วิธีแก้ปัญหา Volume Mixer ลดเสียงเอง เสียงลำโพงลดเอง ฟังเพลงอยู่เสียงหาย บน Windows

วิธีแก้ปัญหา Volume Mixer ลดเสียงเอง เสียงลำโพงลดเอง
(How to fix volume mixer automatically lowers problem ?)

ถ้าหากว่าคุณกำลังประสบปัญหาเสียงของโปรแกรมอื่น ๆ ในกำลังเปิดอยู่ ในส่วนของ Volume Mixer ลดลงจนสุด หรือลดเบาลงไปเองโดยไม่ทราบสาเหตุจนไม่ได้ยิน

วันนี้เรามีวิธีแก้ไขปัญหานี้มาฝาก ทั้งหมด 5 วิธี (มันน่าจะได้สักวิธีแหละ) ซึ่งในแต่ละวิธีนั้น ง่ายนิดเดียว มาดูกันเลย !

1. ตรวจสอบแท็บ Communications ในส่วนของเสียง (Sound)

การเช็ค "แท็บ Communications" จะเป็นการเช็คว่า เวลาเราโทร โปรแกรม LINE PC หรือ โปรแกรม Skype มันมีการลดเสียงให้เราโดยอัตโนมัติหรือเปล่า ? สังเกตเบื้องต้นว่าโดนลดเองได้โดยการเช็คจาก Volume Mixer ที่เพิ่งบอกไปด้านบน ซึ่งถ้าหากมันลดเองเป็นประจำ วิธีการเช็คก็คือ

1. คลิกขวาที่ "รูปลำโพงด้านล่าง" แล้วเลือก "เมนู Sounds"

2. คลิกไปที่ "แท็บ Communications" แล้วเลือกที่ "ตัวเลือก Do nothing" หรือว่าไม่ต้องทำอะไรเลย และหลังจากนั้นให้กด "ปุ่ม OK" ก็เป็นอันเสร็จพิธี

สาระสำคัญ : ทำไมถึงเกิดการลดเสียงใน Volume Mixer เองได้ล่ะ ?

คำตอบ : เพราะ Windows จัดการตั้งค่าให้ลดเสียงลงให้อัตโนมัติ เมื่อมีการติดต่อสื่อสารเข้ามา เช่น มีคนโทรเข้ามาผ่าน โปรแกรม LINE PC หรือ โปรแกรม Skype เป็นต้น ซึ่งจากค่าเดิมที่ Windows ตั้งไว้ จะทำให้ลดเสียง Volume ลงถึง 80% เพื่อไม่ให้เสียงตีกันระหว่างการสื่อสาร เปรียบเสมือนมีคนลดเสียงเพลงให้เวลามีคนโทรเข้านั่นเอง

2. ตรวจสอบ Default Device ว่าใช่อุปกรณ์ที่กำลังใช้หรือเปล่า ?

การเช็คอุปกรณ์เริ่มต้น (Default Device) ว่าใช่อุปกรณ์ที่คุณต้องการให้เสียงออกหรือเปล่า เช่น ให้ออกลำโพง หรือออกหูฟัง สามารถทำได้ 2 แบบง่าย ๆ คือ

1. เช็คจากไอคอนรูปลำโพง

สามารถทำได้ตามชื่อวิธีการเลย นั่นก็คือ ให้เราคลิกซ้ายที่ไอคอนรูปลำโพงที่แถบงาน (Taskbar) ซึ่งนอกจากที่เราจะเอาไว้ช่วยเช็คระดับเสียงตามปกติแล้ว ยังสามารถเช็คได้ด้วยว่าปัจจุบันเสียงไปออกที่ไหน โดยในรูป เสียงจะไปออกที่ลำโพง หากต้องการให้ไปออกที่อื่น เช่น หูฟัง ก็สามารถกดที่ลูกศรขึ้นบริเวณมุมขวา แล้วกดเลือกอุปกรณ์ที่เป็นหูฟังได้เลย

2. เช็คจากแท็บ Playback ใน Sounds

วิธีนี้จะสามารถมองเห็นอุปกรณ์ทั้งหมดที่สามารถใช้ได้ด้วย สามารถทำได้โดยคลิกขวาที่ "รูปไอคอนลำโพง" เช่นเดิม แล้วเลือกไปที่ "เมนู Sounds"

ให้เราคลิกไปที่ "แท็บ Playback" เลือกอุปกรณ์ที่ต้องการให้เสียงไปออก โดยในที่นี้จะเลือกหูฟัง Steelseries จากนั้นให้คลิกที่ "ปุ่ม Set Default" แล้วกด "ปุ่ม OK" เท่านี้ เสียงก็จะไปออกที่หูฟังแล้ว (แต่ถ้าตั้งแล้วเสียงยังไม่ออก เช่น เล่นเกมอยู่แล้วต้องการจะเปลี่ยน อาจต้องออกเกมเข้าใหม่ก่อนนะ)

3. ตรวจสอบระดับเสียงใน Volume Mixer

การตรวจสอบ Volume Mixer ว่ามีโปรแกรมไหนถูกหรี่เสียงลงไปเป็นพิเศษหรือเปล่า คือการตรวจสอบขั้นตอนต่อมาที่อาจเป็นสาเหตุว่าทำไมเปิดโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันนั้น ๆ แล้วไม่มีเสียง วิธีนี้สามารถทำได้โดย คลิก ขวาที่ "ไอคอนรูปลำโพง" แล้วเลือกไปที่ "เมนู Open Volume Mixer"

ในหน้า Volume Mixer จะปรากฎชื่ออุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่ในขณะนั้น (Default Device) พร้อมทั้งรายชื่อโปรแกรมที่กำลังถูกเปิดใช้อยู่ ซึ่งจากหน้านี้ เราจะเห็นได้เลยว่า โปรแกรมไหนถูกปิดเสียงอยู่ หรือโปรแกรมไหนถูกหรี่เสียงไว้บ้าง ให้เราจัดการเพิ่ม / ลดเสียง เป็นรายโปรแกรมที่นี่ได้เลย

จากรูปด้านบนจะเห็นได้ว่าเสียงระบบหรือ System Sounds ถูกปิดอยู่ (บรรดาเสียงตึ๊งทั้งหลายของ Windows นั่นแหละ) และเสียงจาก LineMediaPlayer ถูกลดลงครึ่งหนึ่ง ทำให้เวลาเปิดไฟล์หรือคลิปเสียงจาก LINE จะมีเสียงเบากว่าโปรแกรมอื่น ๆ ถ้าอยากให้เสียงเป็นปกติดังเดิม ก็แค่เลื่อนแถบฟ้าขึ้นไปให้เสมอแถบของ Speakers ก็ใช้ได้แล้ว

4. อัปเดตไดรเวอร์เสียง (Update Audio Drivers)

วิธีนี้จะค่อนข้างยากขึ้น และดูซับซ้อนขึ้นมาอีกหน่อย นั่นก็คือการจัดการอัปเดต ไดรเวอร์ (Driver) ของเสียง ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดด้วยตัวเอง โดยการเปิดโฟลเดอร์อะไรขึ้นมาก็ได้ แล้วคลิกขวาที่ "ไอคอน This PC" แล้วเลือกไปที่ "เมนู Manage"

เมื่อเข้ามาใน "หน้าต่าง Computer Management" ให้เลือกเมนูทางซ้ายเป็น "เมนูย่อย Device Manager" แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ "เมนู Audio Inputs and Outputs" (ดูง่าย ๆ ก็เมนูที่มีรูปลำโพงเล็ก) แล้วคลิกขวาที่อุปกรณ์ที่ต้องการอัปเดต แล้วเลือก "เมนู Update Driver"

จะมีหน้าต่างใหม่เด้งขึ้นมาสำหรับการอัปเดต ให้เลือก "เมนู Search automatically for drivers" หลังจากนั้น ระบบปฏิบัติการ Windows ก็จะทำการอัปเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดให้อัตโนมัติ ซึ่งถ้าหากเป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้ว วินโดวส์จะแจ้งเลยว่า เราทำการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้ว

5. ลง Windows ใหม่ หรือ คืนค่าจากโรงงาน (Factory Reset)

วิธีสุดคลาสสิกที่จะช่วยจบปัญหาทุกความขัดข้องที่เกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ (ไม่นับการเสียหรือขัดข้องที่ฮาร์ดแวร์โดยตรงน่ะนะ) ก็คือการลง Windows ใหม่นั่นเอง แต่วิธีนี้ควรเป็นวิธีสุดท้ายในการเลือกใช้ เพราะถ้าหากคุณเป็นผู้ใช้งานที่ไม่สันทัดในการจัดการลงวินโดวส์เอง เราขอแนะนำให้คุณลอง รีเซ็ตเครื่องให้เป็นค่าโรงงาน (Factory Reset) เหมือนเพิ่งออกจากโรงงานผลิตมาใหม่ ๆ ซึ่งให้ผลเสมือนการล้างเครื่องลงวินโดวส์ใหม่ด้วยตัวเองแบบไม่ยุ่งยาก

อ่าน 3 วิธีคืนค่าจากโรงงาน หรือ Factory Reset ของ Windows ได้ที่ :

• https://tips.thaiware.com/1290.html

แต่ถ้ารีเซ็ตแล้วยังคงรู้สึกว่าจะต้องลงใหม่จริง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณแล้วค่ะ

Credit: https://www.howtogeek.com/197559/how-to-install-windows-10-on-your-pc/