เดิมที คำทั้ง 4 คำทั้ง อัลฟา (Alpha), เบตา (Beta), เดลตา (Delta), และ แลมบ์ดา (Lambda) คาดว่าน่าจะเคยผ่านตากันมาบ้างในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ทั้งในระดับโรงเรียน และระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งสำหรับคนทั่วไปแล้ว สิ่งที่ทำให้เราเจอคำเหล่านี้ได้มากที่สุดในปัจจุบันคือการเป็นชื่อเรียกสายพันธุ์ต่าง ๆ ของไวรัส COVID-19 ที่มีการกลายพันธุ์ไปจนถึงชื่อสายพันธุ์ที่เรียกว่า สายพันธุ์แลมบ์ดาแล้ว ซึ่งชื่อสายพันธุ์ทั้งหลายนั้นมีที่มาอย่างไร มีใช้ในวงการไหน แบบใดบ้าง ไปอ่านกันต่อได้เลย ...
สำหรับใครที่ไม่รู้จักคำว่า อัลฟา (Alpha), เบตา (Beta), เดลตา (Delta), และ แลมบ์ดา (Lambda) จริง ๆ แล้ว ทั้ง 4 ชื่อนี้ ไม่ใช่คำที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาใช้กันเอง หรือเป็นศัพท์เฉพาะทางแต่อย่างใด แต่คำเหล่านี้คือหนึ่งในอักษรกรีก ที่มีการนำมาใช้ในรูปแบบต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน ทั้งการเป็นตัวอ่านของภาษาอังกฤษ (ถ้าใครเปิดดิกชันนารีจะเห็นบ่อย), การเป็นตัวแปรแทนค่าในทางคณิตศาสตร์ เช่น πr2 (พายอาร์กำลังสอง), หรือทางวิทยาศาสตร์ เช่น รังสีแกมมา รังสีที่เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น
ภาพจาก : https://trigidentities.info/area-of-a-circle/
และเมื่อมันเป็นอักษรกรีก นั่นก็หมายความว่า สิ่งที่เราพูดถึงไปทั้งหมดนั้น มีสัญลักษณ์ หรือตัวอักษรสำหรับแทนค่าในด้านนั้น ๆ โดยตรง ซึ่งที่มาของการนำมาใช้ มาจากไหน มีตัวอักษรใดบ้าง เราจะไปพูดถึงประวัติความเป็นมาของตัวอักษรกรีกในหัวข้อถัดไปกัน
ประวัติความเป็นมาของตัวอักษรกรีก แน่นอนว่ามีต้นกำเนิดจากประเทศกรีก โดยมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ยุคคลาสสิก ประมาณ 357 ปีก่อนพุทธศักราช นับได้ว่าเป็นแบบตัวอักษรที่เก่าแก่มากที่แบบหนึ่งที่ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งตัวอักษรดังกล่าว ถูกนำมาใช้เขียนแทนจำนวนด้วย เฉกเช่นเดียวกับเลขโรมันที่ใช้ตัวอักษรในการบอกค่า เช่น I = 1, V = 5, X = 10, XIV = 14 เป็นต้น
ตัวอักษรกรีก มีทั้งหมด 24 ตัว มีทั้งตัวใหญ่และตัวเล็กเหมือนภาษาอังกฤษ ประกอบไปด้วย
ชื่อตัวอักษรกรีกและการอ่านในภาษาอังกฤษ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถสื่อสารตรงกันในสากลโลก ไม่ว่าจะอยู่วงการใดที่ใช้งานตัวอักษรเหล่านี้ก็ตาม ซึ่งแต่ละตัวอักษร มีชื่อในการอ่านที่ต่างกันดังนี้
ตัวอักษร | เสียงอ่านอังกฤษ | เสียงอ่านไทย |
Αα | Alpha | อัลฟา, แอลฟา |
Ββ | Beta | เบตา, บีตา |
Γγ | Gamma | แกมมา |
Δδ | Delta | เดลตา |
Εε | Epsilon | เอปซิลอน, เอปไซลอน |
Ζζ | Zeta | เซตา, ซีตา |
Ηη | Eta | เอตา, อีตา |
Θθ | Theta | เธตา, ทีตา, ธีตา |
Ιι | Iota | ไอโอตา |
Κκ | Kappa | แคปปา |
Λλ | Lambda | แลมบ์ดา |
Μμ | Mu | มิว |
Νν | Nu | นิว |
Ξξ | Xi | ไซ, คไซ |
Οο | Omicron | โอไมครอน, โอมิครอน |
Ππ | Pi | พาย |
Ρρ | Rho | โร |
Σσς | Siɡma | ซิกมา |
Ττ | Tau | เทา, ทาว |
Υυ | Upsilon | อุปซิลอน, อิปไซลอน |
Φφ | Phi | ฟาย, ไฟ, ฟี |
Χχ | Chi | ไค |
Ψψ | Psi | ซี, พไซ |
Ωω | Omega | โอเมกา |
วงการอื่น ๆ ที่นำตัวอักษรกรีกมาใช้งาน นั้น ไม่เพียงแต่จะมีแค่ในแวดวงคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังมีการนำไปใช้ในทางดาราศาสตร์ และ ภาษาศาสตร์ อีกด้วย ซึ่งการที่ตัวอักษรกรีก ถูกนำมาใช้ในสาขาต่าง ๆ หลากหลายแขนง มีความเป็นไปได้ในการนำตัวอักษรกรีกมาประยุกต์ใช้อย่างมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการที่ชาวโรมันและละตินได้รับอิทธิพลอย่างมากจากวัฒนธรรมกรีก ที่มีวิทยาการต่าง ๆ ที่ก้าวล้ำมากกว่าชนชาติอื่น ๆ ในขณะนั้น ทั้งทางด้านปรัชญา, จิตวิทยา, คณิตศาสตร์, เรขาคณิต, ดาราศาสตร์, เภสัชศาสตร์, ศิลปศาสตร์, วิศวกรรม, และทฤษฎีการเมืองการปกครอง ทำให้ตัวอักษรกรีก ถูกแฝงมากับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่ได้รับมาด้วย ซึ่งบางอย่างในนี้ เช่น เภสัชศาสตร์ ที่ถึงแม้ชื่อยาจะไม่ใช่ภาษากรีก แต่การปรุงยานั้นมาจากกรีกนะ
ใน วงการคณิตศาสตร์ ผู้เขียนเชื่อว่าตัวแรกที่ทุกคนคุ้นตาแน่นอนคือ π หรือ พาย ที่อยู่ในสูตรการหาค่าต่าง ๆ เกี่ยวกับวงกลม โดยนิยมเรียกว่า ค่าพาย ซึ่งนับว่าเป็นค่าคงที่ค่าหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการคำนวณค่าทางคณิตศาสตร์ ตามนิยามของมันแล้ว ค่าพาย คืออัตราส่วนของความยาวของเส้นรอบวงต่อความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม
ค่าโดยประมาณของ π
ภาพจาก : aitoff/Pixabay
ส่วนตัวอย่างอักษรกรีกอีกตัวหนึ่งที่ผู้ใช้งาน Microsoft Office รู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอน โดยเฉพาะใน Microsoft Excel นั่นก็คือ Σ (Sigma) เพราะมันคือสัญลักษณ์ที่หมายถึงจำนวนผลบวกรวมทั้งหมด ในเวลาที่เราต้องการกดสูตรภายในตาราง โดยให้โปรแกรมจัดการบวกรวมผลลัพธ์ให้ไปอยู่ในช่องเซลล์ (Cell) ที่ต้องการโดยอัตโนมัติ แค่กดปุ่มนี้ปั๊บ ก็จะได้ผลรวมปุ๊บ
ใน สาขาวิทยาศาสตร์ ผู้เขียนเชื่อว่าผู้ที่ทำงานในแวดวงนี้ ย่อมเจอกับตัวอักษรกรีกในรูปแบบที่หลากหลายมากแน่นอน แต่ในที่นี้ เราจะขอหยิบยกเพียงแค่บางส่วนที่คนทั่วไปผ่านตา หรือรู้จักกันดีเพื่อทำความรู้จักกับมัน หนึ่งในนั้นคือสายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ซึ่งได้มีการกลายพันธุ์ไปจนถึง สายพันธุ์แลมบ์ดา
ชื่อสายพันธุ์ต่าง ๆ ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ถูกตั้งขึ้นโดยองค์การอนามัยโลกหรือ (WHO) โดยถูกจำแนกไว้หลัก ๆ เป็น 2 กุล่มคือ เชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variants of Concern หรือ VOC) และ เชื้อกลายพันธุ์ที่น่าสนใจ (Variants of Interest หรือ VOI)
ภาพจาก : https://www.who.int/en/activities/tracking-SARS-CoV-2-variants/
1. เชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวล
เชื้อกลายพันธุ์ของไวรัสที่น่ากังวล คือเชื้อที่มีการกลายพันธุ์ในระดับที่มีนัยสำคัญต่อสาธารณสุขโลก เช่น แพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น หรือทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพลดลง โดยมีชื่อตามอักษรกรีกดังนี้
2. เชื้อกลายพันธุ์ที่น่าสนใจ
เชื้อกลายพันธุ์ที่น่าสนใจ หรือควรเฝ้าจับตามองไว้ มีชื่อตามอักษรกรีกดังนี้
หมายเหตุ : อ้างอิงจากเว็บไซต์ขององค์การอนามัยโลกเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021)
ชนิดของรังสี เป็นอีกหนึ่งหัวข้อย่อยในวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบกันอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ชื่อรังสีอัลฟา, รังสีเบตา, รังสีแกมมา, รังสีเดลตา, ฯลฯ ซึ่งรังสีที่มีชื่อเรียงกันนี้ ไม่ได้หมายความว่ามันถูกค้นพบในเวลาไล่เลี่ยกันแต่อย่างใด ทว่า มันถูกแยกประเภทไว้อย่างชัดเจนโดยเหล่านักวิทยาศาสตร์แล้ว โดยสามารถแบ่งได้ตามลักษณะของรังสี และแบ่งได้ตามปฏิกิริยาที่รังสีมีต่ออะตอมของตัวกลางที่วิ่งผ่าน
ภาพจาก : https://radioactivityci2016.pbworks.com/w/page/105285912/alpha
1. แบ่งตามลักษณะของรังสี
2. แบ่งตามปฏิกิริยาที่รังสีมีต่ออะตอมของตัวกลางที่วิ่งผ่าน
การแบ่งตามปฏิกิริยาที่รังสีมีต่ออะตอมของตัวกลางที่วิ่งผ่าน สามารถแย่งออกได้อีก 2 แบบคือ รังสีชนิดก่อไอออน และ รังสีชนิดไม่ก่อไอออน
สำหรับอักษรกรีกใน แขนงดาราศาสตร์ น่าจะเป็นสิ่งที่หลายคน (รวมถึงผู้เขียนเมื่อแรกค้นคว้า) คาดไม่ถึงว่าจะถูกนำมาใช้ในแขนงนี้ด้วย โดยอักษรกรีก ถูกนำมาใช้ในสิ่งต่าง ๆ หลายอย่าง ตั้งแต่การถูกเรียกแทนชื่อดวงดาวที่สว่างที่สุดในจักรวาล ไปจนถึงการใช้แทนค่าคงที่จักรวาล
ภาพจาก : https://ecuip.lib.uchicago.edu/multiwavelength-astronomy/gamma-ray/impact/02.html
ตัวอักษรกรีกที่มักจะได้เห็นการนำมาใช้ในสาขาดาราศาสตร์ ได้แก่
ในทาง ภาษาศาสตร์ อักษรกรีกเป็นต้นแบบของภาษาหลายภาษาในเวลาต่อมา เช่น ภาษาอาหรับ, ภาษาเติร์ก, ภาษาอัลบาเนียน, ภาษาละติน, ฯลฯ รวมไปถึงภาษาอังกฤษที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันด้วย ดังจะเห็นได้ว่า ตัวอักษรหลายตัวที่พูดถึงไปด้านบนนั้น มีลักษณะคล้ายคลึงกับตัวอักษรภาษาอังกฤษในปัจจุบัน นั่นก็เพราะว่ามันมีรากฐานมาจากตัวอักษรกรีกนั่นเอง
แม้ภาษาอังกฤษ จะเป็นภาษาอันดับ 1 ที่นิยมใช้กันทั่วโลก แต่คำศัพท์ภาษาอังกฤษหลายคำ ถึงจะสะกดคล้ายกัน แต่กลับมีการอ่านออกเสียงที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น เมื่อมีการจัดทำพจนานุกรมขึ้น จึงมีการเขียนกำกับการออกเสียงไว้เพื่อเป็นมาตรฐานในการอ่าน ด้วยการใช้ตัวอักษรกรีกเป็นตัวระบุเสียงในการอ่าน เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันของผู้คนทั่วโลกที่ใช้ภาษานี้
ภาพจาก : https://journals.openedition.org/lexis/771
จากรูปตัวอย่างด้านบนเราจะเห็นได้ว่า Canonical ดูเผิน ๆ จะอ่านได้หลายเสียงมาก ทั้ง แคนโนนิคอล แคนโนไนคอล, แคนโนนิเคิล, เคินโนนิเคิล, แคโนนิคัล, ฯลฯ ซึ่งเสียงอ่านที่ถูกต้อง คือ เคินโนนิเคิล (ใกล้เคียงที่สุดที่เสียงไทยจะเอื้ออำนวย) โดยจะเห็นว่าตัวอักษรกรีกสองตัวอยู่ในเสียงอ่าน คือ υ (Upsilon) และ ι (Iota) ที่เอาไว้กำกับเสียงให้สามารถอ่านได้อย่างถูกต้อง
รู้หรือไม่ว่า ในวงการ การผลิตซอฟต์แวร์ และในกระบวนการพัฒนาขึ้นมา มีการใช้ตัวอักษรกรีกแอบแฝงอยู่ด้วย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว คนที่เคยเห็นผ่านตามักจะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องทางด้านของการพัฒนา และบรรดาผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงเหล่าเกมเมอร์ด้วย ซึ่งตัวอักษรกรีกที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายจนติดปาก ก็คือ อัลฟา และ เบตา นั่นเอง โดยสองคำนี้ มี IBM เป็นผู้ริเริ่มใช้งานในวงการซอฟต์แวร์ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 (พ.ศ. 2493) (หรืออาจจะก่อนหน้านั้น)
ภาพจาก : https://currency.com/ibm-definition
คำว่า อัลฟา ถูกใช้แทนลำดับการพัฒนา เสมือนว่าเป็นช่วงริเริ่มทดลอง หรือเป็นตัวแรกที่เปิดให้ทดสอบกัน โดยจะมีใช้ในสองเฟสแรกของการพัฒนา ที่เรียกว่า Pre-Alpha และ Alpha
ภาพจาก : https://realyulgang.playpark.com/th-th/alpha-test/
เฟสเบตา เป็นเฟสถัดมาของเฟสอัลฟา เฟสนี้มักจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อฟีเจอร์ต่าง ๆ ภายในซอฟต์แวร์นั้น ๆ มีครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว แต่ยังคงมีบัคทั้งที่ทราบและไม่ทราบสาเหตุการเกิดบัคอยู่ โดยในเฟสเบตา ยังคงมีบัคและปัญหาอื่น ๆ เช่น ความเร็ว หรือประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ตัวนั้น ๆ อยู่ และอาจมีอาการค้าง (Crash) หรือข้อมูลสูญหายได้ (Data Loss) ซึ่งจุดประสงค์การทดสอบในเฟสนี้ จะมุ่งไปที่การลดผลกระทบที่มีต่อผู้ใช้งาน สามารถแยกย่อยออกได้อีก 2 ประเภท คือ Perpetual Beta และ Open / Closed Beta
ภาพจาก : https://www.facebook.com/wildriftTH/
แม้จะไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แน่ชัดว่า การใช้อักษรกรีกในแขนงวิชาการสาขาต่าง ๆ เริ่มเกิดขึ้นเมื่อใด และใครเป็นผู้ริเริ่มใช้มันบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับอยู่อย่างหนึ่งว่า การใช้อักษรกรีกดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจตรงกันในสากลโลกไม่ว่าจะเป็นสาขาใด แขนงใดก็ตาม เพราะเลขอารบิก ไม่ได้เป็นตัวเลขเดียวที่นิยมใช้กัน แต่มีการใช้ตัวเลขการนับในรูปแบบอื่นที่แตกต่างกันออกไปด้วย และอาจเป็นเพราะสาเหตุที่ต้องการให้ทุกคนได้มีความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันนี้เอง ที่ทำให้ตัวอักษรกรีก มีบทบาทมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ภาพจาก : https://www.thoughtco.com/letters-of-greek-alphabet-118638
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |