หลายครั้งที่ตอนใช้งานคอมพิวเตอร์ แล้วพบกับปัญหาเครื่องอืด หรือโปรแกรมค้างอยู่บ่อย ๆ ซึ่งพอกดดู Task Manager (ด้วยการกด "ปุ่มชุด Ctrl + Shift + ESC") แล้วก็พบว่า มีการใช้งาน CPU 100% หรือ CPU วิ่ง 100% เต็มเลยทีเดียว (พอเห็นแบบนั้นก็ไม่ต้องแปลกใช้เลยว่าทำไมเครื่องถึงร้อนและอืดขึ้นมา..)
ข้อมูลเพิ่มเติม : CPU คืออะไร ? GPU คืออะไร ? และ APU คืออะไร ? แตกต่างกันตรงไหน ใช้แทนกันได้หรือเปล่า ?
ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวมตัวการปัญหาที่กวนใจหลาย ๆ คนอย่าง ที่เป็นปัญหา CPU วิ่ง 100% และวิธีการแก้ปัญหามาฝากกัน (อันที่จริงไม่ต้องถึง 100% แค่เกิน 90% ก็น่ากลัวสุด ๆ แล้วละ..)
ภาพจาก : https://www.avg.com/en/signal/fix-high-cpu-usage
วิธีสุดเบสิก หรือสุดพื้นฐาน ในการแก้ปัญหานี้ก็คือการหาตัวการว่า โปรแกรมไหนกำลังกิน CPU ของเราอยู่ และจัดการปิดมันทิ้งซะ (ถ้าไม่จำเป็น) หรือถ้าหากจำเป็นก็ปิดโปรแกรมอื่นที่สำคัญน้อยลงมาและกิน CPU แทน
ภาพจาก : https://www.drivereasy.com/knowledge/how-to-fix-100-cpu-usage/
ภาพจาก : https://www.drivereasy.com/knowledge/how-to-fix-100-cpu-usage/
การใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นหลีกเลี่ยงการทำงานของแอปพลิเคชันและโปรแกรมบางอย่างที่รันอยู่เบื้องหลังไปไม่ได้เลย เพราะแค่ตัว Windows เองก็ต้อง มีการใช้งาน Background Process จำนวนหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปที่มีการติดตั้งโปรแกรมและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ลงบนเครื่องเพิ่มเติมก็ทำให้การทำงานของ Background Process เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
โดยเราสามารถเช็กการทำงาน Background Process ได้ใน "เมนู Processes" ของ Task Manager (Ctrl + Shift + ESC) ก็จะเห็นการทำงานพวกมันขึ้นมา แต่ควรเช็คการทำงานของ Background Process นี้ตอนที่ไม่ได้เปิดใช้งานโปรแกรมใด ๆ เพื่อป้องกันความสับสน
ภาพจาก : https://www.avg.com/en/signal/fix-high-cpu-usage
อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถปิดการทำงานของ Background Process นี้ได้ สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่ตรวจดูโปรแกรมที่ไม่จำเป็นต้องใช้งานในเครื่องและมีการทำงานของ Background Process แล้วถอนการติดตั้ง (Uninstall) ออกไปเท่านั้น หรืออาจปิดการทำงานของโปรแกรมอัตโนมัติบางอย่างที่ตั้งค่าให้ทำงานอัตโนมัติเมื่อเปิดเครื่องได้ที่ "เมนู Startup" บน Task Manager
ภาพจาก : https://www.makeuseof.com/tag/fix-high-cpu-usage-windows/
เลือกกด "ปิดการทำงาน (Disable)" ของโปรแกรมที่ไม่จำเป็นและไม่ส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบออกไปก็จะสามารถช่วยลดการทำงานหน้กของ CPU ไปได้ในระดับหนึ่ง
บางคนที่ตั้งค่า แผนการใช้พลังงาน (Power Plan) เอาไว้เป็นแบบสูงสุด (High Performance) เพียงแค่เพราะว่าอยากให้โปรแกรมต่าง ๆ ภายในเครื่องทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการใช้งาน CPU เกินความจำเป็นได้ ดังนั้นการแก้ปัญหาง่าย ๆ ก็ทำได้โดยการเปลี่ยน Power Plan ใหม่ ให้เหมาะสมกับทรัพยากรของเครื่องที่มีอยู่
ข้อมูลเพิ่มเติม : Balanced, Power Saver, High Performance และ Ultimate Performance คืออะไร ? และ ต่างกันอย่างไร ?
วิธีการเปลี่ยน Power Plan ก็ง่ายๆ เพียงแค่ เปิดแผงควบคุม (Control Panel) ขึ้นมา จากนั้นไปที่ "เมนู Power Option" แล้วเปลี่ยนการทำงานให้กลับมาเป็น "Balanced" เพื่อลดการทำงานเกินพอดีของโปรแกรมต่าง ๆ ลง (นอกจากจะช่วยให้การใช้งาน CPU ลดลงแล้ว ยังช่วยถนอมแบตเตอรีของโน๊ตบุ๊คได้อีกด้วยนะ)
ภาพจาก : https://www.maketecheasier.com/fix-windows-100-cpu-usage/
ปัญหานี้บางครั้งอาจเกิดมาจาก การแจ้งเตือน (Notification) เกินพอดี ที่ทำให้มีการใช้งาน CPU หนักโดยไม่จำเป็น ดังนั้นหากปรับตั้งค่าการแจ้งเตือนใหม่ก็อาจช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวนี้ได้
ภาพจาก : https://www.drivereasy.com/knowledge/how-to-fix-100-cpu-usage/
ภาพจาก : https://www.drivereasy.com/knowledge/how-to-fix-100-cpu-usage/
หากสงสัยว่าปัญหา CPU Usage 100% อาจจะมีสาเหตุเกิดมาจาก การทำงานผิดปกติของ WMI Provider Host (Windows Management Instrumentation) หรือ WmiPrvSe.exe ที่เป็นตัวช่วยในหารจัดการปัญหาต่าง ๆ บนเครื่องแล้วละก็สามารถตรวจสอบและจัดการได้ง่าย ๆ ดังนี้
เปิด Task Manager (กด "ปุ่มชุด Ctrl + Shift + ESC") ขึ้นมา และมองหา WmiPrvSe.exe process โดยมันจะอยู่ที่ "Service Host: Windows Management Instrumentation" และหากสังเกตว่าการใช้งาน CPU ของมันสูงกว่าปกติ (ราว 2 - 3% ก็ถือว่าเป็นปัญหาแล้ว) ก็แสดงว่าปัญหา CPU Usage 100% อาจเกิดมาจากจุดนี้ได้นั่นเอง
ภาพจาก : https://www.makeuseof.com/tag/fix-high-cpu-usage-windows/
ภาพจาก : https://www.makeuseof.com/tag/fix-high-cpu-usage-windows/
แต่หากปัญหาดังกล่าวกลับมาอีกและเช็คการทำงานของ WmiPrvSe.exe แล้วยังสูงอยู่ก็อาจเกิดมาจากสาเหตุอื่นก็ให้ผู้ใช้ทำการตรวจสอบหาต้นตอของปัญหาโดยการเรียกใช้ Windows Event Viewer
หากเปิด Task Manager (Ctrl + Shift + ESC) ขึ้นมาแล้วพบว่า Svchost.exe (netscvs) มีการทำงานสูง ก็ทำให้หลาย ๆ คนสงสัยว่ามันอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาการใช้งาน CPU (และ Memory) Usage สูงได้
ซึ่งหากไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่ทำให้ Svchost.exe มีการทำงานสูงนั้นเกิดมาจากตัวของมันเองหรือ มัลแวร์ (Malware) ภายในเครื่องก็สามารถเปิด svchost.exe Lookup Tool ขึ้นมาเช็กการทำงานของมันได้ ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าสาเหตุมาจาก Malware ก็ให้ทำการจัดการกับ Malware ดังกล่าวและสแกนไวรัสซ้ำเพื่อแก้ปัญหานี้ แต่หากไม่ได้เกิดมาจาก Malware ก็ให้ลองปิด Network Discovery ดู
นอกจากนี้ บางครั้งการอัปเดต Windows ก็ทำให้ค่าการใช้งาน CPU สูงขึ้นอย่างน่าตกใจเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกับผู้ใช้ Windows 10 ที่จะมีการอัปเดตระบบอยู่บ่อย ๆ ก็ทำได้เพียงแค่ตั้งเวลาการอัปเดตและรอเวลาให้มันอัปเดตตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยก็น่าจะช่วยลดการทำงานหนักของ CPU ลงได้แล้ว แต่สำหรับคนที่อยากทำอะไรซักอย่างกับปัญหานี้ก็สามารถเข้าไปปิดการทำงานของการอัปเดตแบบ P2P (Peer-to-Peer) เพื่อประหยัดการใช้งาน Bandwidth และลดการทำงานของ CPU ได้ ดังนี้
แต่หากยังต้องการเปิดใช้งาน P2P อยู่ก็ให้ไปที่ "Advanced Options" แล้วเลือกปรับค่าการใช้งาน Bandwidth ของการดาวน์โหลดและอัปโหลดแอปพลิเคชันและ Windows โดยเลือกที่ "เมนู Percentage of measure bandwidth (Measured against the update source)"
จากนั้นปรับเปอร์เซ็นต์การใช้งาน Bandwidth เพื่อให้ดาวน์โหลด (Download) และอัปโหลด (Upload) ให้ต่ำกว่า 5% รวมทั้งปรับตั้งค่า "Monthly Upload Limit" ให้ต่ำที่สุดด้วยเช่นกัน
หากลองทุกวิถีทางแล้วพบว่ายังเจอกับปัญหา CPU Usage 100% อยู่ก็อาจเป็นเพราะว่ามี Malware หรือ Virus บางตัวในเครื่องของเราที่ทำให้เกิดปัญหานี้ได้ วิธีแก้ก็เพียงแค่สแกนไวรัสและกำจัด Malware ดังกล่าวทิ้งไปก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย แต่สำหรับใครที่ตั้งเวลาการสแกนไวรัสเอาไว้ในช่วงเวลาทำงานก็อาจพบปัญหาคอมอืดจากการทำงานของโปรแกรมสแกนไวรัสเหล่านี้ได้ จึงแนะนำให้เลื่อนเวลาการสแกนไวรัสไปในตอนพักเที่ยงหรือนอกเวลางานก็น่าจะช่วยลดปัญหาดังกล่าวนี้ได้แล้ว
ข้อมูลเพิ่มเติม : Malware คืออะไร ? Malware มีกี่ประเภท ? และรูปแบบของมัลแวร์ชนิดต่างๆ ที่น่าจดจำ
บางครั้งการทำงานหนักเกินไปของ CPU ก็ไม่ใช่เรื่องของซอฟต์แวร์ภายในหรือไวรัสเสมอไป แต่ ฮาร์ดแวร์ภายนอก ก็อาจมีส่วนทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวนี้ได้เช่นกัน
โดยเฉพาะกับคอมเก่า ๆ ที่ผู้ใช้ไม่ค่อยได้ดูแลรักษาและปล่อยให้ฝุ่นจับจนพัดลมระบายอากาศทำงานได้ไม่ดีจนทำให้เกิดปัญหาเครื่องร้อนขึ้นมาจน CPU ทำงานรวนได้ ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดพัดลมระบายอากาศอยู่เสมอ ๆ เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวและช่วยไม่ให้คอมพิวเตอร์ร้อนจัดจนเกินไปด้วย
ภาพจาก : https://www.avg.com/en/signal/fix-high-cpu-usage
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |