Flash Drive, Handy Drive และ Thumb Drive ต่างกันอย่างไร ? ทำไมถึงมีหลายชื่อ ?

Flash Drive, Handy Drive และ Thumb Drive แตกต่างกันอย่างไร ?

แม้ขณะนี้จะเป็นยุคของ Cloud Storage จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ออนไลน์กันแล้ว แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย นั่นก็คือ Flash Drive หรือ Handy Drive หรือ Thumb Drive แม้ทุกคนจะเข้าใจว่าทั้งสามชื่อนี้คืออุปกรณ์ USB สำหรับเก็บข้อมูลขนาดพกพา แล้วตกลงชื่อจริง ๆ ของมันคืออะไรกันแน่ แล้วสามชื่อนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร ? ไปค้นหาคำตอบกัน

ประวัติความเป็นมาของแฟลชไดร์ฟ
(Flash Drive History)

ก่อนจะมาเป็น แฟลชไดร์ฟ (Flash Drive) ในทุกวันนี้ ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1956 (พ.ศ. 2499) เพราะว่าอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เรียกว่า "ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Hard Disk Drive - HDD) หรือ ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk)" นั้นได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมันได้ใช้วิธีการจัดเก็บข้อมูลบนดิสก์ที่เป็นหมุนอย่างรวดเร็ว

โดยในยุคแรกๆ นั้น ฮาร์ดดิสก์ที่มีพื้นที่ความจุเพียง 37.5 MB. แต่ว่ามันมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับตู้เย็นเลยทีเดียว แต่ในปัจจุบัน ฮาร์ดดิสก์มีขนาดที่เล็กลง จัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้นถึงหลักเทราไบต์ (TB.) เพราะเทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์ถูกพัฒนาก้าวไกลไปมาก และยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับเก็บข้อมูลในปัจจุบัน

และในปี ค.ศ. 1967 (พ.ศ. 2510) เป็นปีที่อุปกรณ์เก็บข้อมูลในตำนานอย่าง แผ่นฟลอปปีดิสก์ (Floppy Disk) เปิดตัวและใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่พัฒนาต่อเนื่องจาก Magnetic Core ด้วยการนำกรอบพลาสติกมาครอบทับเพื่อป้องกันฝุ่นและรอยขีดข่วน แม้จะมีความจุเพียง 80 KB. (หรือ 0.08 MB.) แต่ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการใช้งานที่สะดวก พกติกตัวได้นั่นเอง

ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ แผ่นซีดี (CD) และ แผ่นดีวีดี (DVD) โดยแผ่น CD เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) ส่วนแผ่น DVD เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) ทั้งคู่ได้รับพัฒนาโดยบริษัท Sony และบริษัท Phillips ซึ่งทั้งคู่กลายเป็นของใช้ไอทียอดนิยมในช่วงเวลาหนึ่ง เป็นทั้ง CD เพลง DVD หนัง ภาพยนตร์ต่าง ๆ แทนที่ม้วนวิดีโอไปโดยปริยาย

จนกระทั่งวันที่พระเอกของงานอย่าง Flash Drive เกิดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) แต่ในขณะนั้นมีคนกล่าวอ้างเป็นผู้บุกเบิกในการริเริ่มสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ ไม่ว่าจะเป็น Amir Ban, Dov Moran และ Oron Ogdan ผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรชื่อ "Architecture for a Universal Serial Bus-Based PC Flash Disk" จากบริษัท M-Systems ของอิสราเอล และได้รับสิทธิบัตรไปเมื่อ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543)

และในปีเดียวกัน วิศวกรจากบริษัท IBM อย่าง Shimon Shmueli ได้เปิดเผยหลักฐานการประดิษฐ์ Flash Drive และบุกเบิกการใช้งาน Flash Drive ในบริษัท KeyNetica ในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

นอกจากนี้ วิศวกรชาวมาเลเซียอย่าง Pua Khein-Seng ก็เป็นอีกคนที่กล่าวว่าตัวเองเป็นผู้ประดิษฐ์ Flash Drive ในขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อมาเลเซีย และได้รับการยอมรับจากกลุ่มคนบางส่วน

วิวัฒนาการของ Flash Drive มีที่มาที่ไปยังไง ?

นอกจากเรื่องของขนาดและดีไซน์ สิ่งที่ใช้วัดความสามารถของ Flash Drive อีกอย่างหนึ่งก็คือ "ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล" โดย Flash Drive แบ่งออกตามเทคโนโลยี ของ พอร์ต USB ที่ใช้ และความเร็วของการรับ-ส่งข้อมูลในแต่ละเวอร์ชัน ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 เวอร์ชัน ดังนี้

1. USB 1.1 : เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) ส่งข้อมูลความเร็วสูงสุดที่ 12 เมกะบิตต่อวินาที (Mbit/s) หรือ 1.5 เมกะไบต์ต่อวินาที (MB/s)
2. USB 2.0 : เป็นเวอร์ชันพัฒนาจากรุ่นก่อน เริ่มใช้งานในปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ.2544) สามารถส่งข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุด 480 Mbit/s และเป็นครั้งแรกที่ Intel นำพอร์ต USB 2.0 ไปใช้ในคอมพิวเตอร์ แล็ปท็อปอย่างแพร่หลาย
3. USB 3.0 : เป็นเทคโนโลยี USB ที่ใช้เวลาพัฒนาจนเปิดตัวในปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) ต่อมา ชื่อของ USB 3.0 ก็ถูกแทนที่ด้วย USB 3.1 Gen 1 ที่ส่งข้อมูลได้ความเร็วสูงสุด 5 กิกะบิตต่อวินาที (Gbit/s), USB 3.1 Gen 2 ที่รับส่งข้อมูลได้เร็วถึง 10 Gbit/s และ USB 3.2 ที่รับส่งข้อมูลได้เร็วถึง 20 Gbit/s

ความจุของ Flash Drive ในยุคแรก ๆ มีความจุเพียง 8 MB. เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน Flash Drive ได้พัฒนาทั้งชนิดของหน่วยความจำภายใน เทคโนโลยี USB ที่ใช้ จน ณ ปัจจุบัน Flash Drive ที่มีความจุสูงที่สุด อยู่ที่ 2 TB. กันเลยทีเดียว

และนอกเหนือจาก Flash Drive ทั่วไปที่ใช้ USB Type-A แล้ว ยังมี Flash Drive สำหรับใช้กับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น Flash Drive ที่ใช้ พอร์ต USB-C สำหรับมือถือแอนดรอยด์ แท็บเล็ตแอนดรอยด์, Falsh Drive พอร์ต Lightning สำหรับ iPhone, iPad บางรุ่น เป็นต้น

Flash Drive แบบที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

Flash Drive ที่มีพอร์ต Lightning ในตัว ใช้งานร่วมกับ iPhone, iPad ได้

แฟลชไดร์ฟ, แฮนดี้ไดร์ฟ, ทัมม์ไดร์ฟ ต่างกันอย่างไร ? (What is the difference between Flash Drive, Handy Drive and Thumb Drive ?)

สำหรับอุปกรณ์เก็บข้อมูลพกพาชิ้นนี้ บางคนก็เรียก Flash Drive บ้างก็เรียก Handy Drive หรือแม้แต่ Thumb Drive ก็มี แล้วตกลงชื่อเรียกจริง ๆ ของมันเรียกว่าอะไร มาดูที่มาและความหมายของแต่ละชื่อกัน

Flash Drive

ที่มาของชื่อ Flash Drive ไม่ได้มาจากรูปร่างลักษณะภายนอก แต่มาจากประเภทของหน่วยความจำภายในที่ใช้ Flash Memory แต่ในปัจจุบัน เปลี่ยนชนิดของหน่วยความจำเป็นโซลิดสเตทแล้ว (Solid State Drive หรือ SSD) แต่ผู้คนก็ยังเรียกติดปากว่า Flash Drive อยู่

นอกจาก Flash Drive แล้ว ยังมีอุปกรณ์บันทึกข้อมูลอีกชิ้นหนึ่งที่มีวิวัฒนาการคล้าย ๆ กัน นั่นก็คือ การ์ด Compact Flash ที่ใช้กับกล้องดิจิทัล (Digital Camera) ในรุ่นก่อน ๆ จากนั้นก็เปลี่ยนไปใช้ SD Card จนถึงปัจจุบัน

Handy Drive

สำหรับชื่อ Handy Drive เป็นชื่อทางการค้า (Trade Name) ของอุปกรณ์ที่สามารถอ่านไฟล์ข้อมูลผ่านตัวอุปกรณ์นั้น ๆ ได้เลย อย่างเช่น เครื่องเล่นเพลง MP3 ในสมัยก่อนที่สามารถฟังเพลงผ่านหูฟังได้ และเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต USB-A เพื่อถ่ายโอนข้อมูลอื่น ๆ นอกเหนือจากไฟล์เพลงได้ทันที และสิ่งที่แบ่งแยก Handy Drive ออกจากอุปกรณ์อื่น ๆ ก็คือ มีแบตเตอรี่ในตัวแถมยังชาร์จไฟได้อีกด้วย

ตัวอย่าง Handy Drive ที่มาในรูปของเครื่องเล่น MP3

Thumb Drive

ส่วน Thumb Drive ก็เป็นชื่อทางการค้าสำหรับอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีขนาดเล็กเท่าหัวแม่โป้ง (Thumb) ที่เปรียบเสมือนแผ่นซีดีที่เรียกว่า CD-R หรือแผ่นดิสก์ Floppy A ที่ใช้ชื่อว่า Floppy Disk และยังเป็นชื่อเรียกในยุคแรกก่อนจะแผลงมาเป็น Flash Drive แต่ Thumb Drive ในสมัยก่อนมักจะมีความจุที่น้อย ตั้งแต่ 8 MB. - 1 GB. และพัฒนากลายเป็น Flash Drive ความจุสูงในปัจจุบันแทน

สรุปเกี่ยวกับแฟลชไดร์ฟ, แฮนดี้ไดร์ฟ และทัมม์ไดร์ฟ
(Flash Drive, Handy Drive and Thumb Drive Conclusion)

แม้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะมีหลายชื่อ แต่เมื่อมาค้นหาดี ๆ จะพบว่าแต่ละชื่อมาที่มาแตกต่างกัน หรือใครที่คิดว่า Flash Drive ก็คืออุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้ว ความเป็นอุปกรณ์ ที่มาพร้อมกับพอร์ต USB ในตัว มันสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น และถึงแม้ว่าในขณะนี้จะมีสื่อ หรือมีอุปกรณ์เก็บข้อมูลมากมายหลายประเภท แต่หลาย ๆ คนก็เลือกที่จะพกพา Flash Drive ไปไหนมาไหนอยู่ดี เพราะมันทั้งสะดวก มีขนาดเล็ก แถมราคาถูกอีกต่างหาก แต่ก็แอบชอบมีปัญหาบ่อยนะ :)

ข้อมูลเพิ่มเติม : วิธีแก้ปัญหาแฟลชไดร์ฟ มีปัญหา อาการผิดปกติ ใช้งานไม่ได้ (USB Flash Drive Troubleshooting)