"ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus)" หลายคนอาจจะเรียกสั้นๆ ว่า "ไวรัส (Virus)" น่าจะเป็นคำที่ผู้คนนิยมใช้กันมากที่สุด เมื่อคอมพิวเตอร์ถูกซอฟต์แวร์อันตรายเข้าโจมตี แต่ว่าในความเป็นจริงนั้น มันอาจจะเป็น ม้าโทรจัน, เวิร์ม ประเภทไหนก็ตาม คนส่วนใหญ่ก็จะนิยมเรียกเหมารวมกันว่ามันคือ "ไวรัส" อาจด้วยความที่ในยุคเริ่มต้นของมัลแวร์นั้น ไวรัสเป็นหนึ่งในชนิดของ มัลแวร์ (Malware) ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด จากการที่มันสร้างความเสียหาย ให้กับระบบคอมพิวเตอร์ไปทั่วโลกหลายครั้งหลายหนกันเลยทีเดียว
ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ไวรัสกัน ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ? พร้อมกับไวรัสที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์
ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) เป็นซอฟต์แวร์ชนิดหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อใช้สร้างความเสียหายแก่คอมพิวเตอร์ และไฟล์ในระบบ เมื่อมันเริ่มทำงาน มันจะทำซ้ำตัวเองด้วยการแก้ไขไฟล์ หรือซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ หากมันมีจำนวนมากจนถึงจุดหนึ่ง ระบบคอมพิวเตอร์ของเราก็อาจจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป รวมถึงมีโอกาสที่จะแพร่กระจายไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นรูปแบบที่เหมือนกับไวรัสในธรรมชาติ นั่นเป็นเหตุผลให้ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ถูกเรียกว่าคอมพิวเตอร์ไวรัส
จากหลักฐานที่ปรากฏ ไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวแรกของโลก มีชื่อว่า "Creeper" มันถูกพัฒนาขึ้นมาในปี ค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514) โดยนาย Bob Thomas สร้างมันขึ้นมาเพื่อใช้ทดสอบในระบบ ARPANET (เป็นเครือข่าย) ว่าเขาจะสามารถสร้างโปรแกรมที่สามารถทำซ้ำตัวเองแพร่กระจายไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้หรือไม่ ?
อย่างไรก็ตามไวรัส Creeper ไม่มีการโจมตีที่เป็นอันตรายใด ๆ มันแค่จะแสดงข้อความบนอุปกรณ์ของผู้ที่ติดไวรัสว่า "I'M THE CREEPER. CATCH ME IF YOU CAN !" (ข้าคือเดอะครีปเปอร์ แน่จริงก็จับฉันให้ได้สิ !) เท่านั้นเอง
ภาพจาก : https://tr.wikipedia.org/wiki/Creeper
ในช่วงยุค ค.ศ. 1990 - 2000 (พ.ศ. 2533 - 2543) ถือได้ว่าเป็นช่วงที่คอมพิวเตอร์ไวรัสเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งตัวระบบปฏิบัติการ Windows เอง หรือจะเป็นตัวซอฟต์แวร์ ทางผู้พัฒนาส่วนใหญ่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยกันมากนัก รวมไปถึงการมาของอินเทอร์เน็ตที่ทำให้คอมพิวเตอร์ไวรัสมีช่องทางใหม่ในการแพร่กระจาย
Good Times เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวแรก ที่สามารถแพร่กระจายตัวเองผ่านอีเมลได้ มันปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) ซึ่งหลังจากนั้นมันเป็นต้นมา อีเมลไวรัสก็ได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นแทบทุกปี หลังจากนั้น แฮกเกอร์ก็พัฒนาวิธีการใหม่ๆ มาใช้เผยแพร่ไวรัส เช่น ผ่านทาง พอร์ต USB หรือตัวติดตั้งเกมเถื่อนละเมิดลิขสิทธิ์ ฯลฯ
เป็นไวรัสที่จะแฝงตัวอยู่ใน Boot sector ของแผ่นฟลอปปี้ดิสก์ (เลิกใช้ไปกันนานแล้ว) หรือ Master Boot Record (MBR) ของฮาร์ดไดร์ฟ โดยพื้นที่ดังกล่าวจะรวบรวมไฟล์ทั้งหมดที่จำเป็นต่อการเริ่มต้นทำงานระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ ซึ่งไวรัสจะทำการเขียนข้อมูลทับลงไปในนั้น หรือคัดลอกตัวเองไปยังส่วนอื่นของไดร์ฟ
ไวรัสชนิดนี้จะแฝงตัวไปยังไฟล์ ".exe" หรือ ".com" โดยตรง เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ดังกล่าว ไวรัสก็จะเริ่มทำงานทันที โดยแอบทำงานด้วยการซ่อนตัวอยู่บนหน่วยความจำ ทำให้มันมีอีกชื่อเรียกว่า "Non-Resident Virus"
การทำงานของไวรัสชนิดนี้ มันจะบันทึกตัวเองอยู่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ มันโจมตีไปยังไฟล์ หรือซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่ไม่ได้ถูกเปิดใช้งานอยู่ ด้วยความที่มันซ่อนการทำงานในหน่วยความจำ ทำให้ยากแก่การตรวจสอบ และลบมันออกจากระบบ
เจ้าไวรัสตัวนี้สามารถโจมตีได้ทั้ง Boot Sector และโจมตีซ้ำไปยังไฟล์ .exe ของเครื่องที่ติดไวรัสแล้วได้อีกด้วย ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ตกอยู่ในความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเป็นอย่างมาก
นี่ถือเป็นหนึ่งในไวรัสที่อันตรายที่สุด เพราะมันจะเขียนข้อมูลทับลงไปในซอฟต์แวร์เดิม ด้วยการแทนที่โค้ดอันตรายลงไปแทนโค้ดดั้งเดิม
เป็นไวรัสที่แพร่กระจายผ่านการสแปม และตามเว็บไซต์ รูปแบบการโจมตีจะเป็นการแก้ไข หรือปลอมแปลงเป็นซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ภายในเครื่องของเหยื่อ
ตามชื่อของมันเลย ไวรัสชนิดนี้จะซ่อนตัวอยู่ภายในไฟล์สักตัวหนึ่ง จากนั้นในภายหลังก็จะพยายามแพร่กระจายตัวมันเองไปยังไฟล์ .exe ของซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วไวรัสชนิดนี้มักจะปลอมตัวเป็นไฟล์เกม หรือไม่ก็ไฟล์ Word
หรืออีกชื่อคือ Cavity virus ตัวนี้เป็นไวรัสที่ไม่ค่อยพบเจอบ่อยเท่าไหร่นัก โดยมันจะไปแฝงตัวอยู่ในพื้นที่ว่างของไฟล์ ด้วยเทคนิคนี้ทำให้ขนาดของไฟล์ที่ถูกไวรัสโจมตีไม่เปลี่ยนไป ซึ่งส่งผลให้ยากต่อการตรวจสอบด้วย
เป็นไวรัสที่เขียนขึ้นมาด้วยคำสั่ง Macro Language ที่ใช้กันภายในซอฟต์แวร์บางตัว เช่นใน Word หรือ Excel เมื่อเราเปิดไฟล์ที่มี Macro Virus ขึ้นมา ไวรัสก็จะเริ่มโจมตีได้ทันที ส่วนใหญ่ไวรัสที่เผยแพร่ทางอีเมล มักจะใช้ไวรัสชนิดนี้ซ่อนไว้ในไฟล์แนบ
เป็นตลกร้ายที่ Computer Virus คือสาเหตุที่ทำให้เกิดซอฟต์แวร์ประเภทใหม่อย่าง โปรแกรมแอนตี้ไวรัส (Antivirus Software) ขึ้นมา แต่ในทางกลับกันแอนตี้ไวรัสเองก็เป็นเหตุผลให้แฮกเกอร์พยายามพัฒนา Computer Virus ให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิมด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ Computer Virus เหลือน้อยลงมากแล้ว เพราะระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งขึ้น มีการนำกฏ "ถ้าข้อความสามารถอ่านเป็นโค้ดได้ - มันคือไวรัส" มาใช้ ทำให้สามารถป้องกันไวรัสได้แทบทุกชนิด ส่งผลให้ความนิยมในการพัฒนาไวรัสลดลง เพราะแฮกเกอร์เปลี่ยนไปเลือกใช้มัลแวร์ประเภทอื่น ๆ แทน นั่นรวมไปถึงซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสด้วย ที่ในยุคนี้ทางผู้พัฒนาก็ปรับตัวมาเป็น โปรแกรมแอนตี้มัลแวร์ (Antimalware Software) แทนแล้วเช่นกัน
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |