iPhone X กับ Galaxy S9 สมาร์ทโฟนรุ่นไหน มีระบบรักษาความปลอดภัยดีกว่ากัน?

มือถือทุกวันนี้ไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์สำหรับโทรออกรับสาย และส่งข้อความเท่านั้น มันกลายเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้ทำงานได้เกือบทุกอย่าง ข้อมูลของเราไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน, ส่วนตัว หรือแม้แต่ข้อมูลธนาคารของเรา ได้ถูก "กระทำ" ผ่านมือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์เสียด้วยซ้ำ ดังนั้นระบบรักษาความปลอดภัยของมือถือจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก 

บทความนี้เราจะมาเทียบกันว่า iPhone X เรือธงของ Apple กับ Galaxy S9 เรือธงของ Samsung ค่ายไหนจะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่ากัน

7 ข้อสังเกต ที่เราจะนำมาใช้เป็นเกณฑ์ตัดสิน

1. Encryption (การเข้ารหัสลับ) : หากไม่มีการเข้ารหัสข้อมูล Encryption แล้ว ใครก็ตามที่ได้มือถือของเราไป สามารถที่จะ "ล้วง" หรือ "แกะ" ข้อมูลของเราไปดูได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเขาจะไม่มีรหัสผ่านก็ตาม
2. App blocking (ปิดกั้นแอปฯ) : คือ ความสามารถในการป้องกันการทำงานของแอปฯ ที่มีจุดประสงค์แอบแฝง โดยความสามารถที่สำคัญ คือ ช่วยให้เราป้องกันแอปฯ ไม่ให้ทำเกินหน้าที่ เช่น เป็นแอปฯ แต่งรูป แต่ต้องการเข้าถึงข้อมูลในสมุดรายชื่อผู้ติดต่อ หรือเข้าเว็บ เป็นต้น ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ คุณสมบัตินี้มักจะช่วยลดปริมาณการใช้งาน Data เพื่อลดค่าใช้จ่ายได้เยอะอย่างไม่น่าเชื่อด้วย
3. Biometric security (ระบบรักษาความปลอดภัยแบบชีวภาพ) : มีบางคนได้ระบุว่าระบบ Face ID ของ Apple นั้นมีช่องโหว่อยู่ มีบางรายงานที่ระบุว่ามีบางคนสามารถปลดล็อกเครื่องของคนอื่นได้ ทั้งๆ ที่ใบหน้าไม่ได้ถูกลงทะเบียนเอาไว้ แล้วสรุปเทคโนโลยีนี้ดีหรือแย่ว่าระบบสแกนลายนิ้วมือกันแน่
4. Password-protected folder : พื้นที่เก็บไฟล์ที่มีการใส่รหัสผ่านเอาไว้ เป็นอีกหนึ่งแนวป้องกัน ที่ต่อให้ผู้โจมตีรู้ PIN ปลดล็อกเข้าเครื่องเราได้ก็จะต้องหาทางเจาะรหัสอีกครั้งหนึ่ง
5. Multi-user support (รองรับการใช้งานหลาย User) : หากคุณเป็นคนที่ใช้อุปกรณ์ทั้งในด้านการทำงาน และด้านส่วนตัว การรองรับหลาย User profiles เพื่อแยก Sandboxed เก็บไฟล์ได้ จะมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
6. Automatic data wipe (ล้างข้อมูลเครื่องอัตโนมัติ) : มือถือหายเป็นปัญหาที่ไม่มีคนอยากประสบ แต่บางครั้งมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการจะตามคืนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่อย่างน้อยเราควรจะมีวิธีลบข้อมูลในเครื่องที่หายไปจากระยะไกลได้
7. Native password manager : ระบบจัดการกับรหัสผ่านของแอปฯ ต่าง ที่ช่วยให้เราไม่ต้องจำรหัสทุกชุดที่เราตั้งเอาไว้

Encryption 

ผล : เสมอ

ทั้ง iPhone X และ Galaxy 9 ต่างมีระบบเข้ารหัสไฟล์ (Encryption) แบบ AES 256-bit แต่ก็ต้องเปิดใช้งานก่อนด้วยนะครับ

วิธีเปิดใช้งาน Encryption บน iPhone

• เปิดแอปฯ Settings
• เข้า Face ID และ Passcode (หรือ Touch ID and Passcode)
• แตะ Turn Passcode On
• เลือกสร้างรหัสผ่านแบบ Custom Alphanumeric Code

สามารถเช็คได้ว่าข้อมูลของเราถูกเข้ารหัสแล้วหรือยังได้ด้วยการเลื่อนลงมาด้านล่างสุดในหน้า Face ID และ Passcode

วิธีเปิดใช้งาน Encryption บน Android

• เปิดแอปฯ Settings
• เข้า Security
• เลื่อนหา Encrypt Device
• อ่านข้อตกลงแล้วแตะเพื่อเปิดใช้งาน

บน Android หลังจากแตะเปิดใช้งาน เครื่องจะมีการประมวลผลเพื่อเข้ารหัสนานพอสมควร อาจะนานถึง 1 ชั่วโมง และระหว่างนั้นเครื่องจะมีการรีสตาร์ทหลายรอบด้วย

App Blocking

ผล : iPhone X ชนะ

ในการปิดกั้นไม่ให้แอปฯ ที่ต้องการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ เท่าที่เราทดลองดู iOS ทำได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถปิดการเชื่อมต่อได้อย่างถาวร มันปิดได้แค่เวลาเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายมือถือเท่านั้น หากเราเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ข้อมูลจะถูกส่งออกได้ตามปกติ

บน Samsung เราไม่เจอตัวเลือกในการปิดกั้นอินเทอร์เน็ตให้แอปฯ ได้ (อย่างไรก็ตาม เราพบว่า Huawei สามารถปิดได้นะ แถมยังเลือกปิดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ว่าจะปิดแค่ Cellular หรือจะปิด Wi-Fi หรือจะปิดทั้งคู่เลยก็ได้

Biometric Security

ผล : iPhone X ชนะ

Galaxy S8 นำเสนอการปลดล็อกด้วยใบหน้าในเดือนมีนาคม 2017 แต่ Apple ได้แก้เกมส์ด้วยการเปิดตัว iPhone X ในปีถัดมา ซึ่ง Apple มั่นใจในระบบรักษาความปลอดภัยนี้ถึงขั้นอนุญาตให้ใช้เป็นรหัสผ่านในการทำธุรกรรมทางการเงินได้ แต่ในส่วนของ S9 ยังไม่สามารถทำได้

ซึ่งจุดนี้ Apple เคลมว่า โอกาสที่จะสุ่มเจอคนที่สามารถปลดล็อก iPhone X ด้วย Face ID ได้มีโอกาส 1 ในล้าน แต่ Touch ID มีถึง 1 ในห้าหมื่น

และในส่วนของการหลอกสแกนด้วยรูปถ่าย หรือลายนิ้วมือปลอม Face ID ทำได้ยากกว่า Touch ID ด้วย

Password-Protected Folder

ผล : Galaxy S9 ชนะ 

Galaxy S9 จาก Samsung นั้น มีระบบโฟลเดอร์เข้ารหัสมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ของตัวเครื่องเลย โดยโฟลเดอร์ดังกล่าวสามารถใช้ในการเก็บไฟล์, รูป, วิดีโอ หรือเอกสาร ไว้ในพื้นที่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัย

นอกจากนี้ ตัวโฟลเดอร์นี้ยังสามารถซ่อนตัวจากแอปฯ และหน้า Home screen ได้ด้วย ทำให้การค้นหาโฟลเดอร์ดังกล่าวแบบทั่วไปทำได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก

วิธีเปิดใช้งาน Secure Folder บน Galaxy S9

1. เปิดแอปฯ Settings
2. เลือก Lock screen and security
3. เลื่อนหา Secure Folder
4. ใส่บัญชี Samsung account credentials
5. เลือกระบบล็อกโฟลเดอร์ที่ต้องการ

วิธีซ่อน Secure Folder บน Galaxy S9

1. เปิดแอปฯ Settings
2. เลือก Lock screen and security
3. เลื่อนหา Secure Folder
4. เลือก Hide Secure Folder
5. เลือก OK

Multi-User Support

ผล : Galaxy S9 ชนะ 

Multi-User Support เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญของระบบรักษาความปลอดภัย มันช่วยในเรื่องความปลอดภัยหลายๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น หากลูกของคุณชอบมาขอเล่นมือถือของคุณเป็นประจำ เด็กอาจจะมาซนกับค่าต่างๆ ในเครื่องของคุณ หรือลบข้อมูลสำคัญของคุณไป

ซึ่ง Multi-User Support  จะเข้ามาแยกบัญชีผู้ใช้ออกจากกัน เด็กจะซนขนาดไหนก็จะถูก "จำกัด" ในพื้นที่ของเขาเท่านั้นเอง แล้วมันยังช่วยให้เราแยกพื้นที่การทำงาน กับพื้นที่ส่วนตัวออกจากกันได้อย่างอิสระ โดยที่เราไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลส่วนตัวของเราจะหลุดไปยังส่วนของงาน

นอกจากนี้ Android ยังมีตัวเลือกในการสร้าง Guest account ด้วย ซึ่งทาง iOS ยังไม่มีตัวเลือกนี้

Automatic Data Wipe

ผล : iPhone X ชนะ

อันที่จริง ทั้ง iOS และ Android ต่างมีฟีเจอร์ล็อกเครื่อง หรือลบข้อมูลในเครื่องได้แบบ Remote ผ่านอินเทอร์เน็ต มันเป็นคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมในการป้องกันจากโจร แต่เราจะต้องตั้งค่าการใช้งาน Find My Device หรือ Find My iPhone ก่อนด้วย ถึงจะใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวได้

หากเราไม่ได้ตั้งค่าดังกล่าวไว้ใน Android Device Manager แล้วทำมันหายไป แฮกเกอร์สามารถที่จะใช้วิธี Brute force ในการหารหัสผ่านปลดล็อกเครื่องได้

ซึ่งใน iOS มีตัวเลือกด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดกว่า โดยปกติแล้ว มันจะปิดตัวเองลง และบังคับให้คุณเชื่อมต่อกับ iTunes หลังจากกใส่รหัสพลาดครบ 10 ครั้ง แต่เรายังสามารถสร้างกฏที่เข้มงวดกว่าเดิมได้อีก โดยให้ข้อมูลในเครื่องถูกลบทั้งหมดได้หากมีการใส่รหัสพลาดครบ 10 ครั้ง

วิธีตั้งค่า Automatic Data Wipe

• เปิดแอปฯ Settings
• เข้า Face ID และ Passcode (หรือ Touch ID and Passcode)
• เลือก Erase Data เป็น On

Built-In Password Manager

ผล : เสมอ

ไม่ว่าจะเป็น iPhone X หรือ Galaxy S9 ต่างก็มีตัวจัดการกับรหัสผ่าน (Password manager) ของตนเอง บน iPhone เรียกว่า iCloud Keychain ส่วน Galaxy จะเรียกว่า Samsung Pass

ทั้งคู่จะมีการเข้ารหัสข้อมูลเก็บเอาไว้ และจะเติมข้อมูลให้อัตโนมัติเมื่อมีบริการที่ต้องใส่รหัสผ่าน จุดนี้ iPhone X ได้เปรียบกว่าเล็กน้อยตรงที่ ข้อมูลใน Keychain จะ Sync กับอุปกรณ์ทุกตัวของ Apple นั่นหมายความว่าเราสามารถใช้แอปฯ นี้ทำงานร่วมกับรหัสผ่านบน Mac หรือแอปฯ ต่างๆ ในเครื่องอื่นได้ด้วย

ในขณะที่ Samsung Pass ทำงานได้แค่บนอุปกรณ์ Samsung และ Samsung internet browser เท่านั้น

สรุปแล้ว ใครดีกว่ากัน?

ในความเห็นส่วนตัวแล้ว เราคิดว่า iPhone X ชนะไปฉิวเฉียด (ถ้าให้เป็นคะแนนก็ 9.5 ต่อ 10) จากระบบ Automatic data wipe และ Biometric ID security ที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันเฉียบกว่า ในขณะที่ S9 ก็ได้เรื่อง Password-Protected Folder

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายปัจจัยที่มีความสำคัญต่อระบบปลอดภัย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละคนด้วย ก็เลือกรุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราครับ เช่น หากมือถือเครื่องเดียวใช้หลายคน Multi-User Support ของ S9 ก็มีประโยชน์มากกว่า