วางแผนทริปเที่ยวด้วยตนเองผ่าน TripIt

วางแผนทริปเที่ยวด้วยตนเองผ่าน TripIt

การวางแผนการเดินทาง หลายคนใช้เวลาศึกษาข้อมูล และวางแผนจัดทริป ร่วม 2 - 3 เดือน บางคนใช้เวลาจัดทริป วางแผนไว้นานมากๆ 6 - 9 เดือน หรืออาจจะ 1 ปี กันเลยทีเดียว

TripIt เป็นบริการวางแผนการท่องเที่ยว ตั้งแต่หาเที่ยวบิน มีแผนสำรองในการเที่ยวหลายแผน มีการส่ง Real-Time Alerts ไม่พลาดเที่ยวบิน แนะนำตำแหน่งที่นั่งบนเครื่องบิน เรียกได้ว่าเป็นคู่หูของนักท่องเที่ยว

TripIt ใช้บริการได้บนสมาร์ทโฟน / แท็บเล็ต iOS https://itunes.apple.com/us/app/tripit-travel-organizer/id311035142?mt=8 และ Android https://play.google.com/store/apps/details?id=com.tripit&hl=en หรือ บนเว็บไซต์ ผ่าน Browser https://www.tripit.com และบน Windows Store https://www.microsoft.com/en-us/store/p/tripit/9wzdncrcx36h

บริการ TripIt มีทั้งรุ่น ฟรี และ รุ่นโปร แต่มีให้ทดลองใช้ 30 วันฟรี ราคาต่อปีคือ 49 เหรียญ จุดเด่นของรุ่น Pro คือมี Real-Time Flight Alerts หลายๆ คนเคยตกเครื่องเพราะดูเวลาขึ้นเครื่องผิด การแจ้งเตือน ช่วยให้เราไม่พลาดเที่ยวบิน

TripIt ล็อกอินเข้าใช้งานผ่าน Facebook, Google Account, Yahoo! ผมล็อกอินผ่าน Facebook

สารภาพว่าตัวผู้เขียนไม่เคยใช้บริการนี้เลย ปกติเที่ยวบิน โรงแรม ภรรยาจัดการให้ทุกอย่าง แล้วเราก็ขออนุมัติวันลางานไปเที่ยว อย่างมากก็ลงใน Google Calendar ไว้เพื่อย้ำเตือนตัวเองไม่ให้พลาดเที่ยวบิน

หลักการของ TripIt ก็คือ ใช้อีเมลจองเป็นตัวสร้างแผนการเดินทาง ขึ้นรถ รถไฟ เรือ เครื่องบิน เอากำหนดการจองที่ได้รับการยืนยันทางอีเมล มาสร้างแผนการเดินทาง ดังนั้น อะไรที่ไม่ได้จองออนไลน์ ก็จะไม่มีอีเมลยืนยันมาให้เราสร้างแผนการเดินทาง บริการนี้จึงเหมาะกับคนออนไลน์แบบสุดติ่ง

ตอนนี้ เรามีการจองตั๋วเครื่องบิน เรือ เช่ารถ ที่พัก ผ่านออนไลน์ พอได้รับอีเมลยืนยัน เราก็ Forward อีเมลที่เราได้จากสายการบิน โรงแรม ไปที่อีเมลของ TripIt คือ plans@tripit.com โดย TripIt จะสร้างรายละเอียดแผนการเดินทางให้เราโดยใช้ข้อมูลจากอีเมลนั่นแหล่ะครับ

หรือถ้ามีทริปบ่อยๆ ก็ใช้วิธีเลือกกำหนดให้ TripIt นำข้อมูลจาก Gmail, Google Apps, Outlook.com หรือ Yahoo! มาใช้ได้โดยไม่ต้อง Forward อีเมลเลย (แต่เข้าไปตรวจสอบความถูกต้องหน่อยก็ดี)

ผมเคยเห็นผู้บริหารหลายท่าน ใช้บริการนี้ เพราะถ้าคุณมีเลขา ช่วยจัดการการจองตั๋วเครื่องบินให้ แล้ว Forward ทุกอย่างไว้ในอีเมล TripIt จะดึงอีเมลของเรามาสร้างแผนการเดินทางให้โดยอัตโนมัติ (แต่เลขาก็เตือนอีกรอบแล้วกัน) นอกจากนี้ ใครที่ยุ่งมากๆ TripIt มีการ Sync กับปฏิทินส่วนตัวของคุณ ทริปไม่ล่มแน่ เพราะจัดการดี

ส่วนรุ่นโปร TripIt Pro ก็จะมีบริการพรีเมี่ยม เงินที่จ่ายไปต่อปี คุ้มกว่าตกเครื่องแล้วซื้อตั๋วใหม่เสียอีก แต่ถ้าอยากเที่ยวต่อ ก็ช่วยแนะนำไฟลต์เที่ยวบินสำรองให้เป็นทางเลือก

Forward อีเมลยืนยัน การจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก

ลองทดสอบการ Forward อีเมลจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก ที่ภรรยาผมจัดการให้ Forward มาให้ผมอีกที

เมื่อเรา Forward อีเมลยืนยันการจองโรงแรม ที่พัก ระบบจัดการดึงข้อมูลการเข้าพักมาแสดงได้อย่างถูกต้อง (แม้ Forward มา ก็ยังย้ำเตือนให้เก็บอีเมลต้นฉบับแล้วสั่งพิมพ์ออกมา) 

ถ้ามีอีเมลตั๋วเครื่องบิน ก็ทำแบบเดียวกัน จากหน้าจอ จะเห็นว่าดึงข้อมูลมาได้ครบถ้วน

สำหรับผม ในการเดินทางต่างประเทศ ขอแค่ วันเวลาที่เดินทางไป กลับ ที่พัก นอกนั้น เรื่องเที่ยว ผมเดินทางรถไฟฟ้า - รถไฟฟ้าใต้ดินอยู่แล้ว คือวางแผนไว้คร่าวๆ ว่าจะไปที่ไหน แล้วค่อยลุยเดี่ยวกันอีกที (อันนี้สำหรับผมนะ)

ข้อจำกัดของการอ่านอีเมลที่ Forward หรือ Import มา

ระบบของ TripIt มีข้อจำกัดคือ รองรับอ่านอีเมลยืนยันเป็นภาษาอังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เท่านั้น ไม่รองรับภาษาไทย ดังนั้นการจองตั๋วเครื่องบินทั่วไป ถึงอีเมลเป็นภาษาไทย แต่ระบบดึงเลข Flight เป็นภาษาอังกฤษ ตัวเลข ใช้งานได้ไม่มีปัญหา ตามด้านบน แต่โปรแกรมทัวร์ภาษาไทย ถ้าทัวร์ Forward หรือส่งมาเป็นภาษาไทย นี่มีปัญหาครับ (แต่ถ้ามีทัวร์ดูแล เราก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องการวางแผนทริปด้วยตนเองสักเท่าไหรหรอกนะครับ)

พวก จดหมายเชิญเข้าร่วมประชุมอะไรเนี่ย TripIt อ่านไม่ได้นะครับ อันนี้วางแผนกันเอาเอง 

ถ้าหากว่ามีไฟล์แนบหลายไฟล์ เช่น PDF หลายไฟล์ ระบบอ่านได้เฉพาะไฟล์แนบไฟล์แรกเท่านั้น

ดังนั้น ผลที่ได้ก็คือ กลายเป็นข้อมูลการเดินทางมาอยู่ในช่อง Unfiled เพราะระบบดึงอีเมลที่มีไฟล์แนบแจ้งรายละเอียดเป็นภาษาไทยไม่ได้

นอกจากการ Forward อีเมลยืนยันจากการจอง และการ Import จากอีเมลแล้ว ยังสามารถเพิ่มทริปได้เองแบบ Manual อีกด้วย

จากการทดลองใช้งาน พบว่าใช้งานง่าย ยิ่งใครมีคนจัดการการจองตั๋วให้ แค่ตั้งให้ Import อีเมล ก็ไม่พลาดทุกทริป แต่อย่างน้อย 3 วันก่อนออกเดินทาง ควรจะตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง เพราะยังไงการสร้างแผนการท่องเที่ยวจากอีเมลก็เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นที่ดึงมาจากการจองเท่านั้น การนัดหมาย การเตรียมตัว การเข้าประชุม การไปงานสัมมนาต่างๆ การสั่งพิมพ์เอกสารเพื่อเอาไว้ยื่นให้ ตม.หรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบหากมีข้อสงสัย ตรงนั้นถ้าไปถึงที่สนามบิน บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง อาจจะไม่มีอินเทอร์เน็ตให้ใช้ ดังนั้นแนะนำให้ print out ทุกอีเมลการจองไว้เป็นกระดาษเผื่อ หรือเผลอๆ ติด ตม. แยกกับเพื่อน หรือคนพาเที่ยว ก็ยังมีหลักฐานแสดงตนครับ

เทียบกับ Google Trips

ทาง Thaiware เคยรีวิวไว้ที่ https://review.thaiware.com/1070.html โดยบริการ Google Trips เป็นของ Google ที่ดึงข้อมูลการท่องเที่ยวของเรามาแสดง ทั้งการเช็กอิน Location การค้นหา Maps การจองตั๋วเครื่องบิน

ข้อดีคือการดึงข้อมูลการท่องเที่ยว การเดินทางของเรามาทั้งหมด แต่จากการใช้งาน พบว่ามีบางทริปก็ไม่ได้ดึงข้อมูลมาแสดง

ข้อดีของความครบครัน ข้อมูลการเดินทางจาก Google Trips เป็นบริการจาก Google ทำให้มีข้อมูลการเดินทางทั้งสถานที่น่าสนใจ อาหาร เครื่องดื่ม สถานที่ท่องเที่ยว สิ่งที่ควรทราบ เรียกว่าแอปฯ​ เดียวรู้ทุกเรื่อง

ถ้าในแง่ของการวางแผนทริป Google Trips มีข้อมูลการท่องเที่ยวมาให้ครบ ส่วน TripIt ศึกษาข้อมูล วางแผนเที่ยวเองแล้วนำข้อมูลมาใส่บน TripIt เพื่อทำแผนการเดินทาง ผมแนะนำให้ใช้ทั้ง 2 เครื่องมือ โดยศึกษาจาก Google Trips ดูสถานที่ที่อยากไป หาข้อมูลให้แน่นๆ แล้วนำไปวางแผนบน TripIt ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ

ถามว่า จริงๆ จำเป็นไหมที่จะต้องใช้แอปพลิเคชันวางแผนการท่องเที่ยว สิ่งสำคัญที่สุดในทริปก็คือกำหนดการเที่ยวบิน ที่พักยังพอว่า แต่เที่ยวบินนี่พลาดแล้ว พลาดเลย พลาดหนักก็ต้องเสียเงินจองตั๋วใหม่ ทำให้การวางแผนการเดินทางแต่ละครั้ง แม้จะวางแผนไว้ดีแล้ว ลงข้อมูลในแอปฯ ไว้เรียบร้อย พรินต์ออกมาแล้ว ก็ควรตรวจสอบ 36 ชั่วโมง หรือ 3 วันก่อนถึงวันเดินทาง ตรวจสอบเวลาให้ดีว่าเป็นวันไหน การอ่านเวลา AM PM วันที่หลังเที่ยงคืน ต้องรอบคอบมากๆ ครับ

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ ที่ช่วยในการวางแผนการท่องเที่ยว การเดินทาง ที่แม้จะมีเครื่องมือให้ แต่เราก็ต้องรอบคอบมากๆ เรื่องเที่ยวบิน ไม่เหมือนรถทัวร์ รถไฟ ที่ยังพอซื้อตั๋วใหม่ได้ในราคาไม่แพงนัก และการวางแผนที่ดี ทำให้เราสนุกและเพลิดเพลินกับทริปในฝันของเราครับ