แนะนำ 3 ระบบ CRM บริหารความสัมพันธ์ลูกค้า ด้านการขาย โดยคนไทย

ของไทยก็มีดี ! พบกับ 3 CRM ด้านการขายที่ทำโดยคนไทย

เพราะแหล่งรายได้หลักของธุรกิจคือการขาย และการจัดการเรื่องเกี่ยวกับลูกค้า เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่จะทำให้ธุรกิจมีเงินไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าจึงเป็นหัวใจสำคัญของการประกอบธุรกิจ แต่สิ่งที่เจ้าของธุรกิจ ตลอดจนผู้จัดการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าหลายคนต้องเผชิญคือ ปัญหาเรื่องการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าในเชิงลึก เช่น

• นักการตลาดไม่สามารถทำการตลาดได้อย่างคล่องตัว เพราะเข้าไม่ถึงข้อมูลปัจจัยการขายได้ของฝั่งเซล
• ฝั่งเซลเข้าหาลูกค้ามั่วซั่ว เพราะการบันทึกการเข้าถึงเป้าหมายแต่ละคนมีความสะเปะสะปะไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
• ฝั่งบริการลูกค้าก็ไม่ทราบว่าลูกค้าคนไหนที่ได้รับการติดต่อไปแล้วบ้าง จนสร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้า

และนั่นคือการเข้ามาของ "ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management - CRM)" ที่จะเข้ามาช่วยจัดระเบียบรวมศูนย์ข้อมูลการติดต่อระหว่างบริษัทต่อลูกค้า เรียกว่าละเอียดระดับรายบุคคล และช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงบันทึกกิจกรรมที่มีกับลูกค้าได้

โดยทั่วไป แม้เจ้าของธุรกิจหลายเจ้าจะมองเห็นความสำคัญของระบบ CRM แต่ก็มักจะไม่ได้นำเอาเข้ามาใช้งาน เพราะมีข้อกังวลใจว่าตัวโปรแกรมอาจจะแพงเกินไปสำหรับธุรกิจ หรืออาจจะหาคนอบรมให้กับพนักงานยากเพราะเป็นของต่างประเทศ เป็นต้น

แต่ไม่ต้องกังวลใจไป บทความนี้เราจะมาเจาะถึง CRM ทั้ง 3 ที่เรียกว่า "Made in Thailand แบบ 100%" และราคาก็พูดได้เลยว่า เข้าถึงธุรกิจในระดับ SMEs ได้อย่างแน่นอน

1. ระบบ Readyplanet CRM

ภาพจาก : https://www.readyplanet.com/

Readyplanet นั้นเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับด้านการขาย และการตลาด โดยมีการออกผลิตภัณฑ์มามากมายไม่ว่าจะเป็น แพลตฟอร์มการสร้างเว็บไซต์, แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์, ระบบบริหารงานแชท R-Chat, ระบบการจอง R-Booking, และอีกมากมาย โดย R-CRM ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริหารงานขายก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วย

สำหรับ R-CRM ตัวนี้นั้นนับว่าเป็น CRM ตัวหนึ่งของไทยที่มักจะไปปรากฎตามงาน Marketing ต่าง ๆ เช่น Martech Thailand บ่อยครั้งมาก รวมถึงงานในด้าน Marketing อื่น ๆ โดยผลิตภัณฑ์ของทาง Readyplanet ที่เป็นส่วนของ CRM นั้นเรียกได้ว่าถูกสร้างขึ้นมาสำหรับ Support ทีมงานโดยเฉพาะ โดยมีรายละเอียดหลายอย่างที่ทำมาเอาใจผู้จัดการทีมขายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น

Contact / Lead Management

ระบบบริหารการติดต่อลูกค้าแบบครบวงจร ที่สามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่ว่าตัว Contact นั้นมาจากไหน ไปจนถึงใช้ GPS ติดตามทีมเซลว่า ได้วิ่งเข้าไปหาลูกค้าหรือยัง ทำให้การบริหารในเปลี่ยนจากคนสนใจมาเป็นลูกค้าทำได้อย่างไร้รอยต่อ มีหลักฐานการติดต่อในทุกขั้นตอน

Email Tracking 

ถ้าการติดตามคอนแท็กแต่ละรายนั้นยังไม่เพียงพอตัวระบบยังมีให้ติดตามส่วนของอีเมลที่ส่งไปหาอีกด้วยว่า ส่งให้ลูกค้าแบบไหน ลูกค้าเปิดอ่านหรือยัง เปิดอ่านไปกี่รอบ สามารถติดตามได้หมด

ระบบใบเสนอราคา

หลังฝ่ายขายได้คุยเจรจาเบื้องต้นกับลูกค้าแล้ว ลืมไปได้เลยกับความวุ่นวายในการออกใบเสนอราคาแบบเดิม ๆ สามารถออกผ่านทาง R-CRM ได้อย่างเสร็จสรรพ

ระบบสรุปยอดขาย 

ที่สามารถช่วยสรุปได้ตั้งแต่ลูกค้ารายที่ระบุมีการสั่งซื้อไปมากแค่ไหน สินค้าตัวไหนขายดี

การทำ Integration

สำหรับ Readyplanet ด้านการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ ไม่ได้มีระบุไว้บนเว็บไซต์ว่าสามารถทำ Integration กับตัวไหนได้บ้าง ? นอกจากตัวแอปพลิเคชันพื้นฐานที่มีการสนับสนุนอยู่แล้วเช่น LINE OA, Facebook Messenger, Facebook Ads, และ Google Ads  แต่จากการทดลองใช้งานโดยพื้นฐานนั้น ตัวแอปพลิเคชั่นมี API ให้ใช้ในการทำเชื่อมต่ออยู่ ซึ่งทางผู้ใช้งานอาจจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีสำหรับการทำงานร่วมกับทาง Readyplanet ในการจัดการเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ เข้ากับ R-CRM ด้วย

แต่ตัว R-CRM นั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของหลายผลิตภัณฑ์ ยังมีการจัดแพ็คเกตรูปแบบอื่น ๆ ของทางบริษัทอย่างเช่น การเอา CRM ไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกตรวมซอฟต์แวร์ดด้านการตลาดและการขายในชื่อ RMP แต่เนื่องจากรายละเอียดมากจึงขอเว้นไว้ ณ ที่นี้

Subscription Package

สำหรับตัวแพลตฟอร์ม R-CRM ทางบริษัท Readyplanet จะนับเป็น Platinum Package เนื่องจากตัวซอฟต์แวร์นั้นเสมือนเป็นตัวเรือธงของบริษัท โดยจะแบ่งออกเป็นการจ่ายเงินตามปี คือ

• Platinum 1ปี ที่ราคา 31,500 บาท
• Platinum 2 ปี ที่ราคา 53,500 บาท

และถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะเหมาะกับธุรกิจของคุณไหม ก็สามารถลงทะเบียนเพื่อทดลองใช้งานฟรี 14 วัน เพื่อลองดูฟีเจอร์ และหน้าตาการใช้งานดูก่อนได้

ระบบ R-CRM เหมาะกับบริษัทแบบไหน?

ระบบ CRM นี้นั้นเน้นไปทางระบบการบริหารการขายแบบเน้น ๆ เน้นการขายแบบ B2B หรือธุรกิจต่อธุรกิจ และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างตายตัวแน่นอน รวมถึงสามารถใช้งานได้ง่าย เหมาะกับบริษัทที่มีงบจำกัด ทีมเซลไม่ใหญ่มาก รวมถึงเล็งเห็นความเป็นไปได้ที่จะใช้งานบริการด้านการตลาดอื่น ๆจาก Readyplanet เพราะมีบริการซัพพอร์ตที่ค่อนข้างครบวงจร

2. ระบบ Venio CRM

ภาพจาก : https://www.veniocrm.com/

ตัว Venio นั้นเป็นส่วนหนึ่งจากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ GoFive ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์เจ้าใหญ่เจ้าหนึ่งของคนไทย ที่ถึงอาจจะไม่ใหญ่ระดับมหาชน แต่ก็ค่อนข้างมีชื่อเสียง และมีวัฒนธรรมองค์กรแบบยุคสมัยใหม่ที่ดึงดูดใจคนทำงานในรุ่น Gen Y และ Gen Z โดยทางบริษัทนั้นมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นอยู่ถึง 5 ตัว ด้วยกัน คือ ซอฟต์แวร์ด้าน HR ครบวงจร Empeo, ซอฟต์แวร์จัดการด้านภาษี eTaxGo, ซอฟต์แวร์ผู้ช่วยการขาย Salesbear, เครื่องปั๊มนิ้วเข้างาน iOmo แล้วก็ตัว CRM Venio นี่เอง

โดยตัว Venio CRM เองนั้นก็เน้นไปในทางส่วนของการขายเช่นเดียวกัน โดนจะเน้นไปในกลุ่มบรืษัทที่ทำธุรกิจสไตล์ B2B ที่ต้องมีการจัดการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างเข้มข้น ซึ่งฟีเจอร์พื้นฐานนั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วย

ระบบส่วน CRM (ส่วนแกนหลัก)

Lead Management

Customer Management

Deal Management

Case Management

ขายแล้วก็ยังไม่จบ ต้องมีบริการหลังการขายด้วย ถ้าลูกค้าแจ้งปัญหาเข้ามาต้องมีการจัดการอย่างเป็นระบบ โดยระบบนี้จะเป็นพระเอกหลักสำหรับทีม Customer Service ที่เข้ามารับช่วงต่อ

ระบบส่วน Sale Assistant

ระบบส่วนนี้จะเน้นไปในกิจกรรมด้านการบริหารการขายต่าง ๆ เช่น การวางแผนการขาย การตั้งเป้าให้ทีมขาย การออกใบเสนอราคาแบบหน้างานทันที มีแม้กระทั่งระบบการเบิกค่าใช้จ่ายสำหรับทีมขาย

ระบบส่วน Mobility

จะเป็นส่วนด้านทางเทคนิคของตัว CRM เช่น ความเป็น Cloud ของ CRM ที่เข้าใช้งานได้ทุกที่, การมีให้ใช้ในรูปแบบแอปมือถือ ตลอดจนด้านการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นอื่นๆ (Integration)

การทำ Integration

สำหรับ Venio นั้นสามารถเชื่อมต่อได้กับแอปพลิเคชั่นที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่พัฒนาโดย GoFive เอง, แอปพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง G-Suite, ตลอดจน Social Media ต่าง ๆ โดยคุณสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้กับทางทีมขายของ Venio โดยตรงถึงความครอบคลุม และข้อจำกัดต่างๆ

Subscription Package

สำหรับแพ็คเกจราคาของทาง Venio นั้นจะแบ่งออกเป็น 3 แบบ โดยคิดเป็นราคาแบบ รายผู้ใช้งานต่อเดือน กล่าวคือยิ่งแพ็คเกจหรูมาก คนใช้งานเยอะมาก ค่าใช้จ่ายก็จะสูงตามเงาไปด้วย โดยแบ่งออกเป็นดังนี้

• Basic: รวมฟีเจอร์พื้นฐาน เหมาะกับบริษัทขนาดเล็ก ราคาเริ่มต้นที่ 4,950 บาท
• Standard: รวมฟีเจอร์และเครื่องมือต่างๆตามที่ CRM ที่ดีควรจะมี เหมาะกับบริษัทที่กำลังโต ราคาเริ่มต้นที่ 5,950 บาท
• Pro: รวบรวมเครื่องมือแบบสมบูรณ์แบบที่สุด เหมาะสำหรับบริษัทใหญ่ ที่ต้องการบริหารทุกอย่างบนแพลตฟอร์มเดียว ราคาเริ่มต้นที่ 7,450 บาท

โดยทุกแผนการใช้งานนั้นมีจุดร่วมกันคือ ถ้าเลือกเหมาจ่ายแบบรายปีแล้ว ราคาจถูกลงถึง 17% แต่ถ้ายังไม่แน่ใจก็ขอแสดงความเสียใจด้วยเพราะ Venio นั้นไม่มีเวอร์ชั่นทดลองฟรีให้ใช้งาน แต่สามารถนัดหมายเพื่อรับชมทีมขายของทาง Venio สาธิตตัว Demo ให้คุณชมแบบสด ๆ ได้

ระบบ Venio CRM เหมาะกับบริษัทแบบไหน ?

โดยทั่วไปก็จะคล้ายกับ Readyplanet คือเป็นบริษัทแบบ B2B แต่เพิ่มเติมคือ ตัวนี้เหมาะกับผู้ที่ทำธุรกิจด้านการเกษตรอีกด้วย จากการที่มี Mobility ที่สูง และการที่สามารถเปิดใบเสนอการขายหน้างานได้ทันที ทำให้สามารถออกไปจัดการเรื่องที่ไร่นา แล้วเปิดใบให้พ่อค้าคนกลางที่เข้ามาซื้อได้ทันที แม้แต่ระบบธุรกิจร้านแบบมีหน้าร้านหลายสาขาก็เหมาะ เพราะมีระบบซัพพอร์ตการเช็คอินของพนักงานแนะนำการขาย และอำนวยความสะดวกในการตรวจชั้นวางของ แม้แต่สนับสนุนการไปออกอีเวนท์ภายนอก

3. ระบบ Wisible CRM

ภาพจาก : https://www.wisible.com/th/

สำหรับตัว Wisible นั้น ถึงแม้เป้าหมายจะคล้ายกับทั้ง 2 ตัวข้างต้นคือ การดูแลการขายด้วยการสร้าง และบริหารสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับลูกค้าอย่างเข้มข้น แต่ที่ต่างออกไปคือ ตัว CRM นั้นมีให้เลือกหลากรูปแบบ ที่ผันแปรไปตามวัตถุประสงค์ของแต่ละธุรกิจ โดย CRM ของทาง Wisible ในปัจจุบันนั้นมีการทำการดัดแปลงให้ใช้ได้เป็นพิเศษสำหรับ 4 อุตสาหกรรม ดังนี้ อุตสาหกรรมการผลิต, กลุ่มธุรกิจยานยนต์, กลุ่มอุตสาหกรรมไอที และ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ในส่วนของฟีเจอร์โดยพื้นฐานนั้น จะประกอบไปด้วย

Lead Capturing Management

ระบบนี้จะคล้ายกับระบบจัดการ Lead หรือผู้ที่สนใจเข้ามาในช่องทางต่างๆ เช่นทาง สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media), ทางแบบฟอร์ม และทางโฆษณา แต่ที่พิเศษกว่าตัวอื่นคือการเก็บข้อมูลของผู้สนใจที่ติดต่อเข้ามาผ่านทางโทรศัพท์ ตัวระบบสามารถเก็บข้อมูลจากที่โทรเข้ามาจนถึงสามารถสร้างเป็นดีลได้อย่างอัตโนมัติ

Sale Pipeline Management

ฟีเจอร์ตัวนี้จะคล้ายคลึ่งกับระบบ Deal management ของ Venio ซึ่งมีพื้นฐานที่เหมือนกันคือดูแลระบบการขายตั้งแต่เปิดจนปิดดีลได้ ข้อแตกต่างจะไม่ค่อยชัดเจนมากนัก

LINE Assistant

ตอบสนองกับการใช้ แพลตฟอร์ม LINE ในธุรกิจไทยที่มีมากมายด้วยระบบ LINE Assistant ช่วยให้ธุรกิจบริหารการทำงานบน Line Official ทำได้ตั้งแต่จัดการการแชท และติดตั้งระบบแจ้งเตือน (Notification) ไปจนถึงจัดการดีลต่างๆที่เข้ามาผ่าน LINE เรียกได้ว่าทางบริษัทสร้างมาเพื่อเอาใจผู้ใช้งานในไทยที่มักใช้งาน แอป LINE หรือ โปรแกรม LINE บน PC เป็นหลักในการพูดคุยกับลูกค้า โดยคาดหวังว่าระบบนี้จะทำให้การจัดการผ่าน LINE มีความเป็นระบบที่ดีมากขึ้น

Product and Payment

เมื่อดีลได้ลูกค้าก็ต้องจ่ายเงิน ในส่วนนี้จะยังไม่จบแค่การสร้างใบเสนอราคาและบิลรับเงินเหมือนกับ CRM ตัวก่อนๆ แต่จะลึกไปถึงการจัดการเรื่องการผ่อนชำระ, การชำระตามเปอร์เเซ็นของยอดรวม รวมไปถึงมีระบบเตือนทีมงานอัตโนมัติเมื่อมีการจ่ายเงิน และมีการสร้างรายงานกระแสเงินสดให้อย่างอัตโนมัติเลยทีเดียว

Integration

สำหรับตัว CRM ตัวนี้ระบบการเชื่อมต่อมจะเน้นไปทางแอปพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับการขายเสียส่วนมาก ไมว่าจะเป็น LINE, แอปพลิเคชั่นด้านระบบโทรศัพท์ Octagon, ระบบ e-Signature อย่าง Sign Now, ระบบการตลาดอัตโนมัติ PAM ไปจนถึงระบบบริหารแชทบอทอย่าง AIYA และระบบบัญชี Peak Account

ถ้าสนใจที่จะเชื่อมต่อตัว CRM กับบริการตัวอื่น แนะนำให้พูดคุยกับทางทีมงาน Wisible โดยตรงเพื่อปรึกษาในประเด็นนี้

Subscription Package

สำหรับระบบแพคเกตของ Wisible ก็จะใช้หลักการคิดเดียวกับ Venio คือ คิดเป็นราคาแบบ รายผู้ใช้งานต่อเดือน แบ่งตามความเพียบพร้อมของแต่ละแผนการใช้งาน โดยแบ่งออกเป็น 3 แผน คือ

• Startup: ฟีเจอร์น้อยและพื้นฐานสุด ราคาเริ่มต้นที่ 1,390 บาท
• Professional: ฟีเจอร์แบบมาตรฐานที่สุด ราคาเริ่มต้นที่ 1,890 บาท
• Enterprise: มีฟีเจอร์ครบทุกอย่างเท่าที่ทาง Wisible จะออกให้ได้ ราคาเริ่มต้นที่ 2,390 บาท

แต่ที่ต่างจาก Venio นั้นคือ ถึงจะคิดเป็นรายเดือนแต่ค่าใช้จ่ายนั้น บริษัทจะคิดรวดเดียวเป็นปีต่อปี ดังนั้นขอให้ผู้ใช้งานเตรียมงบ คำนวนจำนวนคนที่ใช้ต่อสัญญาไว้ให้ดี

ระบบ Wisible CRM เหมาะกับบริษัทแบบไหน?

เนื่องด้วยเป็นแอปพลิเคชั่นที่สนับสนุนการทำการขายผ่าน LINE เป็นหลัก ดังนั้นบริษัทต่างๆที่เน้นการสื่อสาร ตกลงทำการขายผ่าน LINE แอปพลิเคชั่นตัวนี้นับเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคุณ ซึ่งบริษัทที่ใช้งาน CRM ตัวนี้นั้นมักจะเป็นงานขายที่สื่อสารกับลูกค้ารีเทลอย่างหนักเช่น ธุรกิจขายรถยนต์ กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย

ข้อควรระวัง เกี่ยวกับการใช้งานระบบ CRM (CRM Usage Precautions)

การซื้อระบบ CRM นั้นอาจมีค่า Manday ที่รวมการเข้ามาติดตั้ง, ปรับแต่งตัวแอปพลิเคชั่นให้เหมาะสมกับธุรกิจ, การฝึกอบรมพนักงานให้มีความเชี่ยวชาญพอให้ใช้งานไปในทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ และการทำงานเชิงเทคนิคต่าง ๆ ซึ่งอาจมีราคาแพงมากถึงระดับหลัก 10,000 บาทต่อวัน ดังนั้น ก่อนใช้งานควรสอบถามค่าใช้จ่ายแฝงที่มีได้มีบอกบนเว็บไซต์เช่นนี้ให้เรียบร้อยก่อน