมัลแวร์

สำหรับพิษสง มัลแวร์ (Malware) นั้น ที่นอกจากจะสามารถขโมยข้อมูลผู้ใช้ได้แล้ว การที่มันแอบทำงานอยู่เบื้องหลังตลอดเวลา ทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรที่คอมพิวเตอร์ต้องใช้ในการทำงานไปอย่างเปล่าประโยชน์อีกด้วย ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิด Disk Usage 100% ได้ด้วยเช่นกัน

สำหรับงานนี้ หากเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ที่มีอยู่ใน ระบบปฏิบัติการ Windows สแกนหาไม่เจอ เราขอแนะนำให้ลองใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะทางอย่างเช่น Malwarebytes Anti-Malware มาช่วยแทน

ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ : Malwarebytes Anti-Malware

สำหรับ Windows :

• https://software.thaiware.com/10526-Malwarebytes-Anti-Malware-Download.html

เงื่อนไขในการใช้งาน

• สามารถใช้งานได้ฟรี แต่ลูกเล่นจะน้อยกว่าเวอร์ชันเสียเงิน

หากสแกนแล้วเจอมัลแวร์ ก็จัดการกำจัดมันทิ้ง จากนั้นก็รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ แล้วตรวจสอบว่าอาการ Disk Usage 100% หายไปหรือยัง

3. ปิดการทำงานของคุณสมบัติ Windows Search

ในระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีข้อผิดพลาดที่ถูกเรียกว่า "Search Loop" อยู่ หากเกิดขึ้น มันจะทำให้ไดร์ฟต้องทำงานหนักขึ้นหลายเท่าตัว

ถ้าต้องการหยุดมันชั่วคราวในขณะที่ใช้งานคอมพิวเตอร์อยู่ (มีผลจนกว่าเราจะรีสตาร์ทเครื่อง) ให้เรา "คลิกขวา" ที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "เมนู Windows PowerShell (Admin)" แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่างนี้ลงไป แล้ว "เคาะ Enter"

ส่วนการปิดคุณสมบัติ Windows Search แบบถาวร ให้เรากด "ปุ่ม Windows+R" เพื่อเปิด "โปรแกรม Run" ขึ้นมา จากนั้นให้พิมพ์ลงไปว่า "services.msc" แล้วกด "ปุ่ม Enter"

ใน "หน้าต่าง Servies" ให้เรามองหา "Windows Search" ดับเบิลคลิกเข้าไป ตรง "Startup type" เลือกเป็น "Disabled" แล้วก็ "Stop" จากนั้นก็ "คลิก OK" เพื่อบันทึกการตั้งค่า เป็นอันเรียบร้อย

4. ปิดการทำงานของ SysMain

หนึ่งในคุณสมบัติของ Windows 10 ที่กลายเป็นสาเหตุของอาการ Disk Usage 100% คือ คุณสมบัติที่มีชื่อว่า "Superfetch Service" แต่ปัจจุบัน ตั้งแต่ Windows 10 1809 คุณสมบัตินี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "SysMain" แทนแล้วนะ

เราสามารถปิดการทำงานของเซอร์วิส SysMain ด้วยการคลิกขวาที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "เมนู Windows PowerShell (Admin)" แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่างนี้ลงไป แล้วกดไปที่ "ปุ่ม Enter"

ภาพจาก https://www.makeuseof.com/tips-fix-100-disk-usage-improve-windows-performance/

หลังจากที่มันบอกว่า "The SysMain service was stopped succesfully" แนะนำให้ทำ Check Disk ต่อเลยด้วยครับ โดยใส่คำสั่งด้านล่างนี้ลงไป แล้วกด "ปุ่ม Enter"

เราจะได้รับการแจ้งเตือนว่า คอมพิวเตอร์จะต้องรีบูทใหม่เพื่อให้กระบวนการ Check Disk เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้น อย่าลืมบันทึกงานที่ทำอยู่ให้เรียบร้อยก่อนละ

5. แก้ไขข้อผิดพลาดในเฟิร์มแวร์ของ PCI-Express

ไดร์เวอร์กับระบบปฏิบัติการ Windows 10 เป็นคู่หูที่ชอบทะเลาะกันเป็นประจำ มีการค้นพบว่าไดร์เวอร์ StorAHCI.sys ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่ออุปกรณ์เก็บข้อมูลเข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต PCI-Express มีบั๊กที่ทำให้เกิด Disk Usage 100% ได้เช่นกัน 

ให้เราเข้าไปตรวจสอบว่าโดนบั๊กนี้หรือเปล่าด้วยการคลิกขวาที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "Device Manager" แล้วคลิกที่ "IDE ATA/ATAPI Controllers" เพื่อขยายเมนูออกมา (ถ้าไม่มีเมนูนี้ ข้ามวิธีแก้อันนี้ไปได้เลยครับ เพราะคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ส่วนใหญ่จะไม่ใช้เทคโนโลยีนี้แล้ว)

ถ้ามี "AHCI Controller" ในลิสต์ให้ดับเบิ้ลคลิก ไปที่ "แท็บ Driver" แล้วเลือก "Driver Details"

ภาพจาก https://softwarekeep.com/help-center/how-to-download-standard-sata-ahci-controller-driver-on-windows-10

ถ้าตรง "Driver File" ระบุว่า C:\Windows\system32\DRIVERS\storahci.sys ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า Disk Usage 100% มาจากบั๊กตัวนี้

ภาพจาก https://thewindowszone.com/windows-10-100-disk-usage-in-task-manager-solved/

ปิดหน้าต่าง แล้วกลับไปที่ "แท็บ Details" ตรงช่อง "Property" เลือกเป็น "Device instance path" จากนั้น Copy ข้อความใน "ช่อง Value" เก็บเอาไว้ เอาไปวางไว้ใน "Notepad" ก่อนก็ได้

ภาพจาก https://thewindowszone.com/windows-10-100-disk-usage-in-task-manager-solved/

กด "ปุ่ม Windows+R" เพื่อเปิด "Run" แล้วพิมพ์ลงไปว่า regedit แล้วกด "ปุ่ม Enter" เพื่อเปิด "Registry Editor" ไปที่

นำข้อความจาก value ที่เราคัดลอกไว้เมื่อสักครู่มาวางต่อหลังจาก "...Enum\PCI\" (ดูภาพด้านล่างประกอบ)

ภาพจาก https://thewindowszone.com/windows-10-100-disk-usage-in-task-manager-solved/

ในพาเนลฝั่งซ้าย ไปที่ "Device Parameters\Interrupt Management\MessageSignaledInterruptProperties" ในพาเนลฝั่งขวา ให้ดับเบิลคลิกที่ "MSISupported" แล้วเปลี่ยนค่าใน "ช่อง Value" เป็น "0" แล้วคลิก "ปุ่ม OK" เพื่อยืนยัน

เมื่อทำเสร็จแล้วให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ เป็นอันเรียบร้อย

ภาพจาก https://thewindowszone.com/windows-10-100-disk-usage-in-task-manager-solved/

6. อัปเดตไดร์เวอร์ SATA

ส่วนใหญ่แล้ว คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ก็จะใช้ SATA ในการเชื่อมต่อกับ SSD, HDD หรือ Optical Drive หาก ไดร์เวอร์ (Driver) ที่เป็นเวอร์ชันเก่า ก็มีโอกาสที่มันจะเป็นสาเหตุของ Disk Usage 100% ได้เช่นกัน

การอัปเดตไดร์เวอร์ SATA ให้คลิกขวาที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "Device Manager" คลิกตรง "Storage controllers" แล้วคลิกขวาเลือก "Update Driver"

7. ปิดคุณสมบัติ Diagnostic Tracking

คุณสมบัติ Diagnostic Tracking มีหน้าที่ติดตามการวินิจฉัยสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในระบบปฏิบัติการ Windows 10 แต่ก็พบว่ามันเป็นสาเหตุของปัญหา Disk Usage 100% ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ หากคิดถึงเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วยแล้ว เราก็ควรจะปิดการทำงานของมันอยู่ดี

โดยให้เราคลิกขวาที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "เมนู Windows PowerShell (Admin)" แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่างนี้ลงไปครับ

ภาพจาก https://www.makeuseof.com/tips-fix-100-disk-usage-improve-windows-performance/#10-disable-diagnostic-tracking-in-windows-10

8. ปิดคุณสมบัติการทำ Disk Defragment อัตโนมัติ

ปัญหานี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับเครื่องที่ใช้ระบบเก็บความจำแบบ HDD (ผู้ใช้งานหน่วยความจำแบบ SSD ยังไม่เห็นมีใครเป็นกันนะ) โดยระบบปฏิบัติการ Windows 10 จะมีระบบจัดเรียงไฟล์ในฮาร์ดดิสก์ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งมันมักจะแอบทำงานโดยที่ไม่บอกเราก่อน วิธีแก้ก็ไม่ยากครับ ให้เราไปปิด Disk Defragment อาการดังกล่าวก็จะหายไปครับ

Disk Defragment : เป็นระบบจัดเรียงไฟล์ ในฮาร์ดดิสก์ให้เป็นระเบียบ ช่วยให้เปิดไฟล์ต่างๆ ได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม เราคิดว่ามันไม่จำเป็นจัดเรียงบ่อยขนาดนั้น และสั่งให้มันทำ Defrag ด้วยตนเอง เวลาที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ดีกว่า

ทั้งนี้ คนที่ใช้หน่วยความจำแบบ SSD ไม่แนะนำให้ทำ Defrag นะครับ ไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไร เปลืองรอบการเขียนไปเปล่า ๆ

ขั้นตอนการปิด Disk Defragment

1. ไปที่ "This PC" คลิกขวาที่ "ไดร์ฟ (C:\)" แล้วเลือก "Properties"
2. คลิกไปที่ "แท็บ Tools" ตรงเมนูที่เขียนว่า "Optimize and Defragment Drive" คลิกไปที่ "ปุ่ม Optimize"
3. ในหน้าต่าง Optimize Drives ให้เรา คลิกไปที่ "ปุ่ม Change Settings"
4. ติ๊กถูกตรงช่อง "Run on a schedule (Recommended)" ออก แล้วคลิก "ปุ่ม OK" (หรือจะตั้งให้เป็นเดือนละครั้งก็ได้ ถ้ายังต้องการให้ทำงานอยู่)
5. คลิกที่ "ปุ่ม Close" เพื่อปิด "หน้าต่าง Optimize Drive"
6. คลิกที่ "ปุ่ม OK" เพื่อปิด "หน้าต่าง Properties" เป็นอันเสร็จสิ้น

หากต้องการสั่ง Defrag ไดร์ฟด้วยตนเอง ในขั้นตอนที่ 3. ให้เลือกไดร์ฟที่ต้องการเรียงไฟล์จากด้านบน แล้วคลิกที่ "ปุ่ม Optimize" ครับ

หวังว่าจะมีวิธีใด วิธีหนึ่งในบทความนี้ที่ช่วยแก้ปัญหา Disk Usage 100% ให้คุณผู้อ่านได้นะครับ