ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
THAIWARE.COM | ทิปส์ไอที
 

วิธีจัดบ้าน ดูแลบ้าน ให้ห่างไกลจากไรฝุ่น (Dust Mite)

วิธีจัดบ้าน ดูแลบ้าน ให้ห่างไกลจากไรฝุ่น (Dust Mite)

เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 4,351
เขียนโดย :
0 %E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99+%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99+%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99+%28Dust+Mite%29
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

วิธีจัดบ้าน ดูแลบ้าน ให้ห่างไกลจากไรฝุ่น (Dust Mite)

วิธีจัดบ้าน ดูแลบ้าน ให้ห่างไกลจากไรฝุ่น (Dust Mite)

บทความเกี่ยวกับ ไรฝุ่น อื่นๆ

ตัวไรฝุ่น (Dust Mite) หรือ ตัวไรฝุ่นบ้าน (House Dust Mite) เป็นแมลงตระกูลเดียวกับเห็บ และ แมงมุม ซึ่งมีขนาดเล็กมาก (ประมาณ 0.3 มิลลิเมตร) จึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยอาหารของไรฝุ่น นั้นก็มีตั้งแต่เศษผิวหนัง เศษรังแคของมนุษย์ ไปจนถึง ละอองเกสรต่างๆ เชื้อรา และเศษซาก หรือมูลของพวกเดียวกัน 

โดยสภาพแวดล้อมที่ไรฝุ่นเจริญเติบโตได้ดี นั้นคือสภาพแวดล้อมอุ่นชื้น หรือในที่มืด อุณหภูมิประมาณ 18.5 - 29 องศาเซลเซียส โดยไรฝุ่นมักซ่อนตัวอยู่ตามที่นอน, เฟอร์นิเจอร์ที่หุ้มด้วยผ้า, พรม, ตุ๊กตา ฯลฯ ซึ่งมันจะต่างจากแมลงประเภทอื่นๆ ที่มักพบในบ้าน เพราะมันจะไม่กัด แต่ในมูลของมันจะมีโปรตีนบางชนิด ที่กระตุ้นร่างกายให้เกิดอาการแพ้ได้ โดยเฉพาะในคนที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคภูมิแพ้

อาการที่เกิดจากการแพ้ไรฝุ่น

อาการที่เกิดจากการแพ้ไรฝุ่น นั้นก็มีหลากหลาย ที่พบบ่อยมักเป็นอาการดังต่อไปนี้

  • คัดจมูก คันจมูก จาม น้ำมูกไหล
  • เคืองตา น้ำตาไหล
  • คันผิวหนัง มีผื่นคัน

และในบางรายที่มีโรคประจำตัว อาจพบอาการรุนแรงอื่นๆ เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก จึงควรมีการวินิจฉัยโรคโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งก็มีหลากหลายวิธี เช่น การทำการทดสอบผิวหนัง (Skin Test) เป็นต้น

จากการทดสอบ หมอนที่ใช้มาเป็นเวลา 2 ปี พบว่า
10% ของน้ำหนักหมอน มักจะประกอบไปด้วยตัวไรฝุ่น และมูลของไรฝุ่น

ที่มา : EXALLER

การจัดบ้านให้ห่างไกลจากไรฝุ่น สำคัญอย่างไร ?

ด้วยวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป จึงทำให้สภาพแวดล้อมภายในบ้านบางหลัง เหมาะกับการเจริญเติบโตของไรฝุ่น ส่งผลให้มีไรฝุ่นมากขึ้น และโรคภูมิแพ้จากไรฝุ่นก็พบได้บ่อยในทั่วโลก แต่รู้ไหมว่า การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นในเด็กตั้งแต่เนิ่นๆ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหอบหืดมากยิ่งขึ้น และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรจัดบ้านให้ห่างไกลจากไรฝุ่นตัวร้ายนั่นเอง

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจำกัดไรฝุ่นทั้งหมดภายในบ้าน แต่แนวทางแก้ไขต่างๆ นั้นจะช่วยลดจำนวนของไรฝุ่นลง และส่งผลให้เกิดอาการแพ้ไรฝุ่นน้อยลง โดยสิ่งสำคัญคือควรจำไว้ว่า มูลของไรฝุ่น ก็ยังคงกระตุ้นอาการแพ้ ดังนั้นการกำจัดซากและมูลของไรฝุ่น จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยมีหลักการจัดบ้าน 3 ข้อหลักๆ ดังนี้

1. อากาศ (Air)

ในส่วนของการเพิ่มคุณภาพอากาศภายในบ้าน ควรใช้ เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) โดยเลือกชนิดที่มี แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter ซึ่งจะช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้ ไรฝุ่น และควันบุหรี่ และอาจใช้เครื่องปรับอากาศ (Air Conditioner) แทนการเปิดหน้าต่างตลอดเวลา เพื่อลดปริมาณละอองฝุ่น เชื้อรา และสปอร์จากนอกบ้าน นอกจากนี้ ควรทำให้บ้านมีอากาศถ่ายเท และแห้งอยู่เสมอ (Aired Out and Dry) เพื่อไม่ให้ไรฝุ่นเจริญเติบโตได้ดี โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรระบายอากาศในห้องนอนทุกวัน อย่างน้อยวันละ 10 นาที

2. เฟอร์นิเจอร์ (Furniture)

การเลือกเฟอร์นิเจอร์ เช่น โซฟา พรม ผ้าม่าน ควรเลือกแบบที่สามารถซัก หรือเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ควรใช้ผ้าม่านหนาๆ หรือเฟอร์นิเจอร์ที่เก็บฝุ่น และควรจัดบ้านให้โล่ง ไม่มีที่เก็บฝุ่นต่างๆ อาทิ ตุ๊กตา ของกระจุกกระจิก ผ้าแขวนผนัง พรม

สิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ก็คือเตียงและเครื่องนอน โดยควรเลือกใช้หมอนใยสังเคราะห์ที่ซักง่าย แทนหมอนขนนก และเลือกใช้ผ้าปูที่นอน - ปลอกหมอน แบบป้องกันไรฝุ่น โดยอาจใช้ผ้าคลุมกันไรฝุ่นอีกชั้นก็ได้

3. การทำความสะอาด (Cleaning)

สำหรับการทำความสะอาด นั้นก็จะแบ่งออกเป็น การทำความสะอาดบ้าน, การทำความสะอาดเครื่องนอน และการทำความสะอาดเสื้อผ้า โดยมีหลักการง่ายๆ ดังนี้

การทำความสะอาดบ้าน

คุณควรถูพื้นวันละ 1 ครั้ง และ ปัดฝุ่น ดูดฝุ่น สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดก็ต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน ในปัจจุบันมีอุปกรณ์มากมายที่มาพร้อมความสามารถขั้นสูง และทุ่นแรง ลดเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างดี อาทิ เครื่องดูดฝุ่นที่มี แผ่นกรองอากาศ (HEPA Filter) หรือถุงเก็บฝุ่นชนิดหนาพิเศษ เพื่อรวบรวมละอองฝุ่น ไรฝุ่น ไม่ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย และ เครื่องทำความสะอาด (Cleaning Machine) ที่ใช้ความร้อนจากไอน้ำเข้ามาช่วยฆ่าเชื้อโรค และไรฝุ่น

การทำความสะอาดเครื่องนอน

ผ้าปูที่นอน และปลอกหมอน นั้นควรซักทุกๆ 1 - 2 สัปดาห์ ด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส หรือการใช้เครื่องอบผ้าด้วยความร้อน ก็สามารถกำจัดไรฝุ่นได้อีกทางหนึ่ง แต่หากซักผ้าในน้ำเย็น การผสมน้ำมันหอมระเหย อาทิ ยูคาลิปตัส, ทีทรีออยล์ ก็ช่วยได้เช่นกัน

การทำความสะอาดเสื้อผ้า

ในส่วนของเสื้อผ้านั้น ก็สามารถเป็นที่อยู่ของไรฝุ่นได้เช่นกัน จึงควรมีการเก็บอย่างมิดชิดในตู้ หากเก็บเสื้อผ้าไว้นานๆ ให้ซักเสื้อผ้าก่อนใช้เสมอ และใช้วิธีปั่น อบแห้งด้วยความร้อน เพื่อฆ่าไรฝุ่นที่ติดตามเสื้อผ้าได้อีกทาง


ที่มา : www.uofmhealth.org , www.betterhealth.vic.gov.au , www.exaller.com

0 %E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99+%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99+%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99+%28Dust+Mite%29
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
สมาชิก : Member    สมาชิก
 
 
 

ทิปส์ไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น