ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาวงการพัฒนาเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน กำลังครึกครื้นมาก เพราะได้มีการปล่อยแพลตฟอร์มใหม่จากทาง Google ที่มันล้ำขึ้นไปอีกขั้น มีชื่อว่า Project IDX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเขียนโค้ดออนไลน์ ที่ช่วยให้นักพัฒนา หรือโปรแกรมเมอร์ สามารถทำงานได้สะดวกขึ้นจากทุกที่ และทุกอุปกรณ์ ด้วยระบบ Cloud-Based IDE ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติม สามารถเขียนโค้ดมันบนเว็บไซต์เลย
Project IDX ยังมาพร้อมกับ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อัจฉริยะอย่าง Gemini ที่ช่วยแนะนำโค้ดให้ อีกทั้งยังรองรับเฟรมเวิร์ก (Framework) ยอดนิยมเช่น React, Angular, Flutter และ Node.js ทำให้มันน่าสนใจมากเลยทีเดียว แล้วแพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้การเขียนโค้ดง่ายขึ้นได้อย่างไร ? , มีฟีเจอร์เด่น ๆ อะไรบ้าง ? และฉายาที่ว่าเป็น Visual Studio Code Killer มันจริงไหม ? เรามาเจาะลึกถึงแพลตฟอร์มตัวนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
Project IDX เป็นแพลตฟอร์ม Integrated Development Environment (IDE) จาก Google หรือก็คือ ซอฟต์แวร์ที่ให้สิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจรแก่โปรแกรมเมอร์ แต่ที่ทำให้มันแตกต่างไปก็คือ ความสามารถที่จะทำงานในรูปแบบ "ออนไลน์" ออกแบบมาให้ใช้งานได้จากทุกอุปกรณ์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ โดยที่เราไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ใด ๆ เลยบนเครื่อง เหมือนกับการใช้ Visual Studio Code แต่เป็นบนระบบ คลาวด์ (Cloud) แทน ช่วยให้การเขียนโค้ดสะดวกขึ้น เข้าถึงโปรเจกต์งานของเราได้จากทุกที่นั่นเอง
ภาพจาก : https://fireup.pro/news/introducing-project-idx-a-web-based-ide-by-google
โดย Project IDX พัฒนาขึ้นบนโครงสร้างของ Visual Studio Code และรันบน Google Cloud ซึ่งทำให้รองรับทั้ง ปลั๊กอิน (Plug-In), ภาษาเขียนโปรแกรม (Programming Language), และฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่มีใน Visual Studio Code นอกจากนี้ Google ยังเพิ่มฟังก์ชันพิเศษเข้าไป เช่น AI ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย Gemini, ระบบ Nix Integrations, รวมถึง iOS และ Android Emulators ทำให้เราทดสอบแอปพลิเคชันโดยตรงผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้เลย
หากพูดถึงภาษาโปรแกรมที่รองรับก็มีมากมาย ภาษายอดนิยมอย่าง จาวาสคริปต์ (JavaScript), Python, และ Go รับรองได้ว่าไม่มีปัญหา Project IDX เปิดให้ใช้งานครั้งแรกผ่านระบบ Waitlist ก่อนจะเปิดตัวเป็น Open Beta อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 (พ.ศ. 2567) ทำให้นักพัฒนาทั่วโลกสามารถเข้ามาทดลองใช้งาน และสำรวจศักยภาพของแพลตฟอร์มนี้ได้เต็มรูปแบบ
หลังจากที่เราได้รู้กันไปแล้วว่า Project IDX มันคืออะไร ? ทีนี้ เรามาลองดูกันต่อว่า Project IDX มีฟีเจอร์เด่น ๆ และน่าสนใจอะไรบ้าง ?
Project IDX มาพร้อมกับ AI Assistant ในตัวด้วยโมเดล Gemini ล่าสุดจาก Google ที่จะช่วยให้คำแนะนำโค้ดของเรา, ตอบคำถามที่เราอาจสงสัย, ช่วยแก้ไขข้อผิดพลาด หรือแม้กระทั่งให้เขียนโค้ดให้เลย ทำให้งานของเรานั้นรวดเร็ว และลดข้อผิดพลาดได้มากขึ้น
ภาพจาก : https://techwiser.com/google-idx-vs-vs-code-how-googles-new-code-editor-stacks-up/
จุดขายหลักที่เราให้ความสนใจกันมาก Project IDX ทำงานบนระบบคลาวด์ (Cloud) เต็มรูปแบบ หมายความว่าโปรแกรมเมอร์สามารถเข้าถึงโปรเจกต์ได้จากทุกอุปกรณ์ และทุกที่ โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ใด ๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าพวก Environments ต่าง ๆ สำหรับการพัฒนาเว็บ หรือแอปพลิเคชันได้อัตโนมัติ ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากได้มากเลยทีเดียว
Project IDX มี เทมเพลตสำเร็จรูปให้เลือกใช้ รองรับภาษาต่าง ๆ เช่น JavaScript, Python และ Go รวมถึงเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง React, Angular, Flutter และ Node.js ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถ นำเข้าโปรเจกต์จาก GitHub หรือใช้เทมเพลตที่เราอาจกำหนดเองก็ได้เช่นกัน
ภาพจาก : https://techwiser.com/google-idx-vs-vs-code-how-googles-new-code-editor-stacks-up/
หากเราทำงานกันเป็นทีม Project IDX ก็ช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถที่จะ แก้ไขโค้ดไปพร้อม ๆ กันได้ ไม่ต่างอะไรจาก Google Docs ช่วยอำนวยความสะดวก ทำให้การทำงานเป็นทีมราบรื่นขึ้น และช่วยลดปัญหาการจัดการด้านเวอร์ชันของโค้ด ที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัฒนาในเวอร์ชันซอฟต์แวร์ที่ต่างกัน
Project IDX ทำงานร่วมกับ เครื่องมือของ Google ได้อย่างลงตัว เช่น Gemini Application Programming Interface (API), Firebase และ Google Cloud ช่วยให้เราเชื่อมต่อบริการต่าง ๆ ของ Google ได้ง่ายขึ้น
ถ้าทุกคนอยากเริ่มลองใช้งาน Project IDX เราลองมาดูกันที่หัวข้อนี้ และไม่ต้องกังวล เพราะว่าการใช้งานแพลตฟอร์มนี้ค่อนข้างง่าย และไม่มีอะไรยุ่งยาก เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต และเว็บเบราว์เซอร์ก็พร้อมใช้งานแล้ว เราลองมาดูกันไปทีละขั้นตอนเลย
ก่อนอื่นเราจะต้องมี บัญชี Google จากนั้นให้ไปที่เว็บไซต์ Project IDX จากนั้น คลิกที่ "ปุ่ม Get Started" เพื่อล็อกอินเข้าสู่ระบบ
เมื่อล็อกอินเข้าสู่แดชบอร์ดแล้ว เราสามารถเริ่มต้นโปรเจกต์ใหม่ได้ทันที โดยคลิกเลือกเทมเพลตที่ต้องการ เช่น React, Flutter หรือ Python จากแถบตัวเล็อกเทมเพลตทางด้านขวา แล้วกำหนดชื่อโปรเจกต์
จากนั้นรอสักครู่ เพื่อให้ Project IDX ตั้งค่า Environments ต่าง ๆ ให้โดยอัตโนมัติ
เมื่อโปรเจกต์ถูกสร้างขึ้น เราจะเข้าสู่หน้าต่างเขียนโค้ดที่หน้าตาคล้าย ๆ กับ Visual Studio Code โดยสามารถเริ่มเขียนโค้ด, แก้ไขไฟล์ และดูตัวอย่างการทำงานของแอปพลิเคชันได้ทันที
ถ้าเป็น เว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) เราก็สามารถกดที่ "ปุ่ม Run" เพื่อดูตัวอย่างผ่าน Web Preview ถ้าเป็นแอปพลิเคชันมือถือ สามารถใช้ iOS หรือ Android Emulator ในตัวเพื่อทดสอบแอปพลิเคชัน และยังสามารถแชร์ลิงก์โปรเจกต์ให้เพื่อน หรือทีมงานเข้ามาร่วมแก้ไขโค้ดได้เช่นกัน
ในกรณีที่เรามีโปรเจกต์เดิมอยู่แล้ว ก็สามารถเชื่อมต่อ GitHub Repository อัปโหลดแล้วดึงโค้ดเข้ามาใช้ได้ทันที
นับตั้งแต่ที่ Google เปิดตัว Project IDX มา ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่า มันจะมาแทนที่ Visual Studio Code ได้ หรือไม่ ? หรือที่บางคนเรียกกันว่า "Visual Studio Code Killer" แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้ง Project IDX และ Visual Studio Code ต่างมีจุดแข็ง และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เราลองมาเปรียบเทียบความแตกต่างของทั้งสองแพลตฟอร์ม เป็นตารางง่าย ๆ
ฟีเจอร์ | Project IDX | Visual Studio Code |
---|---|---|
การทำงาน | IDE บนคลาวด์ ใช้งานผ่านเว็บ | |
AI Asistance | มี Gemini AI ช่วยแนะนำโค้ด | ต้องติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเอาเอง |
ความยืดหยุ่น | รองรับเฟรมเวิร์กยอดนิยม และตั้งค่าให้อัตโนมัติ | รองรับแทบทุกภาษา และเครื่องมือ แต่ต้องตั้งค่าเอง |
ปลั๊กอิน และส่วนเสริม | จำกัดอยู่ในระบบของ Google | มีปลั๊กอินจำนวนมากจากชุมชน |
การทำงานร่วมกัน | แก้ไขโค้ดแบบเรียลไทม์ได้พร้อม ๆ กัน | รองรับแต่ต้องใช้ Git หรือ |
ความเร็ว และประสิทธิภาพ | ทำงานบนคลาวด์ โหลดไว | เร็วกว่าเมื่อใช้งานบนเครื่องแรง ๆ |
การใช้งานออฟไลน์ | ต้องมีอินเทอร์เน็ต | ใช้งานได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต |
ราคา | ฟรี และสามารถสมัครรับบริการเสริมได้ | ฟรี และ โอเพ่นซอร์ส (Open-Source) |
Project IDX เป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ และมีศักยภาพสูงเหมาะสมที่จะเป็นคู่แข่งของ Visual Studio Code โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวก ในการใช้งานผ่านคลาวด์ และมี Gemini AI ช่วยเหลือ แต่ Visual Studio Code ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ไม่แพ้กัน เพราะเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการปลั๊กอินจำนวนมาก ๆ บางทีเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่ได้ หรือต้องการความเป็นส่วนตัว ของรูปภาพ หรือโค้ด เพราะไม่ต้องอัปโหลดลงระบบคลาวด์ สรุปง่าย ๆ ก็คือ
ถ้าเราต้องการใช้ IDE ที่พร้อมใช้งานทันที, ไม่ต้องติดตั้ง และก็ทำงานได้ครอบคลุมแล้ว Project IDX ก็คือตัวเลือกที่น่าสนใจ
ในทางกลับกัน ถ้าเราต้องการ IDE ที่สามารถปรับแต่งได้เต็มที่, ใช้ปลั๊กอินเสริม และทำงานออฟไลน์ได้ Visual Studio Code ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอยู่
ดังนั้น Project IDX อาจยังไม่ใช่ "Visual Studio Code Killer" ในตอนนี้ แต่ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการ IDE บนคลาวด์ ที่พร้อมใช้งานทันที, ไม่ต้องติดตั้งให้ยุ่งยาก, เหมาะสำหรับคนที่อยากเขียนโค้ดได้จากทุกที่ และต้องการเครื่องมือที่ช่วยให้การพัฒนาโปรเจกต์เป็นเรื่องง่ายขึ้น
แม้จะยังอยู่ในช่วงพัฒนา แต่ด้วยฟีเจอร์หลายอย่างที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะ AI Asistance, มีระบบทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ที่ใช้งานง่าย และยังมีการสนับสนุนจาก Google ทำให้ Project IDX กลายเป็นแพลตฟอร์มที่อาจมีบทบาทสำคัญในอนาคตอย่างแน่นอน
|