หลังจากที่บริการ "Office 365" เปลี่ยนชื่อกลายเป็น "Microsoft 365" เมื่อวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) หลายคนก็พอจะทราบแล้ว หรือบางท่านก็อาจสงสัยว่า เฮ้ย ! Office 365 หายไปไหน ก็ไม่ต้องแปลกใจ ไป เพราะก็บอกอยู่นี่แหล่ะว่ามันเปลี่ยนชื่อไปแล้ว
อ่านเพิ่มเติม : Microsoft 365 แตกต่างจาก Microsoft Office อย่างไร ?
ส่วนวันนี้เราจะมาพูดถึง Microsoft 365 บริการใหม่ล่าสุดกันว่า นอกจากชื่อแล้ว อะไรที่ Microsoft 365 มีการเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงไปจาก Office 365 บ้างเพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน
จาก https://www.microsoft.com/th-th/microsoft-365/explore-microsoft-365-for-home
นอกจากบริการอย่าง Microsoft Word , Microsoft Excel, Microsoft PowerPoint, Microsoft Outlook บลาๆ ที่ยังคงมีอยู่ใน Microsoft 365 สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างแรกก็คือชื่อแพ็กเกจใหม่ทั้ง 4 รูปแบบ
ที่เด่นสุดก็คงจะเป็น Microsoft 365 Family หรือ บริการสำหรับสมาชิกในครอบครัวซึ่งมีการเพิ่มสิทธิ์ใช้งานพร้อมกันจาก 5 คน ใน Office 365 Home กลายเป็น 6 คน ในราคาเท่าเดิม และผู้ที่เป็นสมาชิก Office 365 Personal รวมถึง Office 365 Home อยู่แล้วก็จะได้รับการอัปเกรดเป็นบริการใหม่ไปโดยปริยาย
จาก https://www.microsoft.com/th-th/microsoft-365/explore-microsoft-365-for-home
ที่นี้มาดูเรื่องฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมมาบ้าง ประกอบด้วย Microsoft Family Safety และ Microsoft Teams ซึ่งอันหลังหลายคนน่าจะรู้จักดี
หลังจากการเปลี่ยนชื่อใหม่แล้ว โปรแกรม Microsoft Team ก็เพิ่มคุณสมบัติสำหรับการใช้งานในครอบครัวเข้ามา ทำให้คุณสามารถใช้ Team เป็นห้องแชท Cloud กลุ่มกับครอบครัว และเชื่อมถึงกันได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตตารางปฏิทิน, การสร้างตารางงาน กิจกรรม แชร์รูปถ่าย วิดีโอ หรือใช้งานฟีเจอร์ร่วมกับ โปรแกรม Microsoft Word, Microsoft Excel และ Microsoft PowerPoint ทำงานพร้อมกันบนระบบคลาวด์ (Cloud) นอกจากนี้แล้วก็ยังสามารถแชร์ตำแหน่งที่ตั้งได้อีกด้วยเป็นต้น
แอปพลิเคชันนี้เป็นแอปฯ ใหม่ที่เพิ่มมาใน Microsoft 365 Family ซึ่งช่วยให้คุณสามารถดูแลครอบครัวที่คุณรักได้ผ่านตัวแอปฯ เลยทีเดียว
ประกอบด้วยฟีเจอร์ค้นหาตำแหน่งของบุคคลในครอบครัวที่เชื่อมต่อกัน เป็นระบบติดตามตัว ซึ่งสามารถบันทึกไทม์ไลน์สถานที่ ที่สมาชิกแต่ละคนเดินทางไปได้ด้วย ที่เด่นสุดก็คงเป็นฟีเจอร์จำกัด Area Zone บ้าน ที่ทำงาน หรือโรงเรียน ซึ่งหากคนในครอบครัวออกจากตำแหน่งหรือเข้าถึงสถานที่ Area Zone นั้น ก็จะมีการแจ้งเตือน
เหมาะสำหรับแม่บ้านพ่อบ้านหรือผู้นำครอบครัวที่ต้องคอยใส่ใจดูแลสมาชิกและเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้ทราบว่าสมาชิกแต่ละคน ไปถึงจุดหมายหรือออกนอกกรอบหรือไม่นั่นเอง
และถ้าใครกลัวว่า ลูกๆ จะเข้าถึงเว็บไซน์หรือสื่ออันตรายบนมือถือ แอปนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ ควบคุมหน้าจอโทรศัพท์ หรือจำกัดแอปพลิเคชันของลูกๆ ได้ด้วย เช่นกรองแอป เกม เว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม หรือรายงานกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมในทุกอุปกรณ์ของคนในครอบครัวคุณ
นอกจากที่กล่าวมา ตลอดระยะเวลาที่กลายเป็น Microsoft 365 บริการนี้ก็เพิ่มเติมความสามารถมาอีกเยอะมากไปตามกาลเวลาและความเหมาะสม เช่นเพิ่ม AI ช่วยปรับปรุงการเขียน หรือเตือนคำซ้ำที่พิมพ์ใส่ในโปรแกรม Microsoft Word บ่อยๆ หรือ เพิ่มเทมเพลตบน Microsoft PowerPoint ซึ่งเป็นรายละเอียดปลีกย่อย หากจะพูดถึงทั้งหมด บทความนี้คงไม่จบแน่ๆ
สรุปแล้วการปรับเปลี่ยนจาก Office 365 มาเป็น Microsoft 365 พูดตรงๆ ก็คือการตลาดของ Microsoft ที่ต้องการล้างภาพลักษณ์บริการใหม่ ให้ดูมีความเป็นบริการสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไป (Consumer) มากขึ้น ไม่ใช่อยู่แค่กับกลุ่มธุรกิจ (Business) โดยเฉพาะเรื่อง "การใช้งานในครอบครัว" สังเกตได้จากภาพโฆษณา (รูปที่ 2) ที่เป็นพ่อเล่นกับลูก ... หรือ พี่ชายกับน้องสาว (สักอย่าง)
และบริการใหม่ก็ชูแต่เรื่องฟีเจอร์สำหรับครอบครัว (Family) ซึ่งต้องการตีความหมายถึง "Microsoft 365 จะตอบโจทย์การใช้งานของทุกคนมากขึ้น" ทั้งใช้แบบคนต่อคน แบบธุรกิจ แบบองค์กร และแบบ 'ครอบครัว' นั่นเอง
|
งานเขียนคืออาหาร ปลายปากกา ก็คือปลายตะหลิว |