ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
THAIWARE.COM | ทิปส์ไอที
 

Strong AI กับ Weak AI คืออะไร ? มีข้อดี-ข้อเสีย และต่างกันอย่างไร ?

Strong AI กับ Weak AI คืออะไร ? มีข้อดี-ข้อเสีย และต่างกันอย่างไร ?
ภาพจาก : https://www.freepik.com/free-vector/flat-artificial-intelligence-background_1530268.htm
เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 7,482
เขียนโดย :
0 Strong+AI+%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A+Weak+AI+%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F+%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

Strong AI กับ Weak AI คืออะไร ?
มีข้อดี-ข้อเสีย และต่างกันอย่างไร ?

เรามักจะมองว่า เทคโนโลยี AI คือระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีความสามารถชาญฉลาดไม่ต่างจากมนุษย์ ซึ่งมันก็ไม่ใช่มุมมองที่ผิด แต่อย่างไรก็ดี มุมมองนั้นไม่ได้ถูกต้องเสมอไปสำหรับระบบ AI เพราะว่าระบบ AI เองก็มีอยู่หลายประเภท ซึ่งเราสามารถแบ่งแยกมันออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ "Strong AI" และ "Weak AI"

บทความเกี่ยวกับ AI อื่นๆ

โดย "Strong AI" และ "Weak AI" นี้ไม่ได้หมายถึงระดับความสามารถว่ามัน "แข็งแกร่ง" หรือ "อ่อนแอ" ของตัวระบบ AI นะครับ แต่หมายถึงความแตกต่างในการทำงานของมัน

ในบทความนี้ เราก็เลยอยากจะมาอธิบายความแตกต่างว่า "Strong AI" และ "Weak AI" นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ?

เนื้อหาภายในบทความ

Weak AI คืออะไร ?
(What is Weak AI ?)

Weak AI หรืออีกชื่อคือ "Narrow AI" นั้นหมายถึง ระบบ AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อ ทำงานอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อใช้ทำงานที่ต้องอาศัยทักษะ และการวิเคราะห์ได้แบบอัตโนมัติ ซึ่ง AI ประเภทนี้จะถูกเทรนขึ้นมาด้วยโมเดลการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) ที่ได้ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับงานที่ต้องการ เช่น การจดจำวัตถุ, การสนทนา, การสั่งงานด้วยเสียง (Voice Assistant), ระบบแก้ไขอัตโนมัติ ฯลฯ ระบบการแสดง ผลการค้นหาของ Google ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการนำ Weak AI มาใช้งาน

คุณอาจจะรู้สึกแปลกใจว่าทำไม AI ประเภทนี้ ถึงถูกเรียกว่า "Weak" AI คำว่า "Weak" (อ่อนแอ) ในที่นี้ อาจทำให้คุณเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นระบบ AI ที่ไม่ฉลาด หรือมีข้อบกพร่องบางอย่าง แต่ในความเป็นจริงระบบ AI เป็นเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันสามารถส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมได้ในหลายแง่มุม ตั้งแต่มุมแคบไปจนถึงมุมกว้าง ซึ่งป้าย "Weak" ที่ถูกนำมาแปะหน้าชื่อของ AI ก็เพื่อจำแนกว่า AI ตัวดังกล่าวพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้อย่างเจาะจงกับงานบางอย่างเท่านั้น

ตัวอย่างการใช้งาน Weak AI
(Weak AI Usage Examples)

สำหรับ Weak AI นั้น มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย และใครหลายคนน่าจะเคยใช้มันมาแล้ว หรือใช้งานอยู่เป็นเป็นประจำด้วยซ้ำ

อย่าง ChatGPT, Midjourney, Stable Diffusion, DALL-E และ Bard แอปพลิเคชันเหล่านี้เป็นตัวอย่างของ AI ที่สร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็วช่วงปีสองปีมานี้ราวกับพายุที่โหมกระหน่ำในแวดวงเทคโนโลยี มันยอดเยี่ยมเสียจนมืออาชีพบางคนยังนำ AI เหล่านี้ มาช่วยในการทำงาน จนเกิดเป็นประเด็นว่า AI เหล่านี้มันจะถูกนำมาใช้งานแทนมนุษย์ หลายคนถึงกับถามตัวเองว่า "ChatGPT จะมาแทนที่ฉันได้หรือเปล่า ?"

Strong AI กับ Weak AI คืออะไร ? มีข้อดี-ข้อเสีย และต่างกันอย่างไร ?
ภาพจาก : https://www.midjourney.com/

ก็จะเห็นได้ว่า แม้ AI ที่ว่ามานี้ จะทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก แต่พวกมันก็มันพัฒนาขึ้นมาให้ทำงานได้เฉพาะทางเท่านั้น เช่น ChatGPT ก็ทำได้แค่การตอบคำถาม หรือสร้างเนื้อหาที่อยู่ในรูปแบบของข้อความเป็นหลัก หรือ Midjourney ก็ทำงานด้านการสร้างภาพเพียงอย่างเดียว ทำให้พวกมันถูกจัดว่าเป็น "Weak AI"

ตัวอย่างแอปพลิเคชันที่เป็น Weak AI

  1. Spam Filter : ฟิลเตอร์คัดกรองอีเมลสแปม คือคุณสมบัติที่ออกแบบมาใช้ในการตรวจจับ และทำการคัดโอน อีเมลสแปม (Spam Email) ไปยังโฟลเดอร์สแปม
  2. Chatbot : เป็นเครื่องมือที่นำเทคโนโลยี Natural Language Processing (NLP) มาใช้ในการสื่อสารกับมนุษย์
  3. AI Artist : การใช้ AI ในการสร้างภาพจากโจทย์ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป เพื่อสร้างออกมาเป็นภาพใหม่
  4. Voice Assistant : ระบบช่วยเหลือ และสั่งงานด้วยเสียง อย่างเช่น Siri, Cortana, Alexa, Google assistants ที่สามารถตอบรับคำสั่งเสียงของผู้ใช้งานได้
  5. Social Media Algorithm : แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram หรือแม้แต่ Spotify ก็นำ AI เข้ามาช่วยในการคัดเลือกเนื้อหาขึ้นมาแสดงผลให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละคน
  6. Automated Driving System : ระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถรุ่นใหม่ ๆ หลายรุ่นเริ่มใส่ระบบขับขี่อัตโนมัติเข้ามาให้ ซึ่งนี่ก็เป็นการใช้งาน Weak AI ด้วยเช่นกัน
  7. Healthcare : การใช้งาน AI ในแวดวงสุขภาพ อย่างเช่น การวินิจฉัยโรค หรือการวิเคราะห์อาการเพื่อช่วยเหลือทางการแพทย์

ข้อจำกัดของ Weak AI
(Weak AI Limitations)

ปัญหาหลักที่เป็นข้อจำกัดของ AI ในปัจจุบันนี้คือ การที่มันพัฒนามาเพื่อช่วยทำงาน "บางอย่าง" ให้กับมนุษย์เป็นหลัก อย่างที่เราได้อธิบายไปในหัวข้อที่แล้ว ตัวอย่างเช่น ChatGPT และ Google Bard ออกแบบมาให้เป็น Large Language Models (LLMs) มันถูกสร้างให้สามารถสร้างเนื้อหาที่อยู่ในรูปแบบข้อความขึ้นมาใหม่ หรือตอบโต้กับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ หรือ Midjourney และ Stable Diffusion ก็ทำได้แค่การเปลี่ยนข้อความให้เป็นรูปภาพ

ข้อจำกัดของ Weak AI สามารถสรุปได้ดังนี้

  • มีความสามารถจำกัด ทำได้เฉพาะงานที่ออกแบบมาเท่านั้น
  • ต้องอาศัยฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในการเรียนรู้ และดำเนินการทำงาน
  • การที่ต้องใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้มีปัญหาด้านการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือลิขสิทธิ์ตามมาในภายหลัง
  • Weak AI ส่วนใหญ่ยังต้องอาศัยมนุษย์ในการสั่งงาน ซึ่งอาจทำให้มี "ลำเอียง" เกิดขึ้นได้
  • แอปพลิเคชันเหล่านี้ อาจเปิดช่องโหว่ให้ข้อมูลส่วนตัว

Strong AI คืออะไร ?
(What is Strong AI ?)

เมื่อเทียบกับ Weak AI แล้ว Strong AI หรือที่รู้จักกันในชื่อ Artificial General Intelligence (AGI) นั้นหมายถึงรูปแบบของ AI ที่พัฒนาด้วยความเชื่อที่ว่าคอมพิวเตอร์จะสามารถจำลองการทำงานของสมองมนุษย์ได้ นั่นรวมถึงการคิด และวิเคราะห์ได้เฉกเช่นเดียวกับที่มนุษย์สามารถทำได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการคิดเหมือนกับมนุษย์ก็ได้

สิ่งที่ทำให้มันแตกต่างจาก Weak AI คือ Strong AI ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโมเดลการทำงานที่ออกแบบมาเฉพาะทางในการทำงานที่ต้องการความเจาะจง มันฉลาดพอที่จะทำงานอะไรก็ได้ โดยอาศัยการคิดแบบสมองมนุษย์เพื่อหาวิธีการได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ Strong AI ก็ยังสามารถพัฒนาตนเองให้ฉลาดขึ้นได้เรื่อย ๆ และสามารถปรับตัวเพื่อทำงานไปตามสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้

การพัฒนาของ Strong AI จะนำพาไปสู่ภาวะเอกฐานทางเทคโนโลยี (จุดในอนาคตที่สมมุติขึ้นมาว่า เทคโนโลยีจะกลายเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ และย้อนกลับไม่ได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงต่ออารยธรรมของมนุษย์) อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจด้วยว่า Strong AI ยังคงเป็นเป้าหมายในอนาคตที่ไกลมาก เนื่องจากงานส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นทฤษฎีเท่านั้น โดยแนวคิดของ Strong AI ส่วนใหญ่มักจะได้รับแรงบันดาลใจมากจากนิยายไซไฟ หรือภาพยนตร์

ตัวอย่างการใช้งาน Strong AI
(Strong AI Usage Examples)

เนื่องจากการพัฒนาของ Strong AI ยังอยู่ในขั้นที่กำลังพัฒนาอยู่ การนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันจึงแทบเป็นไปไม่ได้ การนำมาใช้ และการพัฒนาทำได้แค่ตั้งทฤษฎีขึ้นมาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มันมีแนวคิดที่เป็นไปได้อยู่ 5 สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นได้ ถ้าหาก Strong AI สามารถสร้างได้สำเร็จ

  1. ความฉลาดทางอารมณ์ และการประมวลความคิด : มันจะเป็น AI ที่เข้าใจอารมณ์ และกระบวนการคิดของมนุษย์ ซึ่งหากทำได้ มันจะมีประโยชน์มหาศาลต่องานเกี่ยวกับสุขภาพ, การศึกษา และงานบริการช่วยเหลือลูกค้า
  2. การตัดสินใจ : เวลาที่มนุษย์ตัดสินใจอะไรสักอย่าง มันไม่ได้มีแค่ใช่กับไม่ใช่ ได้หรือไม่ได้ แต่มนุษย์จะจำความรู้สึก, ความเห็นใจ และอะไรอีกหลายด้านมาประกอบการตัดสินใจร่วมด้วย ซึ่ง Strong AI ก็จะสามารถตอบสนองมนุษย์ในรูปแบบนั้นได้เช่นกัน
  3. วิวัฒนาการ : ระบบ Strong AI สามารถทำให้ระบบรู้จักการปรับตัว และปรับปรุง ให้เหมาะสมกับการทำงานในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง
  4. จิตใต้สำนึก : เป็น AI ที่มีจิตใต้สำนึก และสติ ที่จะตัดสินใจการกระทำต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์
  5. ความคิดสร้างสรรค์ : สำหรับ Strong AI ได้รับความคาดหวังว่ามันจะสามารถทำให้ระบบสามารถมีความคิดในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ออกมาได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพามนุษย์

ข้อจำกัดของ Strong AI
(Strong AI Limitations)

Strong AI หรือ AGI มีศักยภาพสูงมากพอที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์ให้ต่างไปจากเดิมได้อย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม มันก็มีความท้าทายอีกหลายอย่างที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียด หากมีการนำมันมาใช้งานอย่างจริงจัง

ข้อจำกัดของ Strong AI สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ด้วยความซับซ้อนของระบบ ทำให้ Strong AI ต้องการปริมาณข้อมูลจำนวนมหาศาล และพลังประมวลผลจากคอมพิวเตอร์ที่สูงมาก
  • การควบคุมจริยธรรมเป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อเราให้ AI สามารถตัดสินใจแทนเราได้ มันอาจจะให้คำแนะนำที่ไม่เหมาะสมกับผู้ใช้ได้ หากว่ามันตัดสินด้วยตรรกะเพียงอย่างเดียว โดยขาดหลักจริยธรรม
  • สำหรับ Strong AI จะพึ่งพาข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งเก็บรวบรวมมาจากมนุษย์ ดังนั้นมันจึงอาจมีความลำเอียงไปตามข้อมูลที่ถูกนำมาใช้เทรนได้
  • ความปลอดภัย และความรับผิดชอบ ที่เกิดขึ้นจากการกระทำ หรือตัดสินใจของ Strong AI ใครควรจะเป็นผู้รับผิดชอบ ก็เป็นคำถามที่ยังถกเถียงกันอยู่

ความแตกต่างระหว่าง Weak AI กับ Strong AI
(What is the difference between Weak AI and Strong AI ?)

ถึงจะเป็น AI เหมือนกัน แต่วิธีการทำงาน และแนวทางการพัฒนา ระหว่าง Weak AI กับ Strong AI ก็แตกต่างกันพอสมควรนะ มาอ่านสรุปความแตกต่างกัน

วัตถุประสงค์

ข้อสังเกตที่ทำให้ Weak AI กับ Strong AI แตกต่างกันอย่างชัดเจน ก็เป็นเรื่องจุดประสงค์ในการทำงานของพวกมัน Weak AI ออกแบบมาให้ทำงานบางอย่างแบบอัตโนมัติได้ หรือทำงานที่ต้องการความเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ

ในขณะที่ Strong AI พัฒนาขึ้นมาเพื่อจำลองรูปแบบการทำงานของสมองมนุษย์ ซึ่งนั่นหมายความว่ามันต้องตระหนักรู้ถึงการมีตัวตนของตนเอง, มีจิตสำนึกที่สามารถคิด และวิเคราะห์เองได้ ทำให้มันสามารถทำงานได้หลายอย่างไม่แตกต่างไปจากมนุษย์

วิธีเรียนรู้

Weak AI กับ Strong AI มีวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน โดย Weak AI อาศัยชุดข้อมูลเฉพาะทางที่มีความเจาะจง ในการเรียนรู้ และทำงานซ้ำไปซ้ำมาภายใต้กฏเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้แล้ว

แต่ AGI จะเรียนรู้จากฐานข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ครอบคลุมเรื่องรอบด้าน เพื่อจำลองขั้นตอนการคิดของมนุษย์ที่มีความซับซ้อน ดังนั้น ข้อมูลที่ถูกนำมาใช้จะมีการจัดกลุ่ม และเชื่อมโยงกัน เพื่อช่วยในการวิเคราะห์

แนวทางการแก้ไขปัญหา

ระบบของ Weak AI เหมาะสำหรับการทำงานที่มีขั้นตอนซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งต้องมีการตรวจสอบชุดข้อมูล และการจดจำรูปแบบที่ใช้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้ระบบที่สามารถคาดการณ์ และผลลัพธ์เชื่อถือได้

ในทางกลับกัน Strong AI จะแก้ปัญหาด้วยวิธีที่มีความยืดหยุ่น และสร้างสรรค์มากกว่า ด้วยการอาศัยฐานข้อมูลมาวิเคราะห์ และสามารถปรับการแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อัตโนมัติ

สถานการณ์ของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน
(Current AI Technology Situation)

ในปัจจุบันนี้ การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ จะมุ่งเน้นไปที่ช่วยงานที่อยู่ในชีวิตประจำวันเป็นหลัก ซึ่งนั่นก็คือ Weak AI นั่นเอง อย่างไรก็ตาม Weak AI ยังขาดความสามารถในการวิเคราะห์ และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ดังนั้น นักวิจัย และนักพัฒนาในตอนนี้ต่างก็พยายามที่จะพัฒนาให้ AI สามารถคำนวณผล และคิดให้เหมือนมนุษย์กันอย่างหนัก

โดย Strong AI ที่ชาญฉลาด มันจะมีความซับซ้อน และประสิทธิภาพสูงกว่า Weak AI หลายเท่า แต่ในขณะนี้มันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการพัฒนาเท่านั้น ยังเป็นอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ 


ที่มา : www.makeuseof.com

0 Strong+AI+%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A+Weak+AI+%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F+%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
ระดับผู้ใช้ : Admin    Thaiware
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ
 
 
 

ทิปส์ไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น