จากสถานการณ์โรคระบาดในหลายประเทศ ทำให้การใช้ชีวิตของมนุษย์ทุกคนเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาอำนวยความสะดวกมากขึ้น ช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อ และยังประหยัดเวลาในการเดินทาง ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น แอปพลิเคชัน Google Maps ที่ติดมากับสมาร์ทโฟนแทบทุกเครื่อง ก็มีประโยชน์ในช่วงเวลาฉุกเฉินเป็นอย่างมาก ช่วยวางแผนการเดินทางได้เป็นอย่างดี แถมยังเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ขณะเดินทางอีกด้วย ส่วนมันมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันที่ด้านล่างนี้ได้เลย
นับว่าเป็นฟีเจอร์ยอดฮิตที่สุดนอกจากการนำทางเลยก็ว่าได้ กับ Google Timeline การค้นหาประวัติการเดินทางผ่าน Google Maps เช็คได้อย่างละเอียดว่าใน 1 วันไปทำอะไร ที่ไหนมาบ้าง ด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือขนส่งสาธารณะ หรือวันนั้นอยู่บ้านทั้งวัน เพื่อตรวจสอบว่าเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ โรคระบาดหรือไม่
ในส่วนของการใช้งาน ก็เพียงเข้าไปที่แอปพลิเคชัน Google Maps → เลือกที่ไอคอนมุมขวาบนที่แสดงอีเมล์ของตัวเอง แล้วเลือก Your Timeline สามารถระบุได้ทั้งกิจกรรมใน 1 วัน, สถานที่ที่ผ่านไป ขยายใหญ่ได้ถึงระดับจังหวัด ประเทศและโลก แต่แนะนำว่าให้เลือกดูแบบ Day จะสามารถเช็คได้ละเอียดที่สุด
วันที่เป็นวงกลมสีเทา คือ วันที่อยู่บ้านทั้งวัน วันที่เป็นวงกลมสีขาว คือ วันที่มีการเดินทาง | แผนที่ระบุสถานที่และการเดินทางอย่างละเอียด |
เพราะในสถานการณ์โรคระบาดต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบห่างกัน ไม่ควรไปในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการใกล้ชิดผู้คน รวมถึงเช็คการจราจรแบบ Real Time สามารถทำได้ด้วย Traffic เพียงเข้าไปที่ Google Maps > พิมพ์ในช่องค้นหาสถานที่ว่า Traffic หรือกด "ปุ่ม Layer" ด้านขวาบนแล้วเลือก Traffic แผนที่ก็จะแสดงเส้นทางทั้งสีเขียว คือ การจราจรปกติ, สีส้ม คือ การจราจรเริ่มหนาแน่, สีแดง คือ การจราจรเริ่มติดขัด มีปริมาณรถหนาแน่น และสีแดงเข้มที่แปลว่าการจราจรติดขัด นิ่งสนิท ควรหลีกเลี่ยง
และถึงแม้ว่าข้อมูลการจราจรเหล่านี้จะเกิดจากการใช้งานยานพาหนะส่วนตัว แต่ก็ช่วยให้คนเดินเท้าทราบข้อมูลว่าควรหลีกเลี่ยงเส้นทางไหน เพราะเป็นเส้นทางที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเต็มไปด้วยมลพิษ ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่นกัน
แต่ถ้าใครต้องการทราบจำนวนผู้ติดเชื้อ (อย่างในปัจจุบันก็คือ COVID-19) ทางกูเกิลก็ออกฟีเจอร์พิเศษอย่าง Layer หรือการแบ่งโซนแต่ละพื้นที่และประเทศว่า พื้นที่ใดมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากน้อยแค่ไหน โดยเริ่มจากการเข้าแอปพลิเคชัน Google Maps → กดที่ "ปุ่ม Layer" บริเวณขวาบน แล้วเลือก COVID-19 Info
โดยทาง Google Maps จะแสดงข้อมูลเคสผู้ติดเชื้อย้อนหลัง 7 วัน ต่อจำนวนประชากร 1 แสนคน แนวโน้มที่ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วและผู้เสียชีวิต ซึ่งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านอยู่ในระดับ 0.9 มีจำนวนเคสน้อยมาก ๆ และแสดงผลเป็นสีเทา
แต่เมื่อย้ายมาดูทางฝั่งยุโรปและอเมริกา จะเห็นว่าแสดงผลหลายสีสลับกันไป ประกอบด้วย สีเหลืองอ่อน = จำนวนผู้ติดเชื้อ 1-10 คนต่อ 100,000 คน, สีส้ม = จำนวนผู้ติดเชื้อ 10-20 คนต่อ 100,000 คน, สีแสด = จำนวนผู้ติดเชื้อ 20-30 คนต่อ 100,000 คน, สีแดง = จำนวนผู้ติดเชื้อ 30-40 คนต่อ 100,000 คน และสีแดงเข้ม ที่แสดงพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อ 40 คน ขึ้นไปต่อ 100,000 คน
ส่วนใครที่ต้องการหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน เสี่ยงต่อการเจอเชื้อโรค แต่ก็ต้องออกไปทำธุระแบบรีบไป รีบกลับ ทาง Google Maps ก็ได้แนะนำวิธีที่น่าสนใจ ดังนี้
อย่าลืมว่าเชื้อโรคหลาย ๆ ประเภทแพร่ได้ด้วยการสัมผัส ซึ่งสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ ก็เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคจำนวนมาก ถ้าใครคิดว่าการเช็ดทำความสะอาดสมาร์ทโฟน หรือใช้เจลล้างมือบ่อย ๆ อาจไม่พอ ขอแนะนำให้ใช้งาน Google Maps ร่วมกับ Google Assistant กันไปเลย หรือจะกด "ปุ่มรูปไมโครโฟน" ที่ช่องค้นหาสถานที่ใน Google Maps แล้วออกเสียงสถานที่นั้น ๆ ได้เลย
กด "ปุ่มไมโครโฟน" แล้วทำการสั่งงานด้วยเสียง | ได้ผลลัพธ์เหมือนกับการพิมพ์เพื่อค้นหา |
ส่วนนี่เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สุด แต่กลับยังใช้ไม่ได้ซะอย่างนั้น สำหรับฟีเจอร์ค้นหาสถานที่รับฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่ใช้งานได้เฉพาะในบางรัฐที่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น เพียงพิมพ์ในช่องค้นหาสถานที่ว่า "COVID-19 Vaccine" หรือ "COVID-19 Testing" และตามด้วยชื่อสถานที่หรือชื่อเมืองนั้น ๆ เพื่อค้นหาสถานพยาบาลที่มีบริการตรวจเชื้อโควิดและฉีดวัคซีน เพื่อการป้องกันร่างกายไม่ให้ติดเชื้อโดยเร็วที่สุด
และนอกจากแผนที่จะแสดงพิกัดสถานที่แล้ว ยังมีปุ่นสำหรับนัดหมายออนไลน์ในตัว แต่ฟีเจอร์นี้ยังมีอยู่ในบางรัฐเท่านั้น ได้แก่ Arizona, Mississippi, Louisiana, และ Texas ซึ่งคาดว่าจะขยายการใช้งานฟีเจอร์นี้ไปในรัฐอื่น ๆ ต่อไป
https://blog.google/technology/health/vaccines-how-were-helping/
นี่อาจจะไม่เกี่ยวกับการใช้งาน Google Maps ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดเท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นฟีเจอร์ที่ใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ อย่างเช่นการส่งตำแหน่งที่อยู่ (Location) แบบเรียลไทม์สดๆ ให้กับผู้อื่นแบบส่วนตัว หรือจะแชร์ให้สมาชิกครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ๆ ทราบก็ได้ เพียงกดที่ไอคอนอีเมล์มุมขวาบนแล้วเลือก Location Sharing เพื่อส่งเข้าที่ Contact ของคนอื่น ๆ หรือส่งเข้าแอปพลิเคชันแชทก็สามารถทำได้เช่นกัน
โดยมีให้เลือกทั้งแชร์เป็นเวลา 1 ชั่วโมง หรือแชร์ต่อไปยาว ๆ จนกว่าเราจะเข้าไปกด Stop หรือหยุดการแชร์พิกัด ซึ่งไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหน อีกฝ่ายก็จะทราบพิกัดของเราได้แบบสด ๆ ทันที
อีกหนึ่งทิปส์ Google Maps สุดล้ำที่เปิดให้ใช้งานแล้วในประเทศอินเดียอย่างระบบแจ้งเตือนความปลอดภัยเมื่อขับรถหรือโดยสารพาหนะแล้วเกิดเหตุการณ์ออกนอกเส้นทางที่วางไว้ ซึ่งฟีเจอร์นี้มีขึ้นสำหรับชาวอินเดียที่โดยสารรถแท็กซี่ แล้วเกิดเหตุการณ์คนขับพาออกนอกเส้นทาง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย
โดยในแผนที่จะทำการระบุพิกัดของผู้ใช้เมื่อเริ่มใช้บริการแท็กซี่ หากมีการออกนอกเส้นทางเกินรัศมี 500 เมตร ระบบของ Google จะทำการแจ้งให้ผู้ทราบ และมี "ปุ่ม Stay Safer" ในหน้าแผนที่ สำหรับแจ้งพิกัดให้คนในครอบครัวทราบอีกด้วย
https://beebom.com/google-maps-tricks/
เห็นแบบนี้แล้วก็ได้รู้ว่า แอปพลิเคชัน Google Maps มีประโยชน์ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะช่วยนำทาง ช่วยค้นหาข้อมูลใกล้ตัวเมื่ออยู่นอกบ้านหรือในบ้าน หรือเช็คประวัติการเดินทางย้อนหลังก็สามารถทำได้ ยิ่งในช่วงโรคระบาดครองเมืองแบบนี้ ให้ Google Maps ช่วยวางแผนการเดินทางก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้การเดินทางใช้เวลาให้น้อยที่สุดนั่นเอง
|
Web Content Editor ท่านหนึ่ง นิยมการเล่นมือถือเป็นชีวิตจิตใจ |