เมื่อคุณก้าวเข้าสู่โลกคริปโต สิ่งแรกที่คุณควรทำความรู้จักก็คือ กระเป๋าคริปโต หรือ คริปโตวอลเล็ต (Crypto Wallet) เพราะถ้าหาก คุณกำลังเข้าสู่โลกที่การเงินทุกอย่างนั้นไร้ศูนย์กลาง และทุกคนสามารถเข้าถึงรวมทั้งทำธุรกรรมต่อกันได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านคนกลางหรือสถาบันการเงิน ดังนั้น การมีกระเป๋าคริปโตเป็นของตนเอง ก็จะทำให้คุณสามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลกของ คริปโตเคอร์เรนซี (Crypto Currencies) ได้อย่างราบรื่น เราจะพาไปรู้จักกับ กระเป๋าคริปโต ที่ว่ากันต่อด้านล่างค่ะ
กระเป๋าคริปโต (Crypto Wallet) คือ กระเป๋าที่เอาไว้สำหรับเก็บคริปโต จะมีทั้งกระเป๋าแบบร้อนและแบบเย็น ทำหน้าที่คล้าย ๆ กันกับกระเป๋าที่เอาไว้เก็บเงิน Fiat หรือสกุลเงินที่ใช้กันในชีวิตจริง แต่ต่างกันตรงที่มันถูกเอาไว้ใช้เก็บเงินสกุลคริปโตโดยเฉพาะก็เท่านั้นเอง ซึ่งถ้าหากคุณต้องการเริ่มต้นใช้ชีวิตในโลกของคริปโตแล้วล่ะก็ คุณต้องมีกระเป๋าคริปโตก่อนเป็นอันดับแรก
เครดิตภาพ : https://cybermatters.info/trustworthy-software/trustworthy-wallets/
กระเป๋าคริปโตนั้น ทำหน้าที่เสมือนกับเป็นประตูด่านแรกในการก้าวเข้าสู่โลกของบล็อกเชน เพราะมันจะช่วยอำนวยความสะดวกในการ รับ, ส่ง, และ จัดเก็บ สินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ บรรดากระเป๋าคริปโตที่ว่า อาจอยู่ในรูปของแฟลชไดรฟ์, โปรแกรมเดสก์ทอป, หรือแม้กระทั่งกระดาษเพียงแผ่นเดียวก็ได้ เพื่อเอาไว้จัดเก็บกุญแจ หรือคีย์ส่วนตัว (Private Key) และคีย์สาธารณะ (Public Key) โดยที่คีย์เหล่านี้ ทำให้คุณสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ที่มี และอนุญาตให้สามารถรับและส่งสกุลเงินคริปโตที่รองรับได้
โดยปกติแล้วถ้าเราพูดถึงกระเป๋าตังค์ ก็จะคิดว่าเราต้องเสียตังค์ซื้อกระเป๋าให้เป็นของเราก่อน แล้วถึงจะเอามาเก็บตังค์เก็บเงินต่อได้ แต่ถ้าในโลกของคริปโตแล้ว เราสามารถมี กระเป๋าคริปโต ได้ฟรี แถมจะมีสักกี่ใบก็ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนอะไรเลย
กระเป๋าคริปโตแต่ละใบ จะมีโค้ดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละกระเป๋าเพื่อเอาไว้รับส่งเงินคริปโต โค้ดนี้จะถูกเรียกว่า คีย์สาธารณะ (Public Key) แต่คนไทยจะนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า เลขกระเป๋า มากกว่า และจะได้รับคีย์ส่วนตัว (Private Key) ของกระเป๋าใบนั้น ๆ มาด้วย ทำให้คุณสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิตอลและจัดการสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองได้ เปรียบได้ง่าย ๆ ว่า เลขกระเป๋า ก็เหมือนกับเลขบัญชีธนาคาร และคีย์ส่วนตัว เป็นรหัส PIN ของคุณที่เอาไว้กด ATM หรือกดเข้าแอปพลิเคชันของธนาคารในมือถือนั่นแหละ ดังนั้น จึงไม่ควรให้คีย์ส่วนตัวกับใครโดยเด็ดขาด
เครดิตภาพ : https://cybermatters.info/trustworthy-software/trustworthy-wallets/
ในปัจจุบัน อาจยังมีผู้ใช้งานหลายคนที่เข้าใจว่า สินทรัพย์ต่าง ๆ ที่เรามีอยู่ ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าของเราโดยตรง แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ถึงแม้จะถูกเรียกว่ากระเป๋า แต่ไม่ใช่ว่าเราจะมีเหรียญในกระเป๋าจริง ๆ หรอกนะ เพราะเหรียญต่าง ๆ สินทรัพย์ต่าง ๆ ล้วนอยู่บนบล็อกเชนทั้งสิ้น ซึ่งบล็อกเชนก็จะทำหน้าที่เพียงแค่ตามแทร็กธุรกรรมระหว่างกระเป๋าเท่านั้น และจะไม่ได้ทำการตรวจสอบด้วยว่า ที่อยู่กระเป๋าปลายทางของธุรกรรมนั้นถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น ถ้าหากส่งเหรียญหรือสินทรัพย์ใด ๆ ผิดที่อยู่ไปล่ะก็ ระบบจะไม่สามารถจดจำได้ แถมเหรียญก็จะหายไปตลอดกาลเลยด้วย
Hot Wallet ที่แปลเป็นไทยแบบตรง ๆ ว่า กระเป๋าร้อน ในที่นี่ไม่ได้หมายถึงกระเป๋าที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติแต่อย่างใด แต่หมายถึงกระเป๋าที่สามารถนำเงินคริปโตมาหมุนเวียนทำธุรกรรมได้ง่าย และสามารถสร้างกระเป๋าใบใหม่ได้ง่าย แต่ก็มีความปลอดภัยน้อยกว่ากระเป๋าแบบ Cold Wallet แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่
Web Wallet หรือกระเป๋าแบบเว็บ จะอยู่ในรูปแบบของแอปพลิเคชันที่เราสามารถเรียกใช้งานได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ โดยอาจจะอยู่ในรูปแบบของกระเป๋าที่ได้มาจากผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโต หรือเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงจากที่ใดก็ได้ เป็นตัวเลือกของกระเป๋าที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว แต่เพราะกระเป๋านี้ถูกจัดเก็บแบบออนไลน์ จึงทำให้สามารถูกแฮคได้ง่ายกว่ากระเป๋ารูปแบบอื่น ๆ
Mobile Wallet กระเป๋าแบบอยู่บนมือถือ กระเป๋าคริปโตประเภทนี้จะถูกจัดเก็บไว้ในสมาร์โฟนของคุณ และสามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันที่สนับสนุนและเฉพาะในอุปกรณ์ที่ทำการดาวน์โหลดแอปกระเป๋านั้นมาติดตั้งด้วย กระเป๋าแบบนี้เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความคล่องตัวและความสะดวกในการใช้งานนอกสถานที่ แต่มีข้อเสียก็คือ มันสามารถถูกแฮคได้จากทั้งตัวแอปและตัวโทรศัพท์เอง
กระเป๋าเดสก์ทอป เป็นกระเป๋าแบบซอฟต์แวร์ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ กระเป๋าเหล่านี้จะมีความสามารถในการเปิดให้เห็นภาพรวมของสินทรัพย์ภายในกระเป๋าได้ดี สามารถควบคุมและเข้าถึงสินทรัพย์ของคุณได้ทุกเมื่อจากคอมพิวเตอร์ของเราเอง แต่เพราะกระเป๋าแบบนี้จะมีทำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเองโดยอัตโนมัติเมื่อออนไลน์ ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงสูงที่อาจถูกแฮค
เครดิตภาพ : https://www.oobit.com/blog/understanding-the-different-types-of-cryptocurrency-wallets/
กระเป๋าเย็น ในที่นี้ หมายถึงกระเป๋าที่มีความปลอดภัยมากกว่ากระเป๋าร้อน แต่ก็ยังคงต้องมีความปลอดภัยอยู่ในระดับที่แน่นอนที่จะจัดให้อยู่ในประเภทกระเป๋าเย็นได้ โดยกระเป๋าเหล่านี้ถือเป็นกระเป๋าที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งานที่มองหากระเป๋าที่เอาไว้เก็บสกุลเงินคริปโตในระยะยาว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่ได้นำออกมาใช้บ่อย ๆ และมีความปลอดภัยมากพอที่จะเก็บเงินคริปโตที่มีจำนวน และ/หรือ มูลค่าสูง
กระเป๋าแบบฮาร์ดแวร์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า Hardware Wallet มันจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนแฟลชไดรฟ์ และไม่จำเป็นต้องใช้การอินเตอร์เน็ตในการเข้าถึงตลอดเวลา เพราะจะต้องใช้อินเตอร์เน็ตก็ต่อเมื่อผู้ใช้ต้องการส่งเงินคริปโต เท่านั้น (รับไม่ต้องใช้) ทำให้กระเป๋าเงินประเภทนี้ เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเอาไว้ถือเงินคริปโตในระยะยาว เพราะมีความปลอดภัยสูง แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็ยังจัดว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องเก็บรักษาเอาไว้ให้ปลอดภัยจากทั้งเงื้อมมือโจรและความเสียหายที่อาจทำให้ใช้งานต่อไม่ได้ เช่น น้ำ, ของเหลวอื่น ๆ, ไฟไหม้ เป็นต้น
ถือเป็นกระเป๋าที่ปลอดภัยที่สุดในบรรดากระเป๋าคริปโตทั้งหมด โดยกระเป๋ากระดาษที่ว่า มีที่มาจากการที่เราสามารถจัดเก็บทั้ง Public และ Private Key ไว้เพียงแค่บนแผ่นกระดาษแผ่นเดียวได้ ในกรณีที่คุณต้องการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ที่มีอยู่ภายในกระเป๋า ก็จะต้องใช้กระเป๋าซอฟต์แวร์เพื่อส่งหรือรับสินทรัพย์ที่ต้องการจัดการ ดังนั้น กระเป๋ากระดาษ จึงเหมาะสำหรับการเก็บในระยะยาว (เรียกว่าเก็บลืมยังได้) และควรเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย
เครดิตภาพ : https://blockchainjournal.news/what-is-a-paper-cryptocurrency-wallet-step-by-step-instruction-how-to-make/
สำหรับมือใหม่ในวงการคริปโตอาจจะงงว่า แล้วกระดาษหนึ่งแผ่นนี้มันจะเป็นกระเป๋าสำหรับเก็บคริปโตได้อย่างไร และมันจะมีความปลอดภัยเกิดขึ้นจากตรงไหน คำตอบก็คือ กระดาษแผ่นนี้ เราจะใช้การ เขียน Private Key ด้วยมือเท่านั้น ซึ่งนั่นจะทำให้ไม่มีร่องรอยให้ติดตามใดใดจากในระบบคอมพิวเตอร์ และจะใช้เพียงเลขกระเป๋าในการรับ - ส่งเหรียญคริปโตเท่านั้น ต่อเมื่อคุณต้องการนำเข้ากระเป๋ามาใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเพิ่มเติมเท่านั้น จึงจะนำ Private Key นี้ออกมาดู
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |