ในการทำงานของซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์ โครงสร้างการทำงานของมันก็ไม่แตกต่างจากธุรกิจ ทั้งคู่จะต้องมี "หน้าบ้าน (Front-End)" และ "หลังบ้าน (Back-End)" ลองคิดตามว่า Front-End คือ สิ่งที่ลูกค้าเห็น และโต้ตอบด้วยโดยตรง ในขณะที่ Back-End
อุตสาหกรรมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มีโครงสร้างคล้ายกับธุรกิจร้านอาหาร ทั้งสองมี “หน้าบ้าน” และ “หลังบ้าน” ส่วนหน้าบ้าน (Front-End) คือสิ่งที่ลูกค้าเห็นและโต้ตอบด้วยโดยตรง (ทั้งสองธุรกิจยังใช้คำว่า “โฮสต์” เหมือนกัน) ขณะที่หลังบ้าน (Back-End) คือ งานเบื้องหลังที่เกิดขึ้นซึ่งลูกค้าไม่ได้มาเห็น
ในบทความนี้ เราอยากพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จัก หน้าบ้าน หรือ Front-End กันให้มากขึ้น ว่ามันคืออะไร ? ทำงานอย่างไร ? ...
Front-End หรือจะเรียกว่าเป็น "ฝั่งผู้ใช้งาน" (Client Side) ก็ได้ หมายถึงส่วนของซอฟต์แวร์, เว็บไซต์, เว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) ที่ผู้ใช้งานได้สัมผัสโดยตรง ซึ่งจะประกอบด้วยทุกสิ่งที่ผู้ใช้งานสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น, ได้ยิน หรือสั่งงาน เช่น การออกแบบหน้าเว็บไซต์, รูปแบบข้อความ, รูปภาพ, ปุ่ม และเมนูนำทางต่าง ๆ เป้าหมายของการพัฒนา Front-End คือการสร้างประสบการณ์ที่ใช้งานง่าย และเป็นมิตรกับผู้ใช้ ซึ่งเป็นงานที่มีความละเอียดอ่อนซับซ้อน สืบเนื่องจากความหลากหลายของอุปกรณ์ และความชอบของผู้ใช้แต่ละคนที่มีรสนิยมแตกต่างกัน
นักพัฒนา Front-End มีหน้าที่ในการสร้าง และนำองค์ประกอบที่มองเห็น และโต้ตอบได้เหล่านี้ โดยนิยมใช้ภาษาโปรแกรมอย่าง HTML, CSS และ JavaScript ในการพัฒนา ตามปกติแล้วนักพัฒนา Front-End จะทำงานร่วมกับนักออกแบบ และนักวิเคราะห์ ประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX) เพื่อเปลี่ยนแบบร่างตัวงานดีไซน์ให้กลายเป็น ส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ (GUI) ที่ใช้งานได้จริง
ภาพจาก : https://www.webconfs.com/985/how-does-front-end-design-effect-for-your-website/
ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์, แอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ก็ตาม มันจะเริ่มทำงานจากหลังบ้าน (Back-End) ไปยังหน้าบ้าน (Front-End) โดยกระบวนการทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นจากการออกแบบ เมื่อมีการกำหนดดีไซน์ และเนื้อหาเรียบร้อยแล้ว นักพัฒนา Front-End จึงสามารถเริ่มขั้นตอนพัฒนาได้
เมื่อส่วน Front-End ถูกพัฒนาเสร็จ ผู้ใช้งานก็สามารถเข้าถึงเพื่อใช้งานได้ทันที ผู้ใช้จะโต้ตอบกับสิ่งต่างที่สัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็น ฟอนต์ (Font), สี และการนำทางของ ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (UI) ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยนำทางผู้ใช้ไปยังส่วนต่าง ๆ ของแอปพลิเคชัน
Front-End มีความสำคัญอย่างมากต่อภาพลักษณ์ และการแสดงผลของแอปพลิเคชัน เพราะไม่ว่าความสามารถของแอปพลิเคชันจะดีขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้ามันมี UX ที่ใช้งานยาก UI ที่ไม่สวยงาม มันก็ยากที่จะดึงดูดให้ผู้ใช้ให้ความสนใจที่จะมาใช้งานได้
ภาพจาก : https://careerfoundry.com/en/blog/ui-design/common-ui-design-mistakes/
ในการพัฒนา Front-End มีเทคโนโลยีหลายตัวที่ได้รับความนิยมด้วยความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพสูง ทำให้มันถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นรากฐานของการพัฒนาเว็บไซต์, ซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันยุคใหม่ โดยมีอยู่ 3 เทคโนโลยี ที่เปรียบเสมือนเสาหลักของการพัฒนา Front-End นั่นคือ HTML, CSS และ JavaScrip
ภาพจาก : https://html-css-js.com/
นอกเหนือจากภาษาพื้นฐานเหล่านี้แล้ว ยังมี ไลบรารี่ (Library) และ เฟรมเวิร์ก (Framework) อีกมากมาย ที่ช่วยให้กระบวนการพัฒนาง่าย และเร็วขึ้น เช่น React.js, AngularJS และ Vue.js ที่มีโค้ดสำเร็จรูปเตรียมไว้ให้นักพัฒนางานเลือกไปใช้งานมากมาย
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือพัฒนาอย่าง TypeScript ซึ่งเป็นภาษาที่ต่อยอดจาก JavaScript โดยเพิ่มระบบการกำหนดชนิดข้อมูลแบบคงที่ (Static Type Definitions) ซึ่ง TypeScript มีประโยชน์อย่างมากในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ เพราะช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดได้ตั้งแต่ต้น และทำให้โค้ดอ่านง่ายขึ้น
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |