กาแฟ (Coffee) ถือเป็นเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้สำหรับหลายๆ คนที่ต้องดื่มอย่างน้อยๆ 1 แก้วต่อวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนทำงาน และหลายๆ คนก็คงประสบปัญหาที่ว่า การดื่มกาแฟทำให้ปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำในทันที นั่นสิ “ทำไมเมื่อดื่มกาแฟแล้วถึงทำให้ปวดอึ (ปวดขี้)” หากคุณสงสัยในปัญหาเหล่านี้ เรามาหาสาเหตุของปัญหานี้ไปพร้อมๆ กัน
ภาพจาก https://www.centralworld.co.th/wp-content/uploads/2019/08/shutterstock_413980987.jpg
นอกจากคาเฟอีนจะเป็นตัวกระตุ้นพลังงานที่ดี ช่วยให้สมองตื่นตัว ยังมีคุณสมบัติกระตุ้นการหดตัวของลำไส้ใหญ่และกล้ามเนื้อลำไส้ได้ช่วยทำให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือทำให้เรามีอาการปวดถ่ายเมื่อดื่มกาแฟเข้าไปนั่นเอง
ถ้าอยากดื่มกาแฟแต่ไม่อยากปวดถ่ายอาจใช้วิธีทานอาหารควบคู่ไปกับการดื่มกาแฟในตอนเช้า หรือหาทางเลือกใช้กาแฟคั่วเข้ม กาแฟชนิด "Decaf (Decaffeinated Coffee)" แทน แต่ถ้าใช้ไม้แข็งจริงๆ การดื่มกาแฟเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่องก็ทำให้ร่างกายต่อต้านผลข้างเคียงที่เกิดจากคาเฟอีนได้เช่นกัน
ถึงแม้ว่าเราจะเลือกทานกาแฟที่มีคาเฟอีนน้อยมากๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นลำไส้ของคาเฟอีนอย่างกาแฟ Decaf แต่กาแฟเหล่านี้ก็ยังมีกรดคลอโรเจนิกและ N-alkanoyl-5-hydroxytryptamides เป็นส่วนผสมอยู่ ซึ่งกรดเหล่านี้สามารถกระตุ้นการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยให้ย่อยอาหารและทำให้อาหารเคลื่อนผ่านลำไส้ได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้รู้สึกปวดถ่ายได้อยู่ดี
หากปัญหามาจากกรดในกาแฟ แนะนำว่าให้ซื้อกาแฟกรดต่ำที่ผ่านการแปรรูปแบบพิเศษทั้งก่อนและระหว่างการคั่ว จะช่วยลดปริมาณกรดในกาแฟลงได้ หรือเลือกซื้อกาแฟที่มีกรดต่ำโดยธรรมชาติแบบคั่วเข้ม เช่น กาแฟอาราบิก้าที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศบราซิล (Brazil), เม็กซิโก (Mexico) หรือ เปรู (Peru) เป็นต้น เพราะนอกจากจะมีรสชาติดีแล้วยังมีกรดที่น้อยอีกด้วย
วิธีการชงกาแฟเองก็สามารถช่วยลดปริมาณกรดในกาแฟลงได้เหมือนกัน โดยกาแฟสกัดเย็น (Cold Brew) ที่ทำมาจากการแช่เมล็ดกาแฟคั่วบดในน้ำเย็นเป็นเวลา 12 ถึง 24 ชั่วโมงแทนการใช้ความร้อน จะช่วยดึงรสชาติคาเฟอีนและน้ำตาลออกจากเมล็ดกาแฟได้มากกว่าการดริปกาแฟร้อนโดยทั่วไปถึง 70% แม้ว่าจะใช้เมล็ดกาแฟแบบเดียวกันก็ตาม
นอกจากนี้ แคลเซียมในนมก็สามารถปรับกรดในกาแฟให้เป็นกลางได้เช่นกัน หรือหากไม่ชอบทานนมก็สามารถใส่แคลเซียมชนิดผงแทนก็ได้เหมือนกัน แต่ถ้าวิธีข้างต้นไม่ได้ผลก็ให้ลองใส่เปลือกไข่บดละเอียดลงไปแทน เพราะความเป็นด่างของเปลือกไข่จะช่วยลดค่าความเป็นกรดในกาแฟลงได้
ถึงแม้นมจะช่วยลดกรดที่เป็นสาเหตุให้ปวดท้องในข้างต้นได้ แต่กลับจะเป็นการเพิ่มอีกสาเหตุหนึ่งในการปวดท้องถ่ายสำหรับกลุ่มคนที่แพ้น้ำตาลแลคโตสในนมได้อีก ที่นอกจากจะปวดถ่ายแล้วอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ หรือท้องร่วงได้
หากใครที่รู้ว่าแพ้แลคโตสในนม ควรเลี่ยงการเติมนมที่มาจากวัวหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต่างๆ ลงในกาแฟเพื่อลดกรด (นมจากสัตว์มีส่วนผสมของน้ำตาลแลคโตส) โดยเปลี่ยนไปใช้นมชนิดอื่นๆ แทน เช่น นมมะพร้าว นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ หรือนมวัวแบบไม่มีแลคโตส (Lactose-free) ที่ถูกผลิตขึ้นมาเฉพาะสำหรับผู้ที่แพ้น้ำตาลแลคโตส
สำหรับผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวน ไม่ใช่แค่กาแฟเท่านั้น แต่การรับประทานอาหารบางชนิดก็มีผลทำให้อาการกำเริบได้ ซึ่งในบางรายเมื่อดื่มกาแฟก็อาจเกิดอาการท้องร่วงได้เลย แต่แพทย์ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมกาแฟถึงกระตุ้นเกิดอาการเหล่านี้ได้ เพราะฉะนั้นหากใครที่เป็นโรคนี้อยู่ควรพยายามเลี่ยงการดื่มกาแฟเพื่อไม่ให้อาการแย่ลงกว่าเดิม
ภาพจาก https://i.insider.com/596f8292c50c2991088b5287?width=1100&format=jpeg&auto=webp
ดูแล้วก็มีหลายสาเหตุที่ทำให้ปวดท้องจากการดื่มกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟอีน กรดในกาแฟ นม หรือผู้ที่ลำไส้แปรปรวน และก็ไม่ใช่ทุกคนที่ดื่มกาแฟแล้วมีอาการปวดท้อง อย่างไรก็ตามหากดื่มกาแฟแล้วยังปวดท้องอยู่ ลองหาสาเหตุว่า ที่เราดื่มกาแฟแล้วปวดท้องเกิดจากอะไร จะได้เลือกกาแฟที่ถูกประเภทกับร่างกายของเรา หรือถ้าเราไม่สามารถดื่มกาแฟได้จริงๆ จะได้หา ทางเลือกอื่นๆ สำหรับผู้ชอบดื่มกาแฟ ที่ช่วยในการกระตุ้นให้เราตื่นตัวแทน
|
หนี Coding มาเขียนบทความ |
ความคิดเห็นที่ 1
28 พฤศจิกายน 2564 07:29:05
|
||
GUEST |
แสงดาวอน
ได้ความรู้มากขอบคุณครับ
|
|