คุณน่าจะเคยได้ยินคำแนะนำว่าหากคอมพิวเตอร์บูตเข้าสู่ระบบปฏิบัติการช้า ให้ลองเปลี่ยนไดร์ฟที่ติดตั้ง ระบบปฏิบัติการ Windows จาก ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) เป็น โซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) แทน แล้วชีวิตจะดีขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง เพราะการบูต Windows จาก HDD มักใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 30 วินาที แต่ SSD แค่เพียงไม่ถึง 10 วินาที คุณก็บูตเสร็จพร้อมใช้งานแล้ว
ความเร็วที่ได้จาก SSD นี้ ไม่ได้มีผลแค่การบูต Windows เท่านั้น แต่มีผลต่อการเปิดตัวของโปรแกรม และเวลาในการเปิดไฟล์ข้อมูลด้วยเช่นกัน ยิ่งไฟล์ที่มีขนาดใหญ่จะยิ่งเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
เกมยุคใหม่ในคอมพิวเตอร์สมัยนี้ โดยเฉพาะ เกมระดับ AAA มักจะมีขนาดไฟล์เกมใหญ่หลายร้อยกิกะไบต์ (Gigabytes (GB)) ในกรณีที่เกมทีขนาดใหญ่ระดับนั้น ประสิทธิภาพในการทำงานของมันจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียง หน่วยประมวลผลกลาง (CPU), หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) และ หน่วยความจำหลัก หรือแรม (RAM) เท่านั้น แต่ความเร็วไดร์ฟเก็บข้อมูลภายในเครื่องจะมีส่วนด้วย
นั่นเป็นจุดที่ SSD เข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะมันมีความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูล ที่สูงกว่า HDD หลายเท่า ราคาในปัจจุบันนี้ก็ถูกกว่าสมัยก่อนมาก ใครที่ยังติดตั้งเกมบน HDD อยู่ เรามีเหตุผลมาป้ายยาว่า ทำไมคุณควรเปลี่ยนมาติดตั้งเกมลงบน SSD ?
หนึ่งในข้อได้เปรียบที่โดดเด่นที่สุดของ SSD เมื่อเทียบกับ HDD คือความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่เหนือกว่ามาก มันไม่เพียงแต่ช่วยให้การถ่ายโอนไฟล์รวดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วขึ้นนี้ ยังส่งผลต่อเวลาของหน้าโหลดเกมด้วย ตั้งแต่เวลาที่เกมจะเข้าสู้หน้าจอพร้อมเล่น, การโหลดฉากเวลาที่เราเดินทางเข้าสู่พื้นที่ใหม่ ฯลฯ
โดยทั่วไปแล้ว SSD จะมีความเร็วในการอ่านและเขียนสูงกว่า HDD ประมาณ 4 เท่า หรือสูงกว่านั้น ขึ้นอยู่กับรุ่น และสเปคของ SSD ที่คุณใช้งานอยู่ แต่มั่นใจได้เลยว่า SSD จะให้ประสบการณ์ในการโหลดที่เร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ความเร็วที่เหนือกว่านี้เป็นผลมาจาก โปรโตคอล PCIe ที่ถูกนำมาใช้งานในไดร์ฟ SSD ซึ่งมีความเร็วสูงกว่าโปรโตคอล SATA ที่ถูกใช้ในไดร์ฟ HDD
ในเกมระดับ AAA หรือเกมแนวเปิดโลกกว้าง (Open-World Games) ที่จำเป็นต้องมีการโหลดข้อมูลขนาดใหญ่จากไดร์ฟ หากคุณเก็บไฟล์เกมเอาไว้ในไดร์ฟ HDD มีโอกาสที่คุณจะต้องเสียเวลารอนานมากกว่าข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดจะโหลดเสร็จ การใช้ SSD จะช่วยประหยัดเวลาในการโหลดฉากให้เร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ภาพจาก : https://www.techspot.com/review/2116-storage-speed-game-loading/
ผลประโยชน์อีกอย่างหนึ่งที่เราได้จาก SSD คือ ประสิทธิภาพภายในเกมที่ดีขึ้น เมื่อเราพิจารณาว่าเกม AAA ในปัจจุบันนี้มีการอ่าน และเขียนข้อมูลขนาดเล็กเป็นจำนวนมากในตลอดเวลาที่คุณเล่นเกมอยู่ ความเร็วในการอ่าน และเขียนข้อมูลที่เร็วกว่าของ SSD จะทำให้โอกาสที่เกมจะมีการอาการสะดุด จากการที่เกมพยายามโหลดทรัพยากรบางอย่าง แล้วโหลดไม่ทัน
อย่างไรก็ตาม คำว่าประสิทธิภาพในที่นี้ เราไม่ได้หมายถึง FPS โดยตรงนะ เพราะการเปลี่ยนมาใช้ SSD แทบไม่ได้ส่งผลต่อค่า FPS ที่เป็นภาระความรับผิดชอบของ CPU และ GPU เป็นหลัก แต่ SSD จะช่วยลดค่า Latency, อาการ ภาพ Lag หรือ Stutter ในขณะที่เล่นเกมอยู่
ภาพจาก : https://www.electronicshub.org/ssd-vs-hdd-for-gaming/
ถึงแม้การติดตั้งไดร์ฟ SSD จะไม่ทำให้เกมที่มี ความละเอียด 720p ดูคมชัดสมจริงขึ้นมาราวกับเป็นภาพ ความละเอียด 4K ได้ แต่ความเร็วในการโหลดข้อมูล มีผลต่อประสิทธิภาพในการเรนเดอร์ข้อมูลให้เป็นภาพกราฟิกที่ปรากฏบนหน้าจอได้
เกมส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้จะใช้เทคนิคประหยัดทรัพยากรในการทำงานเข้ามาช่วยหลายอย่าง เช่น พื้นผิว (Texture) ของวัตถุที่อยู่ในระยะไกลจะถูกเรนเดอร์ด้วยพื้นผิวความละเอียดต่ำ และแทนที่ด้วยพื้นผิวความละเอียดสูงเมื่อเราขยับตัวละครเข้าไปใกล้ การสลับพื้นผิวที่ว่านี้ ถ้าเกมโหลดข้อมูลพื้นผิวขึ้นมาสลับไม่ทัน จะทำให้ภาพดูเบลอ หรือสิ่งที่ควรมีอยู่หายไปเลย เกมเมอร์บ้านเรานิยมเรียกอาการนี้ว่า "ภาพเป็นดินน้ำมัน"
ในกรณีที่ขนาดไฟล์พื้นผิวมีขนาดใหญ่จนไดร์ฟ HDD ส่งข้อมูลไม่ทัน SSD สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ และนั่นทำให้เราเห็นภาพในเกมสวยขึ้นนั่นเอง
เมื่อเปรียบเทียบกับ HDD แล้ว SSD ไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวภายใน ซึ่งทำให้มันทนต่อแรงกระแทก และทนทานมากกว่า มันจึงมีความน่าเชื่อถือที่ดีกว่า HDD มาก
เมื่อเทียบกับ HDD มันมีหลายปัจจัยที่ผู้ใช้ต้องคำนึงถึง เนื่องจากไดรฟ์มีชิ้นส่วนกลไกที่เคลื่อนไหวภายในเป็นจำนวนมาก เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็จะเสื่อมสภาพตามเวลา นอกจากนี้ กลไกเคลื่อนไหวที่อยู่ภายใน HDD ยังค่อนข้างบอบบาง แรงกระแทกเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ไดรฟ์หยุดทำงานได้
ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า เราสามารถเอา SSD โยนไปมาได้แบบไม่ต้องคิด แต่ในทางเทคนิคแล้ว SSD มีความทนทาน และความน่าเชื่อถือในระยะยาวที่ดีกว่า HDD โดยอายุการใช้งานเฉลี่ยของ SSD อยู่ที่ 5 - 10 ปี ในขณะที่ HDD อยู่ที่ 3-5 ปี นอกจากนี้ SSD ยังมีโอกาสน้อยที่จะเกิดการเสียหาย หรือมีปัญหากับชิ้นส่วนภายใน
เสียงที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ HDD อาจจะไม่ได้ดังเหมือนกับเสียงเครื่องเครื่องยนต์ แต่เนื่องจากการทำงานของมันที่มีกลไกหมุนจานแม่เหล็กด้วยความเร็วสูง ทำให้เกิดเสียงสีขาว (White Noise) ความดังประมาณ 20-40 เดซิเบล สำหรับบางคนที่หูไว อาจจะรู้สึกรำคาญเสียงดังกล่าว ซึ่ง SSD ไม่มีกลไกเคลื่อนไหวอยู่ภายใน ทำให้มันทำงานได้เงียบสนิท
ภาพจาก : https://www.gcsecs.com/magnetic-hard-disk-drive.html
ยิ่งใน HDD ที่มีอายุการใช้งานเก่าแล้ว เสียงมักจะดังเป็นพิเศษเนื่องจากกลไกอย่างส่วนเริ่มเสื่อมสภาพไปแล้ว ทั้งนี้ มีโอกาสที่เสียงของ HDD จะถูกกลบด้วยเสียงของ พัดลมระบายความร้อน ที่อยู่ภายใน เคสคอมพิวเตอร์ แต่หากคุณอยากให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานเงียบที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ การเลือกใช้ SSD เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ไม่ว่าคุณจะใช้ เครื่อง PC หรือ โน้ตบุ๊ก (Notebook) ก็ตาม ถ้าเป็นสเปคสำหรับเล่นเกม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ CPU และ GPU จะเป็นรุ่นที่ใช้พลังงานในการทำงานสูงอยู่แล้ว การทำงานของเกมเป็นงานที่ต้องประมวลผลกราฟิก และฟิสิกส์ต่าง ๆ ภายในเกม ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล ทำให้ CPU และ GPU ต้องการพลังงานสูงมากขึ้น เพื่อให้เกมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในสถานการณ์นี้ หน่วยจ่ายไฟ หรือ พาวเวอร์ซัพพลาย (PSU) จะมีบทบาทสำคัญ หากมันถูกดึงพลังงานไปใช้เป็นจำนวนมาก มันอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของชิ้นส่วนอื่นหากพลังงานที่มันจ่ายได้มีไม่พอต่อความต้องการ
SSD ใช้พลังงานในการทำงานต่ำกว่า HDD แต่ให้ประสิทธิภาพเหนือกว่ามาก โดยทั่วไปแล้ว SSD จะใช้พลังงานแค่เพียง 2-5W เท่านั้นในเวลาที่อ่าน-เขียนข้อมูล ส่วน HDD มักจะใช้พลังงาน 20-25W ในตอนเริ่มต้นทำงาน จากนั้นก็จะประมาณ 6-12W ในเวลาอ่าน-เขียนข้อมูล จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า SSD ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก
นอกเหนือไปจากเหตุผลข้างต้นที่เรายกมาแล้ว SSD ยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง ที่ถึงแม้คุณจะไม่ได้เล่นเกม แต่ก็ยังน่าใช้งานอยู่ดี มันมีขนาดเล็กใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อย, ทำงานเร็วกว่าช่วยให้ระบบปฏิบัติการบูตเร็วขึ้น, โปรแกรมต่าง ๆ เปิดพร้อมใช้งานอย่างรวดเร็ว, ประหยัดเวลาในการถ่ายโอนข้อมูล ฯลฯ การนำ SSD มาใช้แทน หรือเสริมการทำงานร่วมกับ HDD จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |