เวลาที่เราเข้าใช้งานเว็บไซต์ หรือใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ สิ่งที่เราเห็นตรงหน้าคือ หน้าจอที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม, ปุ่มที่คลิกได้, เมนูนำทางที่ใช้งานง่าย ฯลฯ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เรียกว่า หน้าบ้าน (Front-End) ซึ่งเป็นส่วนที่ผู้ใช้โต้ตอบด้วยโดยตรง แต่เบื้องหลังความเรียบง่ายนั้นคือระบบที่ซับซ้อน และทรงพลังที่ทำให้ทุกอย่างทำงานได้อย่างราบรื่น นั่นคือ Back-End หรือ “หลังบ้าน” ของระบบดิจิทัล
Back-End คือส่วนที่ผู้ใช้มองไม่เห็น แต่มันมีบทบาทสำคัญในการจัดการข้อมูล, ประมวลผลคำสั่ง และเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล หรือ เซิร์ฟเวอร์ (Server) ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่ระบบ, สั่งซื้อสินค้า, บันทึกข้อมูล หรือการแสดงผล ทุกอย่างล้วนเกิดจากการทำงานของ Back-End ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำคุณผู้อ่านไปรู้จักกับโลกของ Back-End เทคโนโลยีเบื้องหลังที่ผู้ใช้งานอาจไม่เคยรับรู้มาก่อน ว่ามันคืออะไร ? ทำงานอย่างไร ?
Back-End หรือที่มักเรียกกันว่า "ฝั่งเซิร์ฟเวอร์" หรือ "หลังบ้าน" เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันทุกตัว โดยหน้าที่ของ Back-End จะดูแลการเชื่อมต่อระหว่างเซิร์ฟเวอร์, แอปพลิเคชัน และฐานข้อมูล เพื่อให้พวกมันสามารถทำงานร่วมกันเพื่อให้ส่วน Front-End ทำงานได้อย่างถูกต้อง และราบรื่น นอกจากนี้ Back-End ยังมีส่วนรับผิดชอบอื่น ๆ อีกมากมาย แล้วแต่ประเภทของ Front-End
หน้าที่หลักของ Back-End สามารถแบ่งได้ ดังนี้
ดูแลการจัดเก็บ, ดึงข้อมูล และจัดการข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูล หรือการอัปเดตข้อมูลตามการโต้ตอบของผู้ใช้ หรือความต้องการของระบบ
ทำหน้าที่รันสคริปต์ในฝั่งเซิร์ฟเวอร์ และจัดลำดับการทำงานของแอปพลิเคชัน เพื่อให้กระบวนการต่าง ๆ สามารถทำงานได้ถูกต้องตามเวลาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำตามคำสั่งของผู้ใช้ หรือจากงานที่ตั้งเวลาไว้
เพื่อให้แอปพลิเคชันสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น Back-End จะคอยจัดการตรรกะที่สนับสนุนการทำงานของ Front-End เช่น การประมวลผลคำขอของผู้ใช้, การคำนวณ และส่งผลลัพธ์กลับไปให้อย่างเหมาะสม
ภาพจาก : https://blog.bytebytego.com/p/ep157-how-to-learn-backend-development
Back-End ประกอบขึ้นด้วยองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำงานร่วมกัน โดยส่วนสำคัญก็จะมีดังต่อไปนี้
เซิร์ฟเวอร์ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำงานของ Back-End โดยมันมีหน้าที่จัดการคำขอจากฝั่งผู้ใช้งาน (Client Side), ประมวลผลคำขอเหล่านั้น และส่งผลลัพธ์กลับอย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถรวมถึงการค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูล, การรันสคริปต์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ หรือการเชื่อมต่อกับบริการจากภายนอก ได้ด้วย
ฐานข้อมูลมีหน้าที่ในการจัดเก็บ, จัดการ และบริหารดูแลตัวข้อมูลที่แอปพลิเคชันจำเป็นต้องใช้งาน ช่วยให้ข้อมูลสามารถเข้าถึงได้ง่าย และปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยม ก็อย่างเช่น
ขณะที่ ส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (APIs) เปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างระบบ Front-End และ Back-End โดยมันทำหน้าที่เป็นช่องทางในการสื่อสาร และแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบได้อย่างต่อเนื่อง โดย APIs จะกำหนดวิธีการ และรูปแบบข้อมูล ที่แอปพลิเคชันสามารถใช้ในการสื่อสารหากันได้
ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ใช้งานเพิ่มสินค้าลงในตะกร้าบนเว็บไซต์ ระบบ Front-End จะส่งคำสั่งนี้ไปยัง Back-End ผ่าน APIs จากนั้น Back-End จะอัปเดตข้อมูลสต็อกสินค้า และรายละเอียดในตะกร้า เพื่อให้เว็บไซต์แสดงข้อมูลล่าสุดอย่างถูกต้อง
ทีนี้ลองมาดูเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนา Back-End กันบ้าง ซึ่งก็มีอยู่หลายตัวมาก ๆ เช่น
ภาษาโปรแกรม | ทำไมได้รับความนิยม ? | เหมาะสำหรับ |
---|---|---|
Python | เรียบง่าย ใช้ได้กับทั้งแอปพลิเคชันพื้นฐาน และที่มีความซับซ้อน | สามารถสร้างต้นแบบอย่างรวดเร็ว เหมาะกับแอปพลิเคชันที่เน้นการจัดการข้อมูล |
Java | รองรับการขยายระบบได้ดี, เชื่อถือได้ เหมาะกับแอปพลิเคชันระดับองค์กร | ระบบธนาคาร และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ |
Ruby | ตัวไวยากรณ์มีความเรียบง่าย, พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว | โปรเจกต์ที่ต้องการความเร็ว, ธุรกิจสตาร์ทอัป |
PHP | ยืดหยุ่นสูง เป็นที่นิยมในการพัฒนาเว็บไซต์ | ระบบ CMS, แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ |
เฟรมเวิร์ก/เครื่องมือ | ทำไมได้รับความนิยม ? | เหมาะสำหรับ |
---|---|---|
Spring | มีเครื่องมือด้านความปลอดภัยครบถ้วน และการพัฒนาแบบ ไมโครเซอร์วิส (Microservice) | แอปพลิเคชันระดับองค์กร |
Ruby on Rails | สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับนักพัฒนา, มีระบบนิเวศที่หลากหลาย | ธุรกิจสตาร์ทอัป และโปรเจกต์ที่ต้องการความรวดเร็ว |
Django | มีแนวคิดแบบ "พร้อมใช้งาน" เน้นความปลอดภัย, ขยายระบบง่าย และพัฒนาได้เร็ว | แอปพลิเคชันขนาดใหญ่ |
Node.js | ด้วย JavaScript ทำให้การพัฒนาค่อนข้างยืดหยุ่น | แอปพลิเคชันที่ทำงานแบบเรียลไทม์ และระบบไมโครเซอร์วิส |
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |