มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ที่มีรายได้ช่องทางเดียวแค่เงินเดือน อาจจะไม่พอใช้กับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน ไหนจะเศรษฐกิจที่แย่เหลือเกิน การสร้าง Passive Income จึงเป็นรายได้อีกทางหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจ
Passive Income คือ รายได้ที่มาจากการลงแรง และลงทุนเพียงครั้งเดียว แล้วมันสามารถสร้างรายได้ให้เราได้เรื่อยๆ อยู่ตลอดเวลา อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอยู่บ้าง แต่มันจะต้องไม่ใช่งานที่เราต้องทำประจำ
หากเป็นในอดีต Passive Income ไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างได้ง่ายๆ เช่น กินดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคาร สมมติว่าธนาคารให้ดอกเบี้ยปีละ 1% ถ้าคุณมีเงินในบัญชี 100,000,000 บาท คุณจะได้ดอกเบี้ยปีละ 1,000,000 บาท เฉลี่ยเดือนละ 83,300 บาท หรือลงทุนสร้างอพาร์ทเมนท์แล้วปล่อยให้คนเช่า พวกนี้เป็น Passive Income ก็จริง แต่มันก็ทำได้ยากสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีเงินเดือนสูง หรือมีฐานะทางบ้านร่ำรวยอยู่แล้ว
แต่ปัจจุบันนี้ ก็ไม่เหมือนอดีต มีช่องทางในการสร้าง Passive Income ที่ไม่ต้องลงทุนสูง ให้เลือกทำมากมาย จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง เชิญเลือกได้ตามใจชอบเลย
จุดเด่น
| จุดสังเกต
|
ธุรกิจขายภาพออนไลน์ หรือที่หลายคนเรียกกันว่า Stock Photo เป็นธุรกิจออนไลน์ชนิดหนึ่งที่เป็นเสมือนร้านค้าไว้สำหรับซื้อขายรูปภาพ อาจจะมีคนงง แล้วจะซื้อไปทำไม? คือ มันมีงานมากมายที่ต้องใช้ภาพประกอบ เช่น หนังสือพิมพ์, นิตยสาร, เว็บไซต์ ฯลฯ เมื่อต้องการภาพ การถ่ายภาพเองอาจจะไม่ตอบโจทย์ อย่างเช่น คุณนำเสนอการท่องเที่ยวในประเทศไทย แต่คุณเป็นสำนักพิมพ์ที่อาศัยอยู่ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ การจะบินมาถ่ายสถานที่ต่างๆ ด้วยตนเองในประเทศไทย มันไม่ง่ายเลย และจะถ่ายออกมาสวยเหมือนช่างภาพมืออาชีพหรือเปล่า นั่นก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
ตลาด Stock Photo จึงเกิดขึ้นมา เพื่อให้คนถ่ายภาพ แล้วอัปโหลดขึ้นไปขายให้กับผู้ที่สนใจได้ ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องเป็นภาพถ่ายเท่านั้น หากคุณมีสกิลด้านกราฟิกดีไซน์ การสร้าง Clipart, Vector, 3D Model ฯลฯ พวกนี้ก็สามารถขายได้เช่นกัน หรือหากถนัดงานวิดีโอ ก็สามารถส่งไปขายได้เช่นกัน
ภาพที่เราส่งไปขาย จะถูกบันทึกไว้ที่ร้านค้า และมันจะขายได้เรื่อยๆ จนกว่าคุณจะลบมันออก จึงเป็นหนึ่งใน Passive Income ที่เริ่มต้นได้ง่าย โดยไม่ต้องลงทุนมากนัก อย่างพวกภาพ สมาร์ทโฟนสมัยนี้ก็ใช้ถ่ายส่งภาพขายได้นะ ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องแพงๆ ก็ได้
หากคุณเป็นคนชอบถ่ายภาพอยู่แล้ว ก็ลองเอาไปขายดู ไม่แน่นะครับว่าภาพที่คุณมีอยู่ อาจจะไปถูกใจใครสักคนเข้าก็เป็นได้ มีหลายคนที่สามารถสร้างรายได้จากการขายภาพได้เดือนละหลายพันบาทไปจนถึงหลายหมื่นบาทเลยล่ะครับ
|
|
จุดเด่น
| จุดสังเกต
|
อันที่จริง มีหลายแพลตฟอร์มให้เลือกใช้นะครับ แต่เราขอยกตัวอย่างแค่ YouTube ละกัน ทุกวันนี้ก็มีหลายสายให้เลือกทำมาก บางคนก็แคสเกม, บางคนก็ทำคลิปรีวิวสิ่งต่างๆ, บ้างก็พาเที่ยว, พาตะลุยคาเฟ่, รีวิวเครื่องใช้ ฯลฯ เพียบเลยแหละ ก็เลือกตามความถนัดได้เลย
ซึ่งรายได้จากการทำคลิปลง YouTube จะมาจาก 3 ส่วน หลักๆ นะครับ คือ
ต้องขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดลึกนะครับ เพราะถ้าจะพูดเรื่องโฆษณาบน YouTube เนี่ย อธิบายกันทั้งคืนก็ไม่จบ ขอสรุปคร่าวๆ เลยจะดีกว่า
โฆษณาบน YouTube จะมีหลายแบบมาก ซึ่งจำนวนเงินที่ได้จากแต่ละแบบก็แตกต่างกันอีก แต่ถ้าให้คำนวณแบบหยาบๆ หน่อย สมมติว่า คลิปที่คุณทำมียอดวิว 100,000 ต่อเดือนละกัน คุณจะได้รายได้จากคลิปนั้นเฉลี่ยประมาณ 480 บาทต่อเดือนจากคลิปนั้น (คลิปเดียว)
เราจะทำตัวเหมือนกับเราเป็นนายหน้า เราอาจจะใส่ลิงก์ร้านค้าที่เราสมัครร่วมโปรแกรมเอาไว้ในรายละเอียดของคลิป หรือสร้างเป็นการ์ดฝังไว้ในตัวคลิปเลยก็ได้ เมื่อคนคลิกลิงก์ดังกล่าว แล้วซื้อสินค้า เราก็จะได้เงินส่วนแบ่งมาด้วยเป็นค่าคอมมิสชัน ความยากจะอยู่ที่ ทำยังไงให้คนมาซื้อสินค้าผ่านลิงก์ที่เราวางไว้นี่แหละ
ขออ้างอิงจากร้านค้าออนไลน์เจ้าหนึ่งในประเทศไทยละกัน เจ้านี้เท่าที่ผมเข้าไปดู ให้เรทราคาดังนี้ (ยกมาแค่บางส่วน)
ก็ถือว่าน่าสนใจอยู่นะ สมมติมือถือเครื่องละ 20,000 บาท เราก็จะได้เงินมา 700 บาท ต่อเครื่อง (ถ้ามีคนซื้อผ่านลิงก์เราอ่ะนะ)
ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่านี่แหละ คือ ปลายทางความฝันของการเป็น YouTuber เมื่อช่องของคุณดัง เป็นที่รู้จัก มีคนดูคลิปของคุณเยอะ เหล่าสปอนเซอร์ก็จะเข้ามาหาคุณ และจ้างคุณทำคลิป ซึ่งรายได้ตรงนี้ต้องบอกเลยว่า อาจจะเริ่มที่ 4 หลัก และไปถึง 6 หลัก ต่อคลิปได้เลยล่ะ
พวกเขาอาจจะขอให้คุณช่วยรีวิวสินค้า, วางสินค้าไว้เป็น Tie-in, ขอให้พูดถึงแบรนด์ แล้วแต่จะตกลง เพื่อให้มีสินค้าของเขาลงในช่องของคุณ อะไรก็ว่าไป
เกร็ดน่าสนใจ
Forbes ได้รายงาน YouTuber ที่มีรายได้สูงสุดในปี 2019 เอาไว้ดังนี้ครับ
- Ryan Kaji - $26 million (ประมาณ 840,060,000 บาท)
- Dude Perfect - $20 million (ประมาณ 646,200,000 บาท)
- Anastasia Radzinskaya - $18 million (ประมาณ 581,760,000 บาท)
- Rhett and Link - $17.5 million (ประมาณ 565,600,000 บาท)
- Jeffree Star - $17 million (ประมาณ 549,440,000 บาท)
- Preston Arsement - $14 million (ประมาณ 452,480,000 บาท)
- PewDiePie - $13 million (ประมาณ 420,160,000 บาท)
- Markiplier - $13 million (ประมาณ 420,160,000 บาท)
- DanTDM - $12 million (ประมาณ 387,840,000 บาท)
- Vanoss Gaming - $11.5 million (ประมาณ 371,680,000 บาท)
จุดเด่น
| จุดสังเกต
|
Light Novel เป็นวรรณกรรมประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในต่างประเทศ ส่วนประเทศไทยเองก็เริ่มมีผู้ให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยปกติแล้วการจะเขียนนวนิยายขึ้นมาสักหนึ่งเรื่อง ผู้เขียนจำเป็นจะต้องมีสำนวนในการเขียนที่ดี รู้จักการใช้โวหารประเภทต่างๆ เพื่อให้คำเขียนออกมาอ่านแล้วจินตนาการภาพจากตัวอักษรได้อย่างเต็มอรรถรส ซึ่งผู้เขียนมักจะต้องมีประสบการณ์ค่อนข้างเยอะ ถึงจะทำได้ดี
แต่สิ่งเหล่านั้นไม่จำเป็นกับ Light Novel มากนัก ขอแค่พลอตเรื่องที่น่าสนใจ มีความแปลกใหม่ ก็ทำให้ผู้อ่านสมัยนี้พร้อมจะมองเรื่องสำนวนโวหารเป็นเรื่องเล็กน้อยไปได้แล้ว เปิดโอกาสให้มีหน้าเขียนหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย
ปัจจุบันนี้มี เว็บ หรือแอปพลิเคชันมากมายที่เปิดพื้นที่ให้คุณสามารถส่งนิยายที่คุณแต่งไปเผยแพร่ได้ โดยผู้เขียนจะได้ค่าตอบแทน
สำหรับของประเทศไทย เราเห็นมีหลายเจ้าเหมือนกันนะ เช่น
ส่วนรายได้ก็แล้วแต่ บางเจ้าอาจจะให้ขายเป็นตอนๆ คนอ่านต้องซื้อเหรียญเพื่อเข้าไปอ่าน หากมีคนเข้าไปอ่านคุณก็จะได้เงิน หรือเราจะเลือกขายเป็นเล่มเหมือน e-Book เลยก็ได้ เท่าที่ค้นข้อมูลมาหากไม่ได้ขายเป็นเล่มๆ ไป ผู้เขียนจะได้เงินประมาณ "1.5 บาท ต่อคนอ่าน ต่อหนึ่งตอน" หากมีคนอ่านเยอะๆ ก็ถือว่าทำเงินได้ไม่เลวเลยนะ
จุดเด่น
| จุดสังเกต
|
แนวทางนี้อาจจะใกล้เคียงกับ YouTuber แต่แนวทางการหารายได้ค่อนข้างแตกต่างกันมากนะครับ เพราะรายได้จากวิธีการนี้ คือ เก็บค่าสมัครเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการรับชมคลิปบทเรียนของคุณ
ถ้าคุณเคยได้ยินพวกเรียนเปียโนออนไลน์, เรียนกีตาร์ออนไลน์มาก่อน นั่นแหละ คือ สิ่งที่เรากำลังพูดถึง ซึ่งปัจจุบันคลาสออนไลน์เหล่านี้ได้รับความนิยมมากขึ้นนะ อาจจะด้วยกระแสจาก COVID-19 ที่ทำให้คนมองหาอะไรทำในช่วงที่กักตัวอยู่บ้าน
เราเห็นคลาสกวดวิชา, คลาสออกกำลังกาย, คลาสสอนทำอาหาร, คลาสโยคะ ฯลฯ เราอาจจะทำออกมาให้ดูฟรีสัก 2-3 คลิป เพื่อเรียกแขกก่อน จากนั้นหากอยากดูเนื้อหาเพิ่มเติมก็เก็บค่าเข้าเรียน
คลิปเหล่านี้ เหล่านี้เราสร้างทีเดียว และใช้สอนซ้ำได้เรื่อยๆ ก็ถือได้ว่าเป็น Passive Income แบบหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันเป็นการเรียนการสอน เราอาจจะต้องลงแรงในการตรวจการบ้าน ตอบข้อสงสัยของผู้เข้าเรียนด้วยนะ
จุดเด่น
| จุดสังเกต
|
ปัจจุบันนี้หุ้นสามารถซื้อขายได้ผ่านอินเทอร์เน็ต จะใช้คอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตก็ได้ รายได้จากหุ้นมีอยู่หลายวิธี แต่แนวทางที่เหมาะสมสำหรับผู้ไม่ค่อยมีเวลาส่องตลาดทั้งวัน ก็คือ การออมหุ้นรอกินปันผล ซึ่งก็มีหลายเทคนิค อย่างการใช้เทคนิค VI, ออมหุ้นแบบ DCA
สำหรับแนวทางการเล่นหุ้นนั้น เราไม่สามารถแนะนำได้จริงๆ ได้แต่บอกว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง" นะครับ หากจะใช้วิธีนี้ในการสร้างรายได้ ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด จนกว่าจะเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ก่อนนะครับ
ก็เป็น 6 ไอเดียคร่าวๆ ที่เราคิดว่าน่าจะเริ่มต้นทำได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตาม ยังมีช่องทางอื่นๆ อีกมาก ที่เรายังไม่ได้พูดถึง หรือใครมีไอเดียอะไรอยากแนะนำ ก็ลองเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |