ถ้าพูดถึงผู้ให้บริการฟังเพลงออนไลน์ หรือ บริการสตรีมเพลง (Online Music Streaming Service) ยอดนิยมในประเทศไทย ก็จะมีอยู่ 3 ค่ายใหญ่ หลักๆ คือ Spotify, Apple Music, YouTube Music และ Joox โดยทั้งค่ายนี้ต่างก็มีเพลงให้เลือกฟังเป็นจำนวนมาก และมีคุณสมบัติน่าสนใจที่แตกต่างกัน แล้วจะเลือกใช้บริการของค่ายไหนดีล่ะ ?
ในบรรดา 4 ค่ายนี้ Spotify เป็นผู้ให้บริการที่เก่าแก่ที่สุด โดยเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) ส่วนที่เหลือ Apple Music, YouTube Music และ Joox นี่เปิดให้บริการในปี ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ทุกค่ายมีเพลงให้เลือกฟังมากมาย แล้วจะเลือกใช้บริการของค่ายไหนดี มาลองวิเคราะห์กันหน่อยดีกว่า
เรามาเริ่มกันที่คุณภาพของเสียงเพลงกันก่อนละกัน
ในด้านคุณภาพเสียง 320 kbit/s ไม่ว่าจะเป็น OGG หรือ MP3 หากเทียบกับ 256 kbit/s (AAC) แล้ว บางคนแยกไม่ออก บางคนบอก AAC เสียงดีกว่า แต่บางคนก็บอกว่า บริการ Spotify รายละเอียดเสียงชัดกว่า ทำให้ยากที่จะฟันธง ทั้งนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่คุณใช้ฟังเพลงด้วย
Joox มีความได้เปรียบตรงมี Lossless 1411 kbit/s (FLAC) ให้ฟังด้วย แต่เท่าที่เราลองค้นหาดู มีเพลงน้อยมากที่รองรับ และส่วนใหญ่ที่มีก็เป็นเพลงไทย ถ้าคุณฟังเพลงต่างประเทศเป็นหลักก็อาจจะผิดหวังตรงจุดนี้ เนื่องจากจำนวน Losssless ยังมีน้อย เราจึงไม่ให้น้ำหนักคะแนนในส่วนนี้เท่าไหร่นัก
ผู้ชนะ : เสมอกันทั้งหมด
ประมาณ 50,000,000 เพลง และเคลมว่ามีเพลงใหม่เพิ่มเข้าระบบวันละประมาณ 40,000 เพลง
ประมาณ 70,000,000 เพลง เนื่องจาก Apple Music ไม่มีบริการฟรี ศิลปินบางคนที่ไม่พอใจระบบฟรีจึงอยากลงเพลงใน Apple Music มากกว่า
ประมาณ 60,000,000 เพลง แต่ว่ามันมีเพลง Unofficial Music ที่ถูกผู้ใช้อัปโหลดเข้าไปให้ฟังด้วย ทำให้เราอาจเจอเพลงอินดี้ เพลงจากค่ายเล็ก ๆ หรือเพลงอินดี้สุดแนวให้ฟังด้วย
ประมาณ 30,000,000 เพลง
ผู้ชนะ : ถ้านับเฉพาะเพลงทางการ (Official) ก็ต้องเป็น Apple Music แต่ถ้าเรานับเพลงแบบไม่เป็นทางการ (Unofficial Music) ด้วย ก็ต้องยกให้ YouTube Music
ภาพจาก https://www.rapidtvnews.com/2020072158801/zeasn-joox-team-to-bring-music-streaming-service-to-emerging-markets.html#axzz6mur0cMCK
ผู้ชนะ : Spotify
หัวข้อนี้อาจจะมีความเป็นปัจเจกอยู่บ้าง เพราะความถนัด และความชอบของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
โดยส่วนตัวแล้ว เราค่อนข้างชื่นชอบ UX ของ Spotify มันใช้งานง่าย มีความสวยงาม และออกแบบให้ผู้ใช้ทำสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว มีความลื่นไหลในการใช้งานเมื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ฟัง
ทางด้าน Apple Music ที่ปกติเราจะชื่นชอบความเจ๋งของ UX แต่สิ่งนั้นไม่เกิดขึ้นกับแอป Apple Music แค่การเพิ่มคิวเพลงก็รู้สึกน่าหงุดหงิดแล้ว
ส่วน YouTube Music แม้จะดูค่อนข้างธรรมดา แต่ก็ไม่มีข้อเสียอะไรให้ตำหนิ โดยรวมคล้าย ๆ กับ Spotify
สุดท้าย Joox ส่วนตัวเรารู้สึกว่าออกแบบมาได้ค่อนข้างรกไปหน่อย
ผู้ชนะ : Spotify
หนึ่งในสิ่งที่เราคิดว่าเป็นจุดแข็งของบริการเพลงแบบสตรีมมิ่ง คือ การที่มันสามารถแนะนำศิลปิน หรือแนวเพลงใหม่ๆ ให้เราลองฟังด้วย ซึ่งทุกแอปพลิเคชันก็จะมีคุณสมบัติคล้าย ๆ กัน คือ ระบบเพลย์ลิสต์แนะนำที่สร้างจากแนวเพลงที่เราฟัง, สถานีวิทยุ และเพลงแนะนำ
ในจุดนี้ทุกแอปพลิเคชันทำได้ดีเหมือนกันหมดนะ แต่เนื่องจาก Apple Music มีระบบกดชอบ และไม่ชอบเพลงให้ใช้งานด้วย ทำให้เรารู้สึกว่า หากเราฟังบ่อย และขยันกดชอบเพลงเอาไว้ด้วย ตัวเพลย์ลิสต์แนะนำจะคัดเพลงมาให้ค่อนข้างแม่นยำ ไม่ค่อยเจอเพลงที่ไม่ชอบเท่าไหร่ปนมาด้วย
ผู้ชนะ : Apple Music
ผู้ชนะ : หากใช้คนเดียว Joox ถูกสุด หากมีคนหาร Spotify ถูกสุด
Spotify | Apple Music | YouTube Music | Joox | |
จำนวนเพลง | 50,000,000+ | 70,000,000+ | 60,000,000+ | 30,000,000+ |
คุณภาพของเสียงเพลง | 320 kbit/s (OGG) | 256 kbit/s (AAC) | 256 kbit/s (AAC) | 320 kbit/s (MP3) 1,411 kbit/s (FLAC) |
อุปกรณ์ที่รองรับ | สมาร์ทโฟน | สมาร์ทโฟน พีซี สมาร์ททีวี สมาร์ทสปีกเกอร์ CarPlay Android Auto | สมาร์ทโฟน พีซี สมาร์ททีวี สมาร์ทสปีกเกอร์ CarPlay Android Auto | สมาร์ทโฟน พีซี สมาร์ททีวี สมาร์ทสปีกเกอร์ CarPlay |
ราคา | หนึ่งบัญชี 129 บาท | หนึ่งบัญชี 129 บาท ครอบครัว 199 บาท 5 บัญชี | หนึ่งบัญชี 129 บาท ครอบครัว 199 บาท 5 บัญชี | หนึ่งบัญชี 99 บาท ครอบครัว 139 บาท 3 บัญชี |
บริการของแต่ละค่ายก็มีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันไปนะครับ ทำให้ยากที่จะบอกว่าแอปพลิเคชันฟังเพลงออนไลน์ ตัวไหนดีที่สุด เพราะถ้าคุณอยู่ใน Ecosystem ของ Apple อย่างเต็มรูปแบบเราก็คงจะแนะนำให้ใช้งาน Apple Music การใช้ Siri ควบคุมเพลงมันสะดวกมากทีเดียว จำนวนเพลง และระบบเพลย์ลิสต์ก็ยอดเยี่ยม
แต่ถ้าคุณอยากลองใช้บริการฟังเพลงออนไลน์ และ ไม่เคยใช้ตัวไหนมาก่อน เราอยากแนะนำ Spotify นะ ใช้งานง่าย และครอบคลุมหลายแพลตฟอร์มด้วย ถ้ามีพวก Smart TV เครื่อง PlayStation อยู่ ก็สามารถเปิดฟังบนอุปกรณ์เหล่านั้นได้ด้วย
ทางด้าน YouTube Music ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ส่วนตัวผู้เขียนเองใช้ Spotify คู่กับ YouTube Premium ด้วยกันเลย โดย YouTube Premium จะจ่ายแพงกว่า YouTube Music แค่ 30 บาท แต่ทำให้เราดู YouTube ได้แบบไม่มีโฆษณาคั่น แถมได้สิทธิ์การใช้งาน YouTube Music ด้วย ถ้าคุณเป็นคนที่ดู YouTube บ่อยเป็นประจำ ก็เป็นทางเลือกที่ดีนะ
สุดท้าย Joox แม้เพลงจะน้อยกว่าค่ายอื่น แต่มีระบบกิจกรรม ระบบแชร์เพื่อให้ได้สิทธิ์ VIP (ระบบใช้งานแบบเสียเงิน) มาใช้แบบฟรี ๆ บ่อยอยู่เหมือนกัน สายประหยัดน่าจะชื่นชอบ
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |