รวม 7 ฟีเจอร์เด็ดของโปรแกรมแชท MSN Messenger แล้ว LINE ล่ะ มีหรือยัง ?

7 ฟีเจอร์ จากโปรแกรมแชท MSN Messenger ที่ยังไม่มีใน LINE

แม้ปัจจุบัน แพลตฟอร์มแชท LINE จะเป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตใช้ได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ PC และมือถือ แต่ถ้าเอามาเทียบกับโปรแกรมแชทสุดฮิตในอดีตอย่าง MSN Messenger เรียกได้ว่าพัฒนามาไกลเลยทีเดียว (ก็แน่นอนละ มันต่างยุค ต่างสมัยกันนิ)

แต่ถ้าหาก มาดูกันดีๆ แล้ว ฟีเจอร์บางอย่างใน โปรแกรม MSN Messenger ก็ยังแอบมีเก๋ มีความเท่อยู่นะในยุคนั้น แล้วทำไมใน โปรแกรม LINE บนคอมพิวเตอร์ถึงไม่มีเสียนี่ ?

บทความนี้ เราจะพามาย้อนอดีตไปกับ 7 ฟีเจอร์ของโปรแกรมแชทระดับตำนาน ที่ยังไม่มีหรือเคยมีใน LINE พอมาไล่ดูแล้ว จะยังอยากให้มีสิ่งเหล่านี้ใน LINE อยู่มั้ยนะ ? หรือปล่อยให้เป็นความทรงจำดี ๆ ในอดีตต่อไปจะดีกว่า ?

1. สามารถตั้งสถานะได้หลากหลาย

ในขณะที่ LINE เราไม่สามารถ ตั้งสถานะ ของตัวเองและเช็คสถานะคู่สนทนาได้เลยว่ากำลังออนไลน์อยู่หรือเปล่า เราก็ทำได้เพียงส่งข้อความทิ้งไว้ รออีกฝ่าย Read แล้วกลับมาตอบ แต่ MSN Messenger สามารถเลือกตั้งค่าได้ ในกรณีที่เราไม่ว่างหรือาจตอบแชทช้า ไม่ว่าจะเป็น

• Online (กำลังใช้งาน)
• Busy (กำลังยุ่งอยู่ ไม่ว่าง)
• Away (อยู่ที่อื่นหรือไม่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์)
• Be Right Back (ไปธุระแป๊บเดียว เดี๋ยวกลับมา)
• In a Call (กำลังคุยโทรศัพท์)
• Out of Lunch (ไปกินข้าวกลางวัน)
• Appear Offline (แสดงสถานะ Offline)

ภาพจาก : https://www.digitalspy.com/tech/a802121/17-things-youll-only-remember-if-you-were-a-full-msn-messenger-addict-from-appearing-offline-to-song-lyric-statuses/

ทุก ๆ สถานะบน MSN Messenger จะมีกรอบสีล้อมรูปโปรไฟล์ให้เห็นชัด ๆ เช่น Online ใช้กรอบสีเขียว, Busy ใช้กรอบสีแดง แต่ที่เจ๋งสุดจนน่าจะมีในโปรแกรมแชททุก ๆ โปรแกรมก็คือ Appear Offline หรือแกล้ง ๆ ทำเป็นว่าไม่ได้ Login เข้ามา แต่จริง ๆ แล้ว Online อยู่ในระบบตลอด เหมาะสำหรับเวลาที่อยากคุยกับเพื่อนแต่ไม่อยากให้คนอื่น ๆ รู้ หรืออยากสืบหาความจริงจากการใช้งาน MSN Messenger ของคนอื่น ๆ ก็เป็นได้

2. "สั่นหน้าจอ" ฟีเจอร์ตำนานแห่ง MSN

ใครไม่ทันได้แชทผ่าน MSN Messenger น่าจะไม่ทันสิ่งที่เรียกว่า Nudge เป็นแน่แท้ นั่นก็คือปุ่มกดสั่นหน้าจอไปยังคู่สนทนา เพื่อเป็นการเตือนกลาย ๆ ว่าคุยกับฉันหน่อย ถามอะไรไปแล้วตอบหน่อย ซึ่งหลายคนน่าจะเคยกด Nudge เกรียนใส่เพื่อน หรือโดนเพื่อนกด Nudge มารัว ๆ จนคอมค้างไปเลยก็มี จะเรียกว่าโชคดีก็ได้ที่ LINE ไม่มีฟีเจอร์ทักทายเพื่อนแบบนี้ ไม่งั้นนน่าจะมีคนบ่นว่าคอมค้างอีกเพียบ

ภาพจาก : https://www.buzzfeed.com/ishabassi/rip-msn-and-my-childhood

3. ข้อความท้ายชื่อ ต้องเป็นเพลง !

อีกหนึ่งความเก๋ที่ใครใช้ MSN Messenger น่าจะต้องเคยทำสิ่งนี้ นั่นก็คือ เชื่อมโปรแกรม MSN เข้ากับ โปรแกรม Windows Media Player โปรแกรมดูหนังฟังเพลง ติดเครื่อง (หรือบางคนก็ใช้ โปรแกรม Winamp โปรแกรมฟังเพลงยอดฮิตตลอดกาล) เพื่อให้ เพลงที่กำลังเล่นอยู่ไปขึ้นบนข้อความสถานะท้ายชื่อบนโปรไฟล์ แต่ในยุคที่ MP3 ครองเมือง บางครั้งข้อความที่ขึ้นก็ไม่ใช่ชื่อเพลง ชื่อศิลปินเสมอไป แต่อาจเป็นแหล่งต้นทางของไฟล์เพลงนั้น ๆ ก็ได้ หรือถ้าใครเปิดคลิปวิดีโอใด ๆ ก็จะแสดงชื่อไฟล์ ชื่อคลิปนั้น ๆ เช่นเดียวกัน

ภาพจาก : https://www.flickr.com/photos/arthit/8926658

แต่จริง ๆ แล้ว LINE เคยมีฟีเจอร์ที่ทำให้ข้อความสถานะคล้ายชื่อบนโปรไฟล์ (Profile) แสดงเป็นเพลงได้เช่นกัน แต่ต้องเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน LINE Music และทำการเชื่อมเข้ากับบัญชีไลน์ (LINE Account) คนอื่น ๆ ที่เป็นเพื่อนกับเราใน LINE ก็จะเห็นว่าเราฟังเพลงอะไรอยู่ แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบัน LINE Music ปิดให้บริการในไทยแล้ว แต่ยังมีบริการ Music Video ผ่าน LINE TV แทน แต่ก็โชว์ชื่อเพลงผ่าน LINE ไม่ได้อยู่ดี

4. อีโมจิ (Emoji) ที่ไม่ใช่แค่หน้ายิ้มใส ๆ

สำหรับโปรแกรม LINE สามารถพิมพ์คำที่ต้องการส่ง แล้วเลือกสติกเกอร์ที่เข้ากับความหมายของคำนั้น ๆ ไปได้เลย แต่ใน MSN นั้นแปลกแหวกแนวกว่านั้นเพราะนอกจากจะพิมพ์เครื่องหมายต่าง ๆ เพื่อเลือก Emoji แสดงอารมณ์แล้ว ยัง ใช้ตัวอักษร สระแทนฟอนต์เก๋ ๆ เพิ่มสีสันในการแชทได้ด้วย

แต่ถ้าใช้มากไป เกรงว่าไมเกรนจะขึ้นก่อน...

ภาพจาก : https://www.buzzfeed.com/ishabassi/rip-msn-and-my-childhood

ส่วนสติกเกอร์เคลื่อนไหว GIF หรือใด ๆ ก็ตาม โปรแกรม MSN Messenger เรียกว่าเป็นผู้มาก่อนกาลด้วย "ฟีเจอร์ Wink" ไม่ว่าจะเป็นสติกเกอร์เคาะประตู (ที่จริง ๆ แล้วคือเคาะหน้าจอคอม ก๊อก ๆ) สติกเกอร์รอบริมฝีปากสำหรับจูบคนรักฟอดใหญ่ หรือจะเป็นสติกเกอร์อื่น ๆ ที่มีเสียงประกอบ (Sound Effect) ฮา ๆ น่าตกใจจนต้องเปิดแชทดูอย่างแน่นอน

5. ขออีเมล แทนที่จะเป็น ID

ถ้าจะติดต่อผ่าน LINE ใครสักคน แค่ขอ LINE ID หรือจะสแกน QR Code ก็คุยกันได้แล้ว แต่ถ้าเป็น MSN Messenger ที่ขณะนั้นเป็นบริการแชทของ Hotmail ที่ทุกคนน่าจะเคยมีอีเมลของเจ้านี้สัก 1 Address ถ้าจะคุย MSN Messenger กับใครก็ต้อง ขออีเมลไป Add กัน งานนี้ถือว่ายากไปหน่อยเมื่อเทียบกับการ สแกนรหัสคิวอาร์ (QR Code) ของ LINE ภายใน 10 วินาที แต่ขออีเมลแบบนี้ จะใช้เนียน ๆ ว่าเอาไว้ติดต่องาน ไว้ส่งงานสำคัญหากัน แล้วเนียน Add MSN ก็ได้นะนี่ จะได้คุยกันมากขึ้น

6. คำถามติดปาก "เจอกันในเอ็มกี่โมง ?"

เพราะผู้ใช้ LINE ส่วนใหญ่มักจะใช้งานบนมือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์ แต่โปรแกรม MSN Messenger นั้นเป็นโปรแกรมสำหรับแชท บนคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ (จริง ๆ ก็มี แอปพลิเคชัน 3^rd Party ที่ทำให้ใช้งาน MSN Messenger บนมือถือได้แหละ แต่ไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไหร่) และผู้ใช้ส่วนใหญ่ในยุค MSN Messenger เฟื่องฟูก็คือวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา ฉะนั้น เวลาคุย MSN Messenger ส่วนใหญ่จึงเป็นเวลาหลังเลิกเรียนจนถึงก่อนนอน และก่อนจะกลับบ้านก็ต้องนัดกันว่า "เจอกันในเอ็มกี่โมงดี ?" จะได้รีบกลับบ้านไปคุยกันต่อ

7. เล่นเกมได้ระหว่างแชท

ถ้าคุยกันจนเบื่อแล้ว MSN Messenger เค้าก็มีเกมให้เล่นระหว่างกันด้วยนะ ฟีเจอร์นี้เรียกว่า MSN Instant Game เป็นเกมที่สามารถเล่นไปแชทไปได้เลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเกมง่าย ๆ เล่นได้ 2 คนหรือมากกว่าสำหรับกลุ่มแชท ถ้าเบื่อ ๆ ไม่รู้จะเล่นเกมอะไร การเล่นเกมง่าย ๆ แข่งกับเพื่อน ๆ ก็สนุกไปอีกแบบ

ภาพจาก : https://gitlab.com/escargot-chat/server/-/wikis/activities

สรุป 7 ฟีเจอร์ จากโปรแกรมแชท MSN Messenger ที่ยังไม่มีใน LINE

แม้ว่า LINE จะเป็นแพลตฟอร์มแชทประจำกายแทบทุกคนแล้ว แต่ก็อดคิดถึง โปรแกรมแชทระดับตำนานอย่าง MSN Messenger ไม่ได้ แค่พูดชื่อโปรแกรมนี้ขึ้นมา บางคนก็น่าจะนึกถึงความทรงจำดี ๆ นึกถึงความสนุกสนาน ความฮาสมัยวัยเด็ก วัยรุ่น หรือช่วงทำงานใหม่ ๆ ไหนจะการทำงาน ส่งไฟล์ คุยเล่นกับเพื่อนก็ผ่าน MSN Messenger ทั้งนั้น ใครดู 7 ฟีเจอร์เด็ดเหล่านี้แล้วรู้สึกอยากกลับไปใช้อีก คุณน่าจะอายุไม่น้อยแล้วนะ