วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือนมิถุนายน

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน มิถุนายน

1 มิถุนายน

MORGAN FREEMAN

Morgan Freeman เกิดวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1937 (พ.ศ. 2480) ที่ Memphis, Tennesse ประเทศอเมริกา

Freeman เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Los Angeles City College ก่อนที่จะไปรับใช้ชาติกับบทบาทช่างในทัพอากาศช่วงปี ค.ศ. 1955-1959 (พ.ศ. 2498-2502)

การแสดงครั้งแรกของเจ้าตัวคือการแสดงละครเวทีเรื่อง Hello, Dolly! และในตลอดช่วงปี ค.ศ. 1970s (พ.ศ. 2513-2522) เขาได้แสดงละครเวทีมาหลายเรื่อง ชนะรางวัลต่าง ๆ มากมาย อย่างนับไม่ถ้วน

จนกระทั่งเจ้าตัวไปปรากฏทางทีวีครั้งแรกในซีรีส์ The Electric Company ค.ศ. 1971-1977 (พ.ศ. 2514-2520) ตามมาด้วยการแสดงหนังครั้งแรกกับบทบาทในเรื่อง Who Says I Can't Ride a Rainbow! ค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514) ทำให้เขาได้รับบทบาทอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น Blade ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516), Julius Caesar ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522), Coriolanus ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522), Attica ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523), Brubaker ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523), Eyewitness ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524), Death of Prophet ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524)

เจ้าตัวมีชื่อและเริ่มมีชื่อเสียง ทำให้เขาได้รับบทบาทมากมาย จนกระทั่งมาปังในเรื่อง Street Smart ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกในชีวิตกับสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม แถมยังได้เข้าชิงบนเวทีลูกโลกทองคำด้วย ตามมาด้วยเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่สองในเรื่อง Driving Miss Daisy ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) สาขานักแสดงนำยอดเยี่ยม ถึงจะไม่สามารถคว้าออสการ์ไปได้ แต่สามารถคว้ารางวัลลูกโลกทองคำได้ด้วย

กราฟในเส้นทางการแสดงของเจ้าตัวรุ่งสุด ๆ มีหนังเข้ามาให้เขาแสดงอีกมากมายหลายเรื่อง และมาเปรี้ยงอีกครั้งกับบทบาทในหนัง The Shawshank Redemption ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำและรางวัลออสการ์

มีหนังถาโถมมาให้เขาแสดงมากมายอีกหลายบทบาท

• ตำรวจ Along Came a Spider ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544)
• พระเจ้า Bruce Almighty ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546)
• พี่เลี้ยงนักมวย Million Dollar Baby ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) คว้ารางวัลออสการ์และเข้าชิงลูกโลกทองคำ
• นักประดิษฐ์ The Dark Knight Trilogy ค.ศ. 2005, 2008, 2012 (พ.ศ. 2548, 2551, 2555)
• อาชญากร Lucky Number Slevin ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549)
• อาจารย์ Feast of Love ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)
• หัวขโมย Thick as Thieves ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552)
• ประธานาธิบดี Invictus ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) ได้เข้าชิงออสการ์และลูกโลกทองคำด้วย
• สายลับ RED ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553)
• นักเขียน The Magic of Belle Isle ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
• อดีตนักมายากล Now You See Me ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556)

และบทอื่น ๆ อีกมากมาย จนเรียกได้ว่ารับมาทุกบทบาทในงานแสดงแล้วจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะนิยามบทบาทให้นักแสดงคนนี้เป็นอะไรเลย

ในอนาคตยังมีผลงานของเขาให้เราได้ติดตามกันอีก ทั้ง Hitman's Wife's Bodyguard ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) และ Hate to See You Go ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)

แต่นอกเหนือจากการแสดงแล้ว เขายังมีเสียงอันน่าฟัง และจาก The Shawshank Redemption ก็พิสูจน์ข้อนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเสียงของเขาทั้งทุ่ม นุ่ม ไพเราะ อบอุ่น และฟังสบายแบบสุด ๆ เลยทำให้เขามีอีกหนึ่งอาชีพเป็นนักพากส์เสียง เขาได้ให้เสียงพากย์สารคดีหลายเรื่องและคว้ารางวัลมาด้วย

เคยมีข่าวสุดช็อคให้แก่หลายคน เมื่อเจ้าตัวเคยโดนกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงหลายรายจนเจ้าตัวต้องออกมาแถลงการณ์ขอโทษที่ทำให้ทุกคนไม่สบายใจหรือไม่ได้รับความเคารพ และกล่าวทิ้งท้ายไปว่าตัวเขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ

Morgan Freeman คือคนที่สร้างสรรค์ผลงานมาอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด กับหนัง 120 กว่าเรื่อง คงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีกับหลายบทบาทของเขาในฐานะนักแสดง แถมน้ำเสียงสุดไพเราะอันเป็นเอกลักษณ์ที่หาตัวจับได้ยาก นี่แหละดาวแห่ง Hollywood ที่ยังส่องประกายอยู่ในทุกวันนี้ ชายผู้รับมาแล้วทุกบทบาทในวงการ Hollywood ทั้งการพากย์เสียงอันน่าฟัง หรือแม้กระทั่ง "พระเจ้า"

TOM HOLLAND

Thomas Stanley Holland เกิดวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) ที่ Kinston-upon-Thames, Surrey ประเทศอังกฤษ

ในตอนเด็ก ๆ Holland ชื่นชอบในด้านการเต้น เขาได้เข้าเรียนเต้น Hip Hop ที่ Nifty Feet Dance School ที่ Wimbledon, London และความสามารถของเขาไปเตะตานักออกแบบท่าเต้นอย่าง Lynne Pageในงานแสดงที่โรงเรียน Richmond Dance Festival ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549)

ทำให้เขาได้เข้าออดิชั่นเพื่อรับบทในละครเวทีเรื่อง Billy Elliot หลังจากที่ออดิชั่นถึง 8 รอบและเข้าฝึกถึง 2 ปี เขาก็ได้บทนี้ไปครอบครอง การแสดงของเขาครั้งแรกเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 8 กันยายน 2008 เขาได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามทั้งด้านทักษะการแสดงและทักษะการเต้นที่หลากหลายของเขา

ในปี ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) เขาได้ไปออกรายการ The Feel Good Factor จนเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) ในวันครบรอบห้าปีของ Billie Elliot The Musical ได้มีการรวมเหล่านักแสดงผู้รับบทนี้ และ Holland ก็คือ 1 ใน 5 คน แถมยังได้ถูกเลือกให้เป็นคนนำของบทบาทนี้ด้วย

Elton John ผู้ที่ประพันธ์เพลงใน Billy Elliot the Musical ถึงกับออกปากชมการแสดงของ Tom ว่า "น่าอัศจรรย์" เลยทีเดียว หลังจากนั้น Holland ก็สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกับนักแสดงอีก 3 คน จนกระทั่งยุติบทบาทลงในวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553)

ในช่วงเดียวกันนั้น Holland ได้ไปพากย์เสียงให้อนิเมชันของค่าย Studio Ghibli เรื่อง Kari-gurashi no Arietti ฉบับภาษาอังกฤษด้วย

2 เดือนหลังจากออกจากบทบาทใน Billy Elliot the Musical ตัวของ Holland ก็ได้ออดิชั่นผ่านจนมารับบทในหนังเรื่อง The Impossible หนังที่อิงมาจากเรื่องจริงเหตุการสึนามิในประเทศไทย เขาได้แสดงร่วมกับ Naomi Watts และ Ewan McGregor

ตัวหนังได้เข้าฉายในงาน Toronto International Film Festival ในวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) และประเทศอื่น ๆ ตามมา ซึ่งการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขาในเรื่องนี้มีหลายฝ่ายชื่นชมแบบสุด ๆ บอกว่านี่คือการเปิดตัวการแสดงอันยอดเยี่ยมที่สุดของปีสำหรับ Tom Holland เลยทีเดียว ทาง New York Times ถึงกับบอกว่า "เขาคือนักแสดงหนุ่มที่ยอดเยี่ยม" ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นมา หลายสำนักก็ไปสัมภาษณ์กันยกใหญ่ และหลายคนก็รู้จักชื่อของเขามากขึ้น แถมยังได้รับรางวัล Hollywood Spotlight Award และ National Board of Review สำหรับสาขา "Breakthrough Actor" ด้วย แถมยังได้เข้าชิงอีกหลากหลายเวที

หลังจากนั้นเส้นทางในการแสดงของเขาก็เริ่มมีเข้ามาบ้าง ทั้ง ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), ซีรีส์ Wolf Hall ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), In the Heart of the Sea ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558)

จนกระทั่งเขาได้รับบทบาทอันยิ่งใหญ่ที่มากับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง กับบท Peter Parker/Spider-Man ของ Sony และ Marvel ที่มาปรากฏตัวใน Captain America: Civil War ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559)

จากการปรากฏตัวเพียงสั้น ๆ ทำให้หลายคนต่างรู้สึกชื่นชอบนักแสดงคนนี้กับบทบาทนี้ไปเลย จนทำให้มีหนังเดี่ยวของตัวละครนี้ออกมาในรอบไม่กี่ปีทั้ง Spider-Man: Homecoming ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), Spider-Man: Far From Home ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และในระหว่างนั้นยังมีบทบาทในจักรวาล MCU ทั้ง Avengers: Infinity War ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) และ Avengers: Endgame ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)

ซึ่งหลายต่อหลายสำนักต่างยกให้ Tom Holland คือผู้รับบท Peter Parker/Spider-Man ที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยมีมา

และจากบทบาทนั้นทำให้เขาได้รับโอกาสในการแสดงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น The Current War ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), ให้เสียงพากย์ Spies in Disguise ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), ให้เสียงพากย์ Dolittle ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), ให้เสียงพากย์ Onward ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) และเพิ่งผ่านผลงานล่าสุดไปอย่าง The Devil All the Time ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), Chaos Walking ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) และ Cherry ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)

และมีบทใหญ่รองรับในอนาคตอีกทั้งบทบาท Nathan Drake วัยหนุ่มในหนังที่ดัดแปลงจากเกมชื่อดัง Uncharted ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) และ ภาคต่อ Spider-Man กับ Spider-Man: No Way Home ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)

ทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของนักแสดงคนนี้ - Tom Holland

2 มิถุนายน

AWKWAFINA

Awkwafina มีชื่อจริงว่า Nora Lum เกิดวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) ที่ New York ประเทศอเมริกา

แม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ๆ เธอถูกเลี้ยงดูและเติบโตขึ้นที่ Forest Hills, Queens โดยพ่อและตายายของเธอ

เธอเข้าเรียนที่ LaGuardia High School of Music & Art and Performing Arts ที่นั่นเธอได้เล่นทรัมเป็ต และได้เริ่มฝึกดนตรีคลาสสิคกับแจ๊ส

เมื่ออายุได้ 16 ปี เธอก็ได้ไปแสดงละครเวทีโดยใช้ชื่อว่า Awkwafina

ในระดับมหาวิทยาลัยเธอได้เข้าเรียนที่ Albany, State University of New York ได้เรียนเอกวารสารศาสตร์ และได้เจ้าเรียนที่มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่งในประเทศจีน

เธอได้มาฝึกงานที่ New York กับสำนักพิมพ์ท้องถิ่น Gotham Gazette และ Times Union newspaper และเป็นผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ของสำนักพิมพ์ Rodale

เธอคือนักแสดงชาวอเมริกันที่เป็นแรปเปอร์ด้วย เริ่มต้นจากการทำเพลงในฐานะนักร้อง เธอได้ปล่อยออกมา 2 อัลบั้ม Yellow Ranger ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557), In Fina We Trust ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) แถมยังเคยเป็นพิธีกรรายการด้วย ปรากฏตัวใน Girl Code, Future Man และ Saturday Night Live

เธอรับบทสมทบในหลายเรื่องเริ่มต้นแสดงครั้งแรกในซีรีส์ Regular Show ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) และแสดงหนังครั้งแรกในเรื่อง Neighbors 2: Sorority Rising ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559)

จนได้มาสร้างชื่อให้กับตัวเองใน Ocean's 8 ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) และ Crazy Rich Asians ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) จนมีโอกาสได้มาแสดงนำในหนังดราม่า The Farewell ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ส่งให้เธอได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม

หลังจากนั้นผลงานของเธอก็มีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง The Angry Birds Movie 2 ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), ซีรีส์ The Dark Crystal: Age of Resistance ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), Jumanji: The Next Level ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และผลงานล่าสุด Breaking News in Yuba County ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), ให้เสียงพากย์ Sisu ใน Raya and the Last Dragon ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564),

ในอนาคตยังมีผลงานของเธอให้เราติดตามได้อีกมากมาย ทั้ง Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Swan Song ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), The Bad Guys ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565), The Little Mermaid และ The Baccarat Machine

4 มิถุนายน

ANGELINA JOLIE

Angelina Jolie Voight เกิดวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1975 (พ.ศ. 2518) ที่ Los Angeles, California ประเทศอเมริกา

Jolie เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงจริง ๆ เธอซึมซับทักษะการแสดงมาตั้งแต่เด็ก ๆ จากพ่อแม่ของเธอ และตอนอายุได้ 11 ปี เธอได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสอนการแสดง Lee Strasberg Theatre Institute จนกระทั่งอายุ 16 ปี เธอก็เริ่มต้นอาชีพเป็นนางแบบและปรากฏตัวใน MV หลายเพลง

ในช่วงกลางปี 90s Jolie ได้ปรากฏตัวในหนังเล็ก ๆ ทั้ง Hackers ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) และ Foxfire ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) แต่การแสดงของเธอก็น่าประทับใจมากพอจนได้ไปแสดงในบทที่โดดเด่นกว่าเดิมในเรื่อง True Women ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) และ George Wallace ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) ที่ส่งให้เธอชนะรางวัลลูกโลกทองคำครั้งแรกในชีวิตและถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy

การแสดงของเธอยังคงโดดเด่นและได้รับเสียงชื่นชมมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเธอได้รับบทใน Gia ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) และในเรื่องนี้ก็ทำให้เธอคว้ารางวัลลูกโลกทองคำอีกครั้ง รวมถึงได้เข้าชิงรางวัล Emmy และคว้ารางวัล SAG Award ไปครอบครอง

เธอสร้างความน่าประทับใจและประสบความสำเร็จอีกครั้งกับบทบาทแสดงนำใน The Bone Collector ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) ได้แสดงเคียงข้างกับ Denzel Washington ตามมาด้วย Girl, Interrupted ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) ที่ส่งให้เธอคว้ารางวัลลูกโลกทองคำเป็นครั้งที่ 3 (3 ปีติดเลยทีเดียว) แต่ในครั้งนี้เธอสามารถไปคว้ารางวัลจากเวทีใหญ่อย่างออสการ์ได้อีกด้วย และชื่อของเธอก็โด่งดังไปทั่วโลก

ปี ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) เธอได้ถูกทาบทามให้ไปแสดงในเรื่อง Lara Croft: Tomb Raider ซึ่งในตอนแรกเธอไม่ได้สนใจอยากจะเล่นเลยแม้แต่น้อย แต่เธอมองว่ามันน่าสนใจตรงที่ได้ฝึกทักษะทางด้านร่างกายต่าง ๆ มันจึงน่าสนใจขึ้นมาทันที หลังจากออกฉายไปตัวหนังได้รับเสียงวิจารณ์ที่ไม่ค่อยน่าประทับใจสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ทำเงินทั่วโลกไปถึง 274 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,657 ล้านบาท) และคนส่วนมากเนี่ยตีตั๋วเพื่อมาดู Jolie โดยเฉพาะเลยทีเดียว

ครั้งนึงที่เธอได้ไปถ่ายทำหนัง Lara Croft เธอต้องไปถ่ายที่กัมพูชา ซึ่งในขณะอยู่ที่นั่นเธอได้เห็นถึงความสวยงามของธรรมชาติ, วัฒนธรรม และความยากจนของประเทศนั้น นั่นถือเป็นการเปิดโลกเธอมากทำให้เธอเริ่มต้นบทใหม่ในชีวิตกับบทบาททางมนุษยธรรม Jolie เริ่มออกเดินทางไปเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยต่าง ๆ ทั่วโลกและได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางกรในฐานะทูตสันถวไมตรีขององค์กร United Nations High Commissioner for Refugees (UNHCR)

หลังจากนั้นเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในด้านการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยรายได้จากการแสดงของเธอก็มักจะนำมาบริจาคและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เสมอ เธอแบ่งรายได้ของเธอเป็น 3 ส่วน 1 ส่วนคือเก็บไว้, อีกส่วนคือค่าครองชีพ และส่วนสุดท้ายเพื่อการกุศล เธอจะทำแบบนี้เสมอทุกครั้ง

ในช่วงปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) เธอได้แสดงหนังเรื่อง Beyond Borders ที่เป็นเรื่องแรกคล้าย ๆ กับที่เธอได้ทำในชีวิตจริงด้านประสบการณ์เกี่ยวกับมนุษยธรรม แต่น่าเสียดายที่ตัวหนังไม่ค่อยปังเท่าไหร่ ทั้งบน Box Office และ คำวิจารณ์

ปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) เธอได้แสดงหนังเรื่อง Mr. & Mrs. Smith ที่ได้แสดงร่วมกับ Brad Pitt ซึ่งตัวหนังประสบความสำเร็จบน Box-Office และดารานำทั้งสองก็ได้ถูกอกถูกใจกัน แต่ในตอนแรก Pitt กำลังคบอยู่กับ Jennifer Aniston แต่ภายหลังทั้งคู่ก็เลิกกัน และหลังจากนั้นตามงานต่าง ๆ ก็จะเห็น Brad Pitt มักจะควง Angelina Jolie ออกงานอยู่บ่อย ๆ จนกระทั่งแต่งงานกันในปี ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) และมีปัญหาเลิกราหย่ากันไปในปี ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)

เธอมีลูกทั้งหมด 6 คน ซึ่งมาจากการรับอุปการะ 3 คนและมีลูกกับ Brad Pitt อีก 3 คน

• ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) เธอรับอุปการะเด็กผู้ชายผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา ที่ชื่อว่า Maddox
• ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) เธอรับอุปการะเด็กหญิงผู้ลี้ภัยชาวเอธิโอเปีย ที่ชื่อว่า Zahara
• ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) เธอรับอุปการะเด็กชาวเวียดนามชื่อ Pax
• ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) เธอให้กำเนิดลูกสาว โดยเธอตั้งชื่อว่า Shiloh
• ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) เธอให้กำเนิดลูกฝาแฝด ชาย 1 หญิง 1 ชื่อว่า Knox และ Vivienne

เธอยังคงแสดงหนังมาอย่างต่อเนื่องรับบทโดดเด่นมากมาย และความสามารถทางการแสดงของเธอยังยอดเยี่ยมอีกต่างหาก ล่าสุดคงหนีไม่พ้นการแสดงกับบทบาท Maleficent ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2547), Maleficent: Mistress of Evil ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ที่พูดได้เลยว่าเธอสวยจริง ๆ "ปังมากแม่!"

แถมยังมีบทบาทรองรับเธอในอนาคตที่น่าสนใจสุด ๆ กับการกระโดดเข้าสู่จักรวาล MCU กับเรื่อง Eternals ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)

นักแสดงหญิงผู้มีสายเลือดการแสดงและซึมซับมาตั้งแต่ก้าวแรกของชีวิต ผู้มีจิตใจงดงามราวกับเทพธิดา - Angelina Jolie

5 มิถุนายน

MARK WAHLBERG

Mark Robert Michael Wahlberg เกิดวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514) เกิดที่ Boston, Massachusetts USA เป็นลูกคนเล็กสุดจาก 9 คน ของนางพยาบาล Alma Elaine และคนขับรถส่งของ Donald Edward Wahlberg

แต่พออายุได้ 7 ปี พ่อกับแม่ของเขาก็หย่ากัน ทำให้แม่ของเขาซึมเศร้าหนักมาก และเอาแต่โทษตัวเอง Mark ได้ออกจากโรงเรียนตอนอายุ 14 ใช้ชีวิตเละเทะไปข้องเกี่ยวกับอาชญากรรม ขโมยของ และเคยเป็นพ่อค้ายาเสพติด

เมื่ออายุ 16 ปี Mark เคยจำคุก 50 วัน จากกรณีที่ทำร้ายร่างกายชายเวียดนาม 2 คน ในขณะที่ Mark พยายามปล้นพวกเขา และด้วยช่วงเวลาในคุก ทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงชีวิต บอกตัวเองว่าพอสักที Mark ทิ้งโลกเลวร้ายเหล่านั้นไว้เบื้องหลัง และก้าวออกมาพิสูจน์ตัวเอง จนทำให้เรารู้จักเขาอย่างทุกวันนี้

Mark เป็นนักแสดงมากความสามารถ ที่เป็นทั้ง ผู้อำนวยการสร้าง นักธุรกิจ นายแบบ แรปเปอร์ และนักแต่งเพลง

ชื่อในวงการเพลงเค้ารู้จักกันในนาม Marky Mark เค้าเป็น frontman วง Marky Mark and the Funky Bunch ซึ่งปล่อยเพลงออกมาถึง 2 อัลบั้มเลยทีเดียว (Music for the People, You Gotta Believe)

Mark เริ่มต้นแสดงหนังเรื่องแรกในวงการกับเรื่อง Renaissance Man ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) และแสดงนำเป็นครั้งแรกในเรื่อง Fear ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) แต่บทที่สร้างชื่อให้กับเขาคือบทบาทของนักแสดงหนังโป๊ Dirk Diggler ในเรื่อง Boogie Nights ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540)

และนั่นเปรียบเสมือนใบเบิกทางสู่วงการ Hollywood ของเขา เขาได้เล่นหนังดัง ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Planet of the Apes ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544), The Italian Job ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), Four Brothers ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), Invincible ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549), Shooter ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) Ted ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), Pain & Gain ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), Lone Survivor ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), Transformers: Age of Extinction ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557), Daddy's Home ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), Deepwater Horizon ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), Patriots Day ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), All the Money in the World ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), Instant Family ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) และอื่น ๆ อีกมากมาย หลาย ๆ คนคุ้นเคยกับเขากับสำเนียงคน Boston มักจะเล่นเป็นทหาร หรือบทคุณพ่อเป็นต้น

เขาเคยได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ควบรางวัลลูกโลกทองคำในปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) สาขา นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Departed (2006) และในปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) หนัง The Fighter (2010) ที่เขาแสดง นอกจาได้รับคำชมมากมาย ตัวหนังยังได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย

ในฐานะนักแสดง ชื่อเสียงของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเพื่อนร่วมอาชีพแต่อย่างใด เขาเคยเกือบได้รับบท Linus Caldwell ใน Ocean’s Eleven ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) ก่อนที่บทจะตกไปเป็นของ Matt Damon, รวมไปถึงบทบาทของ Brain O’Conner ในแฟรนไชส์ The Fast and the Furious ก่อนที่บทจะตกไปของ Paul Walker

Mark เป็นพ่อคนครั้งแรกเมื่ออายุ 32 ปี กับภรรยาของเขา Rhea Durham ปัจจุบันทั้งคู่มีลูกด้วยกันถึง 4 คนแล้ว และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

Mark ยังคงมีงานแสดงให้เราชมอย่างต่อเนื่อง ทั้ง Spenser Confidential ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), ให้เสียงพากย์ใน Scoob! ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), Good Joe Bell ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), Uncharted ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)

ผมได้ทำหลายสิ่งที่ผมต้องมาเสียใจภายหลัง และแน่นอนว่าผมต้องชดใช้สำหรับข้อผิดพลาดเหล่านั้น คุณอาจจะออกไปขอการให้อภัย แต่คุณจะไม่ได้รับมันหรอก จนกระทั่งคุณเริ่มทำดี ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ต่อคนอื่น ๆ เหมือนที่คุณทำให้กับตัวเอง

- Mark Wahlberg

 7 มิถุนายน

LIAM NEESON

William John Neeson เกิดวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1952 (พ.ศ. 2495) ที่ Ballymena, Co. Antrim, Northern Ireland ประเทศอังกฤษ

Neeson ถูกเลี้ยงให้เติบโตภายใต้ครอบครัวชาวคาทอลิก เติบโตขึ้นมาทำงานหลากหลายมากตั้งแต่พนักงานยกของ, คนขับรถบรรทุก, ผู้ช่วยสถาปนิก, นักมวยสมัครเล่น และเคยเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัย St. Mary ที่ Newcastle ด้วย

อย่างไรก็ตามในปีค.ศ. 1976 (พ.ศ. 2519) เขาได้เข้าร่วมแสดงละครเวทีที่ Belfast Lyric Players และได้รับบททางการแสดงอาชีพครั้งแรกกับเรื่อง The Risen People

2 ปีหลังจากนั้น Neeson ก็ได้ย้ายมายัง Dublin อยู่ที่โรงละคร Abbey Theater และสถานที่แห่งนั้นทำให้การแสดงของเขาไปเตะตาผู้กำกับ John Boorman จนถูกทาบทามให้ไปรับบท Sir Gawin ในหนังเรื่อง Excalibur ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) นั่นถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบทในหนังใหญ่และมันก็เป็นการสร้างชื่อให้เขาพอจะมีบทบาทมาเสนอให้เขาเล่นเพียบ

เพราะตลอดช่วงปี 80s เขาปรากฏตัวในหนังและซีรีส์มากมายหลายเรื่องเช่น The Bounty ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527), A Woman of Substance ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527), The Mission ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529), Duet of One ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) แต่เขาก็ยังไม่โด่งดังระดับโลกเหมือนในทุกวันนี้

ไม่จนกระทั่งเขาได้ก้าวเข้าไปสู่วงการ Hollywood และเริ่มรับบทในเรื่อง Suspect ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) ซึ่งทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมมากมาย ตามมาด้วยบทบาทสมทบใน The Good Mother ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531), High Spirits ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531), กลับมาแสดงนำในบทบาท Satisfaction ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531), ร่วมงานกับผู้กำกับ Sam Raimi ใน Darkman ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533), Under Suspicion ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534), Ethan From ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536), และมาได้รับเสียงชื่นชมกับการแสดงใน Husbands and Wives ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535)

ไม่นานหลังจากนั้น พ่อมดแห่งวงการ Hollywood อย่าง Steven Spielberg ก็ได้ทาบทามให้เขามารับบท Oskar Schindler ในหนังเรื่อง Schindler's List ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) ที่ส่งให้เจ้าตัวได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ควบลูกโลกทองคำครั้งแรกในชีวิต และอีกมากมายหลายเวที ซึ่งการแสดงของเขาในเรื่องนี้ต้องนับว่ายอดเยี่ยมจริงๆ เท่านั้นยังไม่พอ เพราะในปีเดียวกันนั้น เจ้าตัวยังได้เข้าชิงรางวัล Tony จากการแสดงละครเวที Anna Christie

เส้นทางการแสดงของเขามีบทมารองรับมากมายทั้ง Nell ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) และแต่งงานในปีนั้นกับ Natasha Richardson (ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คน), Rob Roy ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538), ได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำครั้งที่สองจากเรื่อง Michael Collins ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) จนเขาได้รับชื่อว่าเป็นดาราชั้นนำแห่งวงการ Hollywood ณ ตอนนั้นเลย ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของชายคนนี้ นั่นก็ตามมาด้วยบทบาทอาจารย์เจได Qui-Gon Jinn ใน Star Wars: Episode I - The Phantom Menace ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542), ได้เข้าชิงลูกโลกทองคำครั้งที่สามจากเรื่อง Kinsey ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547), ร่วมงานกับ Christopher Nolan ใน Batman Begins ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), ให้เสียงพากย์ Aslan ใน The Chornicles of Narnia ค.ศ. 2005, 2008, 2010 (พ.ศ. 2548, 2551, 2553)

และเปรี้ยงปร้างอีกครั้งที่คาดว่าหลายคนคงจดจำบทบาทนี้เขาไม่ลืมกับคุณพ่อผู้ทวงแค้น

ฉันไม่รู้ว่าแกเป็นใคร ไม่รู้ว่าแกต้องการอะไร ถ้าแกต้องการเรียกค่าไถ่ บอกเลยฉันไม่มีเงิน แต่ที่ฉันมีคือความเก่งกาจเฉพาะด้านที่เรียนรู้จากการทำงานมานาน ฝีมือที่จะทำให้ฉันเป็นฝันร้ายสำหรับคนอย่างแก ถ้าแกปล่อยตัวลูกสาวฉันตอนนี้ ก็จบกันไป ฉันจะไม่หาพวกแก ไม่ไล่ล่าพวกแก...แต่ถ้าไม่ ฉันจะตามหาแก ฉันจะหาแกเจอแน่...และฉันจะฆ่าแก

ประโยคอมตะที่ใครที่ได้ดูต้องจำกันไปนานเลย (และกลายเป็นมีมอย่างโด่งดัง) นั่นก็คือบทบาทใน Taken ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551)

แต่เรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้น หลังจากหนังเปิดตัวไปไม่ถึง 2 เดือน ภรรยาของเขา Natasha Richardson ก็ได้ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บที่ศรีษะอย่างร้ายแรงจากอุบัติเหตุในการเล่นสกี และผ่านไปไม่กี่วันเธอก็เสียชีวิต

Neeson กลับมาแสดงหนังทุนสูงอีกครั้งในเรื่อง Clash of the Titans ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553), The A-Team ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) พร้อมหนังแอ็คชั่นที่เหมาะกับลุคของเขาทั้งใน Unknown ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), The Grey ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), Battleship ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), Warth of the Titans ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) และ Taken 2 ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)

Neeson ก็กลับมารับงานแสดงเช่นเดิม กับบทอีกมากมายหลายเรื่องรวมถึง Taken 3 ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) แต่บทบาทในช่วงหลังที่เราคิดว่าเขาแสดงโคตรดี หนังก็โคตรตลกร้าย แต่ไม่เปรี้ยงเท่าไหร่ นั่นก็คือในเรื่อง Cold Pursuit ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)

และยังคงมีผลงานแอ็คชันให้เราได้ดูกัน ทั้ง Honest Thief ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), The Marksman ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), The Ice Road ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Blacklight ค.ศ. 202 (พ.ศ. 2565)

ในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) Neeson ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จักรวรรดิบริติชจากราชินีอังกฤษ จากการให้เป็นเกียรติที่เจ้าตัวได้แสดงหนังหลายเรื่อง

MICHAEL CERA

Michael Austin Cera เกิดวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) ที่ Brampton, Ontario ประเทศแคนาดา

เขาเริ่มให้ความสนใจในการแสดงมาตั้งแต่เด็ก ๆ มีช่วงนึงที่เขาป่วยหนักจนต้องอยู่บ้าน เขาได้หยิบหนังในตำนานเรื่องนึงมาดู นั่นก็คือ Ghostbusters ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527) และเขาก็ดูมันซ้ำ ๆ แบบนั้น จนจำบทสนทนาในหนังได้แทบจะทั้งหมด

หลังจากความหลงไหลในการแสดงนั้น มันก็ได้จุดประกายให้เขาได้เข้าไปเรียนที่คลาสสอนการแสดงที่ The Second City Toronto และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับบทบาทเล็ก ๆ รวมถึงแสดงซีรีส์บ้างและปรากฏในโฆษณาบางตัว

ซึ่งเจ้าตัวเคยไปออดิชั่นเพื่อรับบท Cole Sear ในหนังหักมุมสุดคลาสสิคชื่อดัง The Sixth Sense ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) แต่ก็ไม่ชนะ และบทก็ตกไปเป็นของ Haley Joel Osment

แต่เขาเริ่มมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักหลังจากเขาได้ถูกทาบทามให้ไปรับบท George Michael Bluth ในซีรีส์เรื่อง Arrested Development ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546)

หลังจากนั้นก็มีบทที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ มาให้เขาได้แสดง ทั้ง Superbad ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550), Jono ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550), Youth in Revolt ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) และหลายคนน่าจะรู้จักเขา ที่เจ้าตัวก็เปรี้ยงปร้างสุด ๆ กับบทบาท Scott Pilgrim ใน Scott Pilgrim vs. the World ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553)

Cera ยังคงแสดงหนังมาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้อาจจะไม่ได้ดังเปรี้่ยงปร้างดาราระดับ A-List แต่มีผลงานของเขาออกมาอย่างต่อเนื่องปีนึงไม่ต่ำกว่า 2 เรื่อง และนับตั้งแต่ Scott Pilgrim vs. the World เขามีผลงานแสดงอีกประมาณ 30 เรื่องเลยทีเดียว และผลงานล่าสุดที่เพิ่งผ่านพ้นไปคือบทบาท Sal Viscuso ในซีรีส์ Medical Police แถมยังมีผลงานในอนาคตอีก 3 เรื่อง ทั้งการให้เสียงพากย์ The Lego Batman Movie 2, Jonty และ Blazing Samurai

นอกเหนือจากงานแสดง เจ้าตัวยังคงเป็นนักดนตรีด้วย โดยตั้งเขาทั้งร้องนำ เล่นกีตาร์และเบส อีกด้วย

9 มิถุนายน

MICHAEL J. FOX

Michael Andrew Fox เกิดวันที่ ค.ศ. 1961 (พ.ศ. 2504) ที่ Edmonton, Alberta ประเทศแคนาดา

ซึ่งตัวย่อ J. ของเขาเอามาจากนักแสดงที่ชื่อว่า Michael J. Pollard และอีกเหตุผลคือเขาไม่อยากใช้ชื่อ Michael Fox เพื่อไปซ้ำกับนักแสดงอีกคนหนึ่งเขาจึงตัดสินใจเอา J. มาไว้ตรงกลางและเขาก็ไม่อยากให้นิตยสารพาดหัวชื่อเขาว่า Michael, A Fox! (ไมเคิลไอ้หมาจิ้งจอก) อะไรทำนองนั้น

จริง ๆ เจ้าตัวเป็นโรคพาร์กินสันในปี ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) และได้เขียนหนังสือที่ชื่อว่า Lucky Man เกี่ยวกับโรคนี้และเรื่องอื่น ๆ ที่เขาต้องรับมือในชีวิตด้วย

เมื่ออายุได้ 15 ปี เจ้าตัวประสบความสำเร็จในการออดิชั่นเพื่อไปรับบทเด็ก 10 ปีในซีรีส์เรื่อง Leo and Me ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521)

เขาได้รับความสนใจจากสื่อมากขึ้นในฐานะดาวดวงใหม่ของทางซีรีส์และหนังของแคนาดา

Michael ค้นพบว่าตัวเองชอบการแสดงมาก ๆ เขาจึงไปแสดงละครเวทีเรื่อง The Shadow Box

เมื่ออายุได้ 18 ปี เขาก็ย้ายไปยัง Los Angeles และได้รับข้อเสนอให้มารับบทในซีรีส์บ้างบางเรื่อง

ต่อมาเอเย่นต์ส่วนตัวของเขาก็บอกว่าเขาได้รับบท Alex P. Keaton ในซีรีส์เรื่อง Family Ties ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำถึง 4 ปีเลยทีเดียว ที่คว้ารางวัลไปได้ในปี ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532)

ตามมาด้วยบทนำในหนังเรื่อง High School U.S.A. ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526), High School U.S.A. ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526), Poison Ivy ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528), Teen Wolf ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528) และบทบาทที่ส่งเขาดังเปรี้ยงปร้างแบบสุด ๆ กับบท Marty McFly ในเรื่อง Back to the Future ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528) ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ

แต่เดิมที่ Robert Zemeckis และ Bob Gale ได้คุยกับ Michael J. Fox ให้มารับบท Marty McFly แต่เจ้าตัวดันไม่ว่างตารางงานชน บทจึงตกเป็นของ Eric Stoltz แต่หลังจากถ่ายทำไป 6 สัปดาห์ ทาง Robert Zemeckis และ Bob Gale รู้สึกว่าตัวของ Eric ดูรุนแรงเกินไปสำหรับบท Marty McFly ทำให้ต้องติดต่อกลับไปที่ Michael J. Fox อีกที และคราวนี้เขาว่างจึงตอบตกลงรับบทนี้ทันที

และหลังจากหนังฉายไปทั่วโลกตัวของ Michael J. Fox ได้ถูกคนแปลกหน้าแทบจะทุกคนเรียกชื่อว่า Marty McFly ซึ่งทั้งตัวละครและหนังเรื่องนี้กลายเป็น Pop Culture แห่งยุค 80s ที่ยังคงเป็นความอมตะมาถึงทุกวันนี้ และยังคงมีภาคต่อมาอีก 2 ภาค Back to the Future Part II ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) และ Back to the Future Part III ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533)

และหลังจากนั้นก็มีบทให้เขาแสดงอีกมากมาย ทั้ง Mars Attacks! ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539), Stuart Little ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542), ซีรีส์ Spin City ค.ศ. 1996-2001 (พ.ศ. 2539-2544) ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำอีก 4 ครั้งและคว้าไปได้ถึง 3 ครั้งเลยทีเดียว

น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างอย่างตอน Back to the Future แล้ว แต่ในปัจจุบันยังคงมีผลงานของเขามาให้เห็นอยู่บ้างแต่จะเป็นซีรีส์แทบจะทั้งหมด...

อย่างไรก็ตามชื่อของ Marty McFly คือตำนานที่ติดตัวของ Michael J. Fox ไปจนตายอย่างแน่นอน

JOHNNY DEPP

Johnny Depp มีชื่อจริงว่า John Christopher Depp II เกิดวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1963 (พ.ศ. 2506) เกิดที่ Owensboro, Kentucky ประเทศอเมริกา

เป็นลูกคนสุดท้อง จาก 4 คน ของบริกร Betty Sue และวิศวกร John Christopher Depp

หลายคนอาจไม่รู้ว่า Depp พิการมาตั้งแต่กำเนิด เพราะว่าดวงตาซ้ายของเขาแทบจะบอดสนิท แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการใช้ชีวิตของเขาแต่อย่างใด

ตอนอายุ 12 ปี Depp ได้กีตาร์เป็นของขวัญวันเกิดจากแม่ และทำให้เขาหลงไหลในโลกของดนตรีนับตั้งแต่นั้น จนกระทั่งเขาตั้งวงดนตรีของตัวเองขึ้นมา โดยใช้ชื่อวงว่า Flame

ในฐานะนักดนตรี Depp ได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเล่นดนตรี รับจ้างเล่นตามผับ แม้อายุจะไม่ถึงก็ตาม แถมยังทดลองยาเสพติดอีกด้วย! ในขณะนั้น พ่อแม่ของเขาได้หย่ากัน ส่วน Depp ก็ได้ลาออกจากโรงเรียนด้วยวัยเพียง 15 ปี เพื่อเดินหน้าทำตามความฝันความเป็น Rock Star

แต่ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เขาก็ขอกลับเข้าไปเรียนใหม่อีกครั้ง แต่ทางโรงเรียนบอกให้เขา “เดินตามความฝันในฐานะนักดนตรี” ด้วยเหตุนั้น เขาจึงตั้งใจอย่างแรงกล้าเพื่อเส้นทางนักดนตรี และได้ฟอร์มวงใหม่ขึ้นมา ในชื่อว่า The Kids และวงนี้ก็ประสบความสำเร็จไม่น้อยเลย

ทั้งหมดจึงออกเดินทางไป Los Angeles เพื่อไปทำอัลบั้ม และได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น Six Gun Method แต่วงนี้ก็ไปไม่ถึงฝัน เพราะสุดท้ายแล้ววงก็แตกเสียก่อน

Depp ยังคงเดินในเส้นทางนักดนตรีต่อในฐานะมือกีตาร์ของวง Rock City Angels และจุดผันเปลี่ยนของชีวิตเขาก็เริ่มขึ้น

Depp ได้พบรักกับ Lori Anne Allison น้องสาวของมือเบสในวง จนทั้งคู่ได้แต่งงานกัน แต่ทั้งคู่ก็หย่าร้างกันในไม่กี่ปีต่อมา

แต่ ณ ขณะนั้น ความเป็นนักดนตรีเหมือนจะไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตคู่ เขาจึงต้องทำอาชีพเสริมเป็นพนักงานขายปากกาทางโทรศัพท์ ส่วน Lori ก็เป็นช่างแต่งหน้าในกองถ่ายหนัง

มีอยู่วันหนึ่ง Lori ได้แนะนำให้ Depp รู้จักกับ Nicolas Cage และเป็น Cage นี่แหละ ที่แนะนำให้ Depp เข้าสู่แวดวงการแสดง ทั้งคู่เริ่มไปเที่ยวด้วยกันและสนิทกันอย่างมาก Cage จึงพาเขาไปแนะนำกับ Wes Craven จนทำให้ Depp ได้รับบทนำในเรื่อง A Nightmare on Elm Street ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527) และนั่นคือหนังเรื่องแรกของเขา แถมยังเป็นใบเบิกทางให้ตนเองในฐานะนักแสดงอีกด้วย

Depp ได้โลดแล่นในวงการแสดงกับหลายบทบาทเล็ก ๆ ในหนังหลาย ๆ เรื่อง จนกระทั่งเขามารับบท Tom Hanson ในซีรีส์ 21 Jump Street ค.ศ. 1987-1990 (พ.ศ. 2530-2533) เขาจึงกลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้นไปเลย

เขาได้รับบทนำในเรื่อง Cry-Baby ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533) และสร้างชื่อให้ดังมากขึ้นกับบทบาท Edward Scissorhands ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533) ของ Tim Burton จนส่งผลให้ Depp กลายเป็นนักแสดงคู่บุญของ Tim Burton ไปเลย

เขาเป็นทั้งพี่น้อง, เพื่อน, พ่อ เขาแตกต่างและมีจิตวิญญาณที่กล้าหาญ เขาเป็นคนที่ผมจะอยู่ด้วยเมื่อถึงจุดจบของโลก และผมรู้ เขาก็คิดกับผมแบบเดียวกัน

เขาสามารถขอผมได้ทุกเรื่อง ถ้าในหนังเรื่องต่อไปเขาให้ผมมี sex กับมด ผมก็จะทำ

แต่จุดที่เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของเขาเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขามารับบทเป็น Captain Jack Sparrow ในแฟรนไชส์ Pirates of the Caribbean กลายเป็นบทบาทที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิตของ Depp หลาย ๆ คนก็รู้จักเขาจากบทบาทในเรื่องนี้นั่นแหละ

นั่นทำให้เขางานชุกชุม รับแสดงหนังอีกมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Secret Window ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547), Charlie and the Chocolate Factory ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), Public Enemies ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), Alice in Wonderland ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553), Dark Shadows ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), Fantastic Beast: The Crimes of Grindelwald ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) โดยตลอดชีวิตการแสดงเขาแสดงหนังมากถึงเกือบ 90 เรื่อง แถมยังถูกทาบทาม พิจารณา และปฏิเสธบทหนังดังอีกมากมายหลายสิบเรื่อง เช่น

• ถูกพิจารณาให้ไปรับบท Charles Chaplin ใน Chaplin ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) ก่อนบทจะตกไปเป็นของ Robert Downey Jr.
• ถูกพิจารณาให้ไปรับบท Dr. Ian Malcolm ใน Jurassic Park ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536)ก่อนจะตกไปเป็นของ Jeff Goldblum
• ถูกพิจารณาให้รับบทเดียวกับ Will Smith ในเรื่อง Independence Day ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) และ Suicide Squad ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559)
• ถูกพิจารณาให้รับบทใน Batman Forever ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538), Heat ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) และ The Saint ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) ก่อนที่ทั้งหมดจะเป็นบทของ Val Kilmer
• ถูกพิจารณาให้รับบท Pennywise ใน It ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560)
• ปฏิเสธรับบท Jack Dawson ใน Titanic ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540)
• เขาปฏิเสธบทนำจาก Oz the Great and Powerful ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556)

Depp ขึ้นชื่อว่าเป็นนักแสดงเจ้าบทบาท ที่เล่นมาแล้วแทบจะทุกบทบาท เขาเคยเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 3 ครั้ง ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl, ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง Finding Neverland, ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street และได้รางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมภาพยนตร์ตลกหรือเพลง จากเรื่องเดียวกัน

และบนเวทีลูกโลกทองคำก็เคยคว้ารางวัลไป 1 ครั้งจาก Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street (2007) และเข้าชิงอีก 8 สาขาจากเรื่อง Edward Scissorhands (1990), Benny & Joon (1993), Ed Wood (1994), Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl (2003), Finding Neverland (2004), Charlie and the Chocolate Factory (2005), Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest (2006), Alice in Wonderland (2010) และ The Tourist (2010)

และเจ้าตัวมีผลงานล่าสุดให้เราได้เห็นกัน กับบทบาท W. Eugene Smith ช่างภาพชื่อดังในหนังเรื่อง Minamata ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

แต่ถึงเค้าจะแสดงหนังเยอะแค่ไหน Depp ไม่เคยดูหนังที่ตนเองแสดงเลยแม้แต่เรื่องเดียว

ชีวิตรักของ Depp ค่อนข้างจะหลากหลาย หลังจาก Lori แล้ว เขาได้รักกับ Sherilyn Fenn, Jennifer Grey, Winona Ryder, Kate Moss, Vanessa Paradis และเธอเป็นคนเดียวที่มีลูกกับเขา

นั่นก็คือ Lily-Rose Depp และ Jack John Christopher Depp III แต่ทั้งคู่ก็เลิกรากันในที่สุด

จนมาถึงคนล่าสุด Amber Heard ก่อนจะหย่าร้างกันไปด้วยกรณีสุดอื้อฉาว ที่กลายเป็นคดีความฟ้องร้องกันเลยทีเดียว และหลังจากที่เจ้าตัวทนทุกข์กับผลกระทบจากหลากหลายเหตุการณ์ในเรื่องนี้ เขาก็ชนะคดีความในที่สุด

ถึงแม้ชีวิตของ Depp จะผ่านอะไรมามากมายหลากหลาย แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังคงชื่นชอบในความเป็นศิลปิน เช่นเดียวกัน เขาก็คือดารามากความสามารถ ผู้มาพร้อมกับบทบาทการแสดงอันมากมายหลากหลาย ที่ทำให้ทั้งโลกจดจำชื่อเขาไม่มีวันลืม

ทุกบทบาทที่ผมได้รับ ผมจำเป็นต้องรับผิดชอบมัน ผมจำเป็นต้องใส่จิตวิญญาณที่ขาดหายลงไปเพื่อทำให้บทบาทเหล่านั้นมีชีวิต

NATALIE PORTMAN

Natalie Hershlag เกิดวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) ที่กรุง Jerusalem ประเทศอิสราเอล

ครอบครัวของเธอย้ายบ้านจากอิสราเอลมาอยู่ที่ Washington , D.C. เมื่อตอนยังเล็กมาก ๆ และเมื่อเธอเริ่มเดินได้ครอบครัวเธอก็ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่ New York ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธออยู่ทุกวันนี้

เธอเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนและหัวดีมากจนได้เข้าไปเรียนที่ Harvard Univdrsity

เธอได้พบกับเอเย่นต์เมื่อตอนอายุ 11 ปีที่ร้านพิซซ่าแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาจะผลักดันเธอให้เป็นนางแบบ แต่ตัวเธอปฏิเสธเพราะตัดสินใจอยากจะมีอาชีพทางด้านการแสดงมากกว่า

จนกระทั่งเธอแจ้งเกิดบทบาทการแสดงในหนังเรื่อง Léon ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) ตามมาด้วยบทบาทในเรื่อง Heat ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538), Beautiful Girls ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) และ Mars Attacks! ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539)

แต่บทบาทที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอเป็นวงกว้างมากขึ้น คือในปีค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) คือบทบาท Queen Amidala ในเรื่อง Star Wars: Episode I - The Phantom Menace ตามมาด้วยภาคต่ออีก 2 ภาค กับ Star Wars: Episode II - Attack of the Clones ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) และ Star Wars: Episode III - Revenge of the Sith ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)

หลังจากนั้นเธอก็ได้รับเสียงชื่นชมมาอีกจากหนังคอเมดี้ดราม่าเรื่อง Anywhere But Here ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) ที่ส่งให้เธอได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำครั้งแรกในชีวิต และ Where the Heart Is ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543)

เธอได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกในชีวิตจากเรื่อง Closer ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) และสามารถไปคว้ารางวัลลูกโลกทองคำมาได้จากเรื่องเดียวกัน

จนกระทั่งเธอได้รับบทใน Black Swan ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) ที่นับว่าเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิตของเธอ เพราะมันสามารถส่งให้เธอคว้าควบทั้งรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำด้วย

ซึ่งการแสดงของเธอยังคงทำได้ดีเรื่อยมามีบทมาให้เธอแสดงอย่างต่อเนื่อง และเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล MCU ในฐานะ Jane Foster ที่ได้เข้าสู่จักรวาลครั้งแรกในเรื่อง Thor ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) และบทบาทของเธอก็สำคัญมากขึ้นเพราะในภาคล่าสุดอย่าง Thor: Love and Thunder ค.ศ 2022 (พ.ศ. 2565) เธอจะกลับมารับบท Jane Foster แต่ในครั้งนี้เธอจะกลับมาถือค้อน Mjonir

อีกหนึ่งบทบาทที่เธอแสดงได้น่าประทับใจคือบทบาท Jackie Kennedy ในเรื่อง Jackie ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) ที่ส่งให้เธอได้เข้าชิงทั้งรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถคว้าไปได้

ทุกวันนี้ยังคงมีผลงานการแสดงของเธอออกมาอย่างต่อเนื่องให้เราได้เห็นกัน ทั้ง Lucy in the Sky ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และมีบทรองรับอีกในอนาคตทั้ง What If...? ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Thor: Love and Thunder ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)

นักแสดงหญิงคนแรกที่เกิดในช่วงปี ค.ศ. 1980s (พ.ศ. 2523-2532) ที่สามารถคว้ารางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมมาได้ จากเรื่อง Black Swan ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553)

11 มิถุนายน 

HUGH LAURIE

James Hugh Calum Laurie เกิดวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1959 (พ.ศ. 2502) ที่ Oxford, Oxfordshire ประเทศอังกฤษ

Laurie เข้าศึกษาที่ Eton และ Cambridge เขาเคยชนะการแข่งขันพายเรือให้กับทีมเยาวชนอังกฤษในปี ค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2520) และ Cambridge ในปี ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523)

ได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับสามในสาขามนุษยวิทยาและโบราณคดีที่วิทยาลัย Selwyn, และมหาวิทยาลัย Cambridge

จุดเริ่มต้นการแสดงของเขามาจากการที่เขาได้เป็นเพื่อนกับ Emma Thompson และ Thompson ได้พาไปรู้จักกับ Stephen Fry ในช่วงปี ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) จนได้เริ่มแสดงครั้งแรกในซีรีส์ There's Nothing to Worry About! ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525)

แต่ผลงานแจ้งเกิดและสร้างชื่อให้กับเขาสุด ๆ คือการได้มาแสดงในซีรีส์ House M.D. ค.ศ. 2004-2012 (พ.ศ. 2547-2555) ที่การแสดงของเขาส่งให้เขาเข้าชิงรางวัล Primetime Emmy Awards ได้มากถึง 7 ครั้งเลยทีเดียว

เจ้าตัวยังมีบทบาททางการแสดงอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 101 Dalmatians ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539), Stuart Little ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), Arthur Christmas ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), Tomorrowland ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), Catch-22 ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และบทบาทในซีรีส์ The Night Manager ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัล Primetime Emmy Awards อีก 2 สาขาในปี ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559)

ในอนาคตยังมีผลงานของเขาให้เราได้เห็นกันอยู่กับ The Canterville Ghost และการให้เสียงพากย์ใน The Amazing Maurice

PETER DINKLAGE

Peter Dinklage มีชื่อจริงว่า Peter Hayden Dinklage เกิดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) เขาเกิดที่ Morristown, New Jersey ประเทศ สหรัฐอเมริกา เป็นลูกของคุณครูประถม Diane และ saleman John Carl Dinklange

หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักเขาจากบทบาทจากซีรีส์ชื่อดังอย่าง Tyrion Lannister จาก Game of Thrones ค.ศ. 2011-2019 (พ.ศ. 2554-2562) แต่กว่าจะถึงจุดนั้น ชีวิตของเขาต้องผ่านความท้าทายและเรื่องราวมากมายที่ต้องก้าวผ่านความผิดปกติทางด้านร่างกายของเขาให้จงได้ เพื่อพิสูจน์ว่า ผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ก็สามารถก้าวผ่านเงามืดที่ยิ่งใหญ่ได้

บทบาทแรกที่ Dinklange ได้รับต้องย้อนกลับไปเมื่อเขาอยู่เกรด 5 กับละครเวทีเรื่อง The Velveteen Rabbit เขาได้รับบทแสดงนำและได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นคือตัวจุดประกายที่ทำให้เขาอยากเป็นนักแสดงมาจนถึงทุกวันนี้

เมื่อคุณได้รับการโค้งคำนับให้หลังการแสดง นั่นเป็นความรู้สึกที่โคตรดีเลยแหละ

Dinklange เกิดมาพร้อมกับโรคคนแคระที่ถูกเรียกว่า Achondroplasia (กระดูกอ่อนไม่เจริญ) ตั้งแต่กำเนิด เขาบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะยอมรับความผิดปกตินี้

ในช่วงชีวิตวัยเด็ก ผมรู้สึกขมขื่นและโมโหมาก ผมก็ตั้งกำแพงกับตัวเองมาตลอด

Dinklange จบการศึกษาด้านการแสดงที่มหาวิทยาลัย Bennington ในปี ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) หลังจากนั้นเขาได้ย้ายตัวเองไปมหานคร New York เพื่อทำตามความฝันในฐานะนักแสดง เขาได้ไปอาศัยอยู่ด้วยการแชร์อพาร์ทเม้นท์กับเพื่อน Ian Bell ใน Williamsburg, Brooklyn เขาต้องใช้เงินที่เขามีอยู่เพียงน้อยนิดไปซื้อแมวตัวหนึ่ง เพื่อมาจัดการกับหนูที่มากัดเขาตอนนอน ซึ่งแมวตัวนั้นก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของเจ้าตัวและอยู่ร่วมกันมาถึง 10 ปี และในช่วงเวลานั้น เขาต้องทำงานเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งเขาเกลียดมันมาก แต่เขาก็ไม่เคยหยุดทำตามความฝันในฐานะนักแสดงเลยแม้แต่วันเดียว

ในฐานะที่เขามีความผิดปกติทางด้านร่างกาย ทำให้เขาไม่ได้รับโอกาสเท่าที่ควรในการคัดเลือกนักแสดง บวกกับผู้คนมากมายก็ต่างอยากเป็นนักแสดงกันทั้งนั้น แต่ตัวเขาย่อมรู้ข้อนี้ดีอยู่แล้ว เขาจึงไม่ยอมจมปลักอยู่กับการเสียโอกาสในความฝันของเขาแต่อย่างใด เขามีความศรัทธาอย่างแรงกล้าว่า สักวันหนึ่งโลกจะนำเขาไปอยู่ในจุดที่เขาไม่มีวันหันหลังกลับได้แน่นอน

และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เขาได้รับบทบาทเป็นคนแคระชื่อ Tito ในเรื่อง Living in Oblivion ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) ตัวของเขามีความโดดเด่นทางด้านการแสดงอย่างมาก มีความเข้าใจในบทบาทที่ได้รับ, มีเสน่ห์, ฉลาด และมีอารมณ์ร่วมกับการแสดงทุกครั้ง ด้วยการแสดงในเรื่องนั้น เขาได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากมาย

แต่หลังจากนั้นเขากลับได้รับบทบาทเล็ก ๆ และได้ค่าตอบแทนจากการแสดงเพียงไม่เท่าไหร่ จนกระทั่งเขาอายุได้ 29 ปี เขาบอกกับตัวเองว่า การแสดงของเขาเรื่องต่อไป ไม่ว่าจะได้ค่าจ้างเท่าไหร่ เขาจะทำ ต่อจะนี้ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เขาจะเป็นนักแสดงชั้นแนวหน้าให้ได้ ซึ่ง ณ ตอนนั้น เขาไม่มีแม้กระทั่งมือถือด้วยซ้ำ แต่เขาก็ได้ถูกจ้างให้ไปแสดงในเรื่อง Imperfect Love ซึ่งนำมาซึ่งบทบาทนำในเรื่อง 13 Moons และในคือใบเบิกทางเข้าสู่วงการของเขาอย่างแท้จริง

แต่ภาพยนตร์แจ้งเกิดให้กับเขาจริง ๆ คือเรื่อง The Station Agent ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) กับบทบาทของ Finbar McBride และในเรื่องนั้น ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัลจากหลากหลายเวทีเลยทีเดียว หลังจากนั้น เขาเลยได้รับงานแสดงมามากมายก่ายกองเลยทีเดียว เช่น The Chronicles of Narnia: Prince Caspian ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551), พากย์เสียงใน Ice Age: Continental Drift ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), X-Men: Days of Future Past ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557), Pixels ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), Threee Billboards Outside Ebbing, Missouri ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), Avengers: Infinity War ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) และแน่นอน ยอดบทบาทอย่าง Tyrion Lannister จาก Game of Thrones ค.ศ. 2011-2019 (พ.ศ. 2554-2562) ด้วยบทเดียวกันนี้ ทำให้เขาได้เข้าชิงและรับรางวัลต่าง ๆ มากมายจากหลากหลายเวที และที่น่าภูมิใจที่สุด คือเขาคว้ารางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์ จากเวทีลูกโลกทองคำในปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)

ล่าสุดเจ้าตัวเพิ่งฝากผลงานเอาไว้ใน I Care a Lot ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) และให้เสียงพากย์ใน The Croods: A New Age ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

ในอนาคตยังมีผลงานของเขาอีกมากมายให้เราได้ติดตามกัน ทั้ง Cyrano ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), American Dreamer, Hitpig, The Toxic Avenger, The Thicket, Brothers, The Wild Bunch ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) และ The Dwarf

Peter Dinklage ชายผู้พิการมาตั้งแต่กำเนิด เป็นตัวตลกให้คนล้อและกลั่นแกล้งมาครึ่งชีวิต ถึงแม้จิตใจเค้าอาจจะบอบช้ำ แต่ความฝันในฐานะนักแสดงของเขาไม่เคยจางหาย จากบทละครเวทีตอนเกรด 5 สู่นักแสดงที่ทั่วทั้งโลกต่างรู้จัก หากเขาย่อท้อและยอมแพ้ตั้งแต่ในวันนี้ ทุกวันนี้เราคงไม่ได้รู้จักชื่อของชายคนนี้อย่างแน่นอน

โลกอาจจะบอกว่าคุณยังไม่พร้อม กรุณาอย่าไปถามหรอกว่ามันเพราะอะไร และไม่ต้องไปบอกโลกด้วยว่าคุณพร้อมแล้ว โชว์ให้เห็นไปเลย ทำมันเลย อย่ารอจนเป็นแบบผม จนอายุ 29 แบบผมถึงจะหามันเจอ แต่ถ้าคุณอายุ 29 แล้ว ก็ไม่เป็นไร บางคนไม่เคยค้นหาตัวตนพบด้วยซ้ำตลอดชีวิต แต่ผมเชื่อ พวกคุณต้องหามันเจอ

ให้ที่เหลือในร่างกายคุณเติบโตเพื่อได้มารู้จักคุณ ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะมันจะไม่มาหาหรอก แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นมันจะมาก็ต่อเมื่อคุณพร้อม ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกคุณว่าคุณพร้อมแล้ว ลุยไปเลย ผมใช้เวลามานานมากกับโลกใบนี้ก่อนที่ผมจะอนุญาตให้ตัวเองล้มเหลว
Beckett บอกไว้ว่าไงนะ? เคยลอง, เคยล้มเหลว, ไม่เป็นไร, ลองใหม่, ล้มเหลวใหม่, ล้มเหลวให้ดีกว่าเดิม" โลกเป็นของคุณ ปฏิบัติกับทุกคนด้วยความมีน้ำใจ และจุดประกายแสงสว่างในยามค่ำคืน

สุขสันต์วันเกิด Peter Dinklage นักแสดงตัวเล็กกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

SHIA LABEOUF

Shia Saide LaBeouf เกิดวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) ที่ Los Angeles, California ประเทศอเมริกา

ชื่อของ Shia เป็นภาษาฮิบรูมีความหมายว่า "ของขวัญจากพระเจ้า"

พ่อและแม่ของเขาหย่ากันตั้งแต่เขายังเล็ก ทำให้เขาอาศัยอยู่กับแม่ตลอดช่วงวัยเด็ก เขาเคยเล่าว่าพ่อของเขาเป็นชาว ฮิปปี้ พ่อเขาเคยปลูกกัญชาเอาไว้และทั้งคู่ก็เคยสูบกัญชาด้วยกันตอนเขา 10 ปี พ่อของเขาทั้งติดยา ติดเฮโรอีนและเคยเข้ารับการบำบัดและมักจะมีปัญหาบ่อยครั้งจนนำไปสู่การหย่าร้างนั่นแหละ

จุดเริ่มต้นในอาชีพการแสดงของเขา มาจากการแสดง stand-up comedy ให้กับเพื่อน ๆ ในระแวกบ้าน เช่นในร้านกาแฟเป็นต้น

มีอยู่วันนึงเขาได้เห็นเพื่อนคนนึงของเขาเล่นในหนังเรื่อง Dr. Quinn, Medicine Woman ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) และนั่นทำให้เขาอยากจะเป็นนักแสดงเหมือนเพื่อนเขาบ้าง

หลังจากนั้นเขาก็ได้คุยกับแม่ว่าอยากเป็นนักแสดงแบบสุด ๆ ทำให้วันต่อมาทั้งคู่ก็ออกตามหาตัวแทนเพื่อมาพาเขาเข้าสู่แวดวงการแสดง เขาเริ่มต้นโดยการหาจากสมุดหน้าเหลือง แล้วโทรไปติดต่อคนนึง พอเจอหน้ากันเขาก็ได้แสดงตลกให้กับนายหน้าคนนั้น ผลปรากฏว่านายหน้าคนนั้นชอบเขามาก และจับเขาเซ็นสัญญาทันที ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เริ่มไปออดิชั่นตามที่ต่าง ๆ จนได้รับบทบาทเล็ก ๆ มากมายในซีรีส์หลายเรื่อง

ตัวเขาเริ่มมีชื่อเสียงมาจากบทบาท Luois Stevens จากซีรีส์ทาง Disney Channel เรื่อง Even Stevens ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) และความสามารถในการแสดงของเขาทำให้เขาคว้ารางวัล Daytime Emmy Award

แต่รู้หรือไม่ว่าจุดเริ่มต้นการแสดงของเขาคือการให้เสียงพากย์หนังการ์ตูนของ Studio Ghibli เรื่อง Nausicaa of The Valley of the Wind หรือ Kaze no tani no Naushika ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527) ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ

และแน่นอนหลังจากความสำเร็จใน Even Stevens ทำให้อาชีพในแวดวงการแสดงของเขาเริ่มฉายแสงมากขึ้น เขาเริ่มได้แสดงในหนังเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Dumb and Dumberer: When Harry Mey Lloyd ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), Charlie's Angels: Full Throttle ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), I, Robot ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547), Constantine ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) และอีกหลายเรื่อง

แต่แน่นอนว่าบทบาทที่หลายคนรู้จักเขามากที่สุดคือบท Sam Witwicky ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในเรื่อง Transformers ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) และทั้งเรื่องประโยคที่เราได้ยินเขาพูดมากที่สุดคือการตะโกนเรียกหา Bumblebee กับ Optimus Prime และก็ได้แสดงอีก 2 ภาค กับ Transformers: Revenge of the Fallen ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) และ Transformers: Dark of the Moon ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554)

แต่ทั้งสองภาคหลังประสบความสำเร็จในด้านรายได้แต่คำวิจารณ์ไม่ค่อยเท่าไหร่ โดยเฉพาะการแสดงของ Shia LaBeouf เองที่หลายคนมองว่าไม่ได้แสดงอะไรเท่าไหร่เลยจนได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Razzie Awards ไปด้วย

จริง ๆ หลังจากการแสดงใน Transformers ภาคแรก เขาคว้ารางวัล BAFTA Awards สาขานักแสดงดาวรุ่งยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

หลังจากนั้นเจ้าตัวก็บอกว่าเขาจะเล่นหนังที่สเกลเล็กลง ไม่เล่นหนัง Blockbuster แล้ว เขาอยากพิสูจน์ตัวเองและใช้ฝีมือการแสดงมากกว่าการวิ่งหนีหุ่นยนต์และตะโกนเรียกให้คนช่วย ทำให้ช่วงหลังๆ เราเห็นหนังที่เขาเล่นก็จะเป็นหนังอาร์ท หนังติสเสียส่วนใหญ่

และแน่นอนมันก็เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงมากขึ้นจริง ๆ แถมการแสดงของเขาก็ดูดีกว่าตอนที่รับบท Sam Witwicky เช่นในเรื่อง Honey Boy ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ที่กึ่งดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของเจ้าตัวเอง หรือล่าสุดอย่าง The Peanut Butter Falcon ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ที่ถ่ายทอดเรื่องราวมิตรภาพได้งดงามจริง ๆ

และก็มีช่วงนึงเฮียแกก็เพี้ยน ๆ บ้า ๆ บอ ๆ ทำอะไรที่คาดเดาไม่ได้เต็มไปหมด ไม่ว่าจะพาหมานับสิบมาเดือนเล่น, นั่งจ้องหน้าแฟนคลับ 1 ชม., ถ่ายทอดสดตัวเองอยู่ในลิฟท์ 24 ชม., ทำวิดิโอไวรอล Just do it, นั่งดูหนังตัวเองทุกเรื่องที่เคยแสดง และอีกมากมาย

13 มิถุนายน

TIM ALLEN

.

Timothy Alan Dick เกิดวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1953 (พ.ศ. 2496) ที่ Denver, Colorado ประเทศอเมริกา

เขาอาศัยอยู่กับแม่ เพราะพ่อของเขาถูกฆ่าตายหลังจากการมีปากเสียงกับคนเมาขณะขับรถกลับบ้านหาครอบครัวจากเกมฟุตบอลมหาวิทยาลัย Colorado เมื่อตอน Tim อายุ 11 ปี เท่านั้น หลังจากนั้น 2 ปี แม่ของเขาก็แต่งงานใหม่กับหวานใจสมัยมัธยมปลาย

เขาได้เรียนจบที่มหาวิทยาลัย Michigan ในสาขาการผลิตรายการโทรทัศน์ (Television Production)

ในปี ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) เขาโดนจับในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง ทำให้ต้องใช้เวลา2 ปีในคุก

หลังจากถูกปล่อยตัวเขาก็มีมุมมองใหม่เกี่ยวกับชีวิตและได้กำลังใจจากเพื่อน ๆ ทำให้เขาก้าวเข้าสู่อาชีพการเป็นตลกใน Comedy Castle ที่ Detroit

หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปปรากฏตัวในทีวีทั้ง Comedy's Dirtiest Dozen ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) และ Tim Allen: Men Are Pigs ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533)

ชื่อเสียงของเขาเริ่มโด่งดังขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนเริ่มรู้จักเขาจนมีซีรีส์ทางทีวียอดฮิตของช่อง AMC กับเรื่อง Home Improvement ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) นั่นและคือประตูเปิดกว้างสู่หลากหลายโอกาสในการแสดงของเขา ซึ่งจากการแสดงในวีรีส์นี้ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำถึง 5 ครั้ง และสามารถคว้าไปได้ 1 ครั้งในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538)

เขาได้เริ่มเล่นหนังใหญ่ ๆ ทั้ง The Santa Clause ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537), Galaxy Quest ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) แต่บทบาทที่ทำให้หลายคนรู้จัก, จดจำ และหลงรักเขามากที่สุดคือบทบาทของเล่นมนุษย์อวกาศ Buzz Lightyear ที่มีวลีติดปาก "To infinity and beyond" จากแฟรนไชส์ Toy Story ที่เขารับบทบาทนี้มาถึง 24 ปีเลยทีเดียว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) จนถึงปัจจุบัน ในระหว่างนั้นก็มีบทบาทของเขาให้เห็นบ้าง แต่ก็ไม่โด่งดังเท่า Buzz Lightyear จริง ๆ ที่ส่งท้ายบทบาทไปใน Toy Story 4 ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)

CHRIS EVANS

Chris Evans มีชื่อจริงว่า Christopher Robert Evans เกิดวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) เกิดที่ Boston, Massachusetts

หลายคนรู้จักเขาจากบทบาทซูเปอร์ฮีโร่ที่ได้รับสมญานามเรียกขานว่า #ตูดแห่งอเมริกา อย่าง Captain America (Steve Rogers) เจ้าตัวรับบทนี้อยู่เกือบ 10 ปี ก่อนจะทิ้งท้ายบทบาทไว้ใน Avengers: Endgame ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)

Evans จบจากโรงเรียนมัถยม Lincoln-Sudbury Regional ในขณะที่เรียนอยู่ที่นั่น ครูสอนการแสดงของได้ออกมาชื่นชมเขา ในแสดงละครเวทีเรื่อง The Winter’s Tale กับบทบาทของ Leontes

เขาเริ่มต้นการแสดงได้รับเครดิตครั้งแรกจาก VDO ที่ถ่ายกับเพื่อนเพื่อส่งงานอาจารย์ในชื่อเรื่องว่า Biodiversity: Wild About Life! ในปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540)

และในภายหลังเขาย้ายไปที่มหานคร New York เพื่อเรียนที่โรงเรียนสอนการแสดง Lee Strasberg Theatre and Film Institute

แต่ชีวิตการแสดงจริง ๆ ของเขาเริ่มขึ้นกับซีรีส์เรื่อง Opposite Sex ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) ในบทบาท Cary Baston

ก่อนที่จะได้แสดงหนังเรื่องแรกในบท Judd จากเรื่อง The Newcomers ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) แต่ก็เป็นแค่บทเล็กๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร

จนกระทั่งเขาได้แสดงนำครั้งแรกในเรื่อง Not Another Teen Movie ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) ในบทของ Jake Wyler

หลังจากนั้นเส้นทางนักแสดงของเขาดูสวยหรูขึ้นเรื่อย ๆ และได้มารับบทบาทที่ยิ่งสร้างชื่อให้กับเขาอีกใน Fantastic Four ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) กับบทบาท Johnny Storm และแน่นอนว่ากลายเป็นตัวละคร ขโมยซีน ที่ทั้งชายและหญิงต่างชื่นชอบ

เหตุจากเรื่องนี้เหมือนเป็นตัวจุดประกายความสำเร็จให้เขา ปีต่อมาเขาได้ติดอันดับที่ 18 ของเซเลป 101 คนที่มีหุ่นเซ็กซี่ที่สุด (101 Sexiest Celebrity Bodies) ของช่อง E!

ก่อนที่ในปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) จะมาประสบความสำเร็จถึงขีดสุดกับอีกหนึ่งบทบาทจากคอมิกส์ที่สร้างชื่อและกลายเป็นภาพลักษณ์ให้กับเขาทุกวันนี้ กับบท Captain America ในหนังของ Marvel เรื่อง Captain America: The First Avenger ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) นั่นทำให้เขาดังเป็นพลุแตก และทำให้แทบจะทั้งโลกรู้จักชื่อของ Chris Evans มาจวบจนถึงทุกวันนี้

เมื่อตอนยังวัยรุ่น เขาเคยตกหลุมรัก Sandra Bullock มาก หลังจากเห็นเธอแสดงในเรื่อง Speed ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537)

Chris Evans เคยเป็นแบบให้กับบอร์ดเกมส์ Mystery Date ของ Hasbro’s ในตัวละครชื่อว่า Tyler ซึ่งเวอร์ชั่นพิเศษของเกมส์นี้จะมีเสียงพากย์ของ Evans ด้วย

รู้หรือไม่ว่า The Simpsons เป็นการ์ตูนที่เขาชอบมากที่สุด ส่วนหนังที่เขาชอบที่สุดคือเรื่อง Braveheart ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538), Hurlyburly ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) และ The Royal Tenenbaums ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544)

แท้จริงแล้ว Chris Evans ได้เซ็นสัญญากับบท Johnny Storm ใน Fantastic Four ไว้ 3 ภาค แต่มันถูกทำออกมาแค่ 2 ภาคเท่านั้น และในภาครีบูทคนที่รับบทก็เป็น Michael B. Jordan แทน (โชคดีสำหรับเขาแล้วแหละ)

เขายังได้รับเล่นหนังจากตัวละครในหนังสือการ์ตูนถึง 4 เรื่อง เริ่มจากบท Johnny Storm จาก Fantastic Four  ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), Jensen จากเรื่อง The Losers ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553), Lucas Lee จากเรื่อง Scott Pilgrim vs. the World ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) และ Captain America

ในบทบาท Captain America: The First Avenger ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) ฉากที่เขาต้องใส่เสื้อยืด เขาโดนบอกให้ใส่เสื้อเล็กลงมา 2 ไซส์ เพื่อให้โชว์กล้ามตัวเอง และเขาต้องทนปวดหัวถึงขั้นเป็นไมเกรนในตอนที่ถ่ายทำ The Avengers ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) เนื่องจากชุดที่เขาใส่มันทั้งรัด อึดอัด และร้อนจนเกินไป

Chris Evans สนิทกับ Scarlett Johansson มาก่อนที่จะร่วมงานกันในหนังของ Marvel เสียอีก พวกเขาเคยแสดงหนังมาด้วยกันแล้วในเรื่อง The Perfect Score ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) และ The Nanny Diaries ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)

ในอนาคตยังมีบทบาทของ Evans ให้เราได้เห็นกันอีก ทั้ง Lightyear ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565), The Gray Man, Little Shop of Horrors และ Bermuda

Chris Evans สนับสนุนอย่างเต็มที่ในเรื่องสิทธิของ LGBTQ ให้สามารถแต่งงานกันได้ เพราะเขาเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี น้องของเขา Scott Evans ก็เป็นเกย์แบบเปิดเผย เขากับน้องก็เคยไปบาร์เกย์ด้วยกัน แถมเขาทั้งคู่ยังสนิทกันอย่างมากอีกด้วย เรียกได้ว่าเข้าใจแบบสุด ๆ

แน่นอนว่านอกจากการแสดงที่โดดเด่น ใบหน้าอันหล่อเหลา หุ่นที่เตะตาต้องใจ เขายังเป็นชายที่รักสัตว์มาก ๆ อีกคนหนึ่งด้วย เขาเคยเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่งชื่อว่า East เป็นพันธุ์ Bulldog

และในระหว่างที่ถ่ายทำเรื่อง Gifted ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) อยู่นั้น Chris Evans ได้รับอุปการะสุนัขหนึ่งตัวจากศูนย์พักพิงสัตว์ และตั้งชื่อให้มันว่า Dodger

ผมเป็นคนรักสุนัขมาก ผมให้มันนอนบนหมอนของผม ตื่นขึ้นมาหน้าชนหน้ากันเลยแหละ

นอกจากบทบาท Captain America ในหนังแล้ว ชีวิตจริง เขายังรับบทนั้นด้วย เพราะเจ้าตัวแสดงความใส่ใจทางการเมืองเป็นอย่างมาก เขามักแสดงความคิดเห็นทางการเมืองผ่าน Twitter ส่วนตัวอยู่บ่อย ๆ และเขามักต่อต้าน Donald Trump อยู่เสมอ

เขาได้เปิดเว็บไซต์ A Starting Point เป็นเว็บที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย โดยไม่ได้มีเป้าหมายทางการเมืองแต่อย่างใด

เจ้าตัวได้ทำคลิปหนึ่ง เดินทางไปยัง Washington D.C. เพื่อพูดคุยและสัมภาษณ์ เหล่านักการเมืองจากทั้งสองพรรค เกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองต่าง ๆ เพื่อตอบปัญหาประชาชน อีกด้วย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกวันนี้ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ Chris Evans และเขาได้กลายเป็นนักแสดงชั้นแนวหน้าของวงการ Hollywood ไปแล้ว

15 มิถุนายน

COURTENEY COX

Courteney Bass Cox เกิดวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1964 (พ.ศ. 2507) ที่ Birmingham, Alabama ประเทศอเมริกา

พ่อแม่เธอหย่ากันในช่วงปี ค.ศ. 1974 (พ.ศ. 2517) เธออาศัยอยู่กับแม่ ส่วนพ่อเธอย้ายไปอยู่กับพ่อที่ Florida ทำให้เธอกลายเป็นวัยรุ่นหัวขบถต่อต้านแม่ และพ่อเลี้ยงแบบสุด ๆ (แต่ตอนนี้ก็ดีกันแล้ว)

เธอเข้าเรียนที่ Mountain Brook High School ที่นั่นเธอเป็นทั้งเชียลีดเดอร์, นักเทนนิสและนักกีฬาว่ายน้ำ ซึ่งในปีสุดท้ายของการเรียนเธอได้มีโอกาสไปลองเป็นนางแบบด้วย และนั่นส่งให้เธอได้ปรากฏตัวตามป้ายโฆษณาต่าง ๆ ตามร้านขายของ

หลังจากนั้นก็ได้เข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ Mount Vernon College แต่ก็เรียนได้แค่ปีเดียวเท่านั้น เธอก็ลาออกมาเริ่มต้นอาชีพการเป็นนางแบบที่ New York ได้เซ็นสัญญาร่วมกับ Ford Modelling Agency ได้ถ่ายปกนิตยสารวัยรุ่น Tiger Beat และ Little Miss และได้ไปแสดงโฆษณาของ Maybeline, Noxema, New York Telephone Company และ Tampax

ในขณะที่เธอเป็นนางแบบ เธอก็ได้เข้าเรียนการแสดงด้วย ซึ่งความฝันและความทะเยอทะยานของเธอจริง ๆ คือการเป็นนักแสดงเนี่ยแหละ

ในปี ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527) Cox ได้มีโอกาสรับบทเล็ก ๆ ในตอนหนึ่งของซีรีส์ As the World Turns

แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงคือการที่เธอได้ถูกแคสโดย Brian De Palma ในวิดีโอ Dancing in The Dark ของ Bruce Springsteen ทำให้หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528) เธอได้ย้ายไป LA และได้แสดงหนังร่วมกับ Dean Paul Martin ในเรื่อง Misfits of Science แต่น่าเสียดายที่ไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่

อย่างไรก็ตามไม่กี่ปีถัดมา เธอได้รับเลือกจากผู้หญิงกว่า 1,000 คน ให้มาแสดงเป็นบทแฟนสาวของ Michael J. Fox ในเรื่อง Family Ties ค.ศ. 1987-1989 (พ.ศ. 2530-2532)

หลังจากจบซีรีส์ Family Ties เธอก็ได้มีโอกาสเข้ามาอีกมากมายในอาชีพการแสดงของเธอ ไม่ว่าจะเป็น Mr. Destiny ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533), Ace Ventura: Pet Detective ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) และได้มาแสดงซิทคอมอมตะ Friends ค.ศ. 1994-2004 (พ.ศ. 2537-2547) ที่ส่งให้เธอดังเปรี้ยงปร้าง ชื่อของเธอกลายเป็นที่รู้จักในระดับสากล ส่งให้เธอได้เข้าชิงรางวัล American Comedy Award อีกด้วย

ในปี ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) เธอได้ฝากผลงานที่กลายมาเป็นหนังประจำตัวของเธอไปแล้ว กับการแสดงหนังระทึกขวัญคอเมดี้สุดหักมุมของ Wes Craven ในเรื่อง Scream การแสดงของเธอในบทบาทนักข่าวสาว Gale Weathers ได้รับการชื่นชมแบบสุด ๆ และได้แสดงในภาคต่อ Scream 2 ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540), Scream 3 ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543), Scream 4 ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) และล่าสุดเธอก็กลับมารับบทในภาคต่อ Scream ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)

ไม่ใช่เพียงแต่เธอโด่งดังจากแฟรนไชส์ Scream เท่านั้น เธอนังได้พบรักกับนักแสดงอย่าง David Arquette ที่ทั้งคู่แต่งงานกันในวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) มีลูกด้วยกัน 1 คน แต่ก็หย่าร้างกันไปเมื่อ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556)

NEIL PATRICK HARRIS

Neil Patrick Harris เกิดวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516) ที่ Albuquerque, New Maxico ประเทศอเมริกา

Harris ได้เริ่มต้นการแสดงตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบเท่านั้น เขาชนะบท Toto ในการแสดงของโรงเรียนเรื่อง The Wizard of Oz

ในปี ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) Harris ได้เริ่มต้นเดบิวต์แสดงหนังครั้งแรกในเรื่อง Purple People Eater และ Clara's Heart

เมื่อ Harris อายุได้ 16 ปี เขาได้แสดงบทนำครั้งแรกในซีรีส์ทางทีวีของ Steven Boncho ในเรื่อง Doogie Howser, M.D. ค.ศ. 1989-1993 (พ.ศ. 2532-2536) ที่ทำให้กลายเป็นขวัญใจแฟน ๆ ในท้องถิ่นเลยทีเดียว แถมมันยังส่งให้เขาคว้ารางวัล Peoplpe's Choice Award สาขา Favorite Male Performer แถมยังส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำอีกด้วย

เมื่อ Doogie Howser, M.D. หยุดการผลิต ในช่วงปี ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) ทำให้ Harris ก้าวมาแสดงในละครเวทีที่เจ้าตัวอยากแสดงมาโดยตลอด และหลังจากนั้นเขาก็ใช้เวลามากมายไปกับการแสดงหนังทางทีวี จนกระทั่งได้มารับบทใหญ่ในหนังเรื่อง Starship Troopers ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) และ The Proposition ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541)

ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2541) Harris ได้ก้าวมารับบทในละครเวทีมิวสิคัลชื่อดัง Rent และการแสดงของเขาในเรื่องนี้ส่งให้่เขาค้วารางวัล Drama-League Award

หลังจากนั้นเขาก็มีบทบาทงานแสดงอย่างต่อเนื่อง ทั้งซิทคอม Stark Raving Mad ค.ศ. 1999-2000 (พ.ศ. 2542-2543), The Next Best Thing ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543), Undercover Brother ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545), ให้เสียงพากย์ Peter Parker/Spider-Man ในอนิเมชัน Spider-Man ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), The Smurfs ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), The Smurfs 2 ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), A Million Ways to Die in the West ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557), Gone Girl ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557),ซีรีส์ American Horror Story ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), อนิเมชันซีรีส์ The Penguins of Madagasga ค.ศ. 2010-2015 (พ.ศ. 2553-2558), Downsizing ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), A Series of Unfortunate Events ค.ศ. 2017-2019 (พ.ศ. 2562) ได้เข้าชิงรางวัล Primetime Emmy Awards 2 ปีติด

และบทบาทอันยอดเยี่ยมของเขาคือการแสดงในซิทคอม How I Met Your Mother ค.ศ. 2005-2014 (พ.ศ. 2548-2557) ที่ส่งให้เขาเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ 2 ปีติด และเข้าชิงรางวัล Primetime Emmy Awards อีก 4 ปีติด

ยังคงฝากผลงานไว้อย่างต่อเนื่องใน The Unbearable Weight of Massive Talent, Anita และที่น่าสนใจสุด ๆ คือการได้มาร่วมแสดงใน The Matrix 4 ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)

16 มิถุนายน

JOHN CHO

John Yohan Cho เกิดวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) ที่ Seoul ประเทศเกาหลีใต้ และได้ย้ายมาอยู่ Los Andeles, California ตั้งแต่อายุยังน้อย

หลังจากเรียนจบ Cho ได้ไปเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียน Pacific Hills School และได้เริ่มแสดงละครเวทีกับ Asian American theatre company East West Players

จุดเริ่มต้นทางการแสดงบนจอเงินของเขาคือการแสดงในหนังเรื่อง Yellow ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540), ซีรีส์ Boston Common ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540), The Jeff Foxworthy Show ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540, Shopping for Fangs ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540 และ Wag the Dog ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540)

บทบาทแจ้งเกิดของเขาจริง ๆ คือการได้มาแสดงในหนังรอมคอม American Pie ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) นั่นจึงส่งให้เขาได้รับบทตามมาอีกมากมาย และอีกหนึ่งบทบาทสุดฮิตของเจ้าตัวคือ Harold Lee ในเรื่อง Harold & Kumar Go to White Castle ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) แถมเขายังมีส่วนสำคัญในแฟรนไชส์ Star Trek กับบทบาท Sulu

และยิ่งนานวันเข้า เรายิ่งได้เห็นทักษะทางการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขา ตั้งแต่ในเรื่อง Columbus ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), Searching ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) และ The Grudge ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

เจ้าตัวได้ให้เสียงพากย์ในอนิเมชัน Netflix ทั้ง Over the Moon ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) และ Wish Dragon ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) รวมถึงแสดงอย่างต่อเนื่องใน Cowboy Bebop ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) 

18 มิถุนายน

RICHARD MADDEN

Richard Madden เกิดวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) ที่ Eldersile, Renfrewshire ประเทศอังกฤษ

Richard เป็นเด็กขี้อาย ทำให้วัยเด็กเข้าได้เข้าร่วมกับทางโรงละครเพื่อช่วยในความกล้าแสดงออกและแก้ปัญหาอาการเขินอายของเขา

ในช่วงวัยรุ่นเขาเป็นคนที่มีน้ำหนักมาก แต่ในระหว่างที่เขาอยู่ที่โรงเรียนสอนการแสดง เขาได้รับบทหนึ่งที่เค้าต้องเปลือยนั่นจึงทำให้เขาตระหนักว่าเขาไม่อยากที่จะเปลือยในรูปร่างแบบนั้น เขาจึงออกกำลังกายลดน้ำหนักและฟิตหุ่นเพื่อรับบทนั้น

เขาได้รับบทการแสดงระดับอาชีพครั้งแรกในซีรีส์เรื่อง Barmy Aunt Boomerang ในบท Sebastian ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999-2000 (พ.ศ. 2542-2543)

และการแสดงหนังเต็มตัวครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นในเรื่อง Complicity ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543)

แต่หลายคนรู้จักเขาจากบทบาท Robb Stark ในซีรีส์มหาศึกชิงบัลลังก์ Game of Thrones ที่สร้างชื่อให้เขาแบบสุด ๆ (ถึงแม้จะโดนฆ่าตายใน Red Wedding)

หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปแสดงหนังอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายใน Cinderella ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), Rocketman ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), 1917 ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)

แต่บทบาทที่สร้างชื่อเสียงให้เขาอีกครั้งคือบทบาทจากซีรีส์ Bodyguard ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) ที่ส่งให้เขาคว้ารางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากซีรีส์ประเภทดราม่า และเข้าชิงรางวัล BAFTA Awards ด้วย

ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ก้าวเข้าสู่จักรวาล MCU กับบทบาทสำคัญ Ikaris ในหนัง The Eternals ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) 

19 มิถุนายน

ZOE SALDANA

Zoë Yadira Saldaña Nazario เกิดวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) ที่ Passaic, New Jersey ประเทศอเมริกา

เธอถูกเลี้ยงและเติบโตขึ้นมาที่ Queens, New York เมื่อเธออายุได้ 10 ปี ครอบครัวของเธอก็ย้ายไปอยู่ที่สาธารณรัฐโดมินิกันซึ่งเธอก็ได้ใช้ชีวิตอีก 7 ปีอยู่ที่นั่น

ในระหว่างที่อาศัยอยู่ที่นั่น Zoe ได้ค้นพบว่าตัวเธอสนใจในการเต้นและก็เริ่มเข้าไปฝึกอย่างจริงจังที่สถาบันสอนเต้น ECOS Espacio de Danza Dance Academy ทำให้เธอได้เรียนการเต้นหลายอย่างรวมถึงการเต้นบัลเลต์

แต่มันไม่เพียงแต่ทักษะการเต้นของเธอที่โดดเด่นเท่านั้น มันยังพิสูจน์ด้วยว่าเธอสามารถเริ่มต้นอาชีพการเป็นนักแสดงได้

เมื่อ Zoe อายุได้ 17 ปี ครอบครัวของเธอก็ย้ายบ้านกลับมายังอเมริกา ที่ซึ่งความหลงไหลความรักทางด้านการเต้นของเธอและทางด้านการแสดงเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

เธอเริ่มต้นการแสดงกับคณะละครที่ชื่อว่า Faces เป็นคณะละครที่ส่งต่อพลังเชิงบวกสำหรับวัยรุ่น มีเนื้อหาเกี่ยวกับประเด็นสังคมต่าง ๆ เช่นเรื่องยาเสพติดและการมีเพศสัมพันธ์ การแสดงเหล่านี้ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์อันมีค่าให้กับเธอเท่านั้น มันยังเป็นความภาคภูมิใจของตัวเธอที่รู้ว่าเธอได้สร้างจุดเปลี่ยน สร้างความแตกต่าง ให้ข้อคิดกับคนหนุ่มสาวมากมาย

ในระหว่างที่เธอแสดงร่วมกับคณะ Faces และร่วมกับโรงละคร New York Youth Theater เธอรับคัดเลือกจากเอเจนซี่รายหนึ่งจากฝีมือทางการเต้นและการแสดงของเธอจนทำให้เธอได้รับบทบาทการแสดงหนังครั้งแรกในชีวิตเรื่อง Center Stage ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) และนั่นคือจุดเริ่มต้นการแสดงระดับอาชีพของเธอ

ความสามารถทางด้านการแสดงของเธอทำให้เธอได้เล่นหนังระดับบล็อกบัสเตอร์มากมายและได้แสดงร่วมกับนักแสดงมีชื่อเสียงอีกไม่น้อย นับว่าเธอได้รับประสบการณ์พิเศษมากมาย มากกว่านักแสดงวัยรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เพราะแค่เข้าวงการมาไม่กี่ปี เธอก็ได้รับบทในหนังใหญ่อย่าง Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), The Terminal ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547), Vantage Point ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551)

นักแสดงและผู้กำกับหลายคนต่างออกปากชื่นชมการแสดงของเธอมากมาย ทั้ง Jerry Bruckheimer, Steven Spielberg, Tom Hanks, Bernie Mac, Keira Knigtley, Ashton Kutcher, Kristen Dunst, Orlando Bloom ซึ่งจากการร่วมงานในเรื่องต่างๆ พวกเขาต่างชมเธอว่าการแสดงของเธอไม่มีขีดจำกัด เธอมีความมุ่งมั่นสูง มีความเป็นมืออาชีพ แม้ว่าจะได้รับบทที่มากมายหลากหลายตัวละครก็ตาม

หลายคนคงรู้จักเธอจากบทบาท Neytiri ใน Avatar ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเธอก็มีอีกหนึ่งบทบาทในหนังใหญ่กับ Uhura ในเรื่อง Star Trek ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) และการแสดงของเธอก็เหนือชั้นขึ้นไป ได้ก้าวไปอยู่ในจักรวาล MCU กับบทบาท Gamora ใน Guardians of the Galaxy ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) และก็กลายเป็นตัวละครสำคัญของจักรวาล MCU

หนังทั้งสองเรื่องที่เธอแสดงทั้ง Avatar ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) และ Avengers: Endgame ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ต่างก็อยู่อันดับ 1-2 หนังที่ทำรายได้ทั่วโลกเยอะที่สุด ทะลุ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั้งคู่เลยทีเดียว

ในอนาคตเส้นทางของเธอยังคงสวยหรู เพราะมีทั้งภาคต่อ Avatar 2 ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565), Avatar 3 ค.ศ. 2024 (พ.ศ. 2567), Avatar 4 ค.ศ. 2026 (พ.ศ. 2569) และ Avatar 5 ค.ศ. 2028 (พ.ศ. 2571) ที่เธอคือตัวหลัก แถมยัง Guardians of the Galaxy Vol. 3 ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566) และหนังเรื่องอื่น ๆ ที่เธอแสดงด้วย ซึ่งมีข่าวลือว่าเธอก็จะมารับบท Uhura ในภาคต่อ Star Trek ด้วย

หากถามใครก็ตามที่เคยร่วมงานกับเธอ คุณจะได้รับเสียงกล่าวชื่นชมตัวเธอมากมาย ทั้งความเคารพ ทั้งมิตรภาพ เธอคือนักแสดงหญิงแห่งวงการ Hollywood ที่มากไปด้วยความสามารถจริง ๆ

PAUL DANO

Paul Franklin Dano เกิดวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527) ที่ New York ประเทศอเมริกา

เมื่ออายุได้ 8 ขวบ เขาได้ไปร่วมแสดงละเครวทีกับทางชุมชน และเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นเขาก็ได้แสดงครั้งแรกทางทีวีกับการปรากฏตัวในเรื่อง Smart Guy ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) ตามมาด้วยการแสดงหนังครั้งแรกเรื่อง The Newcomers ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543)

เขาได้รับบทหลักครั้งแรกกับบทบาท Howie Blitzer ในเรื่อง L.I.E. ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) การแสดงของเขาในเรื่องนี้ส่งให้เขาได้รับรางวัล Independent Spirit Award สาขา Best Debut Performance และรางวัลอีกมากมายจากเวทีอินดี้ต่าง ๆ

หลังจากนั้นเขาก็ได้รับบทสมทบอีกมากทั้ง The Girl Next Door ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547), Taking Lives ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547), The King ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), Fast Food Nation ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) และ The Ballad of Jack and Rose ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)

Dano มีทักษะในการแสดงที่ยอดเยี่ยมจนเป็นที่เตะตาในหลาย ๆ ฝ่าย เขาได้มีโอกาสแสดงหนังเรื่อง Little Miss Sunshine ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) ที่ได้รับเสียงชื่นชมในการแสดงจากทั้งนักวิจารณ์และคนดู ส่งให้เขาคว้ารางวัล Screen Actors Guild สาขา Best Ensemble Cast เขามีโอกาสได้ร่วมงานกับ Daniel Day-Lewis ในเรื่อง The Ballad of Jack and Rose ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) ยิ่งในเรื่องนี้ยิ่งเป็นตัวพิสูจน์ว่าเขาคือนักแสดงที่มากไปด้วยความสามารถจริง ๆ และจากการแนะนำของ Day-Lewis ให้กับทาง Paul Thomas Anderson เขาก็ได้รับบทบาทใน There Will Be Blood ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) ที่ส่งให้เขาเข้าชิงรางวัลอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือรางวัล Bafta สาขา Best Supporting Actor

หลังจากนั้นก็มีผลงานของเขาออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Taking Woodstock ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), Cowboys & Aliens ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), Ruby Sparks ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), Looper ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), Prisoners ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), 12 Years a Slave ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), Love & Mercy ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557), Youth ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), Swiss Army Man ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), Okja ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), มินิซีรีส์ War & Peace ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) และ Escape at Dannemora ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561)

ยังมีผลงานของเขาให้เราได้ติดตามกันอีกมากมาย ทั้ง The Guilty ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Spaceman of Bohemia, ซีรีส์ Pantheon, The Fabelmans ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) และการมารับบทอันยอดเยี่ยมกับบทบาท Edward Nashton/The Riddler ใน The Batman ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)

หนึ่งในนักแสดงที่มากความสามารถเคยรับมาแล้วทุกบทบาท และทำได้ดีทุกบทบาทจริง ๆ ชื่อของเขาคือ Paul Dano

20 มิถุนายน

JOHN GOODMAN

John Stephen Goodman เกิดวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1952 (พ.ศ. 2495) ที่ St. Louis, Missouri ประเทศอเมริกา

ชีวิตวัยเด็กของ Goodman ค่อนข้างน่าเศร้าและโดดเดี่ยว เพราะเขาต้องเสียพ่อไปตั้งงแต่อายุยังน้อยและพี่ชายก็ไม่อยู่บ้านเพราะเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัย ตอนอยู่โรงเรียนเขาก็โดนบูลลี่จากเพื่อน ๆ ด้วยน้ำหนักตัวที่มาก ไม่นานพี่ของเขาก็กลับมาบ้านเพื่อช่วยเลี้ยงดู Goodman และน้องสาว

Goodman ใช้เวลาวัยเด็กส่วนมากไปกับการฟังวิทยุและอ่านหนังสือการ์ตูน จนกระทั่งเขาเข้าเรียนมัธยมปลาย ที่นั่นเขาเริ่มหันมาสนใจกีฬาจนได้ทุนนักกีฬากับทางมหาลัยเลยทีเดียว แต่พอเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย เจ้าตัวก็ได้ให้ความสนใจกับวิชาการแสดงมากขึ้น

Goodman ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถเล่นกีฬาได้อีก เขาจึงตัดสินใจเอาดีทางด้านการแสดงแทน แต่เขาเริ่มต้นจากการให้เสียงพากย์สื่อและละครทางวิทยุ จนได้เริ่มมาแสดงละครเวที จนกระทั่งได้รับบทบาทแรกในชีวิตจากหนังทางทีวี The Face of Rage ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526)

ในปี ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526) เจ้าตัวยังได้เล่นหนังและซีรีส์อีกหลายเรื่อง ทั้ง Eddie Macon's Run, The Survivors, Chiefs และ Heart of Steel หลังจากการแสดงอันน่าประทับใจเขาก็ได้รับบทอีกมากมายหลายเรื่อง

แต่บทบาทที่คนรู้จัก Goodman มากที่สุดคือบทบาท Dan Conner จากซีรีส์ Roseanne ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) ซึ่งจากบทบาทนี้ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำถึง 3 ปีติด และก็สามารถคว้ามาได้อีก 1 ปี รวมถึงได้เข้าชิงรางวัล Primetime Emmy Awards ถึง 7 ปีติดเลยทีเดียว

Goodman แสดงความสามารถทางด้านการแสดงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งใน Barton Fink ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) ที่ส่งเขาเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ, Kingfish: A Story of Huey P. Long ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) เข้าชิง Primetime Emmy Awards, A Streetcar Named Desire ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) เข้าชิง Primetime Emmy Awards, Studio 60 on the Sunset Strip ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) ชนะราง Primetime Emmy Awards, You Don't Know Jack ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) เข้าชิง Primetime Emmy Awards

นอกจากการแสดงอันยอดเยี่ยม เจ้าตัวยังคงมีทักษะการพากย์เสียงที่ไม่ธรรมดา และหนึ่งบทบาทพากย์เสียงที่หลายต่อหลายคนรู้จักและคุ้นเคยคือบท Sullivan จาก Monsters, Inc. แถมยังมีอีกหลายผลงานกับการให้เสียงพากย์ทั้ง เจ้าหมี Baloo ใน The Jungle Book 2 ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), Bee Movie ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550), ParaNorman ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) หรือแม้กระทั่งให้เสียงพากย์เป็นหุ่นยนต์ใน Transformers ตัวละคร Hound ด้วย

และเชื่อว่าหากลองให้หลับตา หลายต่อหลายคนจะนึกหน้า Goodman ออกจากหลายเรื่องมาก เพราะเจ้าตัวก็มีบทบาทในหนังหลายเรื่องจริง ๆ ไม่ว่าจะ Speed Racer ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551), Argo ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), Flight ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), The Hangover Part III ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), 10 Cloverfield Lane ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), Patriots Day ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), Kong: Skull Island ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), Atomic Blonde ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), Captive State ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และหนังกับซีรีส์อีกมากมายหลายเรื่อง ซึ่งตลอดชีวิตการแสดงของ Goodman เขาเล่นหนัง/ซีรีส์ไปมากกว่า 160 เรื่องเลยทีเดียว

ยังมีผลงานของเค้ากับบทบาทที่เราคุ้นเคย Sully ในอนิเมชันซีรีส์ Monster At Work ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) อีกด้วย

นี่คือดาราที่เชื่อว่าคนที่ดูหนังหลายคนต้องคุ้นหน้าคุ้นตาเขาจากสักเรื่องแน่นอน เพราะเจ้าตัวเล่นมาทุกแนวจริง ๆ และเขาคือ John Goodman

NICOLE KIDMAN

Nicole Mary Kidman เกิดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1967 (พ.ศ. 2510) ที่ Honolulu, Hawaii ประเทศอเมริกา เป็นนักแสดงชาว Australian-American

รักแรกของ Nicole คือ บัลเลต์ แต่เธอได้รับบทในละครเวที (บทบาทแรกในชีวิตของเธอคือการรับบทเป็นแกะในการประกวดคริสต์มาสในโรงเรียนประถม)

เธอลาออกจากโรงเรียนมัธยมปลายเพื่อมารับอาชีพการแสดงอย่างเต็มตัวจนกระทั่งได้แสดงอาชีพตั้งแต่แต่อายุ 16 ปี ในหนังเรื่อง Bush Christmas ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526) และจากในเรื่องนั้นทำให้เธอได้รับข้อเสนออีกมากมาย ทั้งใน BMX Bandits ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526), Vietnam ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) และในเรื่องนี้เธอคว้ารางวัลการแสดงครั้งแรกจากเวที Australian Film Institute Award) และด้วยความช่วยเหลือจากเอเย่นต์ของอเมริกา ทำให้เธอได้เดบิวต์เล่นหนังในอเมริกาเคียงข้างกับ Sam Neil ในเรื่อง Dead Calm ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) ซึ่งเธอก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง โอกาสทางการแสดงของเธอสร้างชื่อให้กับตัวเองสุด ๆ

งานแสดงไหลมาเทมาหาเธออย่างต่อเนื่องและสร้างชื่อให้กับเธออย่างไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะบทบาทแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับ Days of Thunder ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533) เคียงข้างพระเอกหนุ่มสุดหล่ออย่าง Tom Cruise ตามมาด้วย Flirting ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534), Billy Bathgate ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) ที่ส่งให้เธอเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำครั้งแรก, Far and Away ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535), My Life ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536), Batman Forever ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538), To Die For ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) ที่ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เข้าชิง แต่สามารถส่งให้เธอคว้ารางวัลลูกโลกทองคำไปครอง, The Portrait of a Lady ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539), The Peacemaker ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540), Eyes Wide Shut ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542)

และหลังจากนั้นเธอก็โลดแล่น แถมยังสร้างชื่อในวงการ Hollywood มาอย่างยาวนาน จนถึงทุกวันนี้ เธอรับบทบาทการแสดงมากถึงเกือบ 90 เรื่องเลยทีเดียว เธอมีผลงานที่โดดเด่นเข้าชิงรางวัลอีกมากมายหลายเรื่อง

• The Others ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) | เข้าชิงลูกโลกทองคำ
• Moulin Rouge! ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) | คว้าลูกโลกทองคำ + เข้าชิงออสการ์
• The Hours ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) | คว้าลูกโลกทองคำ + คว้าออสการ์
• Cold Mountain ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) | เข้าชิงลูกโลกทองคำ
• Birth ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) | เข้าชิงลูกโลกทองคำ
• Rabbit Hole ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) | เข้าชิงลูกโลกทองคำ + เข้าชิงออสการ์
• Hemingway & Gellhorn ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) | เข้าชิงลูกโลกทองคำ
• The Paperboy ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) | เข้าชิงลูกโลกทองคำ
• Lion ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) | เข้าชิงลูกโลกทองคำ + เข้าชิงออสการ์
• Big Little Lies (2017) | คว้าลูกโลกทองคำ และเข้าชิงอีก 1 ครั้งในปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)
• Destroyer ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) | เข้าชิงลูกโลกทองคำ

และจากเวทีอื่น ๆ อีก 96 รางวัลและถูกเสนอชื่อเข้าชิงอีก 198 รางวัล

มีผลงานของเธอให้เราได้เห็นกันทั้ง Bombshell ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), ซีรีส์ The Undoing ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) การแสดงของเธอได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ, The Prom ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), ซีรีส์ Nine Perfect Strangers ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), The Northman ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 256)

ROBERT RODRIGUEZ

Robert Anthony Rodriguez เกิดวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1968 (พ.ศ. 2511) ที่ San Antonio, Texas ประเทศอเมริกา

ขณะที่หลายคนอาจจะทึ่งหนังในปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) ของ John Carpenter เรื่อง Escape from New York แต่ไม่ใช่กับเด็กอายุ 12 ปีอย่าง Rodriguez เพราะตอนที่เขานั่งดูกับเพื่อน อาจจะมีหลายคนบอกว่า "ฉันก็ทำหนังแบบนี้ได้" แต่ Rodriguez บอกกับตัวเองว่า "ฉันจะทำมัน ฉันจะสร้างหนังของตัวเองขึ้นมา" และวันนั้นคือตัวจุดประกายไฟความฝันอันยิ่งใหญ่ในการเป็นผู้กำกับหนัง

ท่ามกลางพี่น้อยทั้ง 10 คน ตัวของ Rodriguez มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก เขามีความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนกระตือรือร้น ฉายแววศิลปินตั้งแต่เด็ก ๆ เขามักจะหยิบดินสอมาวาดรูป abstract ลงบนกระดาษอยู่เสมอ และความสนใจในหนังของเขาทำให้แม่ต้องขับรถเข้าเมืองพาไปดุหนังในโรงอยู่บ่อย ๆ

จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งในขณะที่รื้อของเล่นตามประสาเด็ก เขาก็เจอกับกล้อง Super-8 film camera และนั่นเขาจึงเริ่มศึกษาและนำมันมาทำหนังของตัวเองอย่างที่ฝัน หนังเรื่องแรกที่เขาสร้างเป็นหนัง แอ็คชั่น,ไซฟาย, สยองขวัญ, ดราม่า และเป็นอนิเมชันแบบ Stop-motion เขาทำหนังโดยการใช้ของรอบ ๆ ในบ้านนั่นแหละ คนแสดงก็ใช้คนระแวกนั้น เพื่อนบ้านบ้าง ครอบครัวบ้าง สถานที่ก็ใช้แถว ๆ บ้าน เขาจึงทำหนังออกมามากมาย

พ่อของเขาซื้อกล้องวิดีโอตัวใหม่มาให้เขา ที่มีความสามารถในการถ่ายวิดีโอได้มากกว่าเดิม ทำให้เขามักจะใช้เวลาอยู่กับกล้องวิดีโอและถ่ายทำหนังหลายเรื่องมาก ๆ เขามักจะเอาหนังที่เขาทำไปโชว์ให้เพื่อน ๆ ดู จนระแวกบ้านหลายต่อหลายคนเรียกเขาว่า "the kid who make movies" ไอ้เด็กทำหนัง และแน่นอนเขาไม่ได้ทำมันแบบเล่น ๆ เขาจริงจังและหนังของเขาก็สามารถคว้ารางวัลในการประกวดตามงานและตามเทศกาลด้วย

แต่คะแนนการเรียนของเขาไม่ค่อยดีนัก ทำให้เขาถูกข่มขู่ว่าจะโดนไล่ออกจาก UT Austin เป็นที่ที่เขาเรียนทำหนัง แต่เขาก็พิสูจน์ว่าเขาคู่ควรที่จะได้เรียนต่อและสร้างหนังเรื่องนึงขึ้นมาในชื่อ Austin Stories นำแสดงโดยพี่น้องของเขานั่นแหละ และนั่นกลายเป็นหนังที่เอาชนะหนังทุกเรื่องในโรงเรียนแห่งนั้นและทางโรงเรียนจึงอนุญาตให้เขาเรียนต่อในโปรแกรมนี้

Rodriguez ควักเงินจำนวน 400 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 12,000 บาท) เพื่อทำหนังขึ้นมาเรื่องนึง เป็นหนังสั้นที่ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 16mm แนวคอเมดี้แฟนตาซี ชื่อเรื่องว่า Bedhead (1991)

จุดเริ่มต้นในการเข้าวงการ Hollywood ของ Rodriguez มันเริ่มมาจากหนังเรื่อง El Mariachi ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) เขามีไอเดียบ้า ๆ ในการทำหนังกับเรื่องราวหนังแอ็คชั่นแนว Mexican การผจญภัยของนักกีตาร์ชายไร้ชื่อ ที่พยายามจะหางาน แต่ก็ต้องมาต่อสู้ท่ามกลางห่ากระสุน ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้เข้าไปฉายที่เทศกาล Sundance Film Festival และมันก็ทำให้คนชื่นชอบ จนทาง Columbia Pictures ได้มาขอเซ็นสัญญาร่วมทำหนังกับเขา ทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรงแห่งวงการ Hollywood ที่หลายต่อหลายคนจับตามอง และหนัง El Mariachi ก็ได้ถูกนำมารีเมคใหม่เป็นหนังที่หลายคนรู้จักในชื่อ Desperado ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) ที่แสดงนำโดย Antonio Banderas

ในระหว่างที่ทำหนัง Desperado เจ้าตัวได้รู้จักกับผู้กำกับหนังอินดี้คนหนึ่ง Quentin Tarantino และทั้งสองก็ได้เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่นั้นจนมีโอกาสได้ทำหนังร่วมกันในโปรเจค Grindhouse ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)

หนังที่สร้างชื่อที่ทำให้หลายคนรู้จักเขาคือหนังแวมไพร์สุดมันส์ From Dusk Till Dawn ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) ที่กลายเป็นหนังคัลท์ระดับตำนานไปแล้ว

และชื่อของ Robert Rodriguez ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับแนวหน้าแห่งวงการ Hollywood โดยปริยาย เขาทำหนังดัง ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น The Faculty ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541), Four Room ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538), Spy Kids ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544), Once Upon a Time in Mexico ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), Sin City ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), Machete ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553), Alita: Battle Angel ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ที่หลายคนยังคงเรียกร้องภาคต่อจนถึงทุกวันนี้, ซีรีส์ The Mandalorian ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), We Can Be Heroes ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) และหนังอีกมากมายที่เจ้าตัวกำกับเกือบ 50 เรื่อง

ในอนาคตยังมีผลงานของเขาอีกหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Hypnotic, Machete Kills in Space, ซีรีส์ Zorro ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)

เจ้าตัวได้มีโปรเจคสร้างหนังไว้เรื่องนึงที่มีกำหนดฉายในปี ค.ศ. 2115 (พ.ศ. 2658) มีชื่อเรื่องว่า 100 Years ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร รู้เพียงแต่ว่ามีนักแสดงปรากฏ 3 คน นั่นก็คือ John Malkovich, Marko Zaror และ Shuya Chang ซึ่งเจ้าตัวเป็นคนกำกับเอง และเขียนบทโดย John Malkovich อำนวยการสร้างโดย Gaspard Chevance ซึ่งหนังเรื่องนี้ถ่ายทำตัดต่ีอเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หนังเรื่องนี้มีสโลแกนว่า

"The Movie You'll Never See" นั่นละนะตอนนี้หนังปล่อยทีเซอร์ออกมาแค่ 3 ตัวเท่านั้น และไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรเท่าไหร่เลย มีเพียงแต่ตัวละคร 3 ตัวและขวดเหล้า LOUIS XIII ที่ถูกเก็บไว้ในเซฟเพื่อรอเปิดในอีก 100 ปีข้างหน้า และตัวหนังก็เช่นกันถูกเก็บไว้ในเซฟที่ไม่มีใครจะเปิดได้ จนกว่าจะถึงปี 2115 ใครมีโอกาสได้ดูก็ตอนนั้นอาจจะเดินทางมาโลกแห่งความตายได้แล้ว ไม่ก็...ปลุกมาดูด้วยละกันนะ

ผู้กำกับมากด้วยฝีมือและจินตนาการ กล้าสร้างสิ่งที่แตกต่างและนอกกรอบ - Robert Rodriguez

21 มิถุนายน

CHRIS PRATT

Christopher Michael Pratt เกิดวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522) ที่ Virginia, Minnesota ประเทศอเมริกา

เมื่ออายุ 7 ปี ครอบครัวของเขาย้ายไปที่ Lake Stevens, Washington และในสมัยเด็กนั้นเขาเป็นนักกีฬามวยปล้ำด้วย และเคยเข้าแข่งขันจนได้รับอันดับที่ 5 จนทำให้หลังจากนั้นโค้ชถึงกับเรียกตัวเขาไปคุยและบอกว่านายจะเอายังไงกับชีวิต เขาตอบไปว่า

ผมไม่รู้ แต่ที่ผมรู้คือผมจะเป็นคนมีชื่อเสียง และผมรู้ว่าผมจะทำเงินได้โคตรเยอะเลย ผมไม่รู้หรอกว่าจะทำยังไง ผมไม่ทำอะไรหรอก

หลังจากเขาเรียนจบในระดับมัธยม เจ้าตัวก็ลาออกจากมหาลัยหลังเรียนไปแค่เทอมแรกเท่านั้น Pratt ออกมาทำงานเป็นพนักงานขายตั๋วลดราคาและเป็นนักระบำเปลื้องผ้าในเวลากลางวัน แต่เขากลับไร้บ้าน เขาต้องไปนอนตามรถตู้ ตามเต็นท์ แถบ Maui, Hawaii เขาเคยให้สัมภาษณ์กับทาง The Independent เอาไว้ว่า

สถานที่นั่นเป็นที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการไร้บ้านเลยนะ เราแค่เมาและสูบกัญชาและทำงานรายชั่วโมง เพื่อให้เพียงพอแก่ค่าแก๊ส, อาหาร และของใช้จำเป็น

จนกระทั่งเขาอายุ 19 ปี เขาเริ่มได้รับบทเป็นนักแสดงสมทบ แต่เขาเริ่มทำให้คนรู้จักจากบทบาทในเรื่อง Parks and Recreation ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)

หลังจากนั้นเขาก็มีบทบาทมาบ้าง แต่ก็ไม่ใช่บทเด่นอะไร หลายคนอาจจะจำไม่ได้ เขาเคยไปปรากฏตัวเป็นพนักงานออฟฟิศในเรื่อง Wanted ที่ชื่อ Barry เขาคือคนที่โดนคีย์บอร์ดฟาดหน้าเบี้ยว และมีบทบาทตามมาอีกบ้าง Jennifer's Body ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), Moneyball ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), Zero Dark Thirty ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), Her ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556)

บทบาทของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เริ่มตั้งแต่เขามาให้เสียงพากย์ Emmet Brickowski จากหนังอนิเมชัน The Lego Movie ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) และโด่งดังแบบสุด ๆ เมื่อก้าวเข้าสู่จักรวาล MCU ในบทบาท Peter Quill/Star Lord เรื่อง Guardians of the Galaxy ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557)

ซึ่งจริง ๆ ตอนแรกเขาบอกปฏิเสธบทนี้ไปในปี ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) โดยเขาบอกว่าเขาไม่อยากเป็นแบบ Captain Kirk หรือ Avatar เพราะตัวของ Pratt ไปออดิชั่นสองบทจากเรื่องนั้นแล้วแป้กทั้งคู่ แต่กับ Guardians of the Galaxy ผู้แคสบทอย่าง Sarah Finn ได้เสนอชื่อของ Pratt แก่ตัว James Gunn เองเลยว่าไม่มีใครเหมาะสมกับเขาไปมากกว่านี้แล้ัว และเขาก็กลายเป็นตัวละครสำคัญแห่งจักรวาล MCU (และตัวสร้างความฉิบหายใน Infinity War 555+)

หลังจากนั้นชีวิตใน Hollywood ของเขาก็เฉิดฉาย เขาได้รับบทอีกมากมาย ทั้ง Jurassic World (2015), The Magnificent Seven ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), Passengers ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), The Lego Movie 2: The Second Part ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), The Kid ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), Onward ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

ยังมีผลงานอีกมากทั้ง The Tomorrow War ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Thor: Love and Thunder ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565), Jurassic World: Dominion ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565), ซีรีส์ The Terminal List ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565), Guardians of the Galaxy Vol. 3 ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566), Cowboy Ninja Viking และเชื่อว่ายังมีบทบาทของเขาอีกมากหลังจากนี้แน่นอน

Pratt ได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กับ Katherine Schwarzenegger ลูกสาวของ Arnold Schwarzenegger ในช่วงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) และในวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) เจ้าตัวได้ประกาศว่าหมั้นกับเธอแล้ว จนกระทั่งแต่งงานกันในวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และคบหากันมาจนถึงปัจจุบัน

ในเดือนมีนาคมปี ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) Pratt ได้รับรางวัลจาก CinemaCon Award สำหรับการแสดงอันยอดเยี่ยม แถมในปีเดียวกันนั้นเขายังได้รับอันดับ 2 ในนิตยสาร People สำหรับผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุด

Pratt ถือเป็นหนึ่งในบุคคลแปลงร่างที่เปลี่ยนแปลงร่างกายอย่างหนักหน่วงเช่นกัน เพราะในรอบ 12 ปี เขาเริ่มจาก

• หนัก 100 กิโลกรัม เพื่อมารับบทในซีรีส์ Everwood ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545)
• เพิ่มน้ำหนักถึง 134 กิโลกรัม เพื่อมารับบทใน Devivery Man ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556)
• ลดน้ำหนัก 102-104 กิโลกรัม เพื่อมารับบทใน Zero Dark Thirty ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) และ Guardians of the Galaxy ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557)

ในวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) Pratt ได้รับเกียรติให้จารึกชื่อบน Hollywood Walk of Fame ที่ 6834 Hollywood Boulevard

22 มิถุนายน

MERYL STREEP

ฉายาเจ้าแม่นักแสดงหญิงสายรางวัลไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เพราะเธอเข้าชิงรางวัลออสการ์มากถึง 21 ครั้ง และสามารถคว้ารางวัลมาได้ 3 ครั้ง

• Kramer vs. Kramer ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522)
• Sophie's Choice ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525)
• The Iron Lady ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554)

และยังเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำมากถึง 31 ครั้ง และสามารถคว้ารางวัลมาได้ 8 ครั้ง

• Kramer vs. Kramer ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522)
• The French Lieutenant's Woman ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524)
• Sophie's Choice ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525)
• Adaptation ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545)
• Angels in America ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546)
• The Devil Wears Prada ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549)
• Julie & Julia ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552)
• The Iron Lady ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554)

Mary Louise Streep เกิดวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1949 (พ.ศ. 2492) ที่ Summit, New Jersey ประเทศอเมริกา

การแสดงช่วงต้น ๆ ในชีวิตของเธอคือการแสดง Opera จนกระทั่งเธอได้กลายเป็นที่สนใจในขณะที่เรียนอยู่ที่ Vassar และ จบการศึกษาจาก Yale School of Drama เธอได้แสดงบทบาทเอาไว้อย่างน่าทึ่งและโดดเด่น กับการแสดงหนังใหญ่เรื่องแรกของเธอในเรื่อง Julia ค.ศ 1977 (พ.ศ. 2520) และในปีต่อมาเธอก็ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกในชีวิตจากการแสดงในเรื่อง The Deer Hunter ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) และในปีต่อมาเธอก็สามารถคว้ารางวัลออสการ์แรกในชีวิตมาได้กับเรื่อง Kramer vs. Kramer ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522) แถมยังคว้ารางวัลลูกโลกทองคำครั้งแรกในชีวิตมาได้ด้วยเช่นกัน ตามมาด้วย Sophie's Choice ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) ที่ควบสองเวทีเช่นกัน

การแสดงของเธอเรียกได้ว่าน่าประทับใจและน่าจดจำแทบจะทุกบทบาท เธอเป็นคนประเภท Perfectionist ในทุกอย่างของชีวิตเธอ โดยเฉพาะในด้านการแสดง เธอจะเตรียมตัวอย่างดีศึกษาตัวละคร วิธีพูด ท่าทาง เพื่อเตรียมตัวมารับบทนั้น ๆ ได้อย่างดีที่สุด เธอแสดงหนังอันน่าจดจำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Silkwood ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526), Out of Africa ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528), Ironweed ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530), A Cry in the Dark ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531), The Bridges of Madison County ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538), Marvin's Room ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539), First Do No Harm ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) เรียกได้ว่าการแสดงของเธอยังคงโดดเด่นมาหลายศตวรรษ A.I. Artificial Intelligence ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544), Adaptation ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545), Angels in America ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), The Devils Wears ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549), Mamma Mia! ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551), Julie & Julia ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), The Iron Lady ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), Into the Woods ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557), The Post ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), Mamma Mia! Here We Go Again ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), Mary Poppins Returns ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), Little Women ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และอีกมากมาย ตั้งแต่เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2520) จนถึงปัจจุบัน เธอแสดงมาแล้วกว่า 90 เรื่อง

ล่าสุดเพิ่งผ่านผลงานอย่าง The Prom ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) และ Let Them All Talk ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ซึ่งในอนาคตยังมีผลงานของเธอให้เราได้เห็นกันอีกใน Don't Look Up ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)

เธอเคยพูดเอาไว้เกี่ยวผลงานหนังของเธอว่า

...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผลงานที่ฉันแสดงเอาไว้จะยังคงอยู่...

- Meryl Streep

23 มิถุนายน

 FRANCES MCDORMAND

Frances Louise McDormand เกิดวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1957 (พ.ศ. 2500) ที่ Gibson City, Illinois ประเทศอเมริกา เธอถูกรับเลี้ยงและเติบโตขึ้นที่ Pittsburgh

เธอได้รับปริญญาตรีสาขาการละครจาก Bethany College ในปี ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522) และ MFA จาก Yale University ในปี ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525)

จุดเริ่มต้นอาชีพการแสดงของเธอเริ่มต้นทันทีหลังเรียนจบ เธอได้มีโอกาสไปแสดงละครเวที จนได้มาแสดงหนังครั้งแรกในเรื่อง Blood Simple ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527) เธอได้ร่วมงานกับ Joel Coen ที่ภายหลังทั้งคู่ก็ได้รักกันจนแต่งงานกัน และมีลูกด้วยกัน 1 คน มาจนถึงปัจจุบัน 

การแสดงของ McDormand ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมากในหลากหลายเรื่อง บนเวทีออสการ์ก็เข้าชิงและคว้ารางวัลอีกด้วย

[WINNER]

• Fargo ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539)
• Three Billboards Outside Ebbing, Missouri ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560)
• Nomadland ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

[NOMINEE]

• Mississippi Burning ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531)
• Almost Famous ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543)
• North Country ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)

และบนเวทีลูกโลกทองคำก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน

[WINNER]

• Short Cuts ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536)
• Three Billboards Outside Ebbing, Missouri ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560)

[NOMINEE]

• Fargo ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539)
• Almost Famous ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543)
• Burn After Reading ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551)
• Olive Kitteridge ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557)
• Nomadland ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

ยังมีผลงานของเธอให้เราได้ติดตามกันอีก ทั้ง The French Dispatch ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), The Tragedy of Macbeth ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2546) และ Women Talking ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)

JOSS WHEDON

Joss Hill Whedon เกิดวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1964 (พ.ศ. 2507) เกิดวันที่ New York City ประเทศอเมริกา

Whedon จบการศึกษาจาก Riverdale Country School ที่แม่ของเขาเป็นครูสอนที่นั่นด้วย ต่อมาเขาได้เข้าเรียนที่ Winchester College ในอังกฤษเป็นระยะเวลา 2 ปี ต่อมาเขาก็เรียนจบด้านการทำหนังจาก Wesleyan University

ไม่นานเขาก็ได้ย้ายถิ่นที่อยู่มาอาศัยอยู่ที่ Los Angeles ทำให้เขาได้มีโกอาสเขียนบทละครทางทีวีเรื่อง Roseanne ค.ศ. 1989-1990 (พ.ศ. 2532-2533) และได้มาเขียนบทในซีรีส์ Parenthood ค.ศ. 1990-1991 (พ.ศ. 2533-2534) 

หลังจากนั้นเขาก็ได้มาพัฒนาบทหนังจนกลายมาเป็นเรื่อง Buffty the Vampire Slayer ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) แต่ Whedon ไม่ค่อยแฮปปี้กับหนังเท่าไหร่

แต่เจ้าตัวก็ได้มีส่วนร่วมในการเขียนบทกับหนังใหญ่อย่าง Alien: Resurrection ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) และ Toy Story ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ แถมยังรับหน้าที่ script doctor ในหนังดังอย่าง Speed ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) อีกด้วย

ในปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) เขาได้มีโอกาสชุบชีวิตตัวละคร Buffy อีกครั้งเพื่อมาทำเป็นซีรีส์ทางทีวี ทาง The WB Network คราวนี้เขารับหน้าที่ showrunner และอำนวยการสร้างเองเลยทีเดียว จนเกิดมาเป็นซีรีส์ Buffy the Vampire Slayer และมันก็ได้รับเสียงชื่นชมมากมายและฮิตสุด ๆ อีกด้วย รวมถึงยังมีโอกาสได้มาอำนวยการสร้างภาคแยกอย่า่ง Angel ค.ศ. 1999-2004 (พ.ศ. 2542-2547) , Firefly ค.ศ. 2002-2003 (พ.ศ. 2545-2546) และหนังภาคแยกอย่าง Serenity ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)

Whedon เขียนบท The Cabin in the Woods ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) และได้มากำกับรวมถึงเขียนบทหนังใหญ่อย่าง The Avengers ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) ซึ่งเจ้าตัวก็ยังคงเกี่ยวข้องกับจักรวาล MCU ด้วยการมาเขียนบท Agents of S.H.I.E.L.D. ค.ศ. 2013-2020 (พ.ศ. 2556-2563), Avengers: Age of Ultron ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558)

จนเรียกได้ว่ามาทำเสียชื่อสุด ๆ กับการมารับไม้ต่อจาก Zack Snyder ในหนัง Justice League ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) ที่เจ้าตัวตอนแรกรับหน้าที่เขียนบท แต่ก็ก้าวมากำกับหลังจากที่ลูก Zack เสียชีวิต แน่นอน่วาหลังหนังออกมา Whedon โดนด่ายับ บางคนถึงกับสาปส่ง จนล่าสุดมีเวอร์ชัน Zack ออกมาเต็ม ๆ ยิ่งทำให้ Whedon เรียกได้ว่าจมดินเลยทีเดียว แถมยังมีข่าวจากนักแสดงออกมาว่า Whedon ทำตัวไม่เป็นมืออาชีพในกองถ่ายเลย โดยเฉพาะการมีปัญหากับนักแสดง ทั้งดุด่า และข่มขู่อาชีพ 

แต่ถึงกระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่า Whedon คือมือเขียนบทฝีมือเยี่ยม

25 มิถุนายน

RAIN (JUNG JI-HOON)

Rain มีชื่อจริงว่า Jung Ji-Hoon เกิดวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) ที่ Seoul ประเทศเกาหลีใต้ 

แต่แรกเดิมที Rain เป็นคนขี้อายมากในตอนชั้นประถม ตอนสัมภาษณ์ครั้งแรกเขาแทบไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่เขามีความสามารถที่โดดเด่นในการเต้น 

ในงานแสดงความสามารถที่โรงเรียนตอนป.6 เขาก็ได้แสดงทักษะทางการเต้นอันน่าจับตามองให้ได้ดู ตอนนั้นไม่มีใครสักคนกล้าที่จะออกมาเต้นเลย มีเพียง Rain คนเดียวเท่านั้น เขาจึงเต้นท่าที่เขาได้เห็นมาจากในทีวี เขาได้รับเสียงปรบมืออย่างท่วมท้น และนั่นทำให้เขาตัดสินใจว่าอยากเป็นนักเต้นมืออาชีพ ซึ่งเขาก็ตัดสินใจที่จะไปเรียนเต้น และไปหาเหล่านักเตะข้างถนน ซึ่งบางคนก็ช่วยเขา บางคนก็รังแกและทุบตีเขาบ้าง

Rain และน้องสาวของเขา Hana มีชีวิตสุขสบายจนถึงภาวะถดถอยของเกาหลีในปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) เมื่อธุรกิจโรงสีและเบเกอรี่ของพ่อเกิดล้มละลายขึ้นมา พ่อของเขาจึงตัดสินใจเดินทางไปหาโอกาสทางธุรกิจที่บราซิล และปล่อยให้แม่เลี้ยงลูกเพียงลำพังด้วยการทำอาชีพเป็นคนขายอาหาร ไม่นานแม่ของเขาก็ป่วยด้วยโรคเบาหวานเนื่องจากขาดเงินค่ารักษาะพยาบาลและไม่มีเงินซื้ออินซูลิน

Rain ได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงช่วงอายุ 16 ปี ด้วยการเป็นสมาชิกวงบอยแบนด์ในชื่อ Fanclub แต่เจ้าตัวก็ไม่แฮปปี้เท่าไหร่ พร้อมมีการเปิดเผยในภายหลังว่าวงนี้ยังกะ "สัตว์ในกรง" เพราะพวกเขาถูกขังอยู่ในห้องซ้อมนานถึง 10 ชั่วโมง โดยไม่มีอาหารให้แม้แต่น้อย หลังจากวง Fanclub ออกมา 2 อัลบั้ม บริษัทก็ล้มเหลวในการโปรโมทวงนี้ 

ต่อมา Rain ได้พยายามไปออดิชั่นเข้าวงการบันเทิงถึง 18 ครั้ง แต่ทุกที่ก็บอกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ แต่เขาขี้เหร่เกินกว่าจะมาเป็นดาราได้ และได้รับการเสนอว่าเขาควรทำศัลยกรรมตาสองชั้น 

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) ทาง JYP Entertainment ก็รับเขาเป็นเด็กฝึกของค่าย ทางด้าน CEO อย่าง Park Jin Young ผู้ที่จับ Rain ไปออดิชั่นกว่า 3-4 ชั่วโมง บอกว่าเด็กหนุ่มคนนี้

ดูสิ้นหวัง เหมือนเสือที่กำลังจะหิวตาย

JYP กำหนดว่า Rain ต้องเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยก่อน ทำไมเขาได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Kyunghee และเลือกเรียนเอกดนตรี

Rain ใช้เวลา 3 ปีเป็นเด็กฝึกของค่ายในฐานะนักเต้น back-up และในขณะที่เขากำลังเป็นเด็กฝึกอยู่นั้น แม่ของเขาก็ป่วยหนักขึ้นเนื่องจากขาดเงินค่ายาในการรักษา ทำให้ Rain รีบพยายามอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าเขาพร้อมที่จะเดบิวต์แล้ว แต่ก็สำเร็จไม่ทันช่วยชีวิตแม่ของเขาไว้ เพราะเธอเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ก่อน Rain เดบิวต์เพียง 1 ปี

เหตุการณ์นี้สร้างผลกระทบต่อ Rain เป็นอย่างมาก เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาเสียใจที่ทะเลาะกับแม่บ่อย ๆ เรื่องการโดดเรียนเพื่อไปซ้อมเต้นและเขาเชื่อว่าแม่อยู่บนสวรรค์จะได้เห็นตัวเขาประสบความสำเร็จ และเขากล่าวอีกว่า แรงจูงใจหลักในการดำเนินชีวิตของเขาคือการทำให้แม่ภูมิใจ และเขายังคงไปเยี่ยมหลุมศพของเธอทุกครั้งก่อนที่จะเริ่มโปรเจคใหม่ อีกหนึ่งแรงผลักดันในชีวิตคือการจดจำว่าการอดอยากในชีวิตมันเป็นยังไง

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) เขาก็ได้ออกอัลบั้มแรกในชื่อ Rain และซิงเกิลแรกคือ Bad Guy ซึ่งมันก็ฮิตในเวลาอันรวดเร็ว ชื่อเสียงของ Rain เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนทำให้เขาได้มีโอกาสไปเล่นซีรีส์เรื่อง Sand Doo! Let's Go To School ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) และการแสดงของเขาก็ทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และหลังจากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยผลงานเพลงอัลบั้มที่ 2 ในชื่อ Ways To Avoid The Sun และเพลงฮิตก็คือเพลงเดียวกับชื่ออัลบั้ม Popularity Award, Excellence Award และ Best Couple Award (ร่วมกับ Song Hye-Kyo)

Rain แสดงได้โดดเด่นและกลายเป็นที่น่าจดจำจากบทบทในเรื่อง Full House ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ซึ่งเป็นละครที่มีเรตติ้งสูงที่สุดในเกาหลีขณะนั้น และโด่งดังไปทั่วเอเชีย และการแสดงของเขาก็ส่งให้เขาคว้ารางวัลนักแสดงดีเด่นจาก KBS Acting Awards ไปครอบครองถึง 3 สาขา 

อัลบั้มที่ 3 ก็คลอดออกมาในชื่อ It's Raining ทำยอดขายทะลุ 1 ล้านทั่วเอเชีย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) ได้รับรางวัลจาก MTV Asia Awards สาขาศิลปินเกาหลียอดนิยม และรางวัลอีกมากมาย

นอกเหนือจากการแสดงซีรีส์และหนังในเกาหลีแล้ว Rain ยังได้มีโอกาสก้าวมาสู่วงการ Hollywood กับหนังอย่าง Speed Racer ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) และในเรื่องนี้นักแสดงร่วมอย่าง John Goodman เคยบอกว่า Rain

คือคนที่ทำงานหนักที่สุดในธุรกิจการแสดง

ตามมาด้วยผลงานแอ็คชันอย่าง Ninja Assassin ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) และยังเคยได้ร่วมงานกับ Bruce Willis และ John Cusack ในเรื่อง The Prince ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) อีกด้วย

ผลงานการแสดงล่าสุดของ Rain คือการแสดงใน Bicycle King Uhm Bok-Dong ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และซีรีส์ Welkeom 2 Laipeu ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)

ทางด้านชีวิตรัก Rain ได้คบหาดูใจกับ Kim Tae-hee และแต่งงานกันในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) มีลูกด้วยกัน 2 คน และครองรักร่วมกันถึงทุกวันนี้ 

27 มิถุนายน

J.J. ABRAMS

Jeffrey Jacob Abrams เกิดวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509) ที่ New York City ประเทศอเมริกา

เขาถูกเลี้ยงดูในนครแห่งแสงสีอย่าง Los Angeles ลูกชายของครอบครัวผู้อำนวยการสร้างทาง TV

ตอนแรก Abrams วางแผนที่จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยด้านทันตแพทย์ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสอนการทำหนังที่ Sarah Lawrence College

ในตอนอายุ 15 ปี เขาได้เขียนเพลงให้กับหนังของ Don Dohler เรื่อง Nightbeast ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) และในช่วงปีสุดท้ายของการเรียน เขาได้ร่วมมือกับ Jill Mazursky เขียนหนังขึ้นมาหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือ Taking Care of Business ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533) หลังจากนั้นเขาก็ไปเขียนบทและอำนวยการสร้างให้กับหนังเรื่อง Regarding Henry ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) และ Forever Young ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) เขายังเคยร่วมเขียนบทในเรื่อง Gone Fishin' ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) ร่วมกับ Mazursky ด้วย และทั้งคู่ก็ได้ทดลองทำหนังอนิเมชันขึ้นมาเรื่องนึงเพื่อพัฒนาอนิเมชันจนออกมาเป็นเรื่อง Shrek ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544)

Abrams ยังคงโลดแล่นในเบื้องหลังของวงการ Hollywood อย่างต่อเนื่อง เขาได้ไปเขียนบทหนังเรื่อง Armageddon ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) และร่วมสร้างซีรีส์ Felicity ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) (รวมถึงร่วมประพันธ์เพลงเปิดของซีรีส์นี้ด้วย)

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) เขาได้ร่วมกับ Bryan Burk ก่อตั้งบริษัทโปรดักชั่นขึ้นมาในชื่อ Bad Robot จนเขาได้สร้างและอำนวยการสร้างให้กับซีรีส์เรื่อง Alias ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) และซีรีส์ชื่อดัง Lost ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) แถมเจ้าตัวยังประพันธ์เพลงให้กับซีรีส์ทั้ง 2 เรื่องด้วย และร่วมเขียนบทบางตอนของ Lost ด้วย

เขายังร่วมเขียนบทและอำนวยการสร้างหนังระทึกขวัญเรื่อง Joy Ride ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) และรับหน้าที่กำกับหนังครั้งแรกในภาคต่อหนังสายลับชื่อดัง Mission: Impossible III ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) เหตุผลนักแสดงนำอย่าง Tom Cruise ดูบางตอนของ Alias ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) บน DVD และชอบมาก

และสร้างชื่อในฐานะผู้อำนวยการสร้างแบบสุด ๆ กับเรื่อง Cloverfield ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) ที่ไม่ว่าจะมีชื่อเขาอำนวยการสร้างในหนังเรื่องไหน ล้วนแล้วแต่ดึงดูดคนดูได้ทั้งสิ้น

เขายังคงรับหน้าที่งานกำกับอย่าง Star Trek ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) ฉบับรีบูท นับว่าประสบความสำเร็จและสร้างฐานแฟนคลับใหม่ ๆ ให้กับตำนาน Star Trek ไปแล้วแถมยังมีภาคต่อกับ Star Trek Into Darkness ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) และ Star Trek Beyond ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) ต่อมาเขาก็กำกับ Super 8 ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) และร่วมอำนวยการสร้างร่วมกับ Steven Spielberg และก็กลับมารับหน้าที่อำนวยการสร้างต่อกับเรื่อง Mission: Impossible - Ghost Protocol ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) และ Mission: Impossible - Rogue Nation ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558)

Disney และ Lucasfilm ได้ประกาศว่า Abrams จะมารับหน้าที่กำกับไตรภาคใหม่ของ Star Wars กับเรื่อง Star Wars: Episode VII - The Force Awakens ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ที่ได้รับเสียงชื่นชมไปไม่น้อย ซึ่งจริง ๆ ตอนแรกเขาปฏิเสธที่จะมากำกับหนังเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะเขาไม่อยากจะเดินทางไปถ่ายทำหนังไกลๆ และห่างจากครอบครัวของเขาที่ London แต่สุดท้าย Kathleen Kennedy ก็สามารถโน้มน้าวเขาได้สำเร็จ

แต่ก็มาโดนจวกยับกับภาคปิดตำนานอย่าง Star Wars: Episode IX - The Rise of Skywalker ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)

ยังมีผลงานอำนวยการสร้างของเขาที่น่าสนใจอีก ทั้ง MIssion: Impossible 7 ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565), Mission: Impossible 8 ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566), Zatanna, Star Trek Sequel ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566), Your Name, โปรเจค Superman, Star Trek ของ Quentin Tarantino, Cloverfield ภาคต่อ, Justice League Dark, Half-Life และอีกมากมาย

J.J. Abrams ถือว่าเป็นผู้อำนวยการสร้างในวงการ Hollywood ที่สร้างติดชื่อเขาในหนังเรื่องไหน ก็เรียกความสนใจได้ไม่น้อยเลย

TOBEY MAGUIRE

Tobias Vincent Maguire เกิดวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1975 (พ.ศ. 2518) ที่ Santa Monica, California ประเทศอเมริกา 

ตอนเขาเกิดมา พ่อแม่ของเขามีอายุ 18 และ 20 ปี ซึ่งแม่ของเขาทำงานด้านงานโฆษณาและเป็นคนส่งเสริมให้ Tobey สนใจด้านการแสดงมาตั้งแต่เด็ก ๆ 

Tobey เรียนไม่จบชั้นมัธยมปลาย เพราะเขามุ่งเน้นทางด้านการแสดง แต่ถึงจะอย่างนั้นเขาก็เรียนจบหลักสูตรนอกโรงเรียนระดับชั้นม.ปลาย (GED) 

อาชีพแรก ๆ ที่เขาทำคือการแสดงโฆษณา (ตอนอายุ 6 ปี เขาเคยเป็นนายแบบ นักเต้น ให้กับ Nordstorm ด้วย) และแสดงบทบาทเล็ก ๆ ในซีรีส์ทางทีวี ก่อนที่จะได้รับบทนำครั้งแรกในชีวิตของซีรีส์ทางช่อง Fox เรื่อง Great Scott! ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535)

และหลังจากซีรีส์ Great Scott! ถูกยกเลิก เขาก็ได้รับบทบาทแสดงในหนังใหญ่ครั้งแรกในชีวิตกับเรื่อง This Boy's Life ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) หลังจากนั้นเขาก็ได้รับบทบาทเล็ก ๆ มาอีกหลายเรื่อง 

จนกระทั่งเขาได้รับบทบาทสำคัญในเรื่อง The Ice Storm ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) และนั่นสร้างชื่อให้กับเขาเป็นอย่างมาก หลายคนชื่นชมการแสดงของเขา จนทำให้ในปีต่อมา เขาได้รับบทนำในเรื่อง Pleasantville ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541X ที่ส่งให้เขาคว้ารางวัล Saturn Award สำหรับการแสดงอันยอดเยี่ยม

หลังจากนั้น Tobey ก็เริ่มมีผลงานในวงการ Hollywood มากขึ้น ทั้ง Wonder Boys ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543), ให้เสียงพากย์เป็น Luo ใน Cats & Dogs ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544)

และเขาก็มาสร้างชื่อแบบสุด ๆ จนทุกคนรู้จักในบทบาท Peter Parker/Spider-Man ในหนัง Spider-Man ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) ของ Sam Raimi ซึ่งนาทีที่หนังออกฉาย ไม่มีใครไม่รู้จักเขาอีกแล้ว เขากลายเป็นดาราดังแบบสุด ๆ ตัวหนังทำเงิน เสียงวิจารณ์ในแง่ดีมากมาย และตามมาด้วยภาคต่ออีก 2 ภาค Spider-Man 2 ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ในภาคนี้เขาคว้ารางวัล Saturn Award ด้วย และ Spider-Man 3 ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)

Tobey ยังคงมีผลงานที่น่าจดจำไม่น้อยทั้ง Seabiscuit ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), Brothers ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) ที่ส่งให้เขาเข้าชิงรางวัล Saturn Award และเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ, The Great Gatsby ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), Labor Day ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), ให้เสียงพากย์ผู้เล่าเรื่องและ Tim ตอนโต ใน The Boss Baby ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) 

การมาปรากฏตัวใน Spider-Man: No Way Home ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) ก็ได้สร้างความประทับใจให้แฟนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อย่างมากมาย

ซึ่งน่าเสียดายที่ช่วงหลัง Tobey ไม่สามารถสร้างชื่อให้ตัวเองได้เหมือนกับที่รับบท Spider-Man อาจจะเพราะอายุที่มากขึ้นด้วย และโอกาสในการแสดงก็น้อยลง ซึ่งผลงานสุดท้ายของเขาที่เราได้เห็นหน้ากันจริงๆ ก็ต้องย้อนกลับไปถึงปี ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2567) กับเรื่อง Pawn Sacrifice นู่นเลย แต่ก็มีข่าวลือว่าเขาจะมารับบท Irving Thalberg ในหนัง Babylon ที่กำลังอยู่ในขั้นตอน Pre-Production ด้วย

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขาคือ 1 ใน Peter Parker ที่ยังคงครองใจผู้ชมหลายต่อหลายคนอยู่จนถึงทุกวันนี้