ในแวดวงคอมพิวเตอร์ การถือกำเนิดของ หน้าจอผู้ใช้งานแบบกราฟิก (Graphical User Interface - GUI) ถือว่าเป็นหนึ่งในตำนานของวงการ Silicon Valley การโจรกรรมทางความคิดที่ Apple ไปเอามาจาก Xerox PARC ก่อนที่ Microsoft จะนำไปพัฒนาต่อเป็นของตัวเองระหว่างที่พัฒนาซอฟต์แวร์ให้ Apple จนกลายมาเป็นระบบปฏิบัติการ Windows ที่ประสบความสำเร็จ ครองตำแหน่งระบบปฏิบัติการที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกอยู่นานหลายสิบปี (โดน ระบบปฏฺบัติการ Android แซงได้สำเร็จในปี ค.ศ. 2017)
จาก Windows 1.0 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1985 ปัจจุบันนี้ ก็เดินทางมาจนถึง Windows 11 แล้ว มาทำความรู้จักประวัติความเป็นมาของมันกันเถอะ ว่าจากระบบปฏิบัติการที่มีแต่ตัวอักษรอย่าง MS-DOS มันกลายมาเป็น หน้าจอเชื่อมต่อผู้ใช้งาน (User Interface - UI) แบบกราฟิก (Graphical User Interface - GUI) ที่มีความสวยงาม น่าใช้งาน ได้อย่างไร ?
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows 1.0 | |
วันที่เปิดตัว | 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528) |
ความต้องการของระบบ | MS-DOS 2.0 |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 256 KB. / 320 KB. (อ้างอิงจาก Windows 1.03) |
ราคาเปิดตัว | $100 หรือประมาณ $239.75 (7,530 บาท) ในปี ค.ศ. 2020 |
ในยุคเริ่มแรก Microsoft ได้ประกาศว่าหน้าต่าง Windows ในระบบปฏิบัติการ Windows (ไม่งงเนอะ) จะสามารถวางทับซ้อนกันได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม ในเวอร์ชันแรกที่ปล่อยออกมา มันไม่สามารถทำได้นะ ตัว Windows จะถูกเรียงอยู่ในระนาบเดียวกันเหมือนแผ่นกระเบื้อง มีแค่หน้าต่างแจ้งเตือนเท่านั้น ที่สามารถแสดงผลทับซ้อนบน Windows ได้
Windows 1.0 เป็นระบบปฏิบัติการแบบ GUI ตัวแรกของ Microsoft แต่การทำงานของมันก็ยังอยู่บนพื้นฐานของ MS-DOS อยู่ดี แค่เปลี่ยนการสั่งงานจากการพิมพ์คำสั่ง (Command Line) มาเป็นกราฟิกเท่านั้นเอง
Microsoft มีใส่เกมที่ชื่อว่า Reversi (ต้นแบบของเกมโอเทลโล่) เอาไว้ให้ด้วย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเล่นมันเพื่อฝึกให้คุ้นชินกับการทำงานของเมาส์ ซึ่งตอนนั้นเป็นอุปกรณ์สุดประหลาด (ลองนึกภาพว่าเมาส์ต้นแบบตัวแรกถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1964 แต่ทุกคนมองว่าเป็นของประหลาด และไม่มีใครสนใจที่จะใช้มัน)
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows 2.0 | |
วันที่เปิดตัว | 9 ธันวาคม ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) |
ความต้องการของระบบ | MS-DOS 3.0 |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 512 KB. |
ระบบปฏิบัติการ Windows 2.0 ยังคงทำงานอยู่ภายใต้ MS-DOS เหมือนเคย แต่ในเวอร์ชันนี้สามารถวาง Windows ซ้อนทับกันได้แล้ว และยังสนับสนุนการขยายหน่วยความจำเพิ่มได้ด้วย
Microsoft Word และ Excel เวอร์ชันแรก ก็ถือกำเนิดขึ้นใน Windows 2.0 นีันี่แหละ นอกจากนี้ Microsoft ยังปรับปรุงการทำงานหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นตัวกราฟิกที่สวยงามขึ้น, รองรับคำสั่ง Keyboard Shortcut และบนหน้าจอ Desktop ยังมีการเพิ่ม Icon โปรแกรม และไฟล์เข้ามาด้วย
ในช่วงนี้ Microsoft ถูก Apple ฟ้องร้องในประเด็นการพัฒนา GUI ด้วย โชคดีว่าคำร้องตกไป Microsoft ชนะคดีมาได้ ไม่อย่างนั้น เราอาจจะไม่ได้เห็นระบบปฏิบัติการ Windows มาจนถึงทุกวันนี้
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows 2.1x | |
วันที่เปิดตัว | 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) |
ความต้องการของระบบ | MS-DOS 3.0 |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 512 KB. |
ระบบปฏิบัติการ Windows 2.1x ออกมาตามหลังจาก Windows 2.0 แค่ เพียง 6 เดือนเท่านั้น ในเวอร์ชันนี้ได้ปรับปรุงให้ใช้ประโยชน์จาก หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) รุ่นใหม่ Intel 80286 และ Intel 80386 นอกจากนี้มันยังเป็นระบบปฏิบัติการ Windows เวอร์ชันแรกที่จำเป็นต้องใช้ ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) ในการติดตั้งอีกด้วย
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows 3.0 | |
วันที่เปิดตัว | 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533) |
ความต้องการของระบบ | MS-DOS 3.1 |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 640 KB. Base 256 KB. EMS |
ในส่วนของ ระบบปฏิบัติการ Windows 3.0 นั้นสามารถทำงานบน Memory Mode ได้มากกันถึง 3 รูปแบบด้วยกัน คือ
โดย Windows 3.0 สามารถแสดงผลได้ถึง 16 สี ทำให้หน้าตามีความสวยงามมากขึ้น File Manager, Program Manager และ Print Manager ถูกสร้างขึ้นใน Windows เวอร์ชันนี้
นอกจากนั้น นี่ยังเป็น Windows เวอร์ชันแรกที่เกมในตำนานอย่าง เกม Hearts, Minesweeper และ Solitaire ถูกใส่เข้ามาให้เล่นด้วย
ต่อมาในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1991 ทาง Microsoft ได้ขยายการใช้งานของ Windows 3.0 ให้รองรับมัลติมีเดียมากยิ่งขึ้น โดยจำเป็นต้องมี Intel 80386, หน่วยความจำ 2 MB. การ์ดจอ VGA ฮาร์ดดิสก์ 30 MB, ไดร์ฟอ่านข้อมูลบนแผ่น CD-ROM, เมาส์แบบ 2 ปุ่ม และลำโพงด้วย
ระบบปฏิบัติการ Windows 3.0 ค่อนข้างประสบความสำเร็จ Microsoft สามารถทำยอดขายได้ถึงประมาณ 10 ล้านชุดเลยทีเดียว
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows 3.1 | |
วันที่เปิดตัว | 6 เมษายน ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2535) |
ความต้องการของระบบ | MS-DOS 3.1 |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 640 KB. base 256 KB. EMS (พร้อม XMS v2.0+) 1 MB. EMS สำหรับ Intel 80286 2 MB. EMS สำหรับ Intel 80386 |
ในส่วนของ ระบบปฏิบัติการ Windows 3.1 นั้นได้ตัดการทำงานของเรียลโหมด (Real Mode) ออกไป และแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ ที่มีในเวอร์ชันเก่า นอกจากนี้ยังได้เพิ่มความสามารถให้รองรับฟอนต์แบบ Truetype, การใช้งานแบบลากแล้ววาง (Drag-and-Drop) และที่สำคัญ คือ ระบบ Windows Registry ได้ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นครั้งแรกใน Windows เวอร์ชันนี้นี่แหละ
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows NT 3.1 | |
วันที่เปิดตัว | 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) |
ความต้องการของระบบ | ไม่มี |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 12 MB. สำหรับการใช้งานทั่วไป 16 MB. สำหรับการใช้งานบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ |
สามารถกล่าวได้ว่า ระบบปฏิบัติการ Windows NT (ย่อมาจาก New Technology) เป็นก้าวแรกของประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Windows เลยล่ะ แม้หน้าตาจะไม่ค่อยแตกต่างจาก Windows 3.1 มากนัก แต่ Windows NT 3.1 เป็นเวอร์ชันแรกของ Windows ที่ไม่ได้ทำงานบน ระบบปฏิบัติการ DOS
Windows NT 3.1 เป็นระบบปฏิบัติการแบบ 32 บิต ที่มีสถาปัตยกรรม Microkernel เป็นของตัวเอง มี Windows API ที่รู้จักกันในชื่อ Win32 ซึ่งมันเป็นการเริ่มรากฐานของระบบปฏิบัติการ Windows ยุคใหม่ในกาลถัดมา
ในตอนเริ่มแรกนั้น Window NT จะนิยมใช้งานกันแค่ในเซิร์ฟเวอร์ และวงการธุรกิจเท่านั้น
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows NT 3.51 | |
วันที่เปิดตัว | 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 12 MB. สำหรับการใช้งานทั่วไป 16 MB. สำหรับการใช้งานบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ |
ระบบปฏิบัติการ Windows NT 3.51 ถูกปล่อยออกมาก่อน Windows 95 เพียง 3 เดือนเท่านั้น มีการปรับปรุงให้รองรับ PowerPC สถาปัตยกรรมไมโครโพรเซสเซอร์แบบ RISC ของกลุ่มพันธมิตร Apple, IBM และ Motorola
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows 95 | |
วันที่เปิดตัว | 24 สิงหาคม ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) |
ความต้องการของระบบ | มาพร้อมกับ MS-DOS 7 |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 4 MB. |
การมาของ ระบบปฏิบัติการ Windows 95 นับเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญของประวัติศาสตร์การพัฒนาระบบปฏิบัติการของ Windows ก็ว่าได้
แม้ Windows 95 จะยังคงมี MS-DOS ฝังมาให้ด้วย แต่มันถูกลดความสำคัญลงไปอยู่ในเลเยอร์สำหรับอุปกรณ์ที่ต้องการไดร์เวอร์แบบ 16 บิตเท่านั้น
User Interface ของ Windows 95 ก็มีการปรับปรุงออกแบบใหม่ ดูสวยงามกว่า Windows เวอร์ชันก่อนอย่างเห็นชัดเจน และมาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่ที่สำคัญเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ "Plug-and-play" ที่อนุญาตให้เราเสียบอุปกรณ์แล้วสามารถเริ่มใช้งานได้ทันที
ช่วงเวลานี้นักพัฒนาโปรแกรมแบบ 16 บิต และซอฟต์แวร์ DOS เริ่มเห็นอนาคตของซอฟต์แวร์ใหม่บนสถาปัตยกรรม 32 บิต หันมาเริ่มพัฒนากันเป็นจำนวนมาก
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows NT 4.0 | |
วันที่เปิดตัว | 31 สิงหาคม ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 12 MB. สำหรับการใช้งานทั่วไป 16 MB. สำหรับการใช้งานบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ |
อย่างที่เกริ่นไว้ใน ระบบปฏิบัติการ Windows NT เวอร์ชันแรก ว่ามันกลายเป็นระบบปฏิบัติการที่เน้นการใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ และแวดวงธุรกิจเป็นหลัก รวมถึงยังรองรับการใช้งานกับ PowerPC อยู่เหมือนเดิม
Windows NT 4.0 ที่เป็นเวอร์ชันใหม่ ได้รับการปรับปรุงใหม่หมดเช่นกัน แน่นอนว่าหน้าตาของมันได้อิทธิพลมาจาก Windows 95 อย่างชัดเจน
แต่มีความแตกต่างตรงที่มันไม่รองรับ DirectX หมายความว่าเกมบางเกมจะไม่สามารถเล่นบน Windows NT 4.0 ได้ แถมยังไม่รองรับ Plug-and-play กับไม่มี Device Manager ด้วย
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows 98 | |
วันที่เปิดตัว | 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1998 (ค.ศ. 2541) |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 16 MB. |
ระบบปฏิบัติการ Windows 98 เป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ มีจุดเด่นตรงที่ได้ผนวกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเอาไว้ในตัวระบบปฏิบัติการเลย มี Internet Explorer 4.0 ใส่เข้าด้วย ซึ่งก็เป็นเหตุให้ถูกฟ้องร้องในประเด็นผูกขาดด้านซอฟต์แวร์ด้วย
ใน Windows 98 ยังได้เป็นจุดเริ่มต้นของระบบ Windows Driver อีกด้วย แต่ว่ากว่าจะเป็นที่ยอมรับก็ต้องรอจนถึงเวอร์ชัน Windows 2000 และ Windows XP เลยทีเดียว ลูกเล่นอื่นๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็อย่างเช่น รองรับ DVD, USB และ FAT32 ด้านการออกแบบ Microsoft ได้เพิ่มเอฟเฟค 3D, Quick launch toolbars และมีการไล่เฉดสีที่บริเวณ Title bar ด้วย
ต่อมาในวันที่ 23 เมษายน ปี ค.ศ. 1999 ทาง Microsoft ได้ปล่อย Windows 98 Second Edition ออกมา โดยเน้นไปที่การปรับปรุงแก้ไขการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows 2000 | |
วันที่เปิดตัว | 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 64 MB. |
สามารถกล่าวได้ว่า ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 เป็นเวอร์ชันสุดท้ายของ Windows NT มันมาพร้อมกันถึง 4 เวอร์ชัน ประกอบไปด้วย Professional, Server, Advanced Server และ Datacenter Server ซึ่งในเวอร์ชันนี้ ทาง Microsoft ได้ยุติการสนับสนุน RISC อย่าง MIPS และ PowerPC ด้วย
ของเล่นใหม่ที่น่าสนใจ ที่ทาง Microsoft ได้ใส่เข้ามาใน Windows 2000 ก็จะมีความสามารถในการแสดงรูปภาพใน Thumbnails และ Hyperlink ที่อยู่ใน Internet Explorer 5.0
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows ME | |
วันที่เปิดตัว | 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 32 MB. |
แม้ชื่อจะเปลี่ยนไป แต่ ระบบปฏิบัติการ Windows ME (ย่อมาจาก Windows Millennium Edition) ถือเป็นระบบปฏิบัติการตัวสุดท้ายของตระกูล Windows 9x ในเวอร์ชันนี้ตัว DOS จะไม่รองรับการทำงานแบบ Real mode และเป็น Windows เวอร์ชันสุดท้ายที่รองรับการทำงานแบบ 16 บิต ผ่าน MS-DOS
หน้าตาของ Windows ME ค่อนข้างน่าจดจำ เนื่องจากทาง Microsoft ได้ปรับให้มันดูสดใส และสวยงามกว่าที่ผ่านๆ มา ตัว โปรแกรมดูหนังฟังเพลง ที่ติดมากับ Windows อย่าง โปรแกรม Media Player สามารถเปลี่ยนสกินได้ด้วย และไอคอนของระบบก็มีสีที่สวยงามขึ้น
ส่วนตัวผู้เขียนใช้คอมพิวเตอร์ครั้งแรก ก็ Windows เวอร์ชันนี้นี่แหละ จำได้ว่าเล่นเกม SimCity 2000 บน Windows ME อย่างเมามัน
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows XP | |
วันที่เปิดตัว | 25 ตุลาคม ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 64 MB. |
ในปี ค.ศ. 2001 นั้นทาง Microsoft ได้เปิดตัว ระบบปฏิบัติการ Windows XP ที่ใครหลายคนหลงรัก มันเป็นการรวมเอา Windows 9x และ Windows NT เข้าไว้ด้วยกัน และยุติการสนับสนุนการทำงานแบบ 16 บิต บน MS-DOS โดยสิ้นเชิง
นอกจากนี้มันยังยกเลิกโมเดลไดร์เวอร์ VxD ด้วย เพื่อบังคับให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เปลี่ยนมาใช้ Windows Driver อย่างเดียว ซึ่งจะช่วยลด ปัญหาจอฟ้าแห่งความตาย Blue Screen of Death อันเนื่องมาจากไดร์เวอร์มีปัญหา
แม้ Windows XP จะน่าจดจำ แต่ว่ากันตามตรงตอนที่มันเปิดตัว กระแสตอบรับค่อนข้างแย่มากทีเดียว โดยเฉพาะจากเหล่าผู้ผลิตที่ต้องปวดหัวกับปัญหาการทำไดร์เวอร์ใหม่
ในแง่สถาปัตยกรรมของตัวระบบปฏิบัติการ Windows XP ใช้ระบบแบบใหม่หมด ไม่ได้พึ่งพา Kernel Core ที่ใช้มาตั้งแต่ยุค Windows 95 อีกแล้ว ในส่วนของ User interface ก็ออกแบบใหม่หมดให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น ระบบจัดการหน่วยความจำ Memory management ที่ดีกว่าเก่า และเป็นครั้งแรกที่ Microsoft แบ่งเวอร์ชันออกเป็น Home และ Professional
ของเล่นใหม่ก็มีเพียบ ทั้ง Windows media Player, Internet Explorer 6.0, Help and Support, Microsoft Assistant และ MSN messenger ก็มีให้ใช้กันใน Windows XP นี่แหละ
มีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับชื่อ โดย XP นั้นมาจากคำว่า eXPerience ที่แปลว่าประสบการณ์ มันเป็นระบบปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในขณะนี้ (เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020) ยังมีอุปกรณ์ที่ใช้ Windows XP อยู่ถึง 1.8% และตู้ ATM เกือบทั่วทั้งโลกก็ยังคงใช้ Windows XP อยู่
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows Server 2003 | |
วันที่เปิดตัว | 24 เมษายน ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2546) |
เหมือนกับชื่อของมันเลย ระบบปฏิบัติการ Windows Server ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์เป็นหลัก มีความสามารถในการจัดการบริหารเครือข่าย ทำ Internet/Intranet Hosting, Databases ฯลฯ
Windows Server เป็นการตั้งชื่อให้เข้าใจได้อย่างชัดเจน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Microsoft ได้ทำ Windows NT และ Windows 2000 มาใช้กับเซิร์ฟเวอร์อยู่แล้ว
ในส่วนของ รายชื่อของ ระบบปฏิบัติการ Windows Server ที่มีมาจนถึงปัจจุบัน ก็มีอยู่ประมาณดังต่อไปนี้
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows Vista | |
วันที่เปิดตัว | 30 มกราคม ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 512 MB. |
ระบบปฏิบัติการ Windows Vista เป็นระบบปฏิบัติการ Windows ที่กล่าวได้ว่าล้มเหลวแบบสุดๆ มีกระแสตอบรับที่ค่อนข้างแย่จากผู้ใช้จำนวนมาก โดยเหตุผลส่วนใหญ่ก็มาจากกราฟิกแบบใหม่อันสวยงามของสิ่งที่เรียกว่า Windows Aero
อันที่จริง Windows Vista มาพร้อมกับความสามารถใหม่อย่าง User Account Control ที่ช่วยควบคุมความปลอดภัยให้กับระบบ, มี Windows Driver Frameworks ที่เป็นเครื่องมือ และ Libraries ใหม่ให้นักพัฒนาใช้ และยังมีระบบไฟล์แบบใหม่ที่เรียกว่า WinFS (แต่ถูกยกเลิกไปในปี 2013 โดย บิล เกตส์ให้เหตุผลว่า 'มันเร็วเกินไป")
Microsoft ทุ่มเงินลงทุนในการพัฒนา Windows Vista ไปถึง 6,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีโค้ดมากถึง 50,000,000 บรรทัด และเคลมว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
แต่ทั้งหมดที่ว่ามานั้น กลับล้มเหลวเนื่องจากมันทำงานได้ช้ามาก และใช้ทรัพยากรเครื่องสูงกว่าเดิมแบบสุดๆ แค่ Windows Aero ที่เน้นความสวยงามแสดงผลแบบโปร่งใส ก็ทำให้เครื่องอืดได้แล้ว รวมถึงช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ถูกค้นพบเรื่อยๆ ทำให้มันมีอายุแค่เพียง 3 ปีเท่านั้น และมีจำนวนผู้ใช้น้อยมาก
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows 7 | |
วันที่เปิดตัว | 22 ตุลาคม ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 1 GB. (32 Bits) / 2 GB. (64 Bits) |
หลังจากพลาดท่าไปใน Windows Vista ทาง Microsoft ก็ได้พัฒนา และทำ ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ออกมา ปรับปรุงการทำงานของแถบงาน (Taskbar) ใหม่ และลดความน่ารำคาญของ User Account Control (UAC) ให้น้อยลง
แม้ว่า UAC ของ Windows 7 จะมีการถูกตั้งข้อสังเกตว่าปลอดภัยน้อยกว่า แต่มันก็ทำให้เข้าถูกผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น และได้รับกระแสตอบรับที่ดีกว่า Windows Vista เป็นอย่างมาก
ในด้านความสวยงาม Windows 7 ก็ทำได้ดี มันสามารถแสดงผลได้เหมือนกับ Aero แต่ว่าใช้ทรัพยากรน้อยกว่า ทำให้ความเร็วดีขึ้นกว่าเดิมมาก
คุณสมบัติหลายอย่างที่มีอยู่เดิมใน Vista ถูกถอดออกไปเพื่อลดพื้นที่ โดยเปิดให้ผู้ใช้เลือกติดตั้งเพิ่มเองได้ อย่างเช่น Windows Movie Maker, Photo Gallery, และ Windows Mail.
Windows 7 ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำสถิติระบบปฏิบัติการที่ทำยอดขายได้เร็วที่สุดในโลก โดย Microsoft ขายได้ถึง 240 ล้านชุดต่อปี หรือ 657,534 ชุดต่อวัน, 27,397 ต่อชั่วโมง หรือ 7.6 ชุดต่อวินาที เลยทีเดียว
ทั้งนี้ Windows 7 เพิ่งจะสิ้นสุดการสนับสนุน ไปเมื่อวันที่ 14 มกราคม ปี 2020 นี้เอง
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows 8 / Windows 8.1 | |
วันที่เปิดตัว | 26 ตุลาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 1 GB. (32 Bits) / 2 GB. (64 Bits) |
ระบบปฏิบัติการ Windows 8 เป็นอีกหนึ่งความพยายามของ Microsoft ที่จะเปลี่ยนรูปแบบของ User interface ใหม่โดยตัดสินใจเอาปุ่ม "Start Menu" ที่อยู่มาอย่างยาวนานออกไป นอกจากนี้ Windows 8 ยังถูกพัฒนาให้สามารถทำงานร่วมกับ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ RISC ได้อีกครั้ง โดยเฉพาะแบบ ARMv7
Microsoft ได้เปิดตัว Start Screen เพื่อใช้แทน Start Menu มันเป็น Live Tiles ที่เรียงกันเป็น Grid โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้มันใช้งานบนอุปกรณ์ประเภทแท็บเล็ตได้ง่ายขึ้น เพราะช่วงเวลานั้นความนิยมใช้งานของ iPad และแท็บเล็ต Android ต่างๆ มาแรงมาก
นอกจากนี้ Microsoft ยังได้แนะนำแนวทางการออกแบบที่เรียกว่า Metro ออกมา โดยเน้นไปที่ตัวอักษร และลักษณะไอคอนที่เรียบง่าย ภายหลังได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Modern UI Style
ด้านความสามารถ Windows 8 เป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันแรกของ Microsoft ที่มีแอนตี้ไวรัสในตัวให้ใช้ ซึ่งถูกเรียกว่า Windows Defender, มี App Store ในตัวที่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปฯ มาติดตั้งเพิ่มได้เหมือนสมาร์ทโฟน
ที่น่าสนใจ คือ Microsoft ได้พยายามบุกตลาดสมาร์ทโฟนด้วยการสร้าง Windows 8 Phones ขึ้นมาหลายรุ่นร่วมกับพันธมิตร ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ก็พวกสมาร์ทโฟนตระกูล Lumia แต่น่าเสียดายว่าล้มเหลวไม่เป็นท่า ไม่สามารถเอาชนะ iOS และ Android ได้
ในส่วนของความสำเร็จ แม้ Windows 8 จะได้รับคำชมในเรื่องความเร็ว, ความสวยงาม และความปลอดภัย แต่ด้านการออกแบบ UI ของเมนูใหม่ กลับได้รับกระแสตอบรับจากผู้ใช้ค่อนข้างแย่เลยล่ะ
ในเวลาถัดมา Microsoft ได้ปล่อย Windows 8.1 ออกมา (จริงๆ เหมือน Service Pack มากกว่า) โดยผู้ที่ใช้ Windows 8 อยู่แล้วสามารถรับการอัปเดตได้ฟรี ซึ่งใน Windows 8.1 ทาง Microsoft ได้เอาปุ่ม Start กลับมาอีกครั้ง แม้จะไม่ใช่ Start Menu รูปแบบเดิม แต่ก็ใช้งานได้ดีกว่า Start screen มาก
อีกประโยชน์ที่ผู้ใช้ Windows 8 ได้รับเมื่ออัปเดตเป็น Windows 8.1 คือได้รับการต่ออายุเวลาการสนับสนุน Mainstream support จาก 12 มกราคม 2016 เป็นถึง 2018 แทน และไปถึงปี 2023 เลย สำหรับ Extended support
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows 10 | |
วันที่เปิดตัว | 29 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 1 GB. (32 Bits) / 2 GB. (64 Bits) |
ระบบปฏิบัติการ Windows 10 เป็นระบบปฏิบัติการที่ทาง Microsoft ได้ประกาศว่า จะเป็นระบบปฏิบัติการ Windows ตัวสุดท้าย (คือ อัปเดตความสามารถไปเรื่อยๆ แต่จะไม่ทำ Windows เวอร์ชันใหม่อีกแล้ว) แถมยังใจดี อนุญาตให้ผู้ใช้ Windows 7 และ Windows 8.1 สามารถอัปเดตเป็น Windows 10 ได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย
Windows 10 ถูกทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ข้อด้อยที่เกิดขึ้นใน Windows เวอร์ชันก่อนๆ ถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแทบทุกอย่างในเวอร์ชันนี้ Start Menu แบบใหม่ที่แสดงรายชื่อโปรแกรม และ Live Tiles ได้ ใช้งานได้สะดวกกว่าเดิมมาก
นอกจากนี้ ยังมีความสามารถใหม่ๆ ถูกเพิ่มเข้ามาเพียบ อย่างเช่นหน้าจอเสมือนจริง (Virtual Desktops) การอัดวิดีโอหน้าจอ (Screen Recorder) หรือแม้แต่ Windows Hello ระบบตรวจสอบความปลอดแบบ Biometric และ Cortana ผู้ช่วยแบบ Voice-assisted, Microsoft Edge เว็บเบราว์เซอร์ตัวใหม่ที่มาแทน Internet Explorer, Windows Continuum ที่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้ทำงานเหมือน PC ได้
ปัจจุบัน มีคอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊คที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 มากถึง 50.34% แล้ว สูงสุดในตลาด ส่วนอันดับ 2 คือ Windows 7 ที่ยังมีผู้ใช้อยู่ประมาณ 31.30%
ข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows 11 | |
วันที่เปิดตัว | 5 ตุลาคม ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) |
หน่วยความจำที่ต้องการ | 4 GB. (64 Bits) |
แม้ในอดีตทาง Microsoft ที่ "เหมือนจะ" เคยบอกว่าระบบปฏิบัติการ Windows 10 จะเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันสุดท้าย เพราะไม่ว่าจะอัปเดตอะไรเพิ่มอีกกี่ครั้ง Windows ก็ยังคงเป็น Windows อยู่ดี แต่หลังจากเวลาผ่านไป 6 ปี ระบบปฏิบัติการ Windows 11 ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยผู้ที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows 10 อยู่ สามารถอัปเดตได้ฟรี
ในระบบปฏิบัติการ Windows 11 มีความเปลี่ยนแปลงใหม่หลายอย่าง ที่ต่างไปจาก Windows เวอร์ชันก่อนหน้านี้ มีเมนู Start รูปแบบใหม่ที่ตัด Live tiles ออกไปแล้ว โดยมันถูกแยกออกไปเป็นพาเนล Widgets เพิ่มเข้ามาเลย, นำเอาระบบ Auto HDR และ DirectStorage ที่เคยมีอยู่ใน Xbox Series มาใส่ไว้ในตัวระบบปฏิบัติการด้วย
ในขณะที่ เว็บเบราว์เซอร์ อย่าง Internet Explorer ที่อยู่กันมาชนิดที่เรียกได้ว่า "เป็นตำนาน" ไปแล้ว ก็ได้ถูกตัดทิ้ง ใส่ Microsoft Edge เวอร์ชันที่พัฒนาด้วย Chromium มาให้ใช้งานแทน ,Microsoft Team ถูกรวมเข้ามาเป็นคุณสมบัติหนึ่งของตัว Windows เลย และที่ขาดไปไม่ได้เลย คือ ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันของ Android เพื่อใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Windows 11 ได้โดยตรง ไม่ต้องใช้อีมูเลเตอร์ช่วยในการเล่นเหมือนในอดีต
ข้อมูลเพิ่มเติม : ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเกลียดเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer (IE) ?
ความต้องการด้านฮาร์ดแวร์ของระบบปฏิบัติการ Windows 11 เป็นอีกสิ่งที่ต่างไปจากความต้องการของระบบปฏิบัติการ Windows 10 ค่อนข้างมาก โดย Windows 11 สามารถใช้งานได้กับระบบแบบ 64 บิต เท่านั้น ถือเป็น Windows สำหรับผู้ใช้ทั่วไปเวอร์ชันแรก ที่ไม่รองรับ CPU แบบ 32 บิต และซอฟต์แวร์แบบ 16 บิต ในส่วนของ BIOS แบบ Legacy ก็ยกเลิกการสนับสนุน บังคับให้ใช้งานได้บน UEFI ที่มี Secure Boot และ Trusted Platform Module (TPM) 2.0 เท่านั้น
แล้วคุณผู้อ่านละ ใช้ Windows เวอร์ชันไหนกันอยู่ครับ ?
ความคิดเห็นที่ 10
30 มีนาคม 2564 22:17:59
|
||
มี windows server 2019 ด้วย
|
||
ความคิดเห็นที่ 9
23 ธันวาคม 2557 20:14:14
|
||
GUEST |
dosze
Dos
|
|
ความคิดเห็นที่ 8
16 กันยายน 2556 20:37:41
|
||
GUEST |
MS lnw
ข้อมูลผิดหลายจุดเลยทาง Microsoft เค้าปรับปรุงเรื่องสิทธิการใช้งานใหม่แล้ว |
|
ความคิดเห็นที่ 7
3 กันยายน 2556 16:27:53
|
||
GUEST |
อรรถพล
Order 1309030964 , 1309035933สั่งซื้อไป 2 ชุด ขอทราบวิธีการลงแบบ clean install ทาง email ด้วยครับ atapon98@hotmail.com |
|
ความคิดเห็นที่ 6
20 มิถุนายน 2556 20:16:54
|
||
GUEST |
tatom
ขอราคาด้วยคับ
|
|
ความคิดเห็นที่ 5
17 เมษายน 2556 12:28:24
|
||
อยากทราบราคาในแต่ละประเภท
|
||
ความคิดเห็นที่ 4
5 กุมภาพันธ์ 2556 09:18:32
|
||
GUEST |
Muay
แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้ Windows 8 แบบ FPP มีจำหน่ายมั้ยคะ เท่าที่ไปหาตามร้านเค้าบอกว่ายังไม่มีออกมาขายเลย ไม่ทราบว่าพอจะมีตัวแทนจำหน่ายที่มีสินค้า แบบ FPP จำหน่าย แนะนำมั้ยคะ ขอบคุณมากค่ะ |
|
ความคิดเห็นที่ 3
13 มกราคม 2556 12:02:51
|
||
GUEST |
กระตุย
Windows8 OEM สามารถย้ายเครื่องได้ครับสอบถามมาจาก https://www.facebook.com/windows แล้ว |
|
ความคิดเห็นที่ 2
31 ตุลาคม 2555 00:14:15
|
||
GUEST |
Top
>> 1 กล่อง ต่อ 1 License แต่แตกต่างกับ OEM คือ สามารถย้ายเครื่องไปลงที่เครื่องอื่นได้นั่นเองสงสัยตรงนี้ครับ ก็คือว่า ถ้า CPU หรือ Mainboard เสีย เราก็สามารถใช้ชุดเดิมลงในเครื่องใหม่ได้ หรือเลิกใช้เครื่องเก่า ไปซื้อคอมเครื่องใหม่มา ก็ยังสามารถลงชุดเดิมได้... แต่ไม่สามารถใช้งาน สองเครื่อง ที่ลงจาก License เดียวกัน พร้อมๆ กันได้ ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ? |
|
ความคิดเห็นที่ 1
8 สิงหาคม 2553 19:06:21
|
||
GUEST |
wochai
ใช้ขถูกลิขสิทธิ์สบายใจกว่าครับผม แต่ราคายังแพงอยู่ครับส่วนใหญ่ยังใช้ของผีอยู่นะครับ
|
|