คุณสมบัติ Wake-on-LAN (WoL) เป็นคุณสมบัติหนึ่งของระบบปฏิบัติการ Windows ที่มาให้ใช้มานานมากแล้ว ผู้ใช้งานทั่วไปอาจจะไม่คุ้นเคย แต่สำหรับ ผู้ดูแลเครือข่าย (Network Administrator) น่าจะเป็นเครื่องมือคู่ใจที่ใช้งานเป็นประจำ เพราะความสามารถในการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนเครือข่ายเดียวกัน โดยไม่ต้องพาร่างไปกดสวิตช์เปิดที่หน้าคอม มันช่วยอำนวยความสะดวกเป็นอย่างมาก
นอกจากคำว่า Wake-on-LAN ยังมีการปลุกคอมพิวเตอร์ผ่าน Wi-Fi ด้วย ซึ่งจะเรียกว่า Wake on Wireless LAN (WoWLAN) อีกด้วยเช่นกัน
ปุจฉา : มีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว จะใช้ Wake-on-LAN (WoL) ไปทำไม ?
วิสัชนา : Wake-on-LAN (WoL) ในปัจจุบันนี้ ไม่ใช่แค่การสั่งเปิดคอมพิวเตอร์ ด้วยคอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่อยู่บนเครือข่ายเดียวกันเท่านั้นแล้วนะ ลองนึกภาพว่าคุณกำลังชงกาแฟอยู่ในห้องครัว แล้วต้องการให้คอมพิวเตอร์อยู่ในสถานะพร้อมใช้งานทันทีที่คุณถือแก้วกาแฟเดินไปนั่งหน้าคอมที่โฮมออฟฟิศภายในบ้าน สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา แตะแอปพลิเคชันไม่กี่ที ทาด๊า ! คอมพิวเตอร์ก็จะเปิดรอเตรียมพร้อมใช้งานทันที
แล้วก็ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟนเท่านั้นนะ ที่สามารถใช้ปลุกคอมพิวเตอร์ได้ จะใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น, Mac หรือแม้แต่ลำโพงอัจฉริยะก็สามารถทำได้เช่นกัน
หลักการทำงานของ คุณสมบัติ Wake-on-LAN (WoL) ก็ง่าย ๆ บนระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การรับส่งข้อมูลจะไม่ได้ส่งทีเดียวเป็นก้อนใหญ่นะ มันจะมีการแบ่งย่อยก้อนข้อมูลให้มีขนาดเล็กลงซึ่งจะเรียกว่า "Packets"
หลังจากเปิดใช้งานคุณสมบัติ Wake-on-LAN (WoL) คอมพิวเตอร์จะมีการเตรียมตัวรอรับข้อมูลแพ็กเกจที่เรียกว่า "Magic packet" ซึ่งเจ้าแพ็กเกจเวทมนต์นี้ เป็นแพ็กเกจขนาดเล็ก ประกอบไปด้วย Payload ขนาดเพียงแค่ 6 ไบต์ และ 48-bit MAC Address ของคอมพิวเตอร์ รวมเป็น 102 ไบต์ เท่านั้นเอง และเมื่อคอมพิวเตอร์ได้รับ Magic Packet นี้ มันก็จะปลุกตัวเองขึ้นจากโหมดนอนหลับ (Sleep Mode) ทันที
ทั้งนี้ ก่อนจะไปเริ่มเปิดใช้งาน อย่าลืมว่า Wake-on-LAN (WoL) ไม่รองรับการปลุกผ่านอินเทอร์เน็ตนะ อุปกรณ์ที่คุณใช้ในการปลุก (ในบทความนี้จะใช้ iPhone) จะต้องเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันกับคอมพิวเตอร์ด้วยนะ ถ้าเข้าใจแล้วล่ะก็ ไปเริ่มตั้งค่าเพื่อใช้งาน Wake-on-LAN (WoL) กัน
คอมพิวเตอร์จะต้องเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายผ่าน สาย Ethernet (หรือสาย LAN) เท่านั้น และอาจจะต้องตั้งค่าปิดการใช้งาน Wi-Fi ในคอมพิวเตอร์เอาไว้ด้วย เพื่อให้ Wake-on-LAN (WoL) ทำงานได้
เปิดใช้งานคุณสมบัติ Wake on LAN ที่อยู่ใน BIOS ให้เรียบร้อย (อ่านวิธีเข้า BIOS ได้ที่นี่) ลองศึกษาวิธีการเปิดในคู่มือที่มาพร้อมกับเมนบอร์ด บางค่ายจะใช้ชื่อเมนูว่า "Wake on LAN" แต่บางค่ายอาจใช้คำว่า "Power On By PCI-E"
ภาพจาก https://www.asus.com/support/FAQ/1045950/
มีโปรแกรมที่สามารถใช้ในการปลุกคอมพิวเตอร์ผ่าน คุณสมบัติ Wake-on-LAN (WoL) ให้เลือกใช้งานอยู่หลายตัวนะ เช่น WakeMeOnLan, EMCO WakeOnLan, RemoteRebootX ฯลฯ แต่ในบทความนี้เราจะแนะนำเป็นการปลุกด้วยสมาร์ทโฟนแทนละกัน เพราะเชื่อว่าผู้ใช้งานตามบ้านส่วนใหญ่มักจะมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวเพียงเครื่องเดียว เราคงไม่เอา Wake-on-LAN (WoL) ไปปลุกคอมพิวเตอร์ของพ่อ, พี่ชาย หรือน้องสาว
โดยหลักการก็จะเหมือนกันหมดนะ คือ เพิ่ม MAC address เข้าไปในตัวแอปพลิเคชัน แล้วสั่งปลุกจากแอปพลิเคชัน ในบทความนี้เราจะใช้เป็น "แอป Wake-On-LAN" จากผู้พัฒนา ที่ใช้ชื่อว่า SWEETSOFT D.O.O. สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีจาก App Store
จริง ๆ เท่าที่ลองทุกแอปพลิเคชันก็เหมอืนกันหมดนะ คือ เปิดมา แล้วก็เพิ่ม MAC Address เข้าไปในตัวแอปพลิเคชัน เท่านั้นเอง แล้วจะมีปุ่มให้กดเพื่อส่ง Magic Packet เพื่อปลุกคอมพิวเตอร์จากโหมดนอนหลับ (Sleep Mode)
และเวลาใช้งาน คุณต้องไม่สั่ง "Shutdown" นะครับ เพราะว่าถ้าสั่งปิดเครื่อง (Shutdown) ไปนี่ คือการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบถาวรเลย จะไม่สามารถปลุกเครื่องให้ตื่นด้วย Wake-on-LAN (WoL) ไม่ได้ ให้เลือกเป็น Sleep Mode แทน
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |