13 เหตุผลที่ควรใช้งานโปรแกรม Antivirus ติดเครื่องเอาไว้

13 เหตุผลที่ควรใช้งานโปรแกรมแอนตี้ไวรัส
(13 Reasons why you should use Antivirus Software)

เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน ที่ปราศจาก โปรแกรมแอนตี้ไวรัส (Antivirus Software) ก็ไม่ต่างอะไรกับบ้านที่เปิดประตูค้างไว้ตลอดเวลา เปิดช่องให้ผู้บุกรุกและหัวขโมยเข้ามาในบ้านของเรา ในขณะที่อุปกรณ์ที่ไม่ได้ติดตั้ง โปรแกรมแอนตี้ไวรัส นั้นย่อมมีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีโดย แฮกเกอร์ (Hacker) ด้วย มัลแวร์ (Malware) อย่าง ไวรัส (Virus), หนอนคอมพิวเตอร์ (Worm), มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware), การล่อลวง และภัยคุกคามอีกหลากหลายรูปแบบ

ดังนั้นการติดตั้ง โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ลงในเครื่อง ก็เปรียบเหมือนบ้านที่ปิดประตูแน่นสนิท พร้อมมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่คอยตรวจตราและปิดกั้นการเข้าโจมตีของไวรัส แน่นอนว่าเราคงไม่อยากเปิดประตูบ้านค้างไว้ตลอดเวลาใช่ไหมหล่ะ ?

ไวรัสสามารถสร้างความเสียหาย ให้กับเราอย่างไรได้บ้าง ?
(How virus can affect your computer ?)

ในกรณีที่เครื่อง PC หรือเครื่องเซิรฟ์เวอร์ของเราโดนไวรัสเล่นงาน อาจทำให้เกิดปัญหาดังต่อไปนี้ :

• เครื่องทำงานช้าลง
• ไฟล์ในเครื่องเสียหาย หรือถูกลบทิ้ง
• อาจถึงขั้นต้องฟอร์แมต ฮาร์ดดิสก์/สื่อเก็บข้อมูล เพื่อจัดการกับไวรัส
• เครื่องค้างบ่อย
• เครื่องไม่สามารถทำงานในบางฟังก์ชัน หรือไม่สามารถทำงานบางอย่างผ่านอินเทอร์เน็ต

และต่อไปนี้คือ 13 เหตุผลที่ควรใช้งานโปรแกรมแอนตี้ไวรัส

1. ปกป้องความเสียหาย และการกระจายตัวของไวรัส
(Protect against damage and spread of the Virus)

ความสามารถหลักของ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ทุกตัวคือ ป้องกันการโจมตีของไวรัส และภัยคุกคามได้แบบเรียลไทม์ มันสามารถตรวจจับไวรัสที่กำลังลักลอบเข้ามาในเครื่อง แล้วจัดการลบมันทิ้งไป ก่อนที่จะเกิดความเสียหายใด ๆ กับเครื่องของเรา โดยที่การจัดการกับไวรัสอาจเกิดขึ้นในฉากหลังโดยไม่รบกวนการใช้งานคอมพิวเตอร์ของเรา

แต่ถ้าไม่มี โปรแกรมแอนตี้ไวรัส อยู่ในเครื่อง ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเครื่องของเราจะกลายเป็นศูนย์กลางในการกระจายไวรัสไปยังเครื่องของเพื่อนร่วมงาน หรือเครื่องของสมาชิกในครอบครัว อาจเป็นการกระจายผ่านระบบเครือข่าย หรือทำผ่านสื่อเก็บข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ การใช้งาน โปรแกรมแอนตี้ไวรัส จึงเป็นการปกป้องที่ดีทั้งสำหรับเครื่องของเราเอง และเครื่องของคนอื่น ๆ ที่ใกล้ชิดกับเรา

2. บล็อกการโจมตีจากเว็บไซต์ และแบนเนอร์โฆษณาล่อลวง
(Block attacks from websites and enticing Banner Ads)

เรื่องที่น่ารู้ก็คือ เว็บไซต์ล่อลวง และแบนเนอร์โฆษณาปลอม เป็นช่องทางยอดนิยมที่ ไวรัส มัลแวร์ต่าง ๆ ใช้ลักลอบเข้ามาในเครื่องของเรา ทำให้เกิดความเสียหายกับระบบและไฟล์สำคัญที่เก็บเอาไว้ในเครื่อง และ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส หลาย ๆ ตัวก็มีเวอร์ชัน Internet Security อาทิ โปรแกรม Bitdefender Internet Security ที่สามารถป้องกันการเข้าถึงเว็บไซต์ปลอม เว็บไซต์ที่มีภัยคุกคามแฝงอยู่ ปิดกั้นการโจมตีจากอินเทอร์เน็ตอย่างได้ผล

3. ป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์ และการขโมยข้อมูล
(Prevent Hacker Attacks and Data Theft)

แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากไวรัสเพื่อเปิดช่องทางเข้าถึงเครื่อง PC ของเรา โดยที่แฮกเกอร์ส่งไวรัสเข้ามาในเครื่องผ่านทางอีเมล ทำให้เกิดการติดไวรัสโดยที่เราไม่รู้ตัว ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงไฟล์ และโปรแกรมต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่อง สามารถทำการลบไฟล์ ทำให้เกิดความเสียหาย รวมถึงการจับไฟล์เรียกค่าไถ่ (มัลแวร์เรียกค่าไถ่ หรือ Ransomware)

โดยที่ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส มีความสามารถในการปิดกั้นการโจมตีของแฮกเกอร์ หรือมีความสามารถในการสแกนเครื่อง เพื่อตรวจจับพฤติกรรมของแฮกเกอร์ หรือตรวจจับมัลแวร์ที่เกี่ยวเนื่องกับแฮกเกอร์ที่แฝงตัวอยู่ในระบบเครือข่าย ทำให้ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส เป็นเครื่องมือทรงประสิทธิภาพในการป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์

4. ปลอดภัยจากภัยคุกคามที่แฝงมาในแฟลชไดรฟ์
(Safe from threats hidden in the USB Flash Drive)

ในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน ก็มีความจำเป็นที่จะต้องถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลกับสื่อเก็บข้อมูลแบบภายนอกอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟ USB (USB Flash Drive) หรือ การ์ดหน่วยความจำ (Memory Card), ฮาร์ดดิสก์แบบภายนอก (External Harddisk) บางคนอาจจะเคยเจอประสบการณ์แย่ ๆ ที่หลังจากเสียบใช้งานกับสื่อเก็บข้อมูลแบบภายนอก แล้วก็ทำให้เครื่องช้าลง หรือเครื่องแฮงค์ เพราะสื่อเก็บข้อมูลแบบภายนอก เป็นอีกหนึ่งช่องทางยอดนิยมในการแพร่กระจายของไวรัส แต่เราก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการใช้งานสื่อเก็บข้อมูลแบบภายนอก ทำให้ต้องยอมรับความเสี่ยงตรงนี้ไป

และการปกป้องภัยคุกคามที่แฝงมาในแฟลชไดร์ฟ หรือสื่อเก็บข้อมูลแบบภายนอก (External Storage Media) ก็เป็นฟังก์ชันพื้นฐานที่มีอยู่ใน โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ช่วยป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้เป็นอย่างดี

5. ปกป้องข้อมูล และไฟล์สำคัญที่อยู่ในเครื่อง
(Protect important data and files on computer)

โปรแกรมแอนตี้ไวรัส จะเฝ้าจับตาดูไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกส่งเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา และทำการตรวจสแกนทุกไฟล์ เพื่อตรวจหาร่องรอยที่มีลักษณะมุ่งร้ายต่อคอมพิวเตอร์ ซึ่งโดยปกติแล้ว ระบบเครือข่ายเป็นช่องทางที่ไฟล์ติดไวรัสจะเข้ามาในเครื่องของเรา และการทำงานของไวรัส อาจทำให้เกิดความเสียหายกับข้อมูล และไฟล์สำคัญที่อยู่ในเครื่องของเรา อาจทำให้เกิดการสูญเสียไฟล์แบบถาวร ไม่สามารถกู้คืนได้ การติดตั้ง โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยปกป้องไฟล์เอกสาร และไฟล์งานสำคัญของเราที่มีเก็บอยู่ในเครื่อง

6. สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
(Computer can work at full performance)

ลองจินตนาการถึงคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง โดยที่เครื่องแรกโดนไวรัส และมัลแวร์ต่าง ๆ เข้าโจมตีอยู่บ่อย ๆ ทำให้เครื่องช้า และเครื่องแฮงค์บ่อยครั้ง ในขณะที่คอมพิวเตอร์อีกเครื่อง ได้รับการป้องกันเป็นอย่างดีด้วย โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ลองคิดดูว่าอยากจะใช้งานคอมพิวเตอร์เครื่องไหน ?

แน่นอนว่าคอมพิวเตอร์ที่มี โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ติดตั้งอยู่ จะทำงานได้อย่างราบรื่น และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็น เพราะ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส สามารถยับยั้งการโจมตีได้ก่อนที่จะเกิดความเสียหายขึ้นกับเครื่อง และ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส บางตัวยังสามารถลบไฟล์ที่ไม่ได้มีการใช้งาน และไม่ทราบแหล่งที่มาของไฟล์ ทำให้มีเนื้อที่ว่างสำหรับการเก็บข้อมูลมากขึ้น

7. ป้องกันการโจมตีจากโลกออนไลน์ด้วย Firewall
(Protect online attacks with a Firewall)

ไฟร์วอลล์ (Firewall) ทำหน้าที่เฝ้าตรวจสอบข้อมูลที่มีการวิ่ง เข้า-ออก ในระบบเครือข่าย และเมื่อมีการใช้งานร่วมกับ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ทำให้เกิดการตรวจสอบแบบ 2 ชั้นกับไฟล์ และข้อมูลที่มีการ รับ-ส่ง กันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ กับระบบอินเทอร์เน็ต และระบบเครือข่าย

โดยการที่เราใช้งานคอมพิวเตอร์ในทุกวัน ทำให้เกิดความเสี่ยงจากการเข้าชมเว็บไซต์ หรือเปิดอ่านอีเมลที่มีภัยคุกคามแฝงอยู่ เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของการล่อลวงบนโลกออนไลน์ (Phishing Attack) ที่มีเป้าหมายในการขโมย แอคเคาน์ และรหัสผ่าน ข้อมูลบัตรเครดิต รวมถึงการขโมยข้อมูลส่วนตัวทุกรูปแบบ โดยที่ฟีเจอร์ Two-Way Firewall ที่มีอยู่ใน โปรแกรมแอนตี้ไวรัส หลาย ๆ ตัว อาทิ โปรแกรม Bitdefender Internet Security จะช่วยป้องกันการโจมตีจากอีเมล และไฟล์แฝงภัยคุกคามที่จะทำร้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา

8. ปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีภัยคุกคาม
(Block access to websites that contain threats)

การเข้าชมเว็บไซต์เถื่อน หรือเว็บไซต์ประสงค์ร้าย เป็นการเปิดช่องให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา เผชิญหน้ากับภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ซอฟต์แวร์สายสืบ (Spyware) ที่ลักลอบขโมยแอคเคาน์ รหัสผ่านต่าง ๆ รวมไปถึงการโจมตีของแฮกเกอร์ มัลแวร์เรียกค่าไถ่ ทำให้เสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายกับข้อมูลและไฟล์ในเครื่อง และ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ช่วยปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์เถื่อน ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกเว็บไซต์ที่เข้าถึงได้ จะปลอดภัยและไม่มีภัยคุกคาม

9. มีภัยคุกคามเกิดใหม่ทุกวัน
(There are new threats emerging every day)

ข้อมูลที่น่าสนใจจากเว็บ dataprot.net มีการสรุปภาพรวมของสถานการณ์ ไวรัส มัลแวร์ และภัยคุกคามระบบคอมพิวเตอร์ทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นในปี 2022 ที่ผ่านมา พบว่าในแต่ละวัน มีการตรวจพบภัยคุกคามเกิดใหม่กว่า 560,000 ตัว (ข้อมูลจาก AV-Test Institute) สรุปรวมแล้วมีการตรวจพบภัยคุกคามเกิดใหม่กว่า 17 ล้านตัวในแต่ละเดือน โดยในปัจจุบันมีภัยคุกคามแล้วกว่า 1 พันล้านตัวกระจายอยู่ทั่วโลก

โดยรูปแบบของภัยคุมคามที่มีจำนวนมากที่สุดถึง 58% คือ ม้าโทรจัน (Trojan Horse) (ข้อมูลจาก Statista) โดยที่ม้าโทรจันคือมัลแวร์รูปแบบหนึ่ง ที่แฝงตัวมาในไฟล์ธรรมดา ๆ ที่ดูปลอดภัย อย่างเช่นไฟล์เอกสาร Microsoft Excel และจะเริ่มทำงานเมื่อเราเรียกเปิดไฟล์ และอีกหนึ่งข้อมูลสถิติที่น่าสนใจคือ ในทุก ๆ นาที จะมี 4 องค์กรธุรกิจที่ตกเป็นเหยื่อของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (ข้อมูลจาก Cybercrime Magazine)

การมี โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ติดเครื่องเอาไว้ ยังไงก็อุ่นใจและปลอดภัยกว่าอย่างแน่นอน เพราะเราใช้คอมพิวเตอร์ทุกวัน และไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเราจะถูกโจมตีในตอนไหน

10. ป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ เข้าถึงเว็บไซต์ต้องห้าม
(Prevent kids from accessing Prohibited Websites)

ความกังวลใจของผู้ปกครองในยุคนี้คือ เด็ก ๆ สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ทุกรูปแบบ ทั้งที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก และด้วย โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ที่มาพร้อมกับ ฟีเจอร์ Parental Control อย่างเช่น โปรแกรม ESET Internet Security EDITION เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองสามารถปิดบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ได้มากกว่า 20 ประเภท เพื่อปกป้องบุตรหลานจากเนื้อหาออนไลน์ที่ไม่เหมาะสม และจำกัดเวลาการใช้อินเทอร์เน็ตได้ด้วย

11. การลงทุนที่คุ้มค่า
(Worthwhile Investment)

โปรแกรมแอนตี้ไวรัส จะช่วยปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบที่มีเกิดขึ้นใหม่ในทุก ๆ วัน ลองคิดดูว่าจะแย่ขนาดไหน ถ้าวันดีคืนดีคอมพิวเตอร์ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ หรือไม่สามารถเปิดไฟล์สำคัญขึ้นมาใช้งานได้ เพราะถูกไวรัสเล่นงาน หรือไฟล์งานถูกจับเรียกค่าไถ่ และเราต้องจ่ายเงินเพื่อแลกกับการที่ทำให้ไฟล์กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม

การป้องกันความเสียหายด้วยเงินเพียงจำนวนไม่เกิน 1,000 บาทต่อปี สำหรับ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ที่มีความสามารถครบถ้วนทั้งการป้องกัน ไวรัส มัลแวร์ ที่แพร่กระจายเข้ามาทางช่องทาง ออฟไลน์ และออนไลน์ จึงนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าไม่น้อยเลย

ตัวอย่างเช่น โปรแกรมแอนตี้ไวรัส จาก Kaspersky มีโปรแกรมให้เลือกใช้งาน 3 รุ่นสำหรับการใช้งานตามบ้าน ดังรายละเอียดต่อไปนี้

1. Kaspersky Antivirus : โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ระดับพื้นฐาน ปกป้องโดยไม่หน่วงเครื่อง ในราคา 690 บาทต่อปี**
   (ดูรายละเอียด : โปรแกรม Kaspersky Antivirus)
2. Kaspersky Internet Security : เพิ่มโหมดการท่องอินเทอร์เน็ต เพื่อการทำธุรกรรมออนไลน์อย่างปลอดภัย ในราคา 890 บาทต่อปี**
   (ดูรายละเอียด : โปรแกรม Kaspersky Internet Security)
3. Kaspersky Total Security : รองรับการปกป้องทั้งอุปกรณ์บน ระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, iOS และ Android ในราคา 990 บาทต่อปี**
   (ดูรายละเอียด : โปรแกรม Kaspersky Internet Security)

**ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

12. มีโปรแกรมแอนตี้ไวรัส สำหรับการใช้งานในธุรกิจโดยเฉพาะ
(There are Antivirus Software for Business Use)

เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่ในองค์กรธุรกิจ มีความเสี่ยงสูงมาก กับการถูกโจมตีด้วยไวรัส มัลแวร์ มัลแวร์เรียกค่าไถ่ต่าง ๆ และทางบริษัทผู้พัฒนา โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ก็เข้าใจความเสี่ยงในเรื่องนี้ ทำให้มีการพัฒนา โปรแกรมแอนตี้ไวรัส สำหรับการใช้งานในธุรกิจขึ้นมาโดยเฉพาะ มักจะมาพร้อมกับฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยในระดับก้าวหน้า อย่างเช่นการสแกนหาภัยคุกคามแบบหลายชั้น รองรับการใช้งานกับท้ง PC และเครื่องเซิร์ฟเวอร์ รวมถึงรองรับการใช้งานบนระบบปฏิบัติการที่หลากหลาย อาทิ Windows, macOS, Linux, iOS และ Android

และจุดเด่นของ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ที่ได้รับการพัฒนามาโดยเฉพาะสำหรับการใช้งานในองค์กรธุรกิจคือ มีคอนโซลกลางบนระบบคลาวด์ ที่ผู้ดูแลระบบ หรือฝ่ายไอทีขององค์กรธุรกิจ สามารถติดตามภาพรวม และจัดการเรื่องความปลอดภัยให้กับทุกอุปกรณ์ของธุรกิจ ได้แบบรวมศูนย์บนคอนโซลเดียว

13. จัดการกับรหัสผ่านอย่างปลอดภัย
(Manage passwords securely)

นอกจากการใช้งาน โปรแกรมแอนตี้ไวรัส เพื่อการรักษาความปลอดภัยให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสมแล้ว การใช้งาน โปรแกรมบันทึกรหัสผ่าน (Password Management Software) ก็มีประโยชน์มาก ๆ ในการใช้งานแอคเคาน์ต่าง ๆ รวมถึงการทำธุรกรรมบนโลกออนไลน์

ด้วยความจริงที่ว่า การตั้งรหัสผ่านให้มีความยาวมาก ๆ  และคาดเดาได้ยาก จะยิ่งทำให้แอคเคาน์ต่าง ๆ ของเรามีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น (บางคนยังมีการตั้งรหัสผ่านสำหรับแต่ละบริการออนไลน์ให้แตกต่างกัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขึ้นไปอีก) ทำให้เป็นการยากในการจดจำรหัสผ่านทั้งหมด บางคนอาจจะแก้ปัญหาด้วยการจดรหัสผ่านใส่ไฟล์เอกสารแล้วซ่อนเอาไว้ในเครื่อง ซึ่งเป็นการเสี่ยงมากที่จะถูกแอบเปิดดูไฟล์ และถูกขโมยรหัสผ่านทั้งหมดไป

ตัวอย่างที่ดีของ โปรแกรมบันทึกรหัสผ่าน คือ โปรแกรม LastPass ที่สามารถเก็บรหัสผ่านที่มีอยู่เป็นจำนวนมากของเราได้อย่างปลอดภัย และทำการล็อกอินเข้าใช้งานบริการต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว และยังมีความสามารถในการสร้างรหัสผ่านที่ยาวและแข็งแรง สามารถกรอกแบบฟอร์มการชำระเงินออนไลน์ กรอกที่อยู่ในการจัดส่งสินค้าโดยอัตโนมัติ สามารถจดจำรหัสผ่าน Wi-Fi และความสามารถอื่น ๆ อีกมากมาย โปรแกรมมีให้เลือกใช้ทั้งแบบฟรี และแบบเสียเงิน เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์การใช้งานที่มากขึ้น