หลังจากที่ กฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) มีผลบังคับใช้แล้ว หลาย ๆ คนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ อาจจะสงสัยและกังวลว่าการถ่ายภาพ หรือ ถ่ายคลิป ในที่สาธารณะที่ถ่ายติดคนอื่น ๆ ในภาพ จะยังบันทึกภาพได้อยู่หรือไม่ ? และสามารถนำไปโพสต์ลงโซเชียลได้อยู่ไหม ? ถือเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือเปล่า ?
ตอบสั้น ๆ คือ ถ่ายรูป-ถ่ายคลิป ติดภาพคนอื่นในที่สาธารณะยังสามารถทำได้ หากเป็นการถ่ายใช้งานเพื่อประโยชน์ส่วนตน และไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ที่ถูกถ่าย และไม่นำไปใช้ทางการค้า แบบนี้จะไม่ถือว่าผิดกฎ PDPA
แต่จริง ๆ การถ่ายภาพนั้นยังมีการแบ่งตามเหตุผลและลักษณะการใช้งานอีกหลายด้านที่ควรรู้ ดังนั้นเราไปทำความรู้จักกับข้อควรระวังของการถ่ายภาพในกฎหมาย PDPA ให้มากขึ้นกัน
คนทั่วไปถ่ายภาพไว้ดูเองสามารถทำได้ ไม่เกี่ยวกับกฎหมาย PDPA*
*หมายเหตุ : เรื่องการถ่ายภาพมีหลายเงื่อนไข ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป
PDPA (Personal Data Protection Act) หรือ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งการจัดเก็บข้อมูล, บันทึกภาพ หรือ เผยแพร่ หากมีผู้นำเอาข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้ไปใช้งานโดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้ให้ความยินยอมก็จะสามารถร้องเรียนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลหรือนิติบุคคลทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีการนำเอาข้อมูลนั้น ๆ ไปใช้งานโดยพลการได้
อ่านเพิ่มเติม : PDPA คืออะไร ? PDPA หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีประโยชน์กับเราอย่างไร ?
พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กฎหมาย PDPA) พ.ศ. 2562 (ค.ศ. 2019) มีผลบังคับใช้แล้ว เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022)
"การถ่ายรูปในที่สาธารณะที่เข้าข่าย PDPA คือ การทําเพื่อประกอบการงานอาชีพ (Professional Use)" เช่น การถ่ายเพื่อใช้ในการค้า ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา, บริษัทเอกชน หรือ รัฐ ถือว่าเข้าข่ายตามกฎหมาย PDPA จำเป็นต้องมีการขออนุญาตและความยินยอมจากบุคคลในภาพทุกครั้ง
ส่วน "การถ่ายเพื่อใช้งานส่วนตัว (Personal Use)" ไม่เข้าข่าย PDPA ถึงแม้จะถ่ายติดผู้อื่นในภาพโดยไม่ได้ขออนุญาตก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการถ่ายภาพ หากถ่ายเพื่อใช้งานเพื่อประโยชน์ส่วนตน ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ที่ถูกถ่าย และไม่นำไปใช้ทางการค้า ไม่ถือว่าผิดกฎ PDPA
ยกตัวอย่างเช่น การถ่ายตัวเอง, เซลฟี่ (Selfie), ถ่ายรูปเพื่อน, ถ่ายรูปหมู่, ครอบครัว และ คนรู้จัก เก็บภาพไว้ดูส่วนตัว หรือ แบ่งปันกับเพื่อนฝูง สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นสามารถถ่ายภาพได้ตามปกติ
สิ่งที่ควรระวัง : การนำรูปไปใช้ในลักษณะที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย จะผิดกฎหมายในรูปแบบอื่น ๆ
ซึ่งผู้ที่เสียหายสามารถฟ้องละเมิดทางแพ่งได้ โดยไม่ต้องใช้ PDPA
ตามหลักการของกฎหมาย คือ "สามารถโพสต์และเผยแพร่ลงโซเชียลมีเดียได้ หากใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว" ไม่ใช้เพื่อการแสวงหากำไรทางการค้า และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ยกตัวอย่างเช่น การท่องเที่ยวในที่สาธารณะ หากเราถ่ายรูป หรือ คลิปวิดีโอ ที่มีบุคคลอื่น ๆ ติดอยู่ในภาพพื้นหลัง หากถ่ายโดยไม่เจตนา และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ที่ถูกถ่าย สามารถนำภาพมาโพสต์ลงโซเชียลมีเดียได้ อย่างไรก็ตามการถ่ายภาพเพื่อนำมาเผยแพร่ควรได้รับอนุญาตจากตัวบุคคลในภาพก่อนทุกครั้งเพื่อป้องกันการฟ้องร้องและกฎหมายด้านอื่น ๆ เช่น กฏหมายด้านลิขสิทธิ์ และ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
นอกจากนี้สิ่งที่ควรรู้คือ การบันทึกภาพ หรือ การนำคลิปและรูปภาพออกมาเผยแพร่ หากบุคคลในภาพไม่ยินยอมให้เผยแพร่ หากภาพถูกโพสต์ไปแล้ว สามารถขอให้ลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้เช่นกัน
การติดกล้องวงจรปิดภายในบ้านและพื้นที่อยู่อาศัย "ไม่จำเป็นต้องมีป้ายแจ้งเตือน หากติดตั้งเพื่อป้องกันอาชญากรรม และรักษาความปลอดภัย" กับตัวเจ้าของบ้าน รวมไปถึงกล้องติดรถยนต์ ที่ใช้เพื่อเป็นหลักฐาน ก็ไม่ผิดกฎ PDPA เช่นกัน อย่างไรก็ตามหากมีบุคคลที่นำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เพื่อการค้า หารายได้ หรือ นำไปใช้ในกรณีอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว จะผิดกฏหมายทันที
ตอบ ไม่จำเป็นต้องขอความยินยอม หากการใช้ข้อมูลดังกล่าว เข้าข่ายด้านล่างนี้
ทั้งนี้ ข้อมูลข้างต้น อาจเปลี่ยนแปลงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นกรณีไป
หลายคนอาจจะยังสงสัยอยู่ ว่าจริง ๆ แล้วการถ่ายภาพแบบไหน ถ่ายได้ หรือ ไม่ได้บ้าง ? ซึ่งการบันทึกภาพและวิดีโอที่สามารถทำได้ภายใต้กฎหมาย PDPA นั้นถูกแบ่งออกตามเหตุผล และ ลักษณะการใช้งานต่าง ๆ ดังนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก : อ.ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล
จากที่เห็นการถ่ายภาพทั่วไปนั้นสามารถทำได้ หากเป็นการถ่ายภาพเพื่อใช้งานส่วนตัว ไม่ใช้ทางการค้า และไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น สามารถโพสต์และแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ ในโลกโซเชียลได้ตามปกติ ตราบใดที่ไม่นำรูปไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อทำให้ผู้อื่นเสียหาย ก็สามารถทำได้
ส่วนผู้ที่ทำงานด้านสื่อมวลชน นิติบุคคลทั้งภาครัฐและเอกชน นั้นต่างก็มีรายละเอียดและข้อควรระวังในด้านกฎหมายแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามไม่ว่าเราจะอยู่ส่วนไหน ก็ควรให้เกียรติและเคารพสิทธิผู้อื่นในที่สาธารณะอยู่เสมอ
สุดท้ายนี้ กฎหมาย PDPA นั้นถูกสร้างมาเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของทุกคน รวมไปถึงการจัดเก็บข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ การนำไปใช้โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบ หากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลทุกคนก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องได้
|
It was just an ordinary day. |
ความคิดเห็นที่ 1
9 พฤษภาคม 2566 19:08:20
|
||
GUEST |
Ning
แอบถ่ายวีดีโอจากที่สูงแล้วว่าคนขับหลับทั้งที่มุมกล้องอยู่ด้านบนชัดๆแล้วเอาไปโพสต์ลงโซเชียลเราสามารถดำเนินกับคนถ่ายได้มั้ย เพราะทำให้คนขับเสียชื่อเสียงหมดและเธอก็ทำให้คนขับเขาอื่มละอายกันหมดทุกสาย
|
|