ChatGPT คืออะไร ? ทำงานอย่างไร ? ทำอะไรได้บ้าง ?

ChatGPT คืออะไร ? ทำงานอย่างไร ?

วินาทีนี้คงไม่มีเทคโนโลยีไหนที่มาแรงไปกว่า ChatGPT หลังจากที่มันเปิดสู่สาธารณะให้คนทั่วไปสามารถทดลองใช้งานได้ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) มันก็เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว มันเติบโตไวยิ่งกว่า Instagram หรือ Tiktok เสียอีก

โดยมันใช้เวลาแค่เพียงเดือนเดียวหลังเปิดตัว มีผู้เข้าใช้งาน ChatGPT ในเดือนมกราคมของปีถัดมา มากกว่า 13,000,000 คนต่อวัน ทำสถิติมีผู้ใช้เกิน 100,000,000 คน ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งสถิตินี้ TikTok ใช้เวลา 9 เดือน และ Instagram ใช้สองปีครึ่งถึงจะทำได้สำเร็จ

คนที่ยังไม่เคยใช้ ChatGPT อาจจะสงสัยว่าทำไมมันได้รับความนิยม หรือเคยใช้แล้ว แต่อยากรู้ว่ามันทำงานได้อย่างไร ? ใครที่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้บ้าง มาทำความรู้จักมันให้มากขึ้นกัน

ChatGPT คืออะไร ?
(What is ChatGPT ?)

ChatGPT เป็นโปรแกรม Artificial intelligence ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท OpenAI ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558)  Elon Musk, Sam Altman, Greg Brockman, Ilya Sutskever และ Wojciech Zaremba ได้ร่วมกันก่อตั้ง OpenAI ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับ Artificial Intelligence ซึ่งทางบริษัทก็ได้พัฒนาซอฟต์แวร์อยู่หลายตัว ซึ่ง ChatGPT นั้นถูกเปิดตัวใน ปี ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561)

โดย ChatGPT ถูกพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ GPT-3 ซึ่งเป็นโครงการ Natural language processing (การประมวลภาษาธรรมชาติ) รุ่นที่ 3 เป็น AI ที่ผ่านการฝึกวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างฐานความรู้ขนาดใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง

ทำให้ได้ AI ที่มีความชาญฉลาดเป็นอย่างมาก แต่คุณสมบัติที่ทำให้มันมีความโดดเด่นแตกต่างจาก AI ตัวอื่นคือ มันถูกปรับแต่งมาให้สามารถสื่อสารตอบโต้กับการสนทนาได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการแปลภาษา, สรุปข้อมูล, ตอบคำถามตามโจทย์ที่ถูกป้อนเข้าไปอย่างซับซ้อนได้ เช่น สั่งให้เขียนโปรแกรม, ตารางการท่องเที่ยว, วิธีประกอบอาหาร ฯลฯ

ซึ่งในการตอบคำถามของ ChatGPT นั้น ความพิเศษอยู่ที่รูปแบบประโยคที่มีความเป็นธรรมชาติสมจริง มันเข้าใจบริบทในการถามของผู้ใช้ และตอบกลับมาอย่างเป็นธรรมชาติ

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ChatGPT

• ChatGPT เป็น AI ขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลตัวแปรในระบบมากถึง 175,000,000,000 พารามิเตอร์ ทำให้มันเป็นหนึ่งในโมเดลภาษาที่ใหญ่ที่สุด
• ChatGPT ได้รับการฝึกฝนมาล่วงหน้าเป็นอย่างดี ตัวโปรแกรมถูกกำหนดค่า แล้วสั่งให้ลืม (set it and forget it) หมายความว่า ผลลัพธ์ที่ได้ เป็นคำตอบที่มันเคยตอบมาแล้ว
• ChatGPT รองรับการทำงานแบบหลายงานได้พร้อมกัน (Multitasking) ที่มีความสามารถในการรับรู้ได้มากกว่าหนึ่งภาษา มันจึงสามารถแปล, สรุป และตอบคำถามได้ในเวลาเดียวกัน
• ChatGPT เหมือนแชทบอท (Chatbot) ที่สามารถตอบคำถามได้แบบเรียลไทม์อย่างรวดเร็ว แต่มันมีความชาญฉลาดมากกว่าหลายเท่า

ChatGPT ทำงานอย่างไร ?
(How does ChatGPT work ?)

เมื่อเราพูดถึง AI ระดับสูง มันจะมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหลายอย่าง ก่อนที่จะไปถึงกระบวนการทำงานของ ChatGPT มาทำความรู้จักกับศัพท์เทคนิคที่สำคัญเกี่ยวกับ AI กันก่อน

1. Artificial Intelligence (AI) : สำหรับเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ AI เป็นส่วนหนึ่งของวิทยาการคอมพิวเตอร์ โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบที่สามารถทำงานทุกอย่างได้เหมือนกับมนุษย์ รูปแบบโดยทั่วไปหลัก ๆ ก็จะประกอบไปด้วยการวิเคราะห์เสียงพูด, ทำความเข้าใจสิ่งที่ได้ยิน หรือภาพที่เห็นได้
2. Natural Language Processing (NLP) : เป็นสาขาย่อยของ AI ที่พัฒนาการสื่อสารระหว่างมนุษย์ และคอมพิวเตอร์ ให้สามารถสื่อสารเข้าใจกันได้ โดยอาศัยหลักอัลกอริทึม และโมเดลต่าง ๆ เพื่อให้ NLP สามารถวิเคราะห์ และทำความเข้าใจสิ่งที่มนุษย์สื่อสารได้
3. Neural Network : เป็นอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ที่มีโครงสร้างการทำงานเหมือนกับสมองของมนุษย์ โดย AI จะจำลองกระบวนการแก้ปัญหา, รวบรวมข้อมูล และศึกษารูปแบบวิธีคิดที่เหมือนกับมนุษย์
4. Transformer : เป็นโครงสร้างที่อยู่ภายใน Neural network สำหรับให้ NLP ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูก Input/Output
5. Generative Pre-trained Transformer (GPT) : เป็นระบบแปลงภาษาที่พัฒนาขึ้นมาโดย OpenAI สามารถสร้างข้อความที่เหมือนกับภาษามนุษย์ได้อย่างสมจริง
6. GPT-3 : เวอร์ชัน 3 ของ GPT เป็นเวอร์ชันที่ทำงานได้อย่างยืดหยุ่น และชาญฉลาดที่สุดในปัจจุบันนี้ (2/24/2023)
7. Pre-Training : เป็นการฝึกฝน Neural network แบบภายในที่ทาง OpenAI ทำไว้ก่อนที่จะเผยแพร่สู่สาธารณะ
8. Fine-Tuning : เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านการ Pre-Training เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเน้นฝึกฝนในงานที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น นี่เป็นเหตุผลที่ OpenGPT สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ
9. Application Programming Interface (API) : สำหรับการใช้ API เป็นวิธีที่ทำให้ตัวโปรแกรมสามารถคงรูปแบบแนวทางไว้เหมือนเดิม โดยจะเป็นไกด์ไลน์ว่าควรจะพัฒนาแบบไหน ? เพื่อให้คุณสมบัติใหม่ ที่พัฒนาขึ้นมาภายหลัง สามารถเพิ่มกับของเดิมได้อย่างสมบูรณ์

ขั้นตอนการทำงานของ ChatGPT

ChatGPT ใช้ Neural network ขนาดใหญ่ในการประมวลผลการสื่อสารที่เกิดขึ้นระหว่าง AI กับผู้ใช้ โดยมีขั้นตอนในการทำงานดังต่อไปนี้

1. ป้อนข้อมูล : มนุษย์ที่เป็นผู้ใช้งานป้อนคำสั่ง หรือคำถามลงไปในช่องข้อความของ ChatGPT
2. แปลงข้อมูลให้เป็นลักษณะเฉพาะ : ข้อความที่ถูกป้อนเข้าไป จะถูกโปรแกรมตัดแบ่งออกเป็นคำ ๆ เรียกว่าการทำ Tokenization เพื่อนำ Token ที่ได้ไปวิเคราะห์ความหมายต่อ
3. Input Embedding : ข้อความที่ถูกแปลงเป็น Token แล้ว จะถูกนำไปกระจายลง Neural Network
4. เข้า และถอดรหัสใจความ : ข้อความจะถูกถอดรหัสความเป็นไปได้ของผลลัพธ์ทั้งหมด จากนั้นจะสร้างผลลัพธ์ที่ตรงกับความน่าจะเป็นที่สุดออกมา
5. สร้างข้อความ และแสดงคำตอบ :  ChatGPT สร้างผลลัพธ์ออกมา และผู้ใช้จะได้รับคำตอบเป็นข้อความ

ChatGPT สามารถทำอะไรได้บ้าง ?
(What can ChatGPT do ?)

ความยอดเยี่ยม และชาญฉลาดของ ChatGPT ทำให้มันสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้กับงานหลากหลายประเภท โดยสิ่งที่ ChatGPT สามารถทำได้ ประกอบไปด้วย

• สร้างข้อความ
• กรอกข้อความ
• คำถาม-คำตอบ
• สรุป
• แปลข้อความ
• สนทนา
• วิเคราะห์ความรู้สึก
• การรับรู้ชื่อของตัวตนต่าง ๆ
• รระบุชนิดของคำของคำแต่ละคำ ตามบริบทต่าง ๆ

อ่านแบบนี้อาจจะรู้สึกว่ามันธรรมดา แต่ในการใช้งานจริงมันน่าทึ่งมากนะ เช่น การสร้างข้อความ เนื้อหาหลายอย่างบนโลกนี้เป็นข้อความ คุณอาจจะขอให้ ChatGPT แต่งเนื้อเพลงเกี่ยวกับอะไรสักอย่างในสไตล์ของศิลปินคนโปรด

แต่งเสร็จแล้ว ก็ยังสามารถขอให้มันใส่คอร์ดเพลงให้ด้วยได้เช่นกัน เพราะมันก็ยังอยู่ในขอบเขตของ "ข้อความ"

หรือในด้านการแปลภาษา มันก็ทำงานที่ซับซ้อนอย่างการแปลโค้ดที่เขียนด้วยภาษา Java เป็นภาษา Python ได้อย่างรวดเร็ว

หรือจะให้มันจัดตารางการท่องเที่ยวให้ก็ได้ ถ้าคุณคิดไม่ออก และไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนดี

ข้อจำกัดของ ChatGPT
(ChatGPT Limitations)

ถึงแม้ว่า ChatGPT จะเป็น AI ที่มีระบบ NLP ซับซ้อน และชาญฉลาดเป็นอย่างมาก แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายด้าน ดังนี้

อคติ

ในการฝึกฝนตัว ChatGPT ข้อมูลที่ถูกนำมาใช้นั้น มีโอกาสที่บางส่วนจะเป็นข้อมูลที่มีอคติ หรือแม้แต่ข้อมูลที่เป็นการเหยียดเพศ, สีผิว หรือแม้แต่ดูถูกเชื้อชาติ ทำให้การตอบสนองของ ChatGPT สามารถเจอความเห็นที่มีอคติได้เช่นกัน

ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

ในปัจจุบันนี้ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในการใช้เทคโนโลยี ซึ่ง ChatGPT มีการรวบรวมข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไปตลอดเวลา นั่นหมายความว่า ผู้ที่ใช้งานก็มีส่วนในการฝึกฝนมัน และข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไป ก็อาจถูกผู้อื่นนำไปใช้งานต่อได้เช่นกัน

ข้อมูลผิดพลาด

แม้ว่า ChatGPT จะมีความฉลาดเป็นอย่างมาก แต่ฐานข้อมูลส่วนใหญ่ก็มาจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป คำตอบที่ได้จาก ChatGPT จึงอาจเป็นคำตอบที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง

ความเข้าใจภาษามนุษย์

แม้ในตอนนี้ ChatGPT เหมือนจะเข้าใจภาษามนุษย์ได้อย่างดีเยี่ยม แต่ในความเป็นจริง เมื่อเจอกับบางภาษา บางรูปประโยค หรือคำถามที่มีศัพท์เฉพาะทาง มันก็อาจแปลความหมายผิด และตอบได้ไม่ตรงกับคำถามที่เราป้อนเข้าไป

ไม่มีสามัญสำนึก

ไม่ว่า AI จะฉลาดขนาดไหนก็ตาม แต่การพัฒนาสามัญสำนึก หรือสร้างบุคลิกภาพขึ้นมาก็ยังเป็นเรื่องยาก บางครั้งคำตอบที่ ChatGPT ตอบกลับมาจึงขาดประสบการณ์บางอย่างไป มันอาจจะตอบตรงคำถามตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ขาดซึ่งหลักศีลธรรม

จะใช้งาน ChatGPT ได้อย่างไร ?
(How to use ChatGPT ?)

ChatGPT ใช้งานได้ง่ายมาก เพียงเปิดเว็บเบราว์เซอร์ไปที่ chat.openai.com สมัครบัญชี (ฟรี) ก็สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ทันที โดยในการใช้งานฟรี ฐานข้อมูลจะไม่ใช้เวอร์ชันล่าสุด และตอบสนองได้ไม่เร็วมากนัก แต่ถ้าต้องการใช้จริงจัง ตอบสนองไว และใช้ฐานข้อมูลเวอร์ชันล่าสุด ก็จะเสียค่าบริการเพียงเดือนละ $20 (ประมาณ 700 บาท)

มี AI ตัวอื่นที่เหมือนกับ ChatGPT หรือไม่ ?
(Is there any other AI similar to ChatGPT ?)

ยังมี AI อีกหลายตัวที่บริษัทอื่น ๆ พัฒนา ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้ ChatGPT โดยตัวที่มีความโดดเด่นก็อย่างเช่น

• Chatsonic
• Chinchilla
• Bloom
• Megatron Turing NLG
• Jasper
• Replika
• FaceApp
• Elsa
• Socratic

สนใจตัวไหน ก็ลองเอาชื่อไปค้นหาบน Google เพื่อเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้