ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูล และไฟล์ ต่าง ๆ กลายเป็นหัวใจสำคัญของการทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน การเข้าใจ "คุณสมบัติของไฟล์" หรือ "File Attribute" จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คุณสมบัติของไฟล์ไม่เพียงช่วยให้ตัวระบบปฏิบัติการสามารถจัดการกับไฟล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยยกระดับความปลอดภัย และความสะดวกในการใช้งานไฟล์ในชีวิตประจำวัน
บทความนี้จะพาคุณผู้อ่านมาทำความรู้จักกับ File Attribute ในแง่มุมต่าง ๆ ทั้งการทำงาน, ประเภท และบทบาท ที่มีต่อการจัดการไฟล์ในระบบปฏิบัติการ เพื่อให้คุณผู้อ่านสามารถใช้งานไฟล์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และปลอดภัยยิ่งขึ้น ...
คุณสมบัติของไฟล์ (File Attribute) หรือ เรียกง่าย ๆ ว่า Attribute หรือ Flag ถือเป็น เมทาดาตา (Metadata) ประเภทหนึ่ง ที่ใช้ในการกำหนดเงื่อนไขของไฟล์ หรือ ไดเรกทอรี (Directory) ในการคงอยู่บนระบบคอมพิวเตอร์
พื้นฐานของคุณสมบัติไฟล์ สามารถอยู่ได้ 2 สถานะ คือ
ระบบปฏิบัติการ เช่น วินโดวส์ (Windows) สามารถกำหนดคุณสมบัติเฉพาะให้กับข้อมูล เพื่อให้ไฟล์เหล่านั้นสามารถถูกจัดการจากระบบได้ ต่างจากไฟล์ที่ปิดใช้งาน File Attribute เอาไว้
ทั้งนี้ ไฟล์ และโฟลเดอร์ เมื่อเปิด หรือปิดใช้งาน File Attribute จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหา หรือโครงสร้างของตัวไฟล์แต่อย่างใด แต่ว่าตัวระบบปฏิบัติการ และซอฟต์แวร์ จะเข้าใจ และสามารถใช้งานไฟล์เหล่านั้นแตกต่างกัน ตามคุณสมบัติที่ถูกกำหนดไว้ใน File Attribute
มีคุณสมบัติของไฟล์ (File Attribute) อยู่หลากหลายรูปแบบ ที่ปรากฏในระบบปฏิบัติการ Windows ประกอบไปด้วย
ภาพจาก : https://windows.tips.net/T012023_Understanding_and_Using_File_Attributes.html
แล้วก็ยังมีคุณสมบัติไฟล์ที่จะมีแค่ในเฉพาะระบบปฏิบัติการ Windows ที่ใช้ ระบบไฟล์แบบ NTFS เท่านั้น หากใช้ ระบบไฟล์แบบ FAT จะไม่มีให้ใช้งาน ประกอบไปด้วย
ภาพจาก : https://windows.tips.net/T012023_Understanding_and_Using_File_Attributes.html
นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติไฟล์ประเภทอื่น ๆ อีก ที่มีการใช้งานในระบบปฏิบัติการ Windows แต่อาจไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก นั่นคือ
คุณสมบัติไฟล์ หรือ File Attribute เพื่อให้ผู้ใช้, ซอฟต์แวร์ หรือระบบปฏิบัติการ สามารถรับรู้, ปฏิเสธ, จัดการสิทธิ์ ในไฟล์ หรือโฟลเดอร์ได้
หากเราเข้าใจว่า File Attribute มีประโยชน์อย่างไร ? จะช่วยให้เราเข้าใจได้ว่า ทำไมบางไฟล์ หรือโฟลเดอร์ บางอันถึงถูก "ซ่อน" (Hidden) หรือกำหนดค่าเอาไว้เป็น "อ่านได้อย่างเดียว" (Read-Only) ? ทำไมบางไฟล์จึงถูกกำหนดค่าไว้แบบนั้นให้แตกต่างจากไฟล์อื่น ๆ
ยกตัวอย่างเช่น ไฟล์แบบ Read-Only นั้นมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟล์นั้นถูกแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงในทุกกรณี ยกเว้นแต่ว่าจะมีการเปลี่ยนค่า File Attribute ยกเลิกการกำหนดค่า Read-Only เสียก่อน เพื่อเปิดสิทธิ์ในการเขียนไฟล์ได้ โดยมากแล้ว ไฟล์ระบบที่มีความสำคัญ และไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงค่า มักถูกกำหนดให้เป็นค่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟล์เกิดความเสียหายได้
ภาพจาก : https://www.lifewire.com/what-is-a-file-attribute-2625793
หรือไฟล์ที่ถูกตั้งค่าคุณสมบัติเป็นแบบซ่อน (Hidden) ไฟล์รูปแบบนี้จะถูกซ่อนเอาไว้จากมุมมองปกติ ทำให้ยากต่อการลบ, ย้าย หรือเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยไฟล์ยังคงมีอยู่เหมือนกับไฟล์อื่น ๆ แต่เนื่องจากมันเปิดใช้งานคุณสมบัติซ่อน (Hidden Attribute) เอาไว้ จึงเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึง หรือเผลอลบไฟล์ดังกล่าวไปโดยไม่ตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม หากต้องการจัดการกับไฟล์ หรือโฟลเดอร์ที่ถูกซ่อนเอาไว้ ก็สามารถตั้งค่าตัวระบบปฏิบัติการ Windows ให้แสดงไฟล์ และโฟลเดอร์ที่ถูกซ่อนได้ง่าย ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ดูไฟล์เหล่านั้นได้โดยไม่จำเป็นต้องปิดคุณสมบัติ Hidden
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถรวมคุณลักษณะไฟล์หลาย ๆ แบบเข้าด้วยกันได้ ตัวอย่างเช่น ไฟล์ตัวหนึ่งอาจถูกตั้งค่าให้เป็นทั้งไฟล์แบบซ่อน (Hidden) และไฟล์ระบบ (System) พร้อมทั้งตั้งค่าเป็น Archive ได้ด้วย
ภาพจาก : https://helpdeskgeek.com/how-to-show-hidden-files-in-windows-10/
File Attribute สามารถเปิด หรือปิดใช้งาน ได้กับทั้งในไฟล์ และโฟลเดอร์ แต่ผลลัพธ์จะแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างสองกรณีนี้
โดยเมื่อเราเปิดใช้งานคุณสมบัติซ่อน (Hidden Attribute) ในไฟล์ ตัวไฟล์นั้นจะถูกซ่อนเท่านั้น โดยไม่ส่งผลต่อไฟล์อื่น ๆ
แต่คุณสมบัติเดียวกันนี้ เมื่อถูกนำไปใช้กับโฟลเดอร์ ผู้ใช้จะมีตัวเลือกมากกว่าการซ่อนโฟลเดอร์นั้นเพียงอย่างเดียว โดยสามารถตั้งค่าคุณสมบัติซ่อนให้กับโฟลเดอร์นั้นเพียงโฟลเดอร์เดียว, ทุกโฟลเดอร์ที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน, โฟลเดอร์ย่อย หรือปรับใช้กับไฟล์ทั้งหมดที่อยู่ในนั้น
โดยถ้าเราเปิดใช้งานคุณสมบัติซ่อนไฟล์ (Hidden Attribute) ไปใช้กับโฟลเดอร์ย่อย และไฟล์ทั้งหมด ภายในโฟลเดอร์หลัก จะส่งผลให้ เมื่อผู้ใช้เปิดโฟลเดอร์หลักขึ้นมา ไฟล์ และโฟลเดอร์ ทั้งหมดภายในนั้นก็จะยังคงถูกซ่อนไปด้วยเช่นกัน
ในทางกลับกัน หากผู้ใช้เลือกที่จะซ่อนเฉพาะโฟลเดอร์หลัก โดยไม่รวมโฟลเดอร์ย่อย และไฟล์ ไฟล์ และโฟลเดอร์ที่อยู่ภายในนั้นก็จะยังสามารถมองเห็นได้ตามปกติ มีแค่เฉพาะโฟลเดอร์หลัก (Root Area) เท่านั้น ที่ถูกตั้งค่าให้ซ่อน
ภาพจาก : https://www.lifewire.com/what-is-a-file-attribute-2625793
แม้ว่าคุณสมบัติของไฟล์จะมีอยู่หลายประเภท อย่างที่เราได้อธิบายไปแล้วในหัวข้อด้านบน แต่คุณลักษณะเหล่านี้ไม่ได้ถูกตั้งค่าให้ใช้งานกับไฟล์ หรือโฟลเดอร์ ในรูปแบบเดียวกันเสมอไป
คุณสมบัติไฟล์บางส่วนสามารถเปิด หรือปิด ได้ด้วยการตั้งค่าในระบบปฏิบัติการ Windows โดยการ "คลิกขวา" ที่ไฟล์ หรือโฟลเดอร์ แล้วเลือก "เมนู Properties" จากนั้น ก็เลือกเปิด หรือปิด คุณสมบัติไฟล์ตามที่มีให้เลือกได้เลย
ภาพจาก : https://www.lifewire.com/what-is-a-file-attribute-2625793
หรือจะทำผ่าน "คำสั่ง attrib" ที่อยู่ใน Command Prompt ก็ได้อีกด้วยเช่นกัน
ภาพจาก : https://www.lifewire.com/what-is-a-file-attribute-2625793
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |
ความคิดเห็นที่ 1
24 เมษายน 2568 21:30:34
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
GUEST |
![]() |
Florine
CIR Legal Lexington201 Ꮃ Short Ѕt #500, Lexington, KY 40507, United Stateѕ +18596366803 2 defense techniques in basketball
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||