น่าจะเป็นคำฮิตติดปากไปเสียแล้วสำหรับคำว่า บัค (Bug) เมื่อเวลาคอมพิวเตอร์ โปรแกรมหรือระบบใด ๆ มีปัญหา หลายคนก็พูดขึ้นมาเลยว่า "ติดบัคหรือเปล่า ?" แล้วบัคที่ว่านี้คืออะไร ทำไมแมลงถึงทำให้ระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหาได้
สำหรับคำว่า บัค ที่ไม่ได้แปลว่าแมลง มักจะเรียกว่า บัคคอมพิวเตอร์ (Computer Bug) ซึ่งคำนี้มีความหมายว่า ข้อผิดพลาดจากโปรแกรมที่ทำให้คำนวณผลลัพธ์ไม่ถูกต้องตามที่ควรจะเป็น ส่วนใหญ่มักเป็นที่ซอฟต์แวร์ สคริปต์ ซอร์สโค้ด หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ซึ่งอาการหนัก ๆ จากบัค อาจทำให้โปรแกรม คอมพิวเตอร์หยุดการทำงาน หรือเกิดอันตรายจากการที่ระบบรักษาความปลอดภัยไม่รัดกุม
ยกตัวอย่างที่เกิดจากอันตรายของบัคคอมพิวเตอร์ เช่น เหตุการณ์เครื่องฉายรังสี Therac-25 มีส่วนทำให้ผู้ป่วยที่ผ่านการฉายรังสีด้วยเครื่องดังกล่าวเสียชีวิตจำนวนมากใน ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523), เหตุการณ์จรวดต้นแบบ Ariane 5 ขององค์กรอวกาศยุโรป (The European Space Agency) ทำลายตัวเองหลังจากเปิดตัวไม่ถึง 1 นาที เนื่องจากเกิดบัคในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของจรวด, เหตุการณ์ซอฟต์แวร์ของเฮลิคอปเตอร์ชินุก (Chinook) ของกองทัพสหรัฐอเมริกาขัดข้อง จนทำให้เฮลิคอปเตอร์ชนเข้ากับเทือกเขา Mull of Kintyre ในสกอตแลนด์ มีผู้เสียชีวิตถึง 29 ราย
ตัวอย่างหน้าจอผู้ใช้งาน (User Interface) ของเครื่องฉายรังสี Therac-25
ภาพจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Therac-25
หลัก ๆ แล้ว บัคคอมพิวเตอร์ได้ถูกจำแนกแยกประเภท ออกมาทั้งหมด 5 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งทั้งหมด ก็ล้วนแต่ข้อผิดพลาดทั้งนั้น แต่อยู่ในบทบาท หรือบริบทที่แตกต่างกันออกไป มีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย
ที่มาของการใช้คำว่า Bug ในแง่ของคำว่าบัคคอมพิวเตอร์ เกิดจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1947 (พ.ศ. 2490) เป็นวันที่มีแมลงบินเข้าไปยังแผงวงจรของคอมพิวเตอร์ Harvard Mark II จนทำให้คอมพิวเตอร์ลัดวงจร ทำงานผิดปกติ โดยมีเกรซ เมอร์เรย์ ฮอปเปอร์ (Grace Murray Hopper) โปรแกรมเมอร์ผู้อยู่ในเหตุการณ์ และนั่นทำให้ บัค (ซึ่งในที่นี้ก็คือแมลงตัวจริงเสียงจริง) กลายเป็นคำศัพท์อุบัติใหม่ไปโดยปริยาย
แมลงตัวแรกของโลกที่ทำให้คอมพิวเตอร์เกิด "บัค"
ภาพจาก : https://www.nationalgeographic.org/thisday/sep9/worlds-first-computer-bug/
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ howtogeek.com ระบุว่า เคยพบหลักฐานการใช้คำว่า Bug โดยนักประดิษฐ์ชื่อก้องโลกอย่าง โธมัส อัลวา เอดิสัน ซึ่งโธมัสเคยเขียนคำนี้ลงในสมุดบันทึกส่วนตัวและจดหมายในปี พ.ศ. 2421 (ค.ศ. 1878) ในความหมายว่า ปัญหายาก ๆ หรือปัญหาทางวิศวกรรมที่ต้องแก้ไข และอธิบายเพิ่มเติมว่า Bug เป็นคำอุปมาเพื่อใช้อธิบายเมื่อเกิดเหตุการณ์แมลงคลานเข้าไปในอุปกรณ์แล้วเกิดอาการผิดปกติ
อันตรายที่เกิดจาก บัคคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่เกิดกับซอฟต์แวร์ โปรแกรม สคริปต์โค้ด ซอร์สโค้ดเป็นส่วนใหญ่ แต่อันตรายเหล่านี้ล้วนส่งถึงผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมทำงานผิดปกติ ผลิตงานที่ต้องการออกมาไม่ได้ ไปจนถึงคอมพิวเตอร์ใช้การไม่ได้ ขึ้นจอฟ้าต่อหน้าต่อตา ฉะนั้น เมื่อเจอความผิดปกติขณะใช้งาน จึงไม่ควรนิ่งเฉย และควรตรวจสอบทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เพื่อเช็คอาการโดยรวม
ตัวอย่างอันตรายจากคอมพิวเตอร์ที่สังเกตได้ง่าย ๆ ก็คือ
หลังจากที่เจอ บัคคอมพิวเตอร์ เข้าให้แล้ว ให้พยายามทำตามวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้ แม้บัคคอมพิวเตอร์บางแบบจะส่งผลร้ายแรง แต่เพื่อไม่ให้คอมพิวเตอร์มีอาการหนักไปมากกว่าเดิม
หากคอมพิวเตอร์กำลังเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก เช่น แฟลชไดรฟ์, ฮาร์ดดิสก์ ผ่านพอร์ต USB หรือแม้แต่การเชื่อมต่อไร้สายบลูทูธ เช่น หูฟัง ให้ถอดออกแล้วทำการรีสตาร์ทเครื่องใหม่ เพื่อเช็คว่าการทำงานของบัคคอมพิวเตอร์ที่มีปัญหาจะหยุดลงหรือไม่
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่หลายคนละเลยอย่างการอัปเดตไดรฟ์เวอร์ต่าง ๆ แต่ถ้าจำไม่ได้ว่าในเครื่องมีไดรเวอร์อะไรบ้าง ให้คลิกขวาที่ไอคอน "This PC" > Properties > ค้นหาคำว่า Device Manager จะพบกับรายชื่อโปรแกรมที่เพิ่มไดรเวอร์ หรือจะติดตั้งโปรแกรมค้นหาในเครื่องก็ทำได้ และอย่าลืมจัดการอัปเดตให้เรียบร้อยด้วยนะ
เพราะบัคคอมพิวเตอร์อาจมาจากไฟล์ใด ๆ ก็ตามที่เสี่ยงต่อการติดมัลแวร์ อย่าง ไวรัส (Virus) หรือ โทรจัน (Trojan) และภัยอื่น ๆ หรือบางโปรแกรมอาจติดเชื้อไปแล้ว ฉะนั้น ต้องหมั่นสแกนไวรัส มัลแวร์ สิ่งแปลกปลอมในเครื่องเพื่อเช็คความผิดปกติ เพราะไม่รู้ว่าอันตรายจะมาถึงคอมพิวเตอร์เมื่อไหร่ ต้องระวังให้ดี
ข้อมูลเพิ่มเติม : Malware คืออะไร ? Malware มีกี่ประเภท ? และรูปแบบของมัลแวร์ชนิดต่างๆ ที่น่าจดจำ
หลายคนตั้งค่าให้โปรแกรมในเครื่องเริ่มทำงานตั้งแต่เริ่มเปิดคอมพิวเตอร์เลย สะดวก รวดเร็วต่อการใช้งาน แต่เมื่อเกิดอาการติดบัคขึ้นมา ขอให้ปิดการใช้งานส่วนนี้เสียก่อน เพื่อไม่ให้โปรแกรมทำงานอัตโนมัติ แล้วส่งผลให้บัคคอมพิวเตอร์ที่ติดโปรแกรมนั้น ๆ ทำงานไปด้วย
น่าจะเป็นทางเลือกที่ดูง่ายที่สุดแล้ว หากพบว่าบัคคอมพิวเตอร์มาจากโปรแกรมใด ก็จัดการถอนการติดตั้ง (Uninstall) ทิ้งไปเลยหากทำได้ หรือกำจัดผ่าน โปรแกรมสแกนไวรัส ที่สามารถลบไฟล์โปรแกรมก็ได้ แต่ถ้าอาการหนักในระดับที่ไม่สามารถ ถอนการติดตั้ง (Uninstall) โปรแกรมนั้น ๆ ได้แล้ว อาจต้องพึ่งพาวิธีอื่นแทน
ส่วนข้อนี้น่าจะเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้ว กับการคืนค่าระบบใหม่ เสมือนกลับไปใช้งานเครื่องใหม่อีกครั้ง ด้วย "เมนู System Restore" ซึ่งในคอมพิวเตอร์บางเครื่องใช้ "เมนู Reset the PC" แทน เพียงเลือกชื่อของผู้ใช้งาน (Username) และ ใส่รหัสผ่าน (Password) ให้ถูกต้อง จากนั้น ให้เลือกจุดย้อนเวลากลับ (Restore Point) ตามต้องการแล้วทำการรีเซ็ตระบบใหม่ได้ทันที
เมนู Reset this PC
เห็นได้ว่าบัคคอมพิวเตอร์เป็นอันตรายอันใหญ่หลวง หากไม่ระวัง คอมพิวเตอร์อาจเกิดปัญหา ใช้การไม่ได้กันเลยทีเดียว ทางที่ดี ควรระมัดระวังในการใช้งาน หมั่นสแกนไวรัสด้วยโปรแกรมอยู่เสมอ สังเกตอาการผิดปกติของคอมพิวเตอร์และรีบแก้ไข เพื่อยืดอายุการใช้งานคอมพิวเตอร์ไปได้นาน ๆ
|
Web Content Editor ท่านหนึ่ง นิยมการเล่นมือถือเป็นชีวิตจิตใจ |