ในปัจจุบันมีการเข้าถึงเว็บไซต์มากขึ้น แล้วเคยสังเกตไหมว่าทำไมเว็บไซต์ที่เราเข้าใช้งานบางเว็บจะมี www บางเว็บก็จะไม่มี www และหากคุณสงสัยว่าทั้ง 2 แบบนี้แตกต่างกันอย่างไร แล้วควรใช้แบบไหนดี สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้
www (หรือ "เวิลด์ไวด์เว็บ" - "World Wide Web") คือพื้นที่ที่เก็บข้อมูลข่าวสารที่เชื่อมต่อกันทางอินเทอร์เน็ตโดยการกำหนด URL (Uniform Resource Locator) ที่หลายคนมักจะสับสนระหว่าง www กับอินเทอร์เน็ต ซึ่งจริงๆ แล้ว www เป็นเพียงแค่บริการหนึ่งบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ซึ่ง Sir Tim Berners-Lee เป็นผู้คิดค้นการสร้าง www เพื่อให้สามารถเข้าถึงหรือส่งข้อมูลระหว่างเซิร์ฟเวอร์ได้ง่ายขึ้น
โดย www ถูกใช้นำหน้าชื่อโดเมน (Domain Name) เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างเซิร์ฟเวอร์ภายในเครือข่าย เพราะในช่วงที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตใหม่ๆ ยังไม่มีผู้ให้บริการโฮสติ้งและเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวเสมือน เซิร์ฟเวอร์ทุกตัวภายในเครือข่ายถือเป็นโฮสต์และทำหน้าที่เดียว เช่น ทำได้แค่เก็บไฟล์ หรือแลกเปลี่ยนอีเมล อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น จึงต้องเพิ่ม Sub Domain เพื่อให้โฮสต์ทำหน้าที่อื่นๆ ได้ด้วย Sub Domain ที่นิยมใช้ ได้แก่
www | สำหรับจัดเก็บไฟล์สำหรับแชร์บนเว็บ |
ftp | ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนไฟล์ภายในเครือข่าย |
การแลกเปลี่ยนอีเมลผ่านเครือข่าย |
การใช้งานเว็บไซต์โดยพื้นฐานแล้วต้องมีเครื่องแม่ข่าย หรือ เซิร์ฟเวอร์ (Server) ที่ใช้เก็บไฟล์ของเว็บไซต์ทั้งหมด และชื่อของเว็บไซต์หรือที่เรียกว่าโดเมนจะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์ได้โดยพิมพ์ชื่อเว็บไซต์แทนการใช้ หมายเลขไอพี (IP Address) ของเซิร์ฟเวอร์ในแถบที่มี DNS*
DNS (Domain Name Server) คือตัวแปลงที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต เมื่อมีคนเข้าเว็บไซต์ผ่านชื่อโดเมน เว็บเบราว์เซอร์จะโต้ตอบผ่านที่อยู่ Internet Protocol (IP) และ DNS จะแปลชื่อโดเมนเป็น IP เพื่อให้เบราว์เซอร์สามารถดาวน์โหลดข้อมูลเว็บไซต์นั้นได้
โดยปกติแล้วการเข้าถึงเว็บไซต์ด้วย URL จะประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ
แต่เมื่อมีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ เซิร์ฟเวอร์ที่มีหมายเลขไอพี (IP Address) เดียวสามารถเป็นได้ทั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ และเป็นเซิร์ฟเวอร์อีเมล คือ IP เดียวสามารถทำงานได้หลายเซิร์ฟเวอร์ อีกทั้งผู้ดูแลเว็บยังพัฒนาการใช้ Sub Domain ไม่ว่าผู้ใช้งานจะพิมพ์ www หรือ ไม่พิมพ์ www ก็สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ทั้งสองแบบ หรือที่เราเรียกว่า Redirect
ทั้ง URL ที่มี www และไม่มี www ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
Content Delivery Networks (CDN) คือระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ของเครื่องเซิร์ฟเวอร์กระจายตัวอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต ทำหน้าที่ในการส่งข้อมูลให้ไปถึงผู้รับปลายทางให้เร็วที่สุด รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นด้วย
เว็บไซต์ที่มี www | เว็บไซต์ที่ไม่มี www (หรือ Non-www) |
www.amazon.com | twitter.com |
www.facebook.com | feedly.com |
www.youtube.com | unity.com |
www.instagram.com | copyblogger.com |
www.google.com | bitly.com |
www.freepik.com | foxcareers.com |
www.baidu.com | cosmetic-love.com |
www.netflix.com | stockx.com |
www.ebay.com | telecoms.com |
อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่างเว็บไซต์ที่มี www กับไม่มี www มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คือ เว็บไซต์ที่มี www สามารถปรับเป็น DNS และจำกัดคุกกี้เมื่อใช้โดเมนอื่นได้ ซึ่งเว็บไซต์ที่ไม่ใช้ www จะไม่สามารถทำได้
หากเว็บไซต์ที่จะทำมีขนาดใหญ่ มีข้อมูล หรือมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์จำนวนมาก ก็แนะนำว่าให้ทำซับโดเมน แต่ถ้าเว็บไซต์มีขนาดเล็กก็ไม่จำเป็นต้องมี ซับโดเมน เพราะไม่ว่าเราจะค้นหาเว็บไซต์โดยใส่ www หรือไม่ใส่ก็ตาม หน้าเว็บที่เปิดได้จะเป็นหน้าเว็บไซต์เดียวกัน เช่น google.com กับ www.google.com หน้าที่ได้จะเป็นหน้า Google เหมือนกัน
|
หนี Coding มาเขียนบทความ |
ความคิดเห็นที่ 2
20 กุมภาพันธ์ 2564 20:13:21
|
||
GUEST |
Pond
ขอบคุณครับ มีประโยชน์มาก เสริมอีกนิดนอกจากนี้ยังส่งผลในมุมของ การวิเคราะห์รีพอร์ตของ Google analytic ก็จะแยกข้อมูลเป็นสองตัวครับ ระหว่าง www หรือ non www ยังไงควรเลือกสักอย่างครับเพื่อทำ reditect
|
|
ความคิดเห็นที่ 1
31 สิงหาคม 2563 02:31:08
|
||
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปัน
|
||