สำหรับวันแรกของการทำงาน (First Day of Work) ช่างเป็นช่วงเวลาที่หลายคนจะยังสามารถจดจำได้ดีอยู่ถึงแม้ว่าจะทำงานผ่านไปหลายปีหรือแม้กระทั่งเปลี่ยนงานไปแล้วก็ตาม เพราะเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้พบเพื่อนร่วมงานคนใหม่ สร้างความประทับใจ จัดโต๊ะทำงานให้เข้าที่เข้าทาง ไปจนถึงการเรียนรู้กฎระเบียบและวัฒนธรรมขององค์กรที่เราจะเข้าไปอยู่ด้วย และด้วยการที่มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก ๆ นี้เอง ทำให้การเตรียมตัวทำงานวันแรกเป็นตัวกำหนดได้เลยว่า อนาคตในที่ทำงานจะเป็นอย่างไรต่อ ดังนั้น เรามาเตรียมตัวทำงานวันแรกให้ดีที่สุดกัน !
การแต่งตัว (Dressing) ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อความประทับใจเมื่อแรกเห็นของเพื่อนร่วมงานโดยตรง ซึ่งการแต่งตัวไปทำงานวันแรกต้องมั่นใจว่าเราแต่งตัวได้ตามวัฒนธรรมองค์กรนั้น ๆ เช่น บางที่เน้นความเป็นระเบียบ ผู้หญิงใส่กระโปรง ผู้ชายใส่เชิ้ตผูกเนคไท แต่บางที่สามารถแต่งตัวได้แบบสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เป็นต้น ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าที่ทำงานใหม่แต่งตัวกันแบบไหน การแต่งตัวแบบปลอดภัยไว้ก่อนอย่างการใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงสแลคสำหรับคุณผู้ชาย หรือการใส่เสื้อเชิ้ตกับกระโปรงสำหรับคุณผู้หญิงก็ใช้ได้แล้ว
ที่มาภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/group-people-working-out-business-plan-office_5495012.htm
การวางแผนการเดินทาง (Trip Planning) ในการทำงานวันแรกก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะคุณคงดูไม่ดีแน่ ๆ ถ้าไปทำงานสายตั้งแต่วันแรก ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะขับรถไปเองหรือใช้ขนส่งมวลชน ก็ควรเผื่อเวลาให้ออกจากบ้านไว้ราว 15 นาทีจากเวลาเดินทางปกติที่ควรจะเป็น (เช่น การเปิดระยะเวลาเดินทางจาก Google Maps ก็ให้บวกเพิ่มไปอีก) เพราะในชีวิตเราอาจมีตัวแปรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนน รถไฟฟ้าขัดข้อง ซึ่งถ้าเราไปถึงที่ทำงานไว เราก็จะได้มีเวลาสำรวจที่ทำงานและสังเกตผู้คนใหม่ ๆ รอบข้างเพิ่มขึ้นด้วย
ที่มาภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/black-man-waiting-train-platform_2760713.htm
การเตรียมเอกสาร (Document Prepration) ในการทำงานวันแรก เป็นสิ่งที่สำคัญพอสมควร เพราะคนส่วนใหญ่จะต้องทำการเซ็นสัญญาการทำงาน และต้องจัดการเรื่องเอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติมในส่วนที่ขาดหายไปจากวันที่เข้ามาสัมภาษณ์งาน ดังนั้น จึงควรเตรียมเอกสารทั้งหมดที่ต้องใช้ให้พร้อม เพื่อให้ดูเป็นคนมีการวางแผนและพร้อมสำหรับการทำงาน
นอกจากนี้แล้ว เมื่อถึงเวลาเซ็นสัญญา ก็ควรอ่านเอกสารทั้งหมดด้วยความระมัดระวัง และทำความเข้าใจเอกสารสำคัญอื่น ๆ เช่น กฎระเบียบของบริษัท ข้อกำหนดการลาประเภทต่าง ๆ ประกันที่มีให้ของบริษัท เป็นต้น พร้อมทั้งเก็บเอกสารสำคัญเหล่านี้ไว้ให้ดีเผื่อต้องใช้หรือกลับมาอ่านอีกในภายหลัง
ที่มาภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/close-up-woman-filling-application-form_1147745.htm
การถามคำถาม (Question Asking) คือสิ่งที่พนักงานใหม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเราจะต้องเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และเนื้องานที่ต้องรับผิดชอบให้เร็วที่สุด แต่การถามให้เยอะที่ว่า ควรเป็นคำถามที่เกี่ยวกับงานเป็นหลักก่อน เช่น งานไหนควรทำก่อน งานชิ้นไหนเป็นงานหลักบ้าง ต้องประสานงานอะไรกับใครบ้าง หรือหัวหน้างานต้องการอัปเดตความคืบหน้าบ่อยแค่ไหน เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เราดูเป็นคนสนใจทำงานจริงจัง และทำให้สามารถจดจำชื่อเพื่อนร่วมงานไปได้ด้วยในตัว
ที่มาภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/group-young-college-students-smart-casual-wear-campus-friends-brainstorming-meeting-talking-discussing-work-ideas-new-design-project-modern-office-coworker-teamwork-startup-concept_10075812.htm
ทั้งนี้ ให้หลีกเลี่ยงการถามคำถามเรื่องส่วนตัวไปจนกว่าจะมีความสนิทสนมมากพอ เพราะในบางครั้ง การถามคำถามเรื่องส่วนตัวมากเกินไปหรือเร็วเกินไป จะทำให้คุณดู "ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน" มากกว่าการดูมี "มนุษยสัมพันธ์" ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ตั้งใจก้าวล่วง หรือละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นก็ตาม เพราะโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว ถ้าเพื่อนร่วมงานของคุณเริ่มรู้สึกว่าสนิทกับคุณมากขึ้นแล้ว เขาก็จะเริ่มเปิดใจชวนคุณคุยในหัวข้อเรื่องส่วนตัวเองแหละ
การเป็นมิตรกับผู้คนในที่ทำงาน (Be Friendly with Colleagues) สำหรับสิ่งนี้ คาดว่าหลายคนน่าจะมีทักษะนี้มาบ้างแล้วจากตอนเรียนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ทว่า ระดับความเป็นทางการในการผูกมิตรในวันแรก จะไม่เป็นเหมือนตอนที่คุณหาเพื่อนสมัยเรียนแน่นอน เพราะในที่ทำงานของเรา ประกอบไปด้วยผู้คนที่มีหลากหลายช่วงวัยและประสบการณ์ รวมทั้งมีระดับความสำคัญในที่ทำงานแตกต่างกันออกไป ถ้าคุณเป็นเด็กใหม่ที่จบมาหมาด ๆ เรียกทุกคนเป็นพี่ให้ติดปากไว้ ไม่ว่าเค้าจะดูเด็กหรือดูแก่กว่าคุณ ก็จะทำให้คุณดูเป็นคนอ่อนน้อมและเคารพลำดับอาวุโส (ถึงแม้ว่าคุณจะรู้สึกไม่ถูกชะตากับใครตั้งแต่วันแรกก็ตาม)
ที่มาภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/young-female-executive-explaines-new-strategy-blonde-employee-glasses-smiling-indoor-portrait-multicultural-collective-working-project-office-using-laptop_10483914.htm
การเตรียมตัวขายของในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าให้หาของมาขาย แต่หมายถึงการเตรียมตัวเพื่ออธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับตัวเองในเรื่องของประวัติการทำงานและหน้าที่การงานใหม่ ว่าเรามีประสบการณ์เคยทำงานที่ไหนมาบ้าง ? ทำเกี่ยวกับอะไรมา ? เพื่อ แสดงถึงความพร้อม และเป็น การแสดงศักยภาพของตัวเราเองมา (Expressing your own Potential) และพอมาที่ใหม่ เรามีหน้าที่ต้องทำอะไรที่นี่บ้าง ?
อีกทั้งอาจต้องมีการเตรียมเหตุผลดี ๆ (และเตรียมใจ) มาด้วยว่า เขาอาจถามคำถามจี้จุดที่ไม่อยากพูดถึงมันอีก เช่น แล้วที่ทำงานเก่าเป็นยังไงบ้าง ทำไมถึงตัดสินใจเปลี่ยนงาน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำว่า อย่าพูดถึงหัวหน้าคนเก่าในแง่ลบมาก ๆ ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวจะดีกว่านะ เอาไว้สนิทกันเมื่อไหร่ค่อยเม้าท์ก็ยังไม่สาย
ที่มาภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/team-working-startup-project_3001104.htm
วิธีผูกมิตรแบบง่าย ๆ แถมถูกที่ถูกเวลาแน่นอน นั่นก็คือ การรอรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนร่วมงาน (Waiting to have Lunch with Colleagues) ในที่ทำงานที่ใหม่ เพราะคุณจะไม่มีทางรู้จักร้านข้าว หรือแหล่งของกินอร่อย ๆ ไปมากกว่าคนที่ทำงานมาก่อนหน้าแน่นอน ถึงแม้ว่าปกติคุณจะซื้อข้าวจากแถวบ้านมา หรือห่อข้าวกล่องมากินเองก็ตาม เราขอแนะนำให้คุณไปกินข้าวพร้อมกับเพื่อนร่วมงานในช่วงแรกเข้ามาทำงานใหม่ ๆ ซะก่อน สาเหตุเพราะ ในช่วงพักกลางวัน จะเป็นช่วงที่ทุกคนผ่อนคลาย และได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ทำให้สามารถเปิดใจคุยเรื่องใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย
ที่มาภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/top-close-up-view-table-breakfast-time-family-having-with-different-meals_8853246.htm
ถ้าคุณสามารถสานสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานได้อย่างราบรื่นในเวลาต่อมา ก็จะช่วยในเรื่องของการส่งเสริมในหน้าที่การงาน การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งในอนาคตได้อีกด้วย เพราะคุณจะมีคนคอยหนุนหลังและซัพพอร์ตอยู่เสมอ ดังนั้น การรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนร่วมงาน เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในระยะยาวมากกว่าแค่การมีคนไปกินข้าวเป็นเพื่อน
การสังเกตคนรอบข้าง (Observing People Around) ในสภาพแวดล้อมของที่ทำงาน ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ เพราะการเรียนรู้จากเพื่อนร่วมงาน "ถูกคน" ก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเราเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้เราสามารถเรียนกับรู้คนอื่นๆ ได้เร็วขึ้นด้วยเช่นกัน
ดังนั้นการฟังเพื่อนร่วมงานคุยกัน และสังเกตการตอบรับ และพฤติกรรมในที่ทำงานของทุกคน เป็นวิธีที่ทำให้เราสามารถนำข้อดีของคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดมาปรับใช้กับตัวเราได้ แถมยังช่วยการผูกมิตรกับคนที่สามารถช่วยเหลือคุณได้มากที่สุดด้วย ซึ่งในอนาคต พวกเขาเหล่านี้ก็จะสามารถแนะนำคุณต่อไปได้ว่า จะต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และประสบความสำเร็จในการทำงานได้
ที่มาภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/young-people-talking-working-during-videoconference-with-colleagues-office-living-room_14174183.htm
การเตรียมตัวให้พร้อมตอบรับหัวหน้างานอยู่เสมอ (Always Prepared to Accept a Supervisor) ไม่ใช่เพียงแค่การเตรียมพร้อม (Standby) เพื่อรอรับฟังคำสั่งอย่างเดียว แต่หมายถึงความกระตือรือร้นเมื่อถูกมอบหมายงาน ในการทำงานวันแรกด้วย
เพราะว่านอกเหนือจากการที่จะต้องเริ่มฝึกหัดงานในหน้าที่ จัดการเอกสารสำคัญเมื่อเริ่มเข้าทำงานแล้ว ก็ควรจะมีแวะเวียนไปถามหัวหน้างานว่าต้องการให้ช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติมหรือไม่เป็นครั้งคราว (ถ้าหากหน้าที่ของคุณต้องประสานงานกับหัวหน้าโดยตรงอยู่ตลอดน่ะนะ) แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่รู้จะถามเรื่องอะไร เริ่มต้นจากเรื่องการส่งอีเมล รูปแบบการตอบอีเมลภายในบริษัทก่อนก็ได้ ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้เห็นถึงความเคารพนับถือและความกระตือรือร้นในตัวคุณ
ที่มาภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/serious-male-inspector-female-factory-employee-hardhats-walking-plant-floor-talking-man-using-tablet_13996307.htm
การใส่ใจต่อภาษากายของตัวเอง (Pay Attention to your Body Language) ในที่นี้ หมายถึงการคอยสังเกตตัวเองอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้พูดคุยสนทนากับคนอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา แต่เราก็มักจะได้สื่อสารกับผู้อื่นผ่านภาษากายอยู่เนือง ๆ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม ดังการนั่ง และการยืนควรตั้งตัวตรง (ไม่ใช่ตรงทื่อนะ แค่ไม่หลังงอก็พอ) และหลีกเลี่ยงการแสดงออกถึงท่าทีที่แสดงอาการเบื่อหน่ายหรือกังวล เช่น เอามือจับผมจับหน้า เคาะเท้า หรือแม้แต่การหาว (แบบออกหน้าออกตา)
และเมื่อต้องสนทนากับใครสักคน การโน้มตัวหรือเอียงตัวเข้าไปหาสักเล็กน้อย ก็จะเป็นการแสดงความสนใจต่อคู่สนทนา และอย่าลืมพยักหน้าเมื่อเขาหรือเธอกำลังพูดถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์อยู่ จะเป็นสิ่งที่ดีมากๆ
ที่มาภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/asian-woman-sitting-desk-office-looking-laptop-screen-yawning_5577267.htm
อย่าตึงเครียดเกินไป ผ่อนคลายตัวเองลงบ้าง (Be Relaxed) เพราะนายจ้างส่วนใหญ่มักเข้าใจอยู่แล้วว่า พนักงานที่เข้ามาใหม่ย่อมเกิดความผิดพลาดได้ในวันแรกที่ทำงาน ซึ่งความผิดพลาด ก็จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการทำงานที่ดีขึ้นในครั้งต่อไป และควรจดจำความผิดพลาดนั้นไว้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก
แต่ในกรณีถ้าคุณเริ่มรู้สึกวิตกกังวลไปจนถึงเริ่มเกิดความเครียดแล้วล่ะก็ ลองหายใจให้ยาวขึ้น ลึกขึ้น และผ่อนจังหวะหายใจให้ช้าลง พร้อมทั้งโฟกัสกับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และอาจจินตนาการไปถึงภาพชายหาดหรือสถานที่สวย ๆ ที่คิดถึงแล้วรู้สึกสงบร่วมด้วยก็ได้ ถ้าคุณทำผิดพลาดในวันนี้ พรุ่งนี้คุณก็แค่เริ่มต้นใหม่เท่านั้นเอง
ที่มาภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/relaxed-employee-enjoying-result-good-job-done_4013211.htm
การเอ่ยปากร่ำลาเพื่อนร่วมงานก่อนกลับบ้าน (Say Goodbye when Going Back Home) สิ่งนี้ใครว่าไม่สำคัญ ? เพราะนี่คือหนึ่งในมนุษยสัมพันธ์ที่ดีที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ในทุก ๆ วัน อาจจะขอบคุณหัวหน้างานที่รับเราเข้ามาทำงานร่วมด้วยก็ได้ ถ้าคุณรู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานของคุณเป็นคนช่างพูดช่างคุย ก็อาจจะคุยกับพวกเขาสักหน่อยเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำในวันนั้น ๆ และคุยถึงแพลนที่คิดจะทำต่อไปในอนาคตด้วยก็ได้ ถ้าคุณไม่ใช่คนช่างคุยอะไรมากมาย บอกเพียงแค่ "กลับบ้านแล้วนะครับ / ค่ะ สวัสดีครับ / ค่ะ ทุกคน" แค่นี้ก็จะทำให้คุณดูหน้าคบหาขึ้นอีกเยอะ อีกทั้งยังเข้าขนบธรรมเนียมไทย "ไปลามาไหว้" ด้วย
ที่มาภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/women-saying-goodbye-each-other-using-sign-language_10226507.htm
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |