มือใหม่ควรรู้! 4 เป้าหมายของเทรนเนอร์ Pokemon GO นอกจากการจับนก หนู หนอนไปวันๆ

อาจจะเริ่มเบื่อกันแล้ว สำหรับเพื่อนๆ ที่รู้จักเกมส์โปเกม่อนเพียงผิวเผิน และได้เข้ามาลองเล่น เพราะวันๆ จะจับโปเกม่อนก็เจอแต่ Pidgey, Rattata, Weedle, Caterpie (หรือนก หนู หนอน ที่หลายๆ คนเรียกกัน) นานๆ จะเจอตัวแปลกๆ ทีนึง ซึ่งในช่องก็มีแต่ตัวเดิมๆ ซ้ำๆ จนแทบจะจับตัวใหม่ไม่ได้แล้ว ไปต่อไม่ได้เสียที

ในคราวนี้ ทีมงานเลยขอมาแนะนำกันว่า ภารกิจจริงๆ ของเกมส์ Pokemon GO นี้ ที่เหล่าเทรนเนอร์ต้องทำนี้ มีอะไรบ้าง? เพื่อนๆ จะได้เข้าใจตัวเกมส์กันมากขึ้น ไม่เบื่อเลิกเล่นกันไปเสียก่อนนะครับ โดยจะมีอะไรบ้างนั้น ไปชมกันเลย

1. สะสมโปเกม่อนให้ครบ 151 ตัว

ภารกิจนี้ เป็นภารกิจแรกของเหล่าเทรนเนอร์เลย กับการจับโปเกม่อนสะสมข้อมูลให้ครบ 151 ตัว ซึ่งในเกมส์นี้ ได้ออกแบบมาให้โปเกม่อนแต่ละประเภท อยู่ในพื้นที่แต่ละส่วนที่ต่างกัน เช่น โปเกม่อนประเภทธรรมดา Normal จะอยู่ตามท้องถนน อาคารบ้านเรื่อนทั่วไป โปเกม่อนน้ำ (Water) จะอยู่ใกล้แหล่งน้ำ โปเกม่อนพลังจิต (Psychic) จะมีโอกาสเกิดที่บริเวณโรงพยาบาล เป็นต้น เพราะฉะนั้น ถ้าจับโปเกม่อนที่เดิมๆ ซ้ำๆ ยังไงก็ไม่มีทางครบ

อีกวิธีในการสะสมโปเกม่อนให้ครบก็คือการวิวัฒนาการ (Evolve) ที่โปเกม่อนบางตัวสามารถวิวัฒนาการได้ 1-2 ร่าง โดยใช้ Candy ที่เกิดจากการจับโปเกม่อนตัวเดิมซ้ำๆ หรือโอน (Transfer) โปเกม่อนตัวนั้นๆ ไปให้ศาสตราจารย์ (Professor) นั่นเอง (อ่านวิธีการ Evolve ได้ที่นี่)

นอกจากนี้ยังมีโปเกม่อนอีก 9 ตัวที่ค่อนข้างพิเศษหน่อย ซึ่ง 5 ใน 9 เป็นโปเกม่อนในตำนาน ได้แก่ Zapdos, Articuno, Moltres, Mew และ Mewtwo ยังไม่สามารถหาจับทั่วไปได้ ส่วนอีก 4 ตัวนั้นเป็นโปเกม่อนที่สามารถหาจับได้เฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น ได้แก่ Tauros สามารถหาจับได้ในทวีปอเมริกาเหนือ, Mr.Mime สามารถหาจับได้ในยุโรป, Farfetch’d สามารถหาจับได้ในเอเชีย และ Kangaskhan สามารถหาจับได้ในออสเตรเลีย (แต่จริงๆ แล้ว โปเกม่อนเหล่านี้ สามารถเกิดจากไข่ได้เช่นกัน)

2. ตามหาและฝึกโปเกม่อนให้มี CP สูงๆ

ค่า CP หรือ Combat Point เป็นค่าที่บอกความแข็งแกร่งของโปเกม่อนแต่ละตัว ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเจอแต่โปเกม่อน CP ต่ำๆ ก็ไม่ต้องแปลกใจครับ เพราะว่า ค่า CP ของโปเกม่อนที่เจอจะขึ้นอยู่กับเลเวลของตัวผู้เล่นด้วย ยิ่งเลเวลสูง ก็มีสิทธิ์ที่จะเจอโปเกม่อนที่มี CP สูงขึ้นตาม

อีกวิธีการหนึ่งในการเพิ่มค่า CP ก็คือการ Evolve และ Power up ให้กับตัวโปเกม่อน ซึ่งการ Power up จะต้องใช้ Candy และ Stardust ที่เราได้มาจากการจับโปเกม่อนนั่นเอง และหากเราทำการ Power up โปเกม่อนตั้งแต่ CP น้อยๆ ก็จะเปลือง Stardust เป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นทีมงานแนะนำให้ใช้วิธีแรก คือเพิ่มเลเวลของตัวผู้เล่น เพื่อหาโปเกม่อน CP มา Power up ในภายหลังดีกว่า

3. ค้นหาโปเกม่อนตัวโปรด ที่มีทั้งความแข็งแกร่งและท่าไม้ตายที่ถูกใจ

ในเกมส์นี้มีระบบต่อสู้ด้วย ผู้เล่นสามารถเอาโปเกม่อนไปต่อสู้กันที่ Gym เพื่อทำการยึดได้ ซึ่งเพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า โปเกม่อนชนิดเดียวกัน มีท่าโจมตีและท่าไม้ตายที่แตกต่างกันอีกด้วย

ในโปเกม่อนหนึ่งชนิด จะมีท่าโจมตีที่แตกต่างกัน 1-3 ท่า ซึ่งในท่าไม้ตายจะมีความแรงและการสะสมเกจใช้งานที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่ การโจมตีที่รุนแรง จะมีการสะสมเกจที่นานกว่าท่าอื่นๆ เท่ากับว่าเพื่อนๆ ต้องหาทั้งโปเกม่อนที่ CP สูงๆ และมีท่าไม้ตายที่ถูกใจมาใช้งานอีกด้วย

อีกเรื่องหนึ่งก็คือโปเกม่อนประเภทหนึ่งๆ ไม่จำเป็นที่ท่าโจมตีต้องเป็นประเภทเดียวกับโปเกม่อน เช่น Raticate ในรูปเป็นประเภท Normal แต่มีท่า Dig ที่เป็นประเภท Ground ซึ่งเวลาต่อสู้จะมีเรื่องการแพ้ชนะของโปเกม่อนประเภทต่างๆ อีกด้วย เช่น Pikachu ซึ่งเป็นโปเกม่อนประเภทสายฟ้าจะแพ้การโจมตีประเภท Ground เป็นต้น

4. เข้าร่วมทีม บุกยึดโรงยิมสีต่างๆ

เมื่อถึงเลเวล 5 เทรนเนอร์ทุกคนต้องเลือกทีม ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 สี ได้แก่ สีเหลือง สีน้ำเงินและสีแดง และออกแข่งขันกันยึด Gym ต่างๆ เพื่อโชว์ความแข็งแกร่งและรับรางวัลเป็น PokeCoins เมื่อสามารถครอง Gym จนครบเวลาตามที่กำหนดไว้

ผู้เล่นสามารถโจมตี Gym ของทีมอื่นๆ เพื่อไล่โปเกม่อนที่เฝ้าไว้ ออกไปจาก Gym หรือท้าสู้กับทีมสีของตัวเอง เพื่อทำการเพิ่มเลเวลให้กับ Gym สำหรับใส่โปเกม่อนเข้าไปเฝ้าเพิ่มได้เช่นกัน

และนี่ก็คือเป้าหมายทั้งหมดของเกมส์ Pokemon GO  หวังว่าเพื่อนๆ จะเล่นกันยาวๆ ไม่หนีไปไหนกันก่อนนะครับ