วันดีคืนดี อยู่ๆ มือถือเจ้ากรรมที่โชว์ว่าแบตฯ เหลืออยู่ประมาณ 20% ก็ดับไปซะงั้น สำหรับใครที่เคยเป็นแบบนี้ ลองมาดูกันว่า มีวิธีแก้ไขปัญหายังไงบ้าง?
จริงๆ แล้วปัญหานี้เกิดได้หลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุที่ค่อนข้างน่ากลัวเลยก็คือตัวแบตเตอรี่ชำรุด เสื่อม หรือเก็บไฟไม่อยู่ ซึ่งวิธีตรวจสอบง่ายๆ เลยก็คือถอดแบตฯ ออกมาเช็คดูครับ แต่ก็มีปัญหาสำหรับคนที่ใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ อีก เพราะว่าในรุ่นใหม่ๆ นั้น จะถอดแบตฯ ออกมาเช็คไม่ได้นั่นเอง เอาเป็นว่าเครื่องใครที่เช็คได้ ลองถอดแบตเตอรี่มาดูกันครับ
ส่วนใหญ่แล้วแบตเตอรี่ที่ชำรุดจะมีอาการบวม จะบวมมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับระยะของโรคครับ แต่ไม่ว่าจะป่วยในระยะไหนก็แล้วแต่ ไม่ต้องพยายามซ่อมเลย ทิ้งไปซะดีกว่า ส่วนใครที่คาดว่ามีปัญหาแบตฯ เสื่อม แต่ไม่สามารถเช็คได้ด้วยตาเปล่าว่าบวมไหม ลองจับแบตฯ หมุนกับโต๊ะหรือพื้นเรียบๆ ดูครับ ถ้าหมุนติ้วๆ เป็นลูกข่างได้ แสดงว่าบวมแน่นอน
ถ้าตรวจเช็คแล้ว แบตเตอรี่ ไม่น่าจะชำรุดแล้วเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องมาดูที่ตัวมือถือกันแล้ว ซึ่งปัญหานี้ เกิดจากตัวระบบของสมาร์ทโฟนอ่านค่าคงเหลือของแบตเตอรี่ไม่ตรงนั่นเอง ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายๆ สาเหตุ อย่างเช่นการชาร์จแบตฯ ทิ้งไว้, ปล่อยให้แบตฯ หมดบ่อยๆ หรือกระทั่งการอัพเดทซอฟต์แวร์ใหม่ ก็อาจก่อให้เกิดปัญหานี้เช่นกัน ซึ่งมันก็มีวิธีแก้ไขเรื่องนี้อยู่ ด้วยการปรับจูนแบตเตอรี่ (Calibrating Battery) นั่นเอง ซึ่งก็ค่อนข้างยุ่งยากและกินเวลาพอสมควรเลย
ส่วนขั้นตอนสำหรับการปรับจูนแบตเตอรี่นั้น มีดังนี้
ซึ่งนอกจากวิธีข้างต้นที่ค่อนข้างยุ่งยากแล้ว จริงๆ ก็มีแอปฯ สำหรับช่วยในการจูนแบตเตอรี่อยู่เช่นกัน แต่ต้องเป็นเครื่องรูทเท่านั้น โดยแอปฯ ดังกล่าวมีชื่อว่า Battery Calibration ใครที่รูทเครื่องแอนดรอยด์เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถโหลดไปใช้งานกันได้เลย
เมื่อทำเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้แล้ว การแสดงผลแบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ก็น่าจะแม่นยำขึ้นแล้ว แต่ถ้าหากว่ายังไม่ได้ผล คงต้องหาซื้อแบตเตอรี่ใหม่ หรือติดต่อศูนย์บริการแล้วล่ะครับ
คำเตือน! ถึงวิธีนี้จะเป็นการแก้ไขปัญหาการแสดงผลแบตเตอรี่ให้กลับมาทำงานปกติ แต่ก็ไม่ควรจะทำบ่อยๆ เพราะจะทำให้แบตเตอรี่มีปัญหาได้ แต่แบตเตอรี่ก็ควรมีการปรับจูนอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 3 เดือนนะครับ ไม่จำเป็นว่ามีปัญหาแล้วค่อยมาทำ
|
... |