โปรแกรม Google Chrome เป็นโปรแกรมเปิดเว็บ หรือ เว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ที่จัดว่าเป็นที่นิยมที่มีจำนวนผู้ใช้มากที่สุดในโลก ด้วยความที่มันทำงานได้อย่างรวดเร็ว, ความปลอดภัยสูง, มีหน้าตาการใช้งาน (User Interface) ที่เรียบง่าย (และที่ลืมไม่ได้ คือ กินแรมเยอะกว่าใครด้วย) โดย โปรแกรม Google Chrome (หรือเรียกสั้นๆ ว่า "Chrome") นั้นมีให้ใช้งานบนหลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง Windows, macOS, Linux, iOS และ Android
แต่รู้หรือไม่ว่า เว็บเบราว์เซอร์ Chrome นั้น จะมีให้ใช้งานอยู่ถึง 4 เวอร์ชัน ประกอบไปด้วย เวอร์ชัน Stable, Beta, Dev และ Canary แล้วแต่ละแบบมันแตกต่างกันอย่างไร มาอ่านคำตอบกันหน่อยดีกว่า
ภาพจาก https://www.chromium.org/getting-involved/dev-channel
Chrome เวอร์ชัน Stable เป็นเวอร์ชันที่มีคนใช้งานมากที่สุด มันเป็นเวอร์ชันที่ผ่านการทดสอบมาจาก Chrome เวอร์ชันอื่นๆ จนมีความเสถียรที่น่าพึงพอใจแล้ว ถึงค่อยปล่อยอัปเดตออกมาให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้งานกัน นับเป็น Chrome ที่มีความปลอดภัย และเอ๋อน้อยสุด
Chrome เวอร์ชันนี้ จะได้รับการอัปเดตย่อย (Minor releases) ทุก 3 สัปดาห์ และมีอัปเดตใหญ่ (Major releases) ทุก 6 สัปดาห์ โดยมันจะอัปเดตตัวเองอัตโนมัติทุกครั้งที่ผู้ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อให้ตัวมันเองเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุดอยู่เสมอ
ภาพจาก https://www.google.com/chrome/
Chrome เวอร์ชัน Beta เป็น Chrome ที่ถูกปล่อยออกมาทดสอบก่อนที่จะถูกนำไปปรับปรุงเป็นเวอร์ชัน Stable ในขั้นตอนสุดท้าย
ในด้านการใช้งานแล้ว Chrome เวอร์ชัน Beta จะมีความเสถียรค่อนข้างสูง แต่อาจจะยังมีบั๊กบางอย่างอยู่บ้าง ซึ่งมันจะได้รับการแก้ไขจนหมดเพื่อทำเป็นเวอร์ชัน Stable นั่นเอง
หรือจะพูดอีกนัยยะว่า Chrome เวอร์ชัน Beta เป็นการทดสอบขั้นสุดท้ายก่อนปล่อยจริงก็ว่าได้
Chrome เวอร์ชัน Beta จะได้รับการอัปเดตย่อย (Minor releases) ทุกสัปดาห์ และมีอัปเดตใหญ่ (Major releases) ทุก 6 สัปดาห์ นั่นทำให้ Chrome เวอร์ชันนี้ได้ลองสัมผัส "ลูกเล่นใหม่" ที่กำลังพัฒนาก่อนโดยไม่ต้องเสี่ยงมากนัก
ภาพจาก https://www.google.com/chrome/beta/
Chrome เวอร์ชัน Dev เป็น Chrome เวอร์ชันที่ล้ำหน้ายิ่งกว่าเวอร์ชัน Beta ผู้ใช้งาน Chrome เวอร์ชันนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักพัฒนา (Developers) ตามชื่อเลย
นักพัฒนาจะใช้ Chrome เวอร์ชัน Dev ในการทดสอบคุณสมบัติต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนาต่อว่าคุณสมบัติไหนบ้างที่พร้อมสำหรับกหารใช้งานจริงแล้ว ซึ่งบางอย่างที่อยู่ในเวอร์ชัน Dev อาจจะไม่ถูกนำไปใส่ใน Chrome เวอร์ชัน Stable หรือแม้แต่เวอร์ชัน Beta ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม Chrome เวอร์ชัน Dev จะไม่มีความเสถียรเท่าไหร่นัก มีโอกาสแครช, เออเรอร์ และปัญหากับส่วนขยายต่างๆ ค่อนข้างเยอะ พูดง่ายๆ ว่า เป็น Chrome ที่เต็มไปด้วยบั๊กที่รอการแก้ไขอยู่
Chrome เวอร์ชัน Dev จะได้รับการอัปเดตย่อย (Minor releases) บ่อยถึง 1-2 ครั้งทุกสัปดาห์ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม Chrome เวอร์ชัน Dev ก็มีประโยชน์ช่วยให้นักพัฒนาเว็บไซต์ได้รู้ทิศทางการพัฒนาของ Chrome ก่อนล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้าโดยไม่ต้องรอนาน
ภาพจาก https://www.google.com/chrome/dev/
Chrome เวอร์ชัน Canary เป็นเวอร์ชันที่มีความเสถียรน้อยที่สุดในบรรดา Chrome เวอร์ชันทั้งหมดที่มีอยู่ ทำมาให้นักพัฒนาใช้งานโดยเฉพาะ เพื่อทดสอบคุณสมบัติใหม่ การรองรับต่างๆ
ชื่อ Canary มีที่มาจากสำนวนเก่าแก่ Canary in a coal mine ที่มีเรื่องเล่าว่าคนขุดเหมืองในอดีตจะหิ้วกรงใส่นกคีรีบูน (Canary) ไปด้วย ซึ่งการขุดเหมืองใต้ดินมีความอันตรายมาก อาจไปเจอก๊าซพิษใต้ดินได้ ซึ่งนกคีรีบูนนั้นมีความไวต่อสารพิษ หากคนงานเห็นนกสลบ หรือตาย ก็จะรีบหนีออกจากเหมืองทันที
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่คุณสมบัติใหม่เกือบทั้งหมดที่ถูกใส่เข้ามาในเวอร์ชัน Canary มักจะไม่อยู่รอดไปถึงเวอร์ชัน Stable
การอัปเดตของ Chrome เวอร์ชัน Canary จะอัปเดตทันทีจาก Google Servers ทันทีที่มี Chrome development code ตัวใหม่ปล่อยออกมา ซึ่งมันปล่อยออกมาแทบทุกวัน
ภาพจาก https://www.google.com/chrome/canary/
เราสามารถตรวจสอบเวอร์ชัน Chrome ที่ใช้อยู่ได้ง่าย ด้วยการคลิกที่ปุ่ม แล้วไปที่ความช่วยเหลือ (Help) แล้วคลิกเกี่ยวกับ Google Chrome (About Google Chrome) จากนั้นเราก็จะเห็นข้อมูลเลขเวอร์ชันที่เราใช้อยู่ ซึ่งหลังตัวเลขก็จะมีวงเล็บบอกเวอร์ชันอยู่ อย่างในภาพประกอบด้านล่างนี้ คือ เวอร์ชัน Canary
สำหรับคนธรรมดาที่ไม่มีนิสัยซุกซนแล้ว Chrome เวอร์ชัน Stable เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่หากอยากซุกซนก็สามารถใช้งานเวอร์ชัน Beta หรือหากรับได้ถ้า Chrome จะแครชบ่อย ก็ใช้เวอร์ชัน Dev ไปเลยก็ได้
ส่วนเวอร์ชัน Canary หากไม่ใช่นักพัฒนาแล้วล่ะก็ เหมาะสำหรับคนที่อยากสัมผัส "ของเล่นใหม่" เท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับใช้งานเป็นเบราว์เซอร์ตัวหลัก
อย่างไรก็ตาม Chrome ทั้ง 4 เวอร์ชันนั้นทำงานแยกกันนะครับ เราสามารถติดตั้งเวอร์ชัน Stable ไว้ใช้งานเป็นตัวหลัก แล้วลงเวอร์ชันอื่น ไว้ลองของเฉยๆ
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |