ซื้อการ์ดจอใหม่ จะเลือก AMD Radeon RX 5700 XT หรือ Nvidia GeForce RTX 2070 Super ดี?

RX 5700 XT กับ RTX 2070 Super เลือกอะไรดี

ต้องบอกเลยว่าทิปส์นี้มาจากประสบการณ์ส่วนตัวโดยตรงของผมเอง หลังจากใช้ GTX 1060 6GB มาหลายปี ก็รู้สึกว่ามันเริ่มไม่ตอบโจทย์เกมใหม่ๆ ในปัจจุบันที่ผมต้องการเล่นแล้ว อย่างเช่น Monster Hunter World หลายๆ ฉาก FPS ก็ร่วงลงไปต่ำกว่า 50 ทำให้เสียอรรถรสในการเล่นเป็นอย่างมาก

เดิมทีการ์ดจอที่ผมเล็งไว้จะเป็น AMD Radeon RX 5700 XT จากค่ายแดงแต่ในระหว่างที่กำลังเก็บเงินอยู่นั้น Nvidia GeForce RTX 2070 Super ก็เริ่มวางจำหน่ายแล้ว ซึ่งสเปคต้องบอกว่าใกล้เคียงกันมาก แต่ราคาของค่ายเขียว Nvidia จะแพงกว่านิดหน่อย (ต่างกันประมาณสองพันเท่านั้น) ทำให้เกิดความลังเลว่า จะเพิ่มเงินอีกนิดเล่นค่ายเขียวเหมือนเดิมดีไหมนะ หรือจะเอาค่ายแดงที่ส่วนตัวดูแล้วคุ้มราคามาก

เป็นเหตุให้ผมต้องไปไล่ค้นข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง เพื่อหาคำตอบว่าส่วนต่างของการ์ดจอสองรุ่นนี้ที่ห่างกันประมาณ 2,000-3,000 บาท เนี่ย จะคุ้มค่าไหม หากอยากจะจ่ายเพิ่ม ก็คิดว่าข้อมูลในส่วนนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านที่กำลังสนใจการ์ดจอทั้งสองรุ่นนี้อยู่ด้วย เลยตัดสินใจเขียนออกมาเป็นบทความนี้ เชิญอ่านกันได้เลย

อ้างอิง ราคา ณ วันที่ 31/7/2562 (จากยี่ห้อที่ราคาต่ำสุดที่เราหาได้)

• RX 5700 XT ราคา 14,000 บาท
• RTX 2070 Super ราคา 17,500 บาท

ว่าด้วยเรื่องของสเปคกันก่อน

จากตารางด้านล่างจะเห็นว่า แม้จำนวนทรานซิสเตอร์ของ RX 5700 XT จะมีจำนวนน้อยกว่า RTX 2070 Super อยู่ถึง 3.3 ล้าน แต่ค่า Stream Processor ก็ทำได้ 2,560 เท่ากันกับ RTX 2070 Super แต่อย่าลืมว่าค่าย Nvidia จะนับค่านี้ในแพลตฟอร์ม CUDA Cores (ตามทฤษฏีแล้ว หากค่านี้เท่ากัน CUDA Cores จะรีด Fps ในเกมออกมาได้ดีกว่า Stream Processor) ซึ่งก็ต้องไปวัดกันด้วยวิธี Benchmark อีกที

ด้านความเร็วของสัญญาณนาฬิกา ค่า Base เริ่มต้นเท่ากันที่ 1,605MHz แต่ค่า Boost  ตัว RX 5700 XT จะอยู่ 1,905MHz ส่วน RTX 2070 Super อยู่ที่ 1,770MHz ต่างกันเพียง 135MHz

ค่าอื่นๆ ที่เหลือค่อนข้างใกล้เคียงกัน มี Video Memory 8GB DDR6 เท่ากัน ใช้ Memory Interface แบบ 256-bit และมี Bandwidth 448GBps เท่ากันด้วย

ผล Benchmark

แม้สเปคจะใกล้เคียงกัน แต่ผล Benchmark ด้วยโปรแกรม 3DMark คะแนนห่างกันพอสมควรนะ (ตัวเลขยิ่งมากยิ่งดี)

แต่ในส่วนของการทดสอบด้วยการเล่นเกม ผลกลับออกมาน่าสนใจมากทีเดียว โดยเราจะแยกคะแนนจากเล่นที่ความละเอียด Full HD (1,920x1,080) ที่คนส่วนใหญ่นิยมเล่นกัน, 2K (2,560x1,440) และ 4K (3,840x2,160) 

กราฟด้านล่างนี้ จะเป็นการเทียบค่าเฉลี่ย Fps ในเกม ของการ์ดจอ RTX 2070 (แท่งสีเขียว), RX 5700 XT (แท่งสีแดง) และ RTX 2070 Super (แท่งสีเหลือง)

เล่นเกมที่ความละเอียด Full HD 1,920x1,080

เริ่มกันที่การเล่นบนความละเอียด Full HD 1,920x1,080 กันก่อน จะเห็นได้ว่า แม้ RX5700 XT จะมีราคาต่ำกว่า แต่ค่า fps ที่รีดออกมาได้ก็สู้ได้อย่างสูสีกับ RTX 2070 Super ที่มีค่าตัวแพงกว่าได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ สามารถเล่นเกมที่ 60fps+ ได้ทุกเกมอย่างสบายๆ มีแค่เกม Assassin’s Creed Odyssey ที่ทำค่าเฉลี่ยได้แค่ 57fps แต่ที่น่าแปลกใจ คือ เกม Forza Horizon 4 การ์ดจอจากค่ายแดงรีด Fps ได้ทิ้งห่างมากพอสมควรเลย

จอคอมโดยทั่วไปที่ไม่ใช่จอเกมมิ่ง ปกติก็จะมีค่าความละเอียด และค่ารีเฟรชเรทอยู่ที่ 1920 x 1080 @60Hz อยู่แล้ว หากคุณใช้จอแบบนี้อยู่ และไม่คิดที่จะขยับไปใช้จอเฟรมเรทสูงแล้วล่ะก็ การ์ดจอ RX 5700 XT เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า RTX 2070 Super มากทีเดียว เอาเงินส่วนต่างไปซื้อแรมเพิ่มน่าจะช่วยให้ประสิทธิภาพของระบบโดยรวมให้ดีขึ้นได้ด้วย

เล่นเกมที่ความละเอียด 2K 2,560x1,440

สำหรับคนที่ใช้จอ 2K ก็คงต้องการเล่นเกมที่ความละเอียด 2K การ์ดจอทั้งสองรุ่นนี้ก็ยังคงสามารถเล่นได้ที่ 60fps อยู่ดี อย่างไรก็ตาม มีหลายๆ เกมที่ RX 5700 XT ทำได้ไม่ถึง 60fps (แค่เฉียดๆ) แต่อย่าลืมว่าเราทดสอบที่การตั้งค่าเกมแบบ Ultra settings อยู่ หากปรับบางค่าลงมาเป็น High ก็สามารถทำทะลุ 60fps ได้แน่ๆ

ทั้งนี้เกมที่ผลทดสอบออกมาแล้วพบว่าประสิทธิภาพห่างจาก RTX 2070 Super คือ Tomb Raider, Total War, Final Fantasy XV และ The Witcher III ที่ fps ต่ำกว่าพอสมควร แต่สำหรับเกม Forza Horizon 4 ค่ายแดงยังคงทำคะแนนทิ้งห่างเหมือนเดิม

เล่นเกมที่ความละเอียด 4K 3,840x2,160

อันที่จริงการ์ดจอทั้ง 2 รุ่นนี้ ไม่ได้ทำมาเพื่อการเล่นเกมระดับ 4K แต่มันก็พอจะเล่นได้นะ แต่ต้องปรับ Settings ลงมาที่ระดับปานกลาง (Medium)

ซึ่งดูจากกราฟแล้ว ต้องยอมรับว่า ที่ความละเอียด 4K นั้น RTX 2070 Super ทำได้ดีกว่ามากในหลายๆ เกม บางเกม RTX 2070 ทำได้ดีกว่าเสียด้วยซ้ำ หากคุณอยากลองสัมผัสกับความละเอียด 4K ล่ะก็ ผมว่าการจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเอา RTX 2070 Super น่าจะเป็นการตัดสินใจที่น่าจะดีที่สุด

ในภาพรวมแล้ว "ส่วนใหญ่" ค่าเฉลี่ยที่ได้ Radeon RX 5700 XT จะรีด fps ได้ตามหลัง RTX 2070 Super อยู่ประมาณ 10-20% (ขอย้ำอีกทีว่าส่วนใหญ่ บางเกม Radeon RX 5700 XT ก็ทำได้ดีกว่า) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเล่นที่ความละเอียด 2K และ 4K แต่สำหรับผู้เล่น Full HD มันก็ทำได้ดีอย่างเหลือเฟือ อย่าลืมว่าค่าตัวของการ์ดมันห่างกันอยู่ 3,000 บาท สำหรับบางคนแล้ว การนำเงินส่วนต่างไปเพิ่ม "แรม" อาจจะเป็นการใช้เงินที่คุ้มค่ากว่า

ซอฟต์แวร์ล่ะ?

นอกจากฮาร์ดแวร์แล้ว ตัวซอฟต์แวร์ของการ์ดจอก้เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน และการรีด fps ของเกมออกมาด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งสองค่ายต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันด้วยในด้านนี้

ต้องบอกคุณผู้อ่านก่อนเลยว่า Anti-aliasing (เทคโนโลยีลดรอยหยักของภาพ) เนี่ย เป็นส่วนที่กินทรัพยากรของการ์ดขอค่อนข้างสูงมาก ยิ่งต้องการลดรอยหยักมากเท่าไหร่ การ์ดจอก็ยิ่งต้องแรงตามมากเท่านั้นด้วย ไม่งั้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของการ์ดจอเยอะมาก เราจะเจออาการกระตุกขึ้นมาทันที

ทางค่ายเขียว Nvidia นั้นใช้เทคโนโลยี Deep Learning Super Sampling (DLSS) ที่มีเป้าหมายในการลดรอยหยักของภาพโดยที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำงานโดยใช้ Nvidia neural-net AI ในการประมวลผล ด้วย Tensor Core ที่มีอยู่ในการ์ดจอตระกูล RTX เท่านั้น แต่มันมีข้อเสียอยู่ คือ ณ ตอนนี้ (31/7/2562) มีเกมที่รองรับการทำงานของ DLSS อยู่น้อยมาก ประมาณ 50 เกม เท่านั้น

มาดูทางค่ายแดงกันบ้าง AMD ใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า Radeon Image Sharpening (RIS) ทำงานในระดับ graphical API ทำให้ภาพทั้งหมดที่ผ่านการประมวลผลด้วยการ์ดจอออกมาดูสวยงาม คมชัดขึ้น โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานมากนัก รองรับการทำงานกับ DirectX 9, 10, 10+, และ 12 (ไม่รองรับ DirectX 11 ณ ตอนนี้) ข้อดีของมันคือ มีเกมที่รองรับเทคโนโลยี RIS เยอะมาก

ส่วนเทคโนโลยีไหนจะดีกว่ากัน ตัวผมเองคงตอบไม่ได้ ขออ้างอิงจากการทดสอบของ Techspot มาตรงๆ เลยละกันครับ

Radeon Image Sharpening ทำงานได้ยอดเยี่ยม นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องทำการ Implementation ระบบเข้าไปในตัวเกมเพิ่มเติม RIS เพิ่มความคมชัดให้กับกราฟฟิกในเกมในหลากหลายสถานการณ์ได้ดี

RIS ยังทำงานร่วมกับเทคนิค  Anti-aliasing อย่าง MSAA หรือ SSAA ได้ด้วย ซึ่งผลลัพธ์ของการทำงานร่วมกันนั้น ทำให้ภาพที่แสดงผลออกมาดีขึ้นมาก

อย่างไรก็ตาม เพื่อความยุติธรรมต่อ DLSS ของ Nvidia เรายอมรับว่า การอัพสเกลภาพของ DLSS จากความละเอียด 2K นั้น มีคุณภาพที่ดีกว่าก็จริง แต่ก็ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพมากกว่าด้วยเช่นกัน ลองดูกราฟด้านล่างนี้จะเห็นว่า เปิด RIS กับปิด RIS ส่งผลกระทบต่อ fps แค่ 1-2fps เท่านั้น ในขณะที่ DLSS ของ Nvidia ส่งผลต่อ fps เยอะมาก

RIS รองรับเกมจำนวนเยอะกว่า DLSS หลายเท่าในปัจจุบัน และรองรับการทำงานในหลากหลายความละเอียด แตกต่างจาก DLSS ที่จำกัดความละเอียด, GPU และ Quality Levels ในการทำงานด้วย

แม้ว่า RIS จะมีข้อผิดพลาดในการทำงานบ้างในสถานการณ์ที่ภาพมีความคมชัดในระดับ Native resolution แล้ว การเปิด RIS อาจจะทำให้ภาพที่ออกมามีข้อผิดพลาดบ้าง (กรณีเช่นนั้น ปิด RIS ไปจะได้ผลลัพธ์การแสดงผลที่ดีกว่า)

เทคโนโลยี Ray Tracing

บอกก่อนเลยว่า หากคุณสนใจเทคโนโลยี Ray Tracing คุณต้องข้ามการ์ดจอของ AMD ไปเลย เพราะเขายังไม่ทำออกมา มีแค่ในการ์ดจอตระกูล RTX ของ Nvidia เท่านั้น

เทคนิค Ray Tracing นั้นไม่ใช่ของใหม่ มันเป็นฟีเจอร์หนึ่งใน DirectX ของ Microsoft ที่ทำให้ฮาร์ดแวร์สามารถใช้ Real-time raytracing ได้ แต่เนื่องจากมันใช้ทรัพยากรในการทำงานสูงมาก มันจึงถูกใช้แค่ในคอมพิวเตอร์ระดับ Workstation เท่านั้น จนกระทั่ง Nvidia ได้เปิดตัว GeForce 20 series ในปี 2018 การ์ดจอที่สามารถทำงานร่วมกับ DirectX Raytracing (DXR) ใน DirectX 12 ได้ ทำให้คนทั่วไปมีโอกาสสัมผัสกับเทคโนโลยีนี้

Ray Tracing นั้นช่วยให้การเรนเดอร์แสง, เงา ที่สะท้อนลงบนโมเดล 3 มิติ แสดงผลได้อย่างสมจริง ซึ่งมันส่งผลให้ภาพออกมาดูเหมือนของจริงมากกว่าเดิมหลายเท่า อย่างไรก็ตาม เกมที่รองรับ Ray Tracing ในตอนนี้ก็ยังคงมีจำนวนน้อยอยู่

บทสรุป

โดยส่วนตัวผมแล้ว หากพูดถึง "ความคุ้มค่า" ผมมองว่า Radeon RX 5700 XT เป็นการ์ดจอที่มีความคุ้มค่ามาก เมื่อคิดถึงส่วนต่างสามพันบาทกับค่า fps ที่ต่างกันเพียงเล็กน้อย

แต่ถ้าคุณใช้จอ 2K หรืออยากสัมผัสกับเกม 4K ด้วย สนใจ Ray Tracing การจ่ายเงินเพิ่มอีกแค่สามพันบาท การเลือก RTX 2070 Super ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอยู่ (RTX 2070 ส่วนตัวผมว่าไม่คุ้มเท่าไหร่ ณ เวลานี้ ถ้าซื้อก็ซื้อ Super เถอะ)