ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
THAIWARE.COM | ทิปส์ไอที
 

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 16,079
เขียนโดย :
0 %E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99+%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

2 พฤษภาคม

DWAYNE JOHNSON

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Dwayne Douglas Johnson หรือหลายคนรู้จักกันในชื่อ The Rock เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) ที่ Hayward, California ประเทศอเมริกา

The Rock เป็นลูกของ Ata Johnson และนักมวยปล้ำชื่อดัง Rocky Johnson (แม่เป็นชาว Samoan) เมื่อโตขึ้นเขาได้เดินทางบ่อยมาก เพราะพ่อของเขาต้องไปปล้ำมวยปล้ำในสถานที่ต่าง ๆ ทำให้เขาซึมซับและชื่นชอบมวยปล้ำมาตั้งแต่ตอนนั้น

ในตอนที่อยู่มัธยมเขาเริ่มเล่นอเมริกันฟุตบอล และเขาทำมันได้ดีมาก ๆ จนได้รับทุนไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ที่มหาวิทยาลัย Miami และที่นั่นยิ่งทำให้เขาประสบความสำเร็จในฐานะนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลด้วย

ช่วงปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) ฝันของเขาก็ต้องสลาย เมื่อเขาได้รับอาการบาดเจ็บที่หลังอย่างรุนแรง ดับฝันเป็นผู้เล่นอาชีพ NFL ลงในทันที...

หลังจากนั้นเขาเลยไปเซ็นสัญญา 3 ปีกับลีคอเมริกันฟุตบอลใน Canada แต่เขาอยู่ได้ไม่ถึงปีก็ออกมา และไปเดินสายตามพ่อของเขา คือการเป็นนักมวยปล้ำ

เขาเปิดตัวในฐานะนักมวยปล้ำค่าย USWA ในชื่อ Flex Kavanah และเขาก็ชนะได้แชมป์ tag team กับ Brett Sawyer

ในปี ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) เขาเติบโตในอาชีพมวยปล้ำอย่างรวดเร็ว ก้าวเข้าสู่ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง WWE ในชื่อว่า Rocky Maivia โดยเขาได้เข้าร่วมกลุ่มกับ The Nation of Domination และกลายมาเป็นฝ่ายตัวร้ายแทน เขายึดอำนาจมาจากผู้นำกลุ่มและขึ้นนำแทน และเปลี่ยนรูปลักษณ์พร้อมตั้งชื่อใหม่กลายมาเป็น The Rock

หลังจากนั้นกลุ่ม The Nation ก็แตก จนทำให้เขาได้มาร่วมกับกลุ่ม Corporation ที่เกิดความบาดหมางอันน่าจดจำกับ Steve Austin จนทำให้ไม่นานเขาถูกไล่ออกจากกลุ่มนั้น และเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายดีจนทำให้หลายคนชื่นชอบและมีฉายาว่า The Peoples Champion พร้อมคำพูดติดปาก "Do you smell what The Rock is cookin' ?"

ในปี ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) ตัวของ The Rock เริ่มใช้เวลาว่างจาก WWE ไปเล่นหนัง และได้ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังเรื่อง The Mummy Return ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) ซึ่งการแสดงของเขาก็น่าสนใจและเป็นที่ต้องการใน Hollywood พอดี ทำให้เจ้าตัวได้รับบทบาทมาอย่างต่อเนื่องใน The Scorpion King ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545)

แววการแสดงของเจ้าตัวเริ่มออก กับบทบาทที่ราวกับว่ามันถูกเขียนมาเพื่อเขา หากใครดูหนังบ่อย ๆ คงพอจะเดาได้ว่าตัวละครที่ The Rock ได้รับมักจะเป็นยังไง จนเขาได้มาแสดงใน The Rundown ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546)

แน่นอนว่าแฟนคลับมวยปล้ำหลายคนก็ตามมาดูมาเชียร์ แต่คนที่เป็นคอหนังเริ่มหันมาสนใจในตัวชายคนนี้ และเริ่มติดตามผลงานเขาต่อไป

The Rock มีงานแสดงและงานปล้ำอย่างต่อเนื่อง ดังไม่หยุด ฉุดไม่อยู่จริงๆ เรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จักเขา ทั้งบนเวทีมวยปล้ำสุดดุดันและในหนังสุดเดือด เขาปรากฏตัวในหนังอีกหลายเรื่อง ทั้ง Walking Tall ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547), Doom ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), Southland Tales ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549), Gridiron Gang ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549), Game Plan ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550), Get Smart ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551), Race to Witch Mountain ค.ศ .2009 (พ.ศ. 2552), Tooth Fairy ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) และอีกมากมาย

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือเมื่อเขาได้รับบท Hobbs ในแฟรนไชส์ Fast and Furious ภาค 5 เรื่อง Fast Five ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) ทำให้เขากลายมาเป็นดาราระดับ A-List ของวงการ Hollywood ทันที

เพราะหลังจากนั้นงานก็ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ทุกปีต้องเห็นหนังของเขาอย่างน้อย 1-2 เรื่อง เช่น Snitch ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), G.I. Joe: Retaliation ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), Empire State ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), Pain & Gain ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556)

ยิ่งหนังช่วงหลัง ๆ ที่เขาเล่นการันตีรายได้เลย แค่เข้าไปดู The Rock คนเดียวก็คุ้มแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะ Fast & Furious 6 ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), Furious 7 ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), San Andreas ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), Central Intelligence ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), The Fate of the Furious ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), Jumanji: Welcome to the Jungle ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), Rampage ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), Skyscraper ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), ๋Jumanji: The Next Level ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และผลงานล่าสุดในซีรีส์ Young Rock ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)

ยิ่งบทบาท Hobbs ในแฟรนไชส์ Fast & Furious ก็ได้รับความนิยมแบบสุด ๆ จนมีภาคแยกออกมาใน Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), Jungle Cruise ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Red Notice ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Black Adam ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565), The King, San Andreas 2, Doc Savage, Big Trouble in Little China

ความสำเร็จในงานแสดงของเขาส่งผลให้เขาขึ้นแท่นดาราที่ทำเงินสูงสุดในรอบ 20 ปีเลยทีเดียว

หลายต่อหลายคน (รวมถึงผมด้วย) ไม่ว่าหนังมันจะเป็นยังไงก็ตาม พอมีชื่อ The Rock มาด้วยแล้ว ความน่าดูมันเพิ่มขึ้น 300% เลยทีเดียว

5 พฤษภาคม

HENRY CAVILL

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Henry William Dalgliesh Cavill เกิดวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526) ที่ Jersey, Channel Islands ประเทศอังกฤษ

เจ้าตัวมีความสนใจในด้านการแสดงเมื่อตอนยังเด็ก ตอนนั้นเขาได้แสดงละครเวทีของโรงเรียนเรื่อง A Midsummer Night's Dream และ Grease นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นความฝันนักแสดงเท่านั้น ต่อมาเขาได้ไปแสดงนำใน Hamlet กับสารคดีทาง BBC เรื่อง 40 Minutes

เมื่ออายุได้ 17 ปี เจ้าตัวได้ไปแคสบทเด็กหนุ่มคนหนึ่งในหนังเรื่อง The Count of Monte Cristo ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) และก็ได้บทนั้นไปครอง ต่อมาก็ได้ไปแสดงในเรื่อง Laguna ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544), The Inspector Lynley Mysteries ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544), หนังทางทีวี Goodbye, Mr. Chips ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) และซีรีส์ Midsomer Murders ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546)

เมื่อ Henry อายุได้ 20 ปี เขาได้แสดงนำในหนังเรื่อง I Capture the Castle ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), Hellraiser: Hellworld ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), Red Riding Hood ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) แถมยังได้บทสำคัญในหนังแฟนตาซีผจญภัยเรื่อง Stardust ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)

ในช่วงปี ค.ศ. 2007-2010 (พ.ศ. 2550-2553) เจ้าตัวมักจะได้รับบทนำในซีรีส์เรื่อง The Tudors ค.ศ. 2007-2010 (พ.ศ. 2550-2553) กับบทบาท Charles Brandon, 1st Duke of Suffolk และซีรีส์นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจนได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำในปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) และคว้ารางวัล Emmy Award ในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) ทาง Entertainment Weekly ได้ขนานนาม Henry ว่า "Most Dashing Duke" หรือ สุดยอดขุนนางดุ๊ก

และชีวิตในการแสดงของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดการในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) เมื่อมีการประกาศว่า Henry Cavill จะมารับบท Superman คนใหม่ ในหนังเรื่อง Man of Steel ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) ซึ่งนั่นทำให้เขากลายเป็นนักแสดงที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันคนแรกที่ได้รับบท Superman

Man of Steel ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) กำกับโดย Zach Snyder อำนวยการสร้างโดย Christopher Nolan และเขียนบทโดย David S. Goyer

และก็มีบทบาทต่อเนื่องมาหาเขาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น Immortals ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), Cold Light of Day ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)

เมื่อ Man of Steel ได้ออกฉายในปี ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) มันกลายเป็นหนัง Superman ที่ทำรายได้มากที่สุดของแฟรนไชส์ไปเลยทีเดียว และเป็นหนังรีบูทที่ทำรายได้เป็นอันดับที่ 2 รองลงมาจาก The Amazing Spider-Man ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) หลังจากนั้นบทบาทนี้ก็สร้างชื่อให้กับเขาไม่น้อย และกลายเป็นภาพลักษณ์ติดตัวไปเลย

Glamour magazine ได้จัดอันดับให้ Henry Cavill เป็นอันดับ 1 สำหรับผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุด (Sexiest Man)

ในเดือน สิงหาคม ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) ตัวของ Henry ได้กลายเป็นทูตของอุทยานสัตว์ป่า Durrell และได้สร้างเว็บรวมถึงโซเชียลมีเดียที่เรียกว่า CallConservation เพื่อรณรงค์เรี่ยรายเงินบริจาคสำหรับช่วยเหลือสัตว์ป่า

ต่อมาเจ้าตัวก็ได้รับบทบาทอีกมากมายในงานแสดง ทั้ง The Man from U.N.C.L.E. ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), กลับมารับบท Superman ใน Batman v Superman: Dawn of Justice ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), Sand Castle ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), รับบท Superman อีกครั้ง Justice League ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), Mission: Impossible - Fallout ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), Night Hunter ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), สร้างชื่ออีกครั้งกับบทบาทสุดเหมือนอย่าง Geralt of Rivia ในซีรีส์ทาง Netflix เรื่อง The Witcher ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), Enola Holmes ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

แต่น่าเสียดายที่เหมือนกับว่าบทบาท Superman ของเจ้าตัวจะเงียบหายไปนับตั้งแต่ Justice League และมีข่าวคราวมาบ้างว่าเขาจะไม่ได้รับบทนี้แล้วด้วย เพราะทางค่ายกำลังหาตัว Superman คนใหม่ แต่เจ้าตัวก็ยังออกมาบอกว่าอยากรับบทบาทนี้อยู่

ชายผู้มีหุ่นที่สาว ๆ หลงไหล หน้าตาที่ใคร ๆ ก็อาจจะหลงรัก ผู้ดี ๆ แบบคนอังกฤษ การแสดงที่ไม่ธรรมดา และความทุ่มเทที่เต็มเปี่ยม นี่แหละชายที่ชื่อ Henry Cavill

6 พฤษภาคม

GEORGE CLOONEY

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

George Timothy Clooney เกิดวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1961 (พ.ศ. 2504) ที่ Lexington, Kentucky ประเทศอเมริกา

ชีวิตวัยเด็กและวัยรุ่นของเจ้าตัวส่วนมากใช้ไปกับการเล่นกีฬา เขามีความสนใจในกีฬาบาสเก็ตบอลและเบสบอล และเขาก็ทำได้ดีเสียด้วย เขาเคยไปคัดตัวจะเข้าร่วมทีมเบสบอล Cincinnati Red แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับการเสนอสัญญามาให้

แต่จุดเปลี่ยนของเขามาจากการที่ญาติของเขาคนนึงให้เขาได้รับบทเล็ก ๆ ในหนังเรื่องนึง นั่นจึงเป็นจุดที่ทำให้เขาเริ่มสนใจในการแสดง และส่งผลให้เขาได้รับบทหลักในเรื่อง E/R ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527) กับบทบาท Dr. Doug Ross และเขาก็ทำมันได้ดีเลยทีเดียว จนมีบทอื่นๆ ตามมาอีกไม่น้อย เช่น Roseanne ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531), Sisters ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534), ER ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) ซึ่งในซีรีส์ ER เขาก็ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ 3 ปีซ้อนเลยทีเดียว

ในระหว่างที่ถ่ายทำซีรีส์ ER เจ้าตัวก็ได้แสดงนำในหนังชื่อดังหลายเรื่อง ไม่ว่าจะ From Dusk Till Dawn ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539), One Fine Day ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539), รับบทอัศวินรัตติกาล Batman ใน Batman & Robin ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) ถึงแม้จะทำรายได้ไปไม่น้อย แต่ก็โดนแซวเรื่องชุด Batman ที่เห็นหัวนมอันน่าขบขันนั้น, Out of Sight ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541), The Thin Red Line ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541), Three Kings ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542)

ในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) เจ้าตัวออกจากซีรีส์ ER (แต่ภายหลังเขาก็กลับมารับบทในซีซั่นสุดท้าย) เขาก็ได้มาปรากฏตัวในหนังอีกหลายเรื่อง O Brother, Where Art Thou? ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) ส่งให้เขาคว้ารางวัลลูกโลกทองคำด้วย, The Perfect Storm ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543), Ocean's Eleven ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) และประสบความสำเร็จจนมีภาคต่อ Ocean's Twelve ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) และ Ocean's Thirteen ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)

ในปี ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) เจ้าตัวได้มากำกับหนังครั้งแรกในเรื่อง Confession of a Dangerous Mind ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) และมาอำนวยการสร้างให้หนังเรื่องนึงภายใต้บริษัท Section Eight Productions ที่เจ้าตัวก่อตั้งร่วมกับ Steven Soderbergh ซึ่งบริษัทนั้นได้อำนวยการสร้างให้หนังมากมาย ทั้ง Far from Heaven ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545), Syriana ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), A Scanner Darkly ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549), Good Night, and Good Luck ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)

เจ้าตัวได้คว้ารางวัลออสการ์ครั้งแรกสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง Syriana ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) และได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมและบทดั้งเดิมยอดเยี่ยมจากเรื่อง Good Night, and Good Luck ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)

ในปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) บริษัท Section Eight ก็ปิดตัวลง ทำให้ตัวของ Soderbergh ไปมุ่งการกำกับหนังอย่างเดียว ส่วนทางด้าน Clooney ก็ไปก่อตั้งบริษัทโปรดักชั่นใหม่ในชื่อ Smokehouse Productions กับเพื่อนของเขา Grant Heslov

Clooney ยังคงอำนวยการสร้าง, กำกับ และแสดงนำในหนังอีกหลายเรื่อง ทั้งอำนวยการสร้างและแสดงนำใน Michael Clayton ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) ที่ทำให้เขาได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วย, กำกับและแสดงนำใน Leatherheads ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551), แสดงนำ Burn After Reading ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551), The Men Who Stare at Goats ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), Fantastic Mr. Fox ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) และ Up in the Air ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) ซึ่งในเรื่องหลังเขาได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำด้วย

หลังจากนั้นเขาก็ได้มากำกับ, เขียนบท, แสดงนำ, อำนวยการสร้าง ให้กับหนังเรื่อง The Ides of March ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) ที่ส่งให้เขาเข้าชิงรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำด้วย ทั้งในฐานะผู้กำกับ, คนเขียนบท และนักแสดง

แต่ในปีเดียวกันนั้นเขาก็สามารถคว้ารางวัลลูกโลกทองคำมาได้ กับเรื่อง The Descendants ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) แต่น่าเสียได้ที่ได้เพียงเข้าชิงในออสการ์เท่านั้น

ถัดมา 1 ปี เขาก็ได้มาอำนวยการสร้างให้กับหนังเรื่องนึง ที่กำกับโดย Ben Affleck เรื่อง Argo ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) ที่ส่งให้หนังเรื่องนี้คว้ารางวัลออสการ์สาขาหนังยอดเยี่ยมแห่งปีไปเลยทีเดียว

หลังจากนั้นเขาก็ได้มาแสดงหนังและซีรีส์บ้าง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นมากมายกับเท่าที่ผ่านมา เช่น Tomorrowland ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), Hail Caesar! ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), ซีรีส์ Catch-22 ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ตามมาด้วยผลงานล่าสุดกับ The Midnight Sky ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

NAOMI SCOTT

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Naomi Grace Scott เกิดวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) ที่ London, England ประเทศอังกฤษ

เธอแสดงหนังครั้งแรกเรื่อง The 33 ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ที่สร้างมาจากเหตุการณ์จริงของภารกิจช่วยเหลือคนงานเหมืองที่ติดอยู่ในเหมืองที่ถล่ม 69 วัน เธอรับบทเป็น Escarlette ลูกสาวของคนที่แสดงโดย Antonio Banderas

แต่ก่อนหน้านี้เธอแสดงซีรีส์มาหลายเรื่อง ทั้ง Life Bites ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), Terra Nova ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) เป็นต้น

ต่อมาเธอได้แสดงหนังในเรื่อง Power Rangers ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) กับบทบาท Kimberly หรือ Pink Ranger

ปี ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) เธอได้แสดงบทเจ้าหญิง Jasmine ในหนังรีเมคฉบับ Live-Action จากการ์ตูนชื่อดัง Aladdin ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)

หลังจากนั้นเธอก็ได้รับบทในภาคใหม่ของ Charlie's Angels ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) กับบทบาท Elena Houghlin

นอกจากใบหน้าอันสวยสดงดงามของเธอแล้ว จริง ๆ เธอมีความสามารถหลากหลาย ทั้งการแสดง, ร้องเพลง และแต่งเพลง แน่นอนว่าเพลง Speechless ที่เธอได้ร้องไว้ใน Aladdin เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี

11 พฤษภาคม

CORY MONTEITH

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Cory Allan Michael Monteith เกิดวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) ที่ Calgary, Alberta ประเทศแคนาดา

หลังจากที่พ่อแม่หย่ากัน Monteith ย้ายจาก Calgary, Alberta มาอยู่ที่ Victoria, British Columbia เมื่ออายุได้ 2 ปี

ในช่วงเวลาว่างเขามักจะชอบเล่น skimboard และ surf เป็นอย่างมาก รวมถึงมีกีฬาที่โปรดปรานคือ ฮ็อกกี้และบาสเก็ตบอล แต่เจ้าตัวยังมีความสามารถทางด้านดนตรี

เขาลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุ 16 ปี หลังจากที่ต้องย้ายและเปลี่ยนโรงเรียนมากถึง 16 ครั้ง (รวมถึงเข้าร่วมโปรแกรมเรียนสำหรับเด็กมีปัญหา) เนื่องจากเขาติดแอลกอฮอล์และเสพยาด้วย หนักเข้าเจ้าตัวก็ก่ออาชญากรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นขโมยเงินจากเพื่อน จากที่บ้านเพื่อไปซื้อยา เมื่ออายุได้ 19 ปี แม่ก็ส่งให้เขาเข้าโปรแกรมปรับพฤติกรรมทันที

ก่อนที่เขาจะเป็นนักแสดง เขาเคยทำงานเป็นพนักงานทักทายหน้า Wal-Mart, เป็นคนขับแท็กซี่, เป็นช่างมุงหลังคาและเคยเป็นมือกลองให้กับวงที่ชื่อว่า Bonnie Dune ด้วย

จุดเริ่มต้นในการแสดงของเขาเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) กับการได้รับบทเล็ก ๆ ในซีรีส์ Stargate: Atlantis ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ตามมาด้วยการปรากฏตัวบทเล็ก ๆ ในซีรีส์อีกหลายเรื่อง เช่น Killer Bash ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), Young Blades ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), Supernatural ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), Smallville ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) และ Killer Instinct ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)

และจากการสั่งสมประสบการณ์ทางการแสดงมาพอสมควร เขาก็ได้มีโอกาสแสดงหนังครั้งแรกในเรื่อง Final Destination 3 ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) และมันก็ส่งให้เขาได้รับบทอีกหลายเรื่อง ทั้ง Deck the Halls ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549), Bloody Mary ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549), The Invisible ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) และ Whisper ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)

ในระหว่างนั้นก็มีผลงานของเขาให้เราได้ติดตามกันอยู่เรื่อย ๆ แต่อีก 2 ปีให้หลัง เขาก็ได้ถูกแคสโดย Fox เพื่อไปรับบทในซีรีส์มิวสิคัล Glee ในบท Finn Hudson และนั่นคือบทบาทแจ้งเกิด ที่ส่งให้คนทั้งโลกรู้จักเขา เขาได้แสดงซีรีส์นี้่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009-2013 (พ.ศ. 2552-2556) กลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่คนทั้งโลกต่างตกหลุมรัก

แต่มันช่างน่าเสียดายเหลือเกิน เพราะนั่นแทบจะเป็นผลงานแจ้งเกิดและผลงานเดียวของเจ้าตัวที่มีชื่อเสียง เพราะ Monteith ได้จากโลกนี้ไปเสียก่อน

ในวันที่ 13 กรกฏาคม ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) มีการพบศพเขาในห้องพักที่โรงแรม Fairmont Pacific Rim ที่ Vancouver จริง ๆ เขาต้อง check out ออกในวันนั้นหลังจากเข้าพักมา 7 วันแล้ว แต่เมื่อไม่มีการออก ทำให้ทางพนักงานโรงแรมต้องเข้าไปตรวจดูในห้อง ผลปรากฏว่าพบศพของเขาประมาณช่วงเที่ยงของวันนั้น ผลชันสูตรออกมาว่าพบสารเสพติดอันตรายพบผสมกัน ดาราหนุ่มรายนี้เสพเฮโรอินและแอลกอฮอล์เกินขนาด รวมถึงมีการตรวจพบโคเคนและมอฟีนในเส้นเลือดด้วย อีกทั้งอุปกรณ์การเสพยาต่าง ๆ ... ในขณะนั้นเขามีอายุเพียง 31 ปี

Lea Michele ผู้ร่วมแสดงซีรีส์ Glee และอดีตคนรู้ใจของ Monteith ที่เคยคบหากันตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) จนเขาเสียชีวิต ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ELLE Magazine ว่าคำสุดท้ายที่ Monteith พูดเอาไว้กับเธอคือ "if you say so" และคำนี้มันมีความหมายกับเธอมาก เธอได้สักมันเอาไว้ที่บริเวณซี่โครง

รวมถึง Michele ยังได้แต่ง 2 เพลงในอัลบั้มของเธอเพื่อระลึกถึงการตายของ Monteith เพลงแรกชื่อว่า Cannonball เป็นซิงเกิลแรกของอัลบั้ม ส่วนอีกเพลงคือ If You Say So ที่มาจากคำพูดสุดท้ายของ Monteith ที่ได้พูดไว้กับเธอนั่นเอง...

12 พฤษภาคม

RAMI MALEK

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Rami Said Malek เกิดวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) ที่ Los Angeles, California ประเทศอเมริกา

ในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ตัวของ Malek ก็ได้เริ่มต้นอาชีพการแสดงด้วยการเป็นแขกรับเชิญในซีรีส์ Gilmore Girls และในปีเดียวกัน เขาก็ได้ให้เสียงพากย์ตัวละครในเกม Halo 2 แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เครดิต

ปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) เจ้าตัวได้แสดงในซีรีส์ Over There แต่ปรากฏได้เพียง 2 ตอนเท่านั้น และในปีเดียวันนั้นเจ้าตัวก็ได้ปรากฏในซีรีส์ Medium เพียงตอนเดียว และได้ถูกคัดเลือกให้แสดงในซีรีส์ของ Fox เรื่อง The War at Home

Malek ได้เปิดตัวกับหนังเรื่องแรกในปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) กับบทบาท Pharaoh Ahkmenrah จากเรื่อง Night at the Museum และกลับมารับบทเดิมในภาคต่อ Night at the Museum: Battle of the Smithsonian ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) และ Night at the Museum: Secret of the Tomb ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557)

ปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) เขาไปแสดงละครเวทีกับบทบาท Jamie กับทาง Vitality Productions เรื่อง The Credeaux Canvas ให้กับโรงละคร Elephant Theatre ใน Los Angeles

ต่อมาเขาก็ได้แสดงหนังและซีรีส์มาเรื่อยๆ แต่บทบาทที่ทำให้หลายคนรู้จักชื่อของเขาก็คือบทบาท Hacker ในหนังดราม่าจิตวิทยา เรื่อง Mr. Robot ค.ศ. 2015-2019 (พ.ศ. 2558-2562) และด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมและน่าจดจำของเขา ส่งให้เขาได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Dorian Award, Satellite Awatd, Golden Globe Award ทั้ง 3 ซีซั่นเลยทีเดียว และ Screen Actors Guild Award และคว้ารางวัล Critics' Choice Television Award สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมกับซีรีส์ประเภทดราม่า และคว้าอีกหนึ่งรางวัลจาก Primetime Emmy Award สาขานักแสดงนำชายโดเด่นจากซีรีส์ประเภทดราม่า

เขาสร้างชื่อตัวเองอย่างต่อเนื่องในปี ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) เขาได้แสดงนำในหนังเรื่อง Buster's Mal Heart ซึ่งจัดรอบปฐมทัศน์ที่งานเทศกาลหนัง Toronto International Film Festival และได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกแบบสุดๆ ในปีเดียวกันนั้นได้มีการประกาศว่าเขาจะมาร่วมแสดงกับ Charlie Hunnam ในหนังรีเมคจากหนังปี ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516) เรื่อง Papillon และก็เข้าฉายใน Toronto ปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) เช่นกัน แน่นอนว่าได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดีไม่แพ้กัน

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) มีการประกาศว่า Malek จะมารับบทนักร้องผู้ยิ่งใหญ่ Freddie Murcury วง Queen กับเรื่อง Bohemian Rhapsody และเข้าฉายในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) และจากบทบาทอันยอดเยี่ยมนี้ทำให้เขาได้คว้ารางวัลออสการ์ครั้งแรกในชีวิตมาครอบครอง กับสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

ตามมาด้วยผลงานในบทบาท Jim Baxter กับเรื่อง The Little Things ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) ที่ได้แสดงร่วมกับ Denzen Washington, Natalie Morales, Jared Leto และบทบาท Lyutsifer Safin ใน No Time to Die ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)

นักแสดงผู้มากไปด้วยความสามารถ แสดงได้หลากหลายบท เขาคือ Rami Malek

EMILY VANCAMP

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Emily Irene VanCamp เกิดวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) ที่ Port Perry, Ontario ประเทศแคนาดา 

VanCamp เริ่มทำงานแรกกับพ่อของเธอในฐานะนักโภชนาการสัตว์ ตามมาด้วยการทำงานเป็นพนักงานส่งอาหารในระแวกบ้านเกิด 

VanCamp ได้เรียนเต้นตั้งแต่อายุ 3 ปี และอยากเป็นนักเต้นมืออาชีพ ซึ่งตอนอายุ 11 ปี พ่อแม่ของเธอให้เธอเข้าเรียนโปรแกรมสอนเต้นพิเศษที่ Montreal และเมื่ออายุ 12 ปี เธอได้รับเลือกเข้าเรียนบัลเล่ต์ที่ École supérieure de ballet du Québec

ในปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) VanCamp เริ่มสนใจในด้านการแสดงเมื่อเธอได้ไปเยี่ยม Katie น้องสาวของเธอในกองถ่าย Ladies Room ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) หลังจากนั้น VanCamp จึงได้เข้าเรียนสอนการแสดงทุกวันเสาร์ช่วงบ่าย จนกระทั่งมีนายหน้าติดต่อเข้ามา เธอก็เริ่มได้เล่นโฆษณาและได้เริ่มต้นแสดงบทบาทแรกในชีวิตกับซีรีส์เรื่อง Are You Afraid of the Dark? ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543)

แต่หลังจากนั้นเธอก็มีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งซีรีส์ Radio Active ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) และได้เล่นหนังครั้งแรกในเรื่อง Lost and Delirious ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) 

VanCamp สร้างชื่อเสียงมาจากบทบาทในซีรีส์ Everwood ค.ศ. 2002-2006 (พ.ศ. 2545-2549), Brothers & Sisters ค.ศ. 2007-2010 (พ.ศ. 2550-2553) และ Revenge ค.ศ. 2011-2015 (พ.ศ. 2554-2558) ซึ่งหลายต่อหลายคนน่าจะรู้จักเธอจากบทบาท Sharon Carter/Agent 13 ใน Captain America: The Winter Soldier ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557), Captain America: Civil War ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2558) และล่าสุดไปปรากฏตัวในซีรีส์ The Falcon and the Winter Soldier ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)

ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีผลงานของเธอให้เราได้เห็นกันอยู่กับซีรีส์ The Resident ค.ศ. 2018-2021 (พ.ศ. 2561-2564) ที่เธอแสดงเอาไว้ในบทบาท Nicolette Nevin 

13 พฤษภาคม

ROBERT PATTINSON

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Robert Douglas Thomas Pattinson เกิดวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) ที่ London ประเทศอังกฤษ

Pattinson ค้นพบว่าตนเองชอบเกี่ยวกับเพลงและเริ่มเรียนกีตาร์กับเปียโนตั้งแต่อายุเพียง 4 ปีเท่านั้น

เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เขาชอบที่จะดูหนังมากกว่าการนั่งทำการบ้านหลังจากเลิกเรียน และเขาชื่นชอบ Jack Nicholson เป็นอย่างมาก

และต่อมาในช่วงวัยรุ่นตอนปลายจนเกือบ 20 ปี เขาได้แสดงโซโล่กีตาร์ในบาร์และผับทั่ว London แถมเขายังร้องเพลงที่เขาแต่งเองอีกด้วย

เมื่อโตขึ้นเริ่มมาถึงจุดที่เขาต้องเลือกทางแยกระหว่างเป็นนักดนตรีหรือเข้าไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อเรียนด้านการเขียน ณ ตอนนั้นมันไม่มีความคิดอยากเป็นนักแสดงเลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญคืออาจารย์สอนการแสดงของเขาในตอนที่เรียนแนะนำเขาว่าอย่าเข้าชมรมการละครนะ เพราะมันไม่เหมาะกับเขา แต่จริงๆ แล้วช่วงวัยรุ่นเขาเคยไปเข้าร่วมแสดงละครวทีท้องถิ่นเพราะพ่อของเขาโน้มน้าวให้เขาเข้าร่วม เนื่องจาก Pattinson เป็นเด็กขี้อายมาก ๆ และตอนอายุ 15 ปี และระยะเวลา 2 ปี เขาก็ได้ทำงานเบื้องหลังเวทีแห่งหนึ่ง จนทำให้เขาไปออดิชั่นบทหนึ่งด้วย แต่ไม่มีบทพูด เป็นแค่นักเต้นเท่านั้น และเขาก็ได้รับบทนำในเรื่องต่อไปเรื่อง Our Town นั่นแหละคือจุดเปลี่ยนในชีวิต เพราะมีแมวมองคนหนึ่งมาเห็นเข้าพอดี และแมวมองคนนั้นกำลังหานักแสดงไปรับบทในหนังอยู่พอดี

นั่นจึงทำให้เขาได้แสดงในระดับอาชีพครั้งแรกกับบทเล็ก ๆ ในเรื่อง Vanity Fair ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) แต่สุดท้ายบทของเขาก็ถูกตัดออกไปดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น ตัวเขาเองยังไม่รู้เลย จนกระทั่งในรอบปฐมทัศน์ที่เขาพบว่าไม่มีตัวเขาอยู่ในหนัง ผู้กำกับนักแสดงรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ไม่ได้แจ้งเจ้าตัวก่อน จึงไถ่โทษด้วยการส่งเขาไปออดิชั่นบทในเรื่อง Harry Potter and the Goblet of Fire ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) และโชคดี ที่ความสามารถเพียงพอต่อบทบาทในเรื่องนี้ นั่นทำให้เขาได้รับบท Cedric Diggory ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างมากขึ้น และเริ่มมีแฟนๆ หลงรักใบหน้าอันหล่อเหลาของเจ้าตัว ด้วยวัยเพียง 19 ปี

หลังจานกั้นเขาก็ได้รับบทเล็กๆ ในซีรีส์ของอังกฤษอีกหลายเรื่อง จนกระทั่งทาง Hollywood เริ่มสนใจในตัวเด็กคนนี้ แต่เจ้าตัวก็ยังคงถกเถียงกับตัวเองอยู่ว่าจะเอาดีทางด้านการแสดงจริง ๆ หรอ?

แต่เขาก็ตัดสินใจลองดูสักตั้ง ส่งคลิปออดิชั่นไปอเมริกา หนึ่งกับบทหนังรอมคอม และนั่นทำให้เขาได้ไปออดิชั่นต่อหน้าทีมงานที่ Los Angeles แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้รับบทนั้นไป 

แต่ในระหว่างที่เขาอยู่ในเมืองเขาก็ได้ไปออดิชั่นที่อื่น ๆ ด้วย นั่นจึงทำให้เขาได้ไปออดิชั่นกับผู้กำกับ Catherine Hardwicke สำหรับบทที่เขาเข้าใจว่ามันคือหนังอินดี้ที่สร้างมาจากนิยายไม่ดังเกี่ยวกับแวมไพร์ ซึ่งตัวเขาเอาชนะผู้เข้าออดิชั่นกว่า 3,000 คน และในตอนนั้นเขาเพิ่งได้รู้ว่าบทที่เขาออดิชั่นคือบท Edward Cullen หนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายขายดีชื่อดัง Twilight ที่เขียนโดย Stephenie Meyer นั่นทำให้เขากลายเป็นดาราดัง สาวๆ หลายคนต่างคลั่งไคล้ หลายคนบนโลกรู้จักชื่อเขาในฐานะแวมไพร์ ด้วยวัย 22 ปี เขารับบทนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008-2012 (พ.ศ. 2551-2555) และตัวหนังทำรายได้ไปกว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก และความดังของเขาก็เริ่มฉุดไม่อยู่ เพราะในระหว่างนั้นเขาก็ได้รับบทในอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Remember Me ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553), Water for Elephants ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) และ Bel Ami ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)

Pattinson แทบไม่เชื่อชีวิตของตัวเองในช่วงนั้นเลย (ยุค Twilight-era) เพราะมันเกินกว่าที่เขาฝันมาก จากนักแสดงที่แทบไม่มีใครรู้จัก กลายเป็นนักแสดงระดับ A-list ของวงการ Hollywood เดินไปที่ไหนก็มีแต่คนมาคอยถ่ายรูป ขอลายเซ็น เขามีชื่อติด 25 อันดับดาราอายุต่ำกว่า 25 ที่ฮอตที่สุดของ Moviefone (The 25 Hottest Actors Under 25) ในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) และในปีเดียวกันนั้นติดอันดับอีกหลากหลายที่ทั้งในนิตยสาร เว็บต่างๆ เรียกได้ว่าตอนนั้นเขาฮอตสุด ๆ 

และตัวเขายังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องในปี ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) ติดอันดับ 1 กับ 25 อันดับดาราอายุต่ำกว่า 25 ที่ฮอตที่สุดของ Moviefone (The 25 Hottest Actors Under 25), นิตยสาร GQ ของอังกฤษ ก็ติดชื่อเขาเป็นชายที่แต่งตัวดีที่สุดแห่งปี ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และในปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) เขาติดอันดับ 1 ชายที่เซ็กซี่ที่สุดของ Glamour คือในช่วงที่เขาแสดง Twilight เนี่ย มีการจัดอันดับอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับความหล่อ ความเซ็กซี่ ดูดี บลาๆ ต้องมีชื่อของ Robert Pattinson แน่นอน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็ยังมีเป้าหมายเกี่ยวกับสิ่งที่เขาต้องการหรือสามารถทำได้ในฐานะนักแสดงอยู่

นั่นทำให้เขาได้ถูกเสนอให้รับบทในหนังของผู้กำกับ David Cronenberg เรื่อง Cosmopolis ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) ซึ่ง Pattinson ได้อธิบายว่ามันเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้เขาเองเช่นกัน มันเหมือนเป็นการย้ำเตือนว่าเขารักโรงหนังมากแค่ไหน และทำไมเขาถึงตัดสินใจอยากเป็นนักแสดงในตอนแรก รวมถึงมันยังส่งเสริมความปราถนาของเขาที่สำคัญที่สุดในปีต่อๆ ไปในการทำงานกับผู้กำกับหนังที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ 

Pattinson เริ่มห่างหายจากหนังใหญ่ๆ แต่เขาจะไปแสดงหนังอิสระเสียส่วนใหญ่จากผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในด้านนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น The Rover ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557), Maps to the Stars ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557), Life ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), Queen of the Desert ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) และ The Childhood of a Leader ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ผู้คนจึงไม่ค่อยเห็นผลงานของเขาสักเท่าไหร่

มีหนึ่งบทบาทที่เขาได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก แต่คนจำไม่ค่อยได้ นั่นคือบทบาทนักสำรวจป่าอเมซอนในเรื่อง The Lost City of Z ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) และบทบาทอันสุดยอดในหนังอาชญากรรมระทึกขวัญเรื่อง Good Time (2017) ที่ในงานฉายหนังเทศกาลเมืองคานส์หลังหนังจบเขาได้รับการยืนปรบมือยาวนานถึง 6 นาทีเลยทีเดียว และยังส่งให้เขาได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Independent Spirit Awards 

ต่อมาเขาได้แสดงในหนังอีกหลายเรื่อง ที่ไม่ใช่หนัง brockbuster ชื่อดังอะไรขนาดนั้น แต่ยังคงโชว์ผลงานในการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม ที่เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาไม่ได้มีดีแค่หน้าตาหล่อเหลาเท่านั้น เช่น Damsel ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), High Life ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), The King ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และสุดยอดผลงานที่ประกบคู่ประชันบทบาทกับ Willem Dafoe ในเรื่อง The Lighthouse ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ของผู้กำกับ Robert Eggers ซึ่งส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเป็นครั้งที่สองกับ Independent Spirit Award สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

และผลงานล่าสุดของเขาที่เพิ่งผ่านพ้นไปก็แสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมกับ The Devil All the Time ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ทาง Netflix, และ Tenet ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ของผู้กำกับ Christopher Nolan

และบทบาทที่ยอดเยี่ยม กับบทบาท Bruce Wayne/Batman ในหนัง The Batman ของ Matt Reeves ที่เป็นโทนดาร์คกว่าหนัง Batman ที่ผ่านมาทั้งหมด ที่ต้องบอกเลยว่าเท่จริง ๆ 

14 พฤษภาคม

GEORCE LUCAS

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

แน่นอนว่าหลายคนรู้จัก George Lucas ในฐานะบิดาแห่ง Star Wars ถ้าไม่มีเขา เราจะไม่ได้รู้จัก Star Wars อย่างที่เรารู้จักในทุกวันนี้ และเนื่องในวันเกิดของเขา เราจะย้อนไปชมเรื่องราวของเขากันสักหน่อย

George Walton Lucas Jr. เกิดวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1944 (พ.ศ. 2487) ที่ Modesto, California ประเทศอเมริกา

ในช่วงชีวิตวัยรุ่นตอนที่เรียนมัธยมปลายอยู่ที่ Thomas Downey High School เขามีความสนใจอย่างมากในการแข่งรถทางตรง สนใจมากจนขนาดวางแผนอนาคตไว้ว่าจะเป็นนักแข่งรถให้จงได้เลย แต่อุบัติเหตุทางรถยนต์อันโหดร้ายช่วงเรียนจบมัธยมปลายทำให้ความฝันในเรื่องนี้เขาดับลงในทันที และ...

อุบัติเหตุครั้งนั้นเปลี่ยนมุมมองชีวิตของเขาไปตลอดกาล

เขาตัดสินใจเข้าไปเรียนที่ Modesto Junior College ก่อนที่ภายหลังจะไปลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัย Southern California film school

ในฐานะนักเรียนฟิล์ม เขาได้ทำหนังสั้นหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือ Electronic Labyrinth THX 1138 4EB ค.ศ. 1967 (พ.ศ. 2510) ที่ฉายความสามารถของเขาแบบสุดๆ เพราะเขาชนะรางวัลอันดับหนึ่งในเทศกาลนานาชาติหนัง National Student Film Festival ค.ศ. 1967-1968 (พ.ศ. 2510-2511) และในปีเดียวกันนั้นเขาก็ได้ทุนการศึกษาจากทาง Warner Brothers เพื่อสนับสนุนในการสร้างสรรค์ผลงานในฐานะ Production Assistant ในผลงานเรื่อง Finian's Rainbow ค.ศ. 1968 (พ.ศ. 2511) ของผู้กำกับ Francis Ford Coppola จนทำให้ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนรักกัน

Lucas และ Ford ได้ร่วมมือกันตั้งบริษัท American Zoetrope ในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) และได้ทำโปรเจคหนังยาวขึ้นมา 1 เรื่อง เป็นผลงานของ Lucas กับเรื่อง THX 1138 ค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514) ก่อนที่ในปี 1971 ทาง Ford ก็ได้ย้ายไปทำหนังระดับตำนานเรื่อง The Godfather ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) และทางด้าน Lucas ก็ย้ายไปเปิดบริษัทเป็นของตัวเองในชื่อที่ทุกวันนี้หลายคนรู้จักกันดี Lucasfilm Ltd.

ในปี ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2526) เขาได้เขียนบทและกำกับหนังแนวที่เรียกว่า Semiautobiographical เรื่อง American Graffiti ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516) ที่ส่งให้เขาคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 5 สาขาเลยทีเดียว นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นจุดประกายไฟให้เขาสร้างหนึ่งผลงานที่ต่อมามันกลายเป็นวัฒนธรรม Pop-Culture ยาวนานกว่า 40 ปี

ในช่วงปี ค.ศ. 1973-1974 (พ.ศ. 2516-2517) เขาก็ได้เริ่มเขียนบทหนังอย่างขมักเขม้น จนออกมาเป็นผลงานที่ไม่มีใครไม่รู้จักอย่าง

Star Wars: Episode IV - A New Hope ค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2520)

ที่เขาได้แรงบันดาลใจในการสร้างเรื่องนี้มาจากหนัง Flash Gordon และ Planet of the Apes

ในปี ค.ศ. 1975 (พ.ศ. 2518) เขาได้ร่วมมือกับ ILM. (Industrial Light & Magic) เพื่อมาทำ Visual Effects ต่างๆ ให้กับหนัง รวมถึง Sprocket Systems ที่จะมาตัดต่อและมิกซ์เสียงให้กับ Star Wars ที่ภายหลังกลายเป็นขาประจำ จนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Skywalker Sound

แต่แน่นอนว่าการที่จะสร้างหนังมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ตอนนั้น Lucas ก็พอมีชื่อเสียงบ้าง แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้ค่ายหนังยักษ์ใหญ่ต่างๆ เอาบทนี้ไปทำเป็นหนัง เพราะเขาไปเสนอหลายทีแต่ก็โดนปฏิเสธ จนกระทั่งมีค่ายนึงให้โอกาสเขา นั่นก็คือ 20th Century Fox

Lucas รีบตอบตกลงทันที แต่มันอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าเขาต้องสละเงินเดือนในฐานะผู้กำกับถึง 40% จากรายได้ที่หนังเรื่องนี้ทำได้ รวมถึงสิทธิ์ในการขายสินค้าของหนังเรื่องนี้ด้วย...แต่แน่นอน Lucas ไม่มีทางเลือก เขาอยากทำหนังเรื่องนี้มาก

จนทำสำเร็จ...

หนังออกฉาย...

ตู้ม!!! หนังดังเป็นพลุแตก...

ถล่มทลายทุกสถิติบน Box Office จากทุนสร้างเพียง 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 352 ล้านบาท) แต่ทำรายได้ทั่วโลกไปสูงถึง 775 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 24,869 ล้านบาท) มันกลายเป็นนิยามของคำว่า "หนัง Blockbuster" ไปเลย...

Star Wars: Episode IV - A New Hope ค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2520) เข้าชิงรางวัลออสการ์มากถึง 11 สาขา และคว้ามาได้เกินครึ่งถึง 7 สาขา (พลาดไปแค่ 4 สาขาเท่านั้น) ส่วนบทเวทีลูกโลกทองคำก็เข้าชิงไป 4 สาขา คว้ามาได้ 1 สาขา

ใครจะไปคิดว่าหนังสงครามอวกาศจะฮิตขนาดนี้ ถ้ามองมายังปัจจุบัน จะรู้เลยว่าหนัง Star Wars...ไม่สิ คำว่า Star Wars มันไม่ใช่แค่หนังเลยจริง ๆ มันคือจินตนาการ มันคือความฝัน มันคือความทรงจำ มันเป็นปรากฏการณ์แห่งยุค เป็นวัฒนธรรมมาตลอดหลายชั่วอายุคน มันคือประวัติศาสตร์ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ภาพผู้คนเข้าแถวต่อคิวเพื่อเข้าดูหนังเรื่องนี้ราวกับแจกฟรียังไงยังงั้น

ซึ่งจริง ๆ ในตอนแรก Lucas ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าหนังมันจะฮิตหรือเปล่า เขาจึงเลือกที่จะบอกเล่าเรื่องราวจากตรงกลางก็คือภาค 4 ก่อน เพราะมันมีเนื้อเรื่องที่สามารถจบในตอนได้ ถ้าไม่ฮิตก็ปล่อยไว้ ถ้าดังก็สามารถทำต่อได้เลยไม่ว่าจะเล่าย้อนหรือเล่าต่อก็ทำได้ทั้งนั้น และจริงๆ ในตอนฉากเปิดของ A New Hope ที่มีตัวหนังสือวิ่งขึ้น มันไม่มีเลขภาคด้วยนะ ด้วยเหตุผลเดียวกัน จริง ๆ เขาใช้ชื่อว่า Star Wars เฉย ๆ เลยด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาก็เขียนเรื่องราวจักรวาลสงครามแห่งดวงดาว Star Wars ต่อทันที และทำงานร่วมกับพ่อมดแห่งวงการ Hollywood อย่าง Steven Spielberg ในเรื่อง Indiana Jones ที่ทำสถิติบน Box-Office ไว้อย่างน่าชื่นชม

ช่วงปี ค.ศ. 1980-1985 (พ.ศ. 2523-2528) เรียกได้ว่าตัวของเขาง่วงอยู่กับ Star Wars แบบสุดๆ เพื่อสร้างรากฐานงานด้านเทคนิค, ความคิดสร้างสรรค์ ของบริษัท Lucasfilm ของเขา อีกทั้งเขายังปฏิวัติโรงภาพยนตร์ด้วยการใช้ระบบ THX ที่สร้างขึ้นเพื่อรักษามาตรฐานคุณภาพสูงสุดในการรับชมหนังของเขาอีกด้วย

จนมีผลงานในฐานะคนเขียนบท Star Wars: Episode V - The Empire Strikes Back ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523), Star Wars: Episode VI - Return of the Jedi ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526) โดยเขาให้คนอื่นกำกับแทน แต่ตัวเขาก็กลับมากำกับในไตรภาคย้อนต้น Star Wars: Episode I - The Phantom Menace ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542), Star Wars: Episode II - Attack of the Clones ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545), Star Wars: Episode III - Revenge of the Sith ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) รวมถึงเป็นที่ปรึกษาพิเศษให้กับอนิเมชันซีรีส์ Star Wars: The Clone Wars ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) ด้วย

Lucas มีผลงานในการอำนวยการสร้างหนังอีกมากมายหลายเรื่องมาก ๆ ที่นำนวัตกรรม เทคโนโลยีสำคัญ ๆ ต่าง ๆ มาใช้ในการสร้างหนังหลายเรื่อง

Lucas เป็นประธานของบอร์ดบริหาร George Lucas Education Foundation เป็นกองทุนเพื่อการศึกษาด้วย
ในปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) ตัวของ Lucas ได้รับรางวัลเกียรติยศ Irving G. Thalberg Memorial Award จากทางออสการ์หรือสถาบันภาพยนตร์แห่งชาติ

ปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) Lucas ได้ขายบริษัท Lucasfilm ของเขาให้กับทาง Disney จึงทำให้ Kathleen Kennedy เข้ามาเป็นประธานร่วมและมีส่วนในหนัง Star Wars หลังจากนั้นเรื่อยมา ส่วนตัวของ Lucas เอง ก็ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเท่านั้น

George Lucas คือหนึ่งในบุคคลสำคัญแห่งวงการ Hollywood เป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ สร้างปรากฏการณ์อย่างมากให้กับอุตสาหกรรมหนัง

HBD George Lucas - บิดาแห่ง Star Wars

ROBERT ZEMECKIS

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Robert Lee Zemeckis เกิดวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1952 (พ.ศ. 2495) ที่ Chicago, Illinois ประเทศอเมริกา

Zemeckis เป็นเด็กที่มาจากแคมป์ทำหนังของ Steven Spielberg ที่มีความสามารถโดดเด่นสุด ๆ ผลงานเขาเป็นเครื่องการันตีความยอดเยี่ยมของเขาทั้งนั้น

ตอนอยู่แคมป์ Zemeckis เคยทำหนังประกวดจนชนะรางวัล Student Academy Award กับหนังสั้นเรื่อง A Field of Honor ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516) และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Steven Spielberg สนใจ จนทำให้ Spielberg เป็นที่ปรึกษาและอำนวยการสร้างให้หนังสองเรื่องแรกของ Zemeckis ที่ร่วมเขียนบทกับ Bob Gale นั่นก็คือเรื่อง I Wanna Hold Your Hand ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) และ Used Cars ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523)

และเจ้าตัวก็มาแจ้งเกิดกับหนังเดินทางข้ามเวลา Back to the Future ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528) ตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างมากจนมีภาคต่อ Back to the Future Part II ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) และ Back to the Future Part III ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533) ตัวหนังกลายมาเป็น Pop-culture ที่ยังถูกพูดถึงกันมาอย่างต่อเนื่องในทุกวันนี้

หลังจากนั้นก็มีผลงานอันยอดเยี่ยมของเขาออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Forrest Gump ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537), Contact ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540), Cast Away ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543), The Polar Express ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547), A Christmas Carol ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), Flight ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), The Walk ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558)

ตัวเขาเองคว้ารางวัลออสการ์ 1 ครั้ง สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเรื่อง Forrest Gump ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) และเข้าชิงออสการ์อีกครั้งกับการเขียนบทในเรื่อง Back to the Future ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528) ร่วมกับ Bob Gale

และคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ 1 ครั้งเช่นกัน จากเรื่องเดียวกัน Forrest Gump และเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำกับการเขียนบทเช่นเดียวกันในเรื่อง Back to the Future ร่วมกับ Bob Gale

เขาคือผู้กำกับที่มีนักแสดงคู่บุญเป็น Tom Hanks ร่วมงานด้วยกันมา ทั้ง Forrest Gump ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537), Cast Away ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543), The Polar Express ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) และในอนาคตกับ Pinocchio

หนังยอดเยี่ยมของ Robert Zemeckis

Back to the Future ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528)
- คว้า 1 ออสการ์ (จากเข้าชิงทั้งหมด 4 สาขา)
- เข้าชิง 4 ลูกโลกทองคำ

Who Framed Roger Rabbit ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531)
- คว้า 3 ออสการ์ (จากเข้าชิงทั้งหมด 6 สาขา)
- เข้าชิง 2 ลูกโลกทองคำ

Forrest Gump ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537)
- คว้า 6 ออสการ์ (จากเข้าชิงทั้งหมด 13 สาขา)
- คว้า 3 ลูกโลกทองคำ (จากเข้าชิงทั้งหมด 7 สาขา)

Cast Away ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543)
- เข้าชิง 2 ออสการ์
- คว้า 1 ลูกโลกทองคำ

The Polar Express ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547)
- เข้าชิง 3 ออสการ์
- เข้าชิง 1 ลูกโลกทองคำ

Flight ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
- เข้าชิง 2 ออสการ์
- เข้าชิง 1 ลูกโลกทองคำ

และอีกมากมาย

Robert Zemeckis คือหนึ่งในผู้กำกับที่ฝากยอดผลงานไว้มากมายให้เราจดจำ และนอกจากกำกับแล้ว เจ้าตัวยังเป็นนักเขียนบทที่มีฝีมือมาก ๆ คนหนึ่งด้วย ในอนาคตเรายังได้เห็นผลงานการกำกับของเขาอีกแน่นอน The King แสดงนำโดย Dwayne Johnson และ Pinocchio ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการถ่ายทำ

CATE BLANCHETT

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Catherine Elise Blanchett เกิดวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) ที่ Melbourne, Victoria ประเทศออสเตรเลีย

Cate เรียนจบจาก National Institute of Dramatic Art ในปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) และเริ่มเข้าสู่เส้นทางการแสดงทันที และเธอก็ได้รับเสียงชื่นชมไปไม่น้อยเลยภายในเวลาไม่กี่ปีเท่านั้น

เธอได้เข้าร่วมแสดงละครเวทีกับทาง Sydney Theatre Company ในเรื่อง Caryl Churchill หลังจากนั้นเธอก็ไปรับบท Felice Bauer ในเรื่อง Kafka Dances จนคว้ารางวัลนักแสดงหน้าใหม่จาก Sydney Theatre Critics Circle ในปี ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536)

หลังจากนั้นเธอก็โลดแล่นกับบทบาทในละครเวทีมาสักพัก และคว้ารางวัลอีกมากมาย จนกระทั่งเธอได้ไปรับบทนักแสดงสมทบในซีรีส์ทาง ABC เรื่อง Heartland ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) และการแสดงของเธอก็ส่งให้เธอคว้ารางวัลอีกเช่นกัน

ในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) เธอได้ยังคงโลดแล่นแสดงละครเวทีแต่เพิ่มเติมด้วยบทบาทในซีรีส์ที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Bordentown ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538), G.P. ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532), Police Rescue ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) และได้แสดงหนังใหญ่ครั้งแรกในเรื่อง Paradise Road ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540)

Cate ได้แต่งงานกับนักเขียนบทหนัง Andrew Upton ในช่วงปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) (และอยู่ด้วยกันจนถึงปัจจุบัน) หลังจากที่เธอพบเขาในกองถ่ายหนัง และในตอนแรกทั้งคู่ไม่ชอบหน้ากันด้วยซ้ำ ฝ่ายชายคิดว่าฝ่ายหญิงดูสันโดษไปเสียหน่อย ฝ่ายหญิงคิดว่าฝ่ายชายเย่อหยิ่งเกินไป แต่เมื่อทั้งคู่ได้มาเล่น Poker กันในงานปาร์ตี้ก็เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อกัน และทั้งคู่ก็กลับบ้านด้วยกันในคืนนั้น สามสัปดาห์หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แต่งงานกันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ภายหลังเธอจะบินไปอังกฤษเพื่อรับบทอันยอดเยี่ยมในหนังเรื่อง Elizabeth ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) ที่ส่งให้เธอชนะรางวัลอันยอดเยี่ยม และรางวัลอันน่าภาคภูมิใจอย่างลูกโลกทองคำ กับสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายบนเวทีออสการ์เธอได้แค่เข้าชิงเท่านั้น เพราะเธอแพ้ Gwyneth Paltrow ไป

ปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) เป็นปีที่งานของ Cate ชุกมากปีหนึ่งเลยทีเดียว เธอได้แสดงในเรื่อง Bandits ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544), The Shipping News ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544), Charlotte Gray ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) แถมยังรับบทเจ้าหญิง Elf ในไตรภาค Lord of The Rings อีกต่างหาก แถมในปีเดียวกันนั้นเธอยังให้กำเนิดบุตรชายคนแรก Dashiell อีกด้วย ตามมาด้วยลูกชายคนที่สอง Roman ในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547)

ในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) เธอได้ร่วมงานกับผู้กำกับ Martin Scorsese ในหนังเรื่อง Aviator กับบทบาท Katharine Hepburn ที่ส่งให้เธอคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม

2 ปีให้หลังจากนั้น เธอได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมกับบทบาทครูในหนัง Notes on a Scandal ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549)

ในปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) เธอกลับมารับบทนำใน Elizabeth: The Golden Age ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) ที่ส่งให้เธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และในปีเดียวกันนั้นเธอก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์อีกหนึ่งสาขากับนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง I'm Not There ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)

เธอให้กำเนิดลูกชายคนที่ 3 Ignatius ในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) และทั้งตัวเธอกับสามีก็กลายมาเป็นผู้กำกับให้กับโรงละคร Sydney Theatre Company เพื่อที่จะได้ใช้เวลามากขึ้นในออสเตรเลียเพื่อเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน และใช้จ่ายเงินหลายล้านดอลลาร์ซื้อบ้าน เราจึงไม่ค่อยได้เห็นหน้าเห็นตาเธอในหนังสักเท่าไหร่ช่วงนั้น

จนกระทั่ง Woody Allen ได้ให้เธอไปแสดงในเรื่อง Blue Jasmine ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) ที่ส่งให้เธอคว้ารางวัลออสการ์อีกครั้งกับสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เธอจึงหันกลับมารับงานแสดงต่อและลาออกจากผู้กำกับศิลป์ที่โรงละคร Sydney Theatre Company แต่สามีของเธอก็ยังคงทำที่นั่นอยู่อีก 2 ปี ก่อนที่จะลาออกตามมา

ในปี ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) เธอก็ได้รับเลี้ยงเด็กผู้หญิงคนนึงชื่อ Edith จากอเมริกา ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเธอและสามีก็ได้ขายบ้านหลายล้านดอลลาร์ในออสเตรเลียซึ่งทำกำไรไปไม่น้อยและย้ายมาอยู่อเมริกา เหตุผลก็เพราะว่าเธอต้องทำงานในอเมริกาเยอะกว่า หลังจากนั้นเธอก็ไปรับบท Carol ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ที่ส่งให้เธอได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม

แน่นอนว่าชีวิตการแสดงของเธอไม่ได้ตกลงไปแต่อย่างใด เธอรับบทอันน่าทึ่งเป็น 13 ตัวละครในหนัง Manifesto ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) และก็ไปแสดงบรอดเวย์ในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) เรื่อง The Present ที่ส่งให้เธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Tony สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมด้วย

ในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) เธอได้รับเลือกจากประเทศบ้านเกิดเธอออสเตรเลียให้รับเครื่อง​ราช​อ​ิ​สริ​ยาภรณ์ด้วย - Companion of the Order of Australia (AC)

ผลงานการแสดงของเธอยังคงมีต่อเนื่อง ทั้งใน Ocean's 8 ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), ให้เสียงพากย์ใน Mowgli: Legend of the Jungle ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), Where'd You Go, Bernadette ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), ซีรีส์ Stateless ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), ซีรีส์ Mrs. America ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), ซีรีส์ Homemade ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) และผลงานล่าสุดกับซีรีส์ Staged ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)

แถมในอนาคตยังมีบทบาทของเธอให้เราได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง ทั้ง Nightmare Alley ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Don't Look Up ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Pinocchio ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Borderlands, Armageddon Time และมินิซีรีส์ Brideshead Revisited ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)

ตลอดชีวิตการแสดงของเธอ (จนถึงตอนนี้) เธอได้คว้ารางวัลออสการ์ไป 2 ครั้ง และเข้าชิงอีก 5 ครั้ง

[OSCAR - WINNER]

  • Best Performance by an Actress in a Supporting Role | The Aviator ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547)
  • Best Performance by an Actress in a Leading Role | Blue Jasmine ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556)

[OSCAR - NOMINEE]

  • Best Actress in a Leading Role | Elizabeth ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541)
  • Best Performance by an Actress in a Supporting Role | Notes on a Scandal ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549)
  • Best Performance by an Actress in a Supporting Role | I'm Not There ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)
  • Best Performance by an Actress in a Leading Role | Elizabeth: The Golden Age ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)
  • Best Performance by an Actress in a Leading Role | Carol ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558)

ส่วนรางวัลลูกโลกทองคำเธอคว้าไปทั้งหมด 3 ครั้ง และเข้าชิงอีก 7 ครั้ง

[GOLDEN GLOBE - WINNER]

  • Best Performance by an Actress in a Motion Picture - Drama | Elizabeth ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541)
  • Best Performance by an Actress in a Supporting Role in a Motion Picture | I'm Not There ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)
  • Best Performance by an Actress in a Motion Picture - Drama | Blue Jasmine ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556)

[GOLDEN GLOBE - NOMINEE]

  • Best Performance by an Actress in a Motion Picture - Comedy or Musical | Bandits ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544)
  • Best Performance by an Actress in a Motion Picture - Drama | Veronica Guerin ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546)
  • Best Performance by an Actress in a Supporting Role in a Motion Picture | The Aviator ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547)
  • Best Performance by an Actress in a Supporting Role in a Motion Picture | Notes on a Scandal ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549)
  • Best Performance by an Actress in a Motion Picture - Drama | Elizabeth: The Golden Age ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)
  • Best Performance by an Actress in a Motion Picture - Drama | Carol ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558)
  • Best Performance by an Actress in a Motion Picture - Musical or Comedy | Where'd You Go, Bernadette ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)
  • Best Performance by an Actress in a Limited Series, Anthology Series or a Motion Picture Made for Television | Mrs. America ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

16 พฤษภาคม

PIERCE BROSNAN

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Pierce Brendan Brosnan เกิดวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1953 (พ.ศ. 2496) ที่ Drogheda, County Louth ประเทศไอร์แลนด์

เขาอาศัยอยู่ที่ Navan, County Meath 12 ปี ตั้งแต่เล็กๆ พ่อของเขาทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่ยังเขายังเป็นทารก และเมื่อเขาอายุได้ 4 ปี แม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษเพื่อทำงานเป็นนางพยาบาล เขาจึงต้องไปอาศัยอยุ่กับปู่ย่าเสียส่วนใหญ่ แต่หลังจากที่พวกเขาตาย เขาก็ย้ายมาอยู่กับลุงป้า แต่สุดท้ายก็ถูกส่งไปอยู่หอพักแห่งหนึ่ง

วัยเด็กของผมค่อนข้างโดดเดี่ยว ผมเติบโตขึ้นมาในเมืองเล็ก ๆ ชื่อ Navan แถบ County Meath ผมไม่เคยรู้เลยว่าพ่อผมคือใคร เขาทิ้งผมไปตั้งแต่ผมยังเป็นทารก และผมก็อยู่กับแม่รวมถึงปู่ย่ามานับตั้งแต่นั้น...

แม่ของผมกล้าหาญมาก เธอเลือกที่ก้าวเดินออกจากจุดนั้นและไปเป็นนางพยาบาลในอังกฤษ จริง ๆ เธอและผมควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ แม่กลับมาบ้านปีละครั้งสองครั้งเท่านั้น

Brosnan ออกจาก Ireland เมื่อตอนอายุประมาณ 12 ปี เพื่อย้ายมาอยู่กับแมที่อังกฤษและในตอนนั้นแม่ก็ได้สามีใหม่แล้วด้วย

มันไม่ใช่ในหนัง ในละคร หรือในนิยาย ที่จะมีพ่อเลี้ยงแสนใจร้ายกีดกัดทุกสิ่งอย่าง แต่พ่อเลี้ยงของ Brosnan เขาเป็นคนดีมาก สงเสียให้ตัวเขาได้เรียนหนังสืออย่างที่ควรจะได้เรียน และมีอยู่ครั้งนึงเขาเคยพา Brosnan ไปดูหนัง James Bond เรื่อง Goldfinger ด้วย และทำให้ Brosnan ชอบตัวละครนี้เอามากๆ นับตั้งแต่นั้น

เมื่อเขาเรียนจบตอนอายุ 16 ปี เขาได้เริ่มเข้าศึกษาที่โรงเรียนศิลปะ Saint Martin's School of Art ต่อมา 3 ปีให้หลังจากนั้นเขาได้เข้าเรียนโรงเรียนสอนการแสดงที่ Drama Centre London และนั่นก็เริ่มทำให้เขาตัดสินใจอยากเป็นนักแสดง

เมื่อผมพบกับสิ่งที่เรียกว่าการแสดง หรือการแสดงพบผมก็ไม่รู้แหละ มันเหมือนได้ปลดปล่อยเลย เหมือนกับการก้าวข้ามผ่านไปอีกชีวิตนึงที่ผมมีเลย และการแสดงก็เป็นอะไรที่ผมทำมันได้ดีอย่างน่าพอใจ ครั้งนั้นคือสิ่งที่ผมพึงพอใจอย่างมากในชีวิตของผม

จุดเริ่มต้นในการแสดงของเขา หลังจากเรียนจบในปี 1975 เจ้าตัวก็ได้ไปเป็นผู้ช่วยจัดการเวทีที่โรงละคร York Theatre Royal ที่ทำให้เขาได้แสดงครั้งแรกกับเรื่อง Wait Until Dark และ 6 เดือนให้หลัง เขาก็ได้ถูกเลือกให้มารับบทในเรื่อง The Red Devil Battery Sign ซึ่งเขาก็ทำมันออกมาได้ดีเลยทีเดียว จนทำให้เขาเริ่มได้รับเลือกในการแสดงละครเวทีมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในปี ค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2520) ตัวของ Brosnan ได้แต่งงานกับนักแสดงสาวชาวออสเตรเลียชื่อ Cassandra Harris

จนกระทั่งต่อมากราฟชีวิตของเขาก็ดีขึ้น ได้เริ่มแสดงหนังครั้งแรกกับเรื่อง The Long Good Friday ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) และ The Mirror Crack'd ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) รวมถึงในซีรีส์เรื่อง The Professionals ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523), Muryphy's Stroke ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) และ Hammer House of Horror ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) นับว่าเป็นการเปิดตัวที่ไม่ธรรมดาของเขาเลยทีเดียว

ต่อมาเขาก็ได้ไปแสดงซีรีส์ทางฝั่งอเมริกา และได้รับบทนำเลยทีเดียว กับเรื่อง Manions of America ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) ตามมาด้วยซีรีส์ทาง BBC เรื่อง Nancy Astor ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) และจากเรื่องนี้ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำครั้งแรกในชีวิตกับสาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจากซีรีส์ด้วย

จุดเปลี่ยนในชีวิตการแสดงของเขาเริ่มขึ้นเมื่อเขาได้เจอกับผู้อำนวยการสร้าง James Bond อย่าง Albert R. Broccoli ในกองถ่าย James Bond ภาค For Your Eyes Only ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) เพราะภรรยาของ Brosnan ได้รับบทเล็กๆ ในเรื่องด้วย พอตัว Broccoli เห็น Brosnan เท่านั้นแหละ เขาถึงกับเอ่ยปากว่า

ถ้าไอ้หมอนี่แสดงได้...เขาคือคนที่ผมต้องการ

เพื่อมารับช่วงต่อ James Bond จาก Roger Moore เพราะรูปร่างหน้าตาของ Brosnan ตรงกับตัวละคร James Bond ทุกอย่างตามที่ Broccoli ต้องการ

และเมื่อ Roger Moore หมดวาระจาก James Bond ทาง Brosnan ก็จะเข้ามารับบทแทน แต่ดั๊นติดสัยญากับค่ายหนังอยู่และต้องแสดงซีรีส์ Remington Steele ค.ศ. 1982-1987 (พ.ศ. 2525-2530) ให้จบก่อน จึงทำให้ทางค่ายต้องหานักแสดงมารับบท James Bond เสียก่อน บทจึงตกไปเป็นของ Timothy Dalton

แต่ Dalton ก็แสดงหนัง James Bond ได้เพียงสองเรื่องเท่านั้น The Living Daylights ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) และ Licence to Kill ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) และก็เกิดข้อพิพาททางกฏหมายระหว่างผู้ผลิตกับทางสตูดิโอในเรื่องลิขสิทธิในการจัดจำหน่าย ส่งผลให้มีการยกเลิกหนัง James Bond เรื่องที่ 3 ของ Dalton และหลังจากคุยกันเรียบร้อยแล้วกำลังจะกลับมาสร้างภาคที่ 3 ต่อ ทาง Dalton ก็ปฏิเสธที่จะกลับมารับบท James Bond เช่นกัน เพราะก็มีเสียงวิจารณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เกี่ยวกับการแสดงของเขา แต่กลับกัน ทางด้าน Brosnan ก็ได้รับบท James Bond นะ แต่ในโฆษณา Diet Coke หลายคนต่างก็บอกว่าเขาช่างเหมือน James Bond เสียเหลือเกิน

ในวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) ได้มีการประกาศว่า Pierce Brosnan จะมารับบท James Bond คนที่ 5 และในที่สุดเขาก็ได้เซ็นสัญญาไว้ 3 เรื่องบวกเงื่อนไขถ้าสำเร็จก็มีเรื่องที่ 4 ตามมา และก็ได้รับบทใน GoldenEye ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538), Tomorrow Never Dies ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540), The World Is Not Enough ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) และอีกหนึ่งเรื่อง Die Another Day ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) หลังจากนั้นทางค่ายก็ตัดสินใจให้ Pierce Brosnan ก็หมดวาระการเป็น James Bond ลง

หลังจากนั้นเขาก็ได้แสดงหนังอีกมากมายหลายเรื่อง เช่น The Matador ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และนอกเหนือจาก James Bond อีกหนึ่งบทบาทที่ไม่ธรรมดาก็คือในเรื่อง Mamma Mia! ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551)

เรายังคงได้เห็นผลงานของเขามาอย่างต่อเนื่องรวมถึงในอนาคตก็ยังคงมีผลงานของเขาอีกมากมาย ทั้ง The Misfits ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) หนังปล้นที่มีดาราไทยอย่าง ไมค์ พิรัชต์ หรือชื่อในการแสดงว่า Mike Angelo ร่วมแสดงอีกด้วย ตามมาด้วย False Positive ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Cinderella ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), The King's Daughter, ให้เสียงพากย์ Riverdance the Animated Adventure, Black Adam ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565), Youth, The Medusa, Not Bloody Likely, The Last Rifleman และหนังทางทีวีโปรเจคที่เจ้าตัวร่วมมือกับ Jack Orman

สิ่งที่สำคัญอย่างนึงที่เราได้เห็นในตัว Brosnan ถึงแม้บทบาทเขาจะเปลี่ยนไป เวลาจะผ่านนานแค่ไหนก็ตาม ตัวเขายังคงดูดี และบุคลิกดีอยู่เสมอ เขาคือหนึ่งคนในวงการ Hollywood ที่กาลเวลาเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น

MEGAN FOX

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Megan Fox คือ

"จิ้งจอกสาวที่ถูกตราหน้าว่าเป็น Sex Symbol ทั้งที่เธอไม่ต้องการ..."

Megan Denise Fox เกิดวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) ที่ Oak Ridge, Tennessee ประเทศอเมริกา

เธอเริ่มฝึกการแสดงและการเต้นตั้งแต่เธออายุเพียง 5 ปี และเมื่อเธออายุได้ 10 ปี เธอก็ย้ายไปที่ Port St. Lucie, Florida เธอก็ยังคงเรียนการแสดงและการเต้นต่อที่โรงเรียน

จุดเริ่มต้นเส้นทางบันเทิงของเธอ มันเริ่มตอนเธออายุ 13 ปี เธอได้เริ่มอาชีพการแสดงและเป็นนางแบบ หลังจากเธอชนะการประกวดนางแบบในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) กับรายการ American Modeling และ Talent Convention ที่ Hilton Head, South Carolina

เมื่ออายุได้ 15 ปี เธอก็ได้มีส่วนร่วมในหนังของผู้กำกับ Michael Bay เลยทีเดียว กับเรื่อง Bad Boys II ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2547) แต่บทที่เธอได้ก็แค่บทเล็กๆ กับการให้ไปเต้นในชุดบิกินีในผับเท่านั้น...แต่เธอเพิ่ง 15 ปี

หลังจากนั้นเธอก็ได้เล่นบทในซีรีส์อีกหลายเรื่องและหนังอีกนิดหน่อย จนกระทั่งจุดเปลี่ยน เปรี้ยงเดียวของเธอคือบทบาท Mikaela Banes ใน Transformers ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) ของ Michael Bay

แน่นอนว่าเธอเคยร่วมงานกับ Bay มาแล้ว และในครั้งนี้เธอก็ได้รับบทนำเป็นนางเอกของเรื่องเลยทีเดียว แต่รู้ไหมการออดิชั่นบทนี้มันเป็นยังไง? เธอเล่าว่า Bay ได้เรียกเธอให้ไปออดิชั่นบทที่บ้านด้วยการล้างรถ Ferrari และถ่ายเอาไว้...และแน่นอนว่าเธอได้บทนั้นมา แต่ก็อย่างที่หลายคนเห็นว่าบทที่เธอได้รับจุดประสงค์หลักคือการมาขาย Sexy เท่านั้นจริงๆ และมันก็เป็นเช่นเดียวกันกับใน Transformers: Revenge of the Faller ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) จนนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอร่วมงานกับ Bay เธอบอกว่า Bay เหมือนเผด็จการ และเป็น ฝันร้าย ในกองถ่ายหนังเลย เขาเปรียบดั่ง Bay คือ Napoleon และ Hitler

แต่เหตุผลที่เธอไม่ได้เล่นต่อใน Dark of the Moon ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) ในตอนแรกมีข่าวออกมาว่าเพราะเป็นคำสั่งมาจาก Steven Spielberg จากคำให้สัมภาษณ์ของ Bay แต่ทางด้าน Spielberg ก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่เรื่องจริง

และหลังจากที่เธอได้แสดงใน Transformers ภาพลักษณ์ของเธอทำให้นิตยสารและสื่อหลายสำนักตั้งฉายาให้เธอว่า "Sex Symbol" ด้วยหน้าตา รูปร่างและบทที่เธอได้รับนั่นแหละ ติดอันดับต่าง ๆ มากมายที่เกี่ยวกับด้านนี้ทั้งหมด

และบทต่อไปที่เธอได้รับมันก็ยังคงเป็นบทที่ออกแนวไปทางเซ็กซี่อีกครั้งกับเรื่อง Jennifer's Body ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) กับเรื่องราวของผู้หญิงกินผู้ชาย (กินจริง ๆ ฆ่าเลยนั่นแหละ) และประเด็นมันก็ค่อนข้างดี แต่มันถูกโปรโมทและขายความเซ็กซี่ของเธอมากเกินไปเช่นกัน

กระแสด้านลบเริ่มตีกลับในตัวเธอ เธอเริ่มถูกตราหน้าว่าเป็นแค่นักแสดงขายรูปร่างหน้าตาเท่านั้น และเล่นหนังเรื่องไหนก็ไม่ทำเงินเลย ถึงขนาดมีการตั้งวัน A Day Without Megan Fox เลยทีเดียว

จนเธอเริ่มมีอาการทางจิต เริ่มกลัวการออกจากบ้าน กลัวการถ่ายรูป กลัวการออกงานสังคม จนมีกระแส #MeToo ออกมา เธอเลยออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ว่า

เฮ้ นี่มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันนะ และมันไม่ OK เลย ทุก ๆ คนก็มักจะตอกหน้ากลับว่า f--k you เราไม่สนใจหรอก เธอสมควรได้รับแล้ว!

การที่เธอได้ตราหน้าจาก Hollywood ว่าเป็น Sex Symbol แบบนั้น มันไม่ใช่แค่ในหนังเท่านั้น แต่ช่วงนั้นมันคือทุก ๆ วันของเธอ ทุกคนต่างมองเธอแค่เรื่อง Sex รวมไปถึงทุก ๆ งานที่เธอได้รับหลังจาก Transformers ทุกคนต่างก็มองเธอแบบนั้นหมด และแค่ต้องการให้เธอไปขายเรือนร่างกับหน้าตาเท่านั้น

ทางด้าน Shia LaBeouf เคยออกมาให้สัมภาษณ์เหมือนกันว่าทางด้าน Megan Fox ไม่รู้สึกสบายใจเลยสักนิดกับการที่ถูกมองเป็น Sex Symbol แบบนั้น จนทำให้เธอห่างหายไปกับงานแสดงสักพักเลยทีเดียว ไปอยู่กับสามีและลูก ๆ ทั้ง 3 ของเธอ

ฉันแค่อยากทำงานและเลือกทางที่ถูกต้อง ในฐานะนักแสดงหญิงคนนึงเท่านั้น

แต่มันช่างน่าเสียดายจริงๆ เพราะบทบาทที่เธอได้รับก็ยังไม่มีพื้นที่ให้เธอพิสูจน์ทักษะทางด้านการแสดงของเธออย่างจริงๆ จังๆ สักที แต่การที่เธอกลับมาบทบาทที่เธอได้รับก็ไม่ได้เน้นขายเซ็กซี่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะใน Above the Shadows ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), Zeroville ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), The Battle of Jangsari ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)

ล่าสุดก็มีผลงานที่เพิ่งผ่านพ้นไปทั้ง Think Like a Dog ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), Rogue ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) รวมถึงในอนาคตก็ยังมีผลงานแสดงของเธอจ่อรอคิวเข้าฉายอีกมากมายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Til Death ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Midnight in the Switchgrass ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Big Gold Brick ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564), Naya Legend of the Golden Dolphin ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) และ Aurora ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)

23 พฤษภาคม

RYAN COOGLER

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Ryan Kyle Coogler เกิดวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) ที่ Oakland, California ประเทศอเมริกา

Coogler ได้ทุนอเมริกันฟุตบอลเข้าเรียนที่ Saint Mary's College of California ในระหว่างเรียนอยู่ที่นั่นเขาก็มีงานเขียนที่ยอดเยี่ยม จนครูของเขาผลักดันให้เขาไปเรียนด้านเขียนบทด้วย 

ภายหลังจากที่ Saint Mary ยกเลิกโปรแกรมอเมริกันฟุตบอลไปในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ทำให้ Coogler ได้ย้ายมาเรียนที่ Sacramento State ด้วยทุนนักกีฬาเช่นกัน และใช้เวลา 4 ปีเล่นอเมริกันฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง เจ้าตัวได้เรียนปริญญาตรีในสาขาการเงินและได้เข้าเรียนคลาสสอนการทำหนังไปด้วย ซึ่งหลังจากเรียนจบเขาก็ได้เข้าเรียนต่อที่ USC School of Cinematic Arts เป็นที่ที่เขาเริ่มทำหนังสั้น และคว้ารางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Locks ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), Fig ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553), The Sculptor ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554)

จนในที่สุดเขาก็ได้มากำกับหนังใหญ่ครั้งแรก Frutivale Station ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) ที่เขาได้เอาน้องชายไป Keenan Coogler มาแสดงด้วย 

ผลงานเรื่องต่อมาก็สร้างชื่อให้กับเขาไม่น้อยเลย กับ Creed ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ที่เจ้าตัวทั้งกำกับและเขียนบทด้วย นำแสดงโดย MIchael B. Jordan, Sylvester Stallone และ Tessa Thompson ซึ่งการกำกับหนังเรื่องนี้ บทก็ส่งให้ Sylvester Stallone เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมด้วย (Best Performance by an Actor in a Supporting Role)

และยิ่งสร้างชื่อเข้าไปใหญ่ เมื่อเขากลายเป็นผู้กำกับอายุน้อยที่สุดที่ได้กำกับหนังในจักรวาล Marvel Cinematic Universe เรื่อง Black Panther ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) ซึ่งตัวเขาเองเป็นแฟนคอมิกส์และนี่คือตัวละครที่เขาโปรดปรานที่สุดตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเขาได้รับข้อเสนอให้มากำกับเรื่องนี้ เขาตอบตกลงอย่างรวดเร็ว

ความสำเร็จของ Black Panther นั้นมากมายมหาศาลทั้งรายได้และคำวิจารณ์ ตัวหนังคว้ารางวัลออสการ์ 3 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 7 สาขา

[WINNER]
- Best Achievement in Music Written for Motion Pictures (Original Score)
- Best Achievement in Costume Design
- Best Achievement in Production Design

[NOMINEE]
- Best Achievement in Music Written for Motion Pictures (Original Song)
- Best Motion Picture of the Year
- Best Achievement in Sound Editing
- Best Achievement in Sound Mixing

เราจะเห็นเขาจะมากำกับภาคต่อในชื่อ Black Panther: Wakanda Forever ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) ที่เขาจะรับหน้าที่ผู้กำกับ, เขียนบทด้วยตัวเองอีกเช่นเดิม

แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราจะไม่ได้เห็น Chadwick Boseman กลับมารับบท T'Challa อีกแล้ว ซึ่งตอนที่ Chad จากไป Coogler ได้พูดเอาไว้ว่า 

Chad ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมาก ผมไม่เคยรู้ถึงอาการเจ็บป่วยของเขาเลย หลังจากครอบครัวของเขาแถลงการณ์ออกมา ผมตระหนักได้ทันทีว่าเขาต้องทนอยู่กับอาการเจ็บป่วยนี้ตลอดเวลาแน่นอน ผมรู้จักเขาดี เพราะเขาเป็นคนที่แคร์คนอื่นมาก, เขาเป็นผู้นำ และเป็นคนที่มีศรัทธา ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจ อยู่เต็มอก เขาปิดป้องอาการของเขาเพื่อไม่ให้เพื่อนร่วมงานของเขาต้องมาทุกทรมานเพราะเขา เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสวยงาม และได้สร้างศิลปะที่ยอดเยี่ยมวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า นั่นคือสิ่งที่เขาเป็น เขาคือดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่...เขาได้สร้างการจดจำเอาไว้อย่างน่าเหลือเชื่อให้กับเรา

ผมไม่เคยเสียใจกับการสูญเสียครั้งไหนที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน ปีที่แล้วผมใช้เวลาเตรียมการ จินตนาการและเขียนบทพูดในหนังให้สำหรับเขา แต่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีกแล้ว มันทำให้ผมใจสลาย ที่รู้ว่าผมไม่มีโอกาสได้มองเขาใกล้ๆ ไม่มีโอกาสได้มองเขาผ่านหน้าจอมอนิเตอร์อีก หรือเดินไปบอกเขาว่า ขออีกเทคนะ มันไม่มีโอกาสแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว

ผมเจ็บปวดมาก ที่ได้รู้ว่าเราจะไม่ได้พูดคุยกันอีกต่อไป หรือ Facetime หรือส่งข้อความหากัน เขามักจะส่งสูตรอาหารมังสวิรัติและสูตรการกินของครอบครัวในช่วงที่เกิดโรคระบาดให้ผม เขามักคอยเป็นห่วงเป็นใยผมและคนรักของผมในช่วงเวลานั้น ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะต้องเผชิญหน้ากับโรคมะเร็งอยู่ก็ตาม

ในวัฒนธรรมแอฟริกัน เรามักกล่าวถึงบุคคลอันเป็นที่รักที่อาจเกี่ยวข้องกันซึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรุษ บางครั้งคุณมีความเกี่ยวข้องทางพันธุกรรมกัน บางครั้งคุณก็ไม่ ผมได้รับสิทธิพิเศษในการกำกับฉากของตัวละคร T’Challa ที่ Chad แสดง ได้สื่อสารกับบรรพบุรุษของ Wakanda ตอนนั้นเราอยู่ใน Atlanta ในโกดังร้างที่มี Bluescreens และแสงไฟดวงใหญ่ แต่การแสดงของ Chad ทำให้มันรู้สึกสมจริงมาก ผมคิดว่าเพราะตอนนั้นที่ผมพบเขา บรรพบุรุษได้พูดกับเขา ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงมีความสามารถขนาดนั้น ผมไม่สงสัยเลยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปและให้พรกับเรามากขึ้น ด้วยหัวใจที่หนักหน่วงและความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่เคยอยู่ต่อหน้าเขา ทำให้ผมคิดว่าตอนนี้ Chad ได้กลายเป็นบรรพบุรุษแล้ว และผมรู้ตอนนี้เขากำลังมองเรา คอยดูแลเราอยู่, จนกว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง

แต่นอกเหนือจากผลงานการกำกับแล้ว เขายังรับหน้าที่มือเขียนบทใน Creed II ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) และอำนวยการสร้างหนังดังอีกหลายเรื่อง ล่าสุดกับ Judas and the Black Messiah ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2563) ที่ตัวหนังได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาหนังยอดเยี่ยมแห่งปี (Best Motion Picture of the Year), Space Jam: A New Legacy และในอนาคตเขาจะอำนวยการสร้าง Creed III ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) อีกด้วย

24 พฤษภาคม

JOHN C. REILLY

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

John Christopher Reilly เกิดวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508) ที่ Chicago, Illinois ประเทศอเมริกา

เมื่ออายุได้ 8 ปี Reilly ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสอนการแสดง Goddman School of Drama และได้กลายมาเป็นนักแสดงของ Steppenwolf Theatre

Reilly ได้แสดงละครเวทีมากมาย ทั้ง The Grapes of Wrath, A Streetcar Named Desire และ Othello ได้รับรางวัลก็มากเช่นกัน ทั้ง Outer Critics Circle Award และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Tony จากเรื่อง True West

บทบาทแรกของเจ้าตัวคือการได้รับบทในหนังเรื่อง Above the Law ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) แต่ก็ยังไม่ได้เครดิตอะไรเพราะเป็นบทเล็ก ๆ ในบาร์เท่านั้น แต่บทบาทแรกที่เขาได้แสดงอย่างเต็มตัว คือบทบาทเล็ก ๆ ในหนังสงครามเวียดนามเรื่อง Casualities of War ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) ซึ่งทาง Brian De Palma ผู้กำกับของเรื่องนี้ได้ถูกใจการแสดงของ Reilly มากตั้งแต่ตอนแสดงละครเวที เขาจึงเลือกเขามารับบทในหนังเรื่องนี้

หลังจากนั้นก็เหมือนเป็นขาขึ้นของ Reilly ในช่วงปี ค.ศ. 1990s (พ.ศ. 2533-2542) เขาได้แสดงหนังอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Days of Thunder ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533), Shadows and Fog ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534), What's Eating Gilbert Grape ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) และ The River Wild ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537)

บทบาทแจ้งเกิดของเขาคือการได้มาร่วมงานกับผู้กำกับ Paul Thomas Anderson ในเรื่อง Sydney ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) ตามมาด้วยผลงานยอดเยี่ยมอย่าง Boogie Night ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540), Magnolia ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) และได้มาแสดงในหนังของ Terrence Malick เรื่อง The Thin Red Line ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541)

Reilly ได้รับบทบาทในหนังที่ใหญ่ขึ้น ทั้ง The Hours ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545), The Good Girl ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545), Gangs of New York ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) และ Chicago ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) ซึ่งในเรื่องนี้ส่งให้เขาเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมอีกด้วย (Best Actor in a Supporting Role)

ชื่อของ Reilly เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น มีผลงานตามมาอีกมากมาย ทั้ง The Aviator ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547), Talladega Nights: The Ballad of Ricky Bobby ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549), Walk Hard: The Dewey Cox Story ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550), Step Brothers ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551), Cyrus ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553), We Need to Talk About Kevin ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), Cedar Rapids ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), Carnage ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), ให้เสียงพากย์ตัวละคร Ralph ใน Wreck-It Ralph ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) กับภาคต่อ Ralph Breaks the Internet ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), ให้เสียงพากย์ Eddie ใน Sing ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), Kong: Skull Island ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), Holmes & Watson ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) และผลงานล่าสุดในซีรีส์ Moonbase 8 ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), Ultra City Smiths ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) และซีรีส์โปรเจคเกี่ยวข้องกับทีมบาส LA Lakers ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)

25 พฤษภาคม

IAN MCKELLEN

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Ian Murray McKellen เกิดวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1939 (พ.ศ. 2482) ที่ Burnley, Lancasshire ประเทศอังกฤษ

McKellen มีความสนใจในการแสดงมาตั้งแต่เด็ก ๆ พร้อม ๆ กับได้รับแรงผลักดันจากพ่อแม่ด้วย เพราะพวกเขาส่งให้ McKellen ได้ไปแสดงละครเวทีของ William Shakespeare และได้ร่วมแสดงละครเวทีกับทางโรงเรียนอีกเช่นกัน เพราะเขาพยายามที่จะรับทุกบทบาทในงานแสดงของโรงเรียน

ต่อมาเขาได้ตัดสินใจว่าจะไม่เรียนแล้วและหันมาใส่ใจในด้านการแสดงมากขึ้น เขาจึงทิ้งปริญญาตีในปี ค.ศ. 1961 (พ.ศ. 2504) และไล่ล่าตามความฝันในการเป็นนักแสดง

McKellen เริ่มต้นทำงานในโรงละครเป็นระยะเวลา 2-3 ปี มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องรักร่วมเพศของเขา แต่ไม่มีใครเปิดเผยต่อสาธารณะและไม่มีใครบอกครอบคครัวของเขา

ซึ่งในปี ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) McKellen ได้เปิดเผยในรายการกับ Margaret Thatcher ว่าการรักร่วมเพศมันเป็นสิ่งที่ผิดในท้องถิ่นของเขา เขาจึงลุกขึ้นยืนหยัดและมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเกย์นับตั้งแต่นั้น

จุดเริ่มต้นในการแสดงของ McKellen คือการแสดงบทเล็ก ๆ ในซีรีส์เรื่อง The Indian Tales of Rudyard Kilping ค.ศ. 1964 (พ.ศ. 2507) และได้มาแสดงหนังครั้งแรกในเรื่อง A Touch of Love ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) ซึ่งการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขาก็ส่งให้เขาได้รับบทอีกมากมาย

McKellen เป็นที่รู้จักในวงกว้างจากบทบาท Eric Lensherr/Magneto ใน X-Men ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) และรับบทนี้ในจักรวาลนี้มาอย่างต่อเนื่อง X2 ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), X-Men: The Last Stand ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549), X-Men: Days of Future Past ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557)

และอีกหนึ่งบทบาทในเวลาไล่เลี่ยกันที่ทำให้เขาโด่งดังไม่แพ้บท Magneto ก็คือ Gandalf จาก The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) และเป็นตัวละครสำคัญที่ปรากฏในอีกหลายภาค The Lord of the Rings: The Two Towers ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545), The Lord of the Rings: The Return of the King ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), The Hobbit: An Unexpected Journey ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), The Hobbit: The Desolation of Smaug ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556), The Hobbit: The Battle of the Five Armies ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557)

McKellen มีทักษะในการแสดงที่ยอดเยี่ยม เจ้าตัวเคยเข้าชิงรางวัลออสการ์ 2 ครั้งจากในเรื่อง Gods and Monsters ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) และ The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544)

รวมถึงเคยคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ 1 ครั้งจากเรื่อง Rasputin ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) เข้าชิงอีก 2 ครั้งจากเรื่อง Richard III ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) และ Gods and Monsters ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2539)

ผลงานล่าสุดของเจ้าตัวคือ Infinitum: Subject Unknown ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) และในอนาคตยังมีผลงานของเขาให้เราได้เห็นอีก 2 เรื่อง กับการพากย์เสียงใน Schadenfreude และ Hamlet Revenant

McKellen เคยได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นอัศวินจาก Queen Elizabeth II ในปี ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533)

CILLIAN MURPHY

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Cillian Murphy เกิดวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1976 (พ.ศ. 2519) ที่ Douglas, Cork ประเทศไอร์แลนด์ 

Murphy เข้าศึกษาที่ Presentation Brothers College, Cork และเข้าเรียนต่อด้านกฏหมายที่มหาวิทยาลัย University College Cork แต่ก็ลาออกมาหลังจากเรียนได้แค่ปีเดียวเท่านั้น

และในช่วงเวลาที่ลาออกนั้น ความสนใจของ Murphy คือดนตรี เขาได้เล่นกีตาร์ให้ับหลากหลายวง และไม่น่าเขาก็สนใจด้านการแสดงจนได้เข้าร่วมกับ Corcadorca Theater Company และได้รับบทนำในละครเวทีเรื่อง Disco Pigs นำมาซึ่งผลงานเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งพอ Disco Pigs ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) ถูกนำมาทำเป็นหนัง เขาก็ได้รับบทนำในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

บทบาทในการแสดงครั้งแรกของเขาคือหนังสั้นเรื่อง Quando ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) และแสดงหนังใหญ่ครั้งแรกในเรื่อง the Tale of Sweety Barrett ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) 

บทบาทแจ้งเกิดของเขาคือการรับทในหนังของ Danny Boyle เรื่อง 28 Days Later... ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วโลก และการแสดงของเขาในเรื่องนี้ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัล Best Newcomer ของ Empire Awards และ Breakthrough Male Performance ของ MTV Movie Awards

หลังจากนั้นก็มีผลงานของเขาอีกมากมาย ทั้ง Cold Mountain ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), Girl with a Pearl Earring ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), Red Eye ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), In the Heart of the Sea ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), Anna ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และผลงานล่าสุด A Quiet Place Part II ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

Murphy ได้ร่วมงานกับ Chirstopher Nolan ครั้งแรกในเรื่อง Batman Begins ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) และตามมาด้วยการร่วมงานกันอีกมากมายหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น The Dark Knight ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551), Inception ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553), In Time ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), The Dark Knight Rises ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), Dunkirk ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560)

เขาสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองอีกครั้งกับบทบาทสุดเท่ Thomas Shelby ในซีรีส์สุดคูล Peaky Blinders ค.ศ. 2013-2019 (พ.ศ. 2556-2562)

ในอนาคตยังมีผลงานของเขาให้เราได้เห็นกันอีก กับการให้เสียงพากย์อนิเมชันเรื่อง Kensuke's Kingdom

26 พฤษภาคม

HELENA BONHAM CARTER

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

หนึ่งในนักแสดงหญิงมากความสามารถ ที่แสดงมาหลากหลายบทบาท นักแสดงชาวอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง

Helena Bonham Carter เกิดวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509) ที่ Goldens Green, London ประเทศอังกฤษ

Carter ซึมซับการแสดงจากครอบครัวมาตั้งแต่ยังเด็ก จนเธอได้เข้าเรียนระดับมัธยมที่ South Hampstead และ Westminster Scholl ซึ่งเธอได้ทุ่มเทให้การแสดงอย่างเต็มความสามารถ จนประจักษ์เมื่ออายุได้ 13 ปี เธอได้เข้าร่วมการเขียนกลอนแข่งขันและได้ที่ 2 ในการแข่งนั้น จนทำให้ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ได้มีตัวแทนคนแรกและได้งานแสดงครั้งแรกในโฆษณาเมื่อตอนอายุได้ 16 ปี

และมันก็นำมาซึ่งผลงานการแสดงครั้งแรกของ Carter กับบทบาทในหนังทางทีวีเรื่อง A Pattern of Roses ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526) และการแสดงในเรื่องนี้ก็เปิดโอกาสในวงการแสดงให้เธอมากมาย มีผลงานตามมาอย่าง A Room with a View ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528), Lady Jane ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529)

เธอได้ฝากการแสดงอันยอดเยี่ยมเอาไว้ในหนังทางทีวี Fatal Deception: Mrs. Lee Harvey Oswald ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) ส่งให้เธอได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำครั้งแรกในชีวิต

เธอได้โชว์ความสามารถในการแสดงอย่างยอดเยี่ยมต่อมาในเรื่อง The Wings of the Dove ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) ที่ส่งให้เธอเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำเป็นครั้งที่ 2 และยังได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกในชีวิตอีกด้วย

เธอมีผลงานบนเวทีรางวัลอีกมากมาย เธอเคยเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำทั้งหมด 9 ครั้ง 2 ครั้งแรกจาก 2 เรื่องที่ผ่านมา ที่เหลือได้แก่

- Merlin ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541)

- Live from Baghdad ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545)

- Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)

- The King's Speech ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553)

- Burton and Taylor ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556)

- The Crown ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) x2

และบนเวทีออสการ์เคยเข้าชิง 2 ครั้ง อีกครั้งนึงมาจากเรื่อง The King's Speech ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553)

นอกเหนือจากนั้นเธอยังมีผลงานการแสดงที่ทำให้คนรู้จักอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบทบาท Ari จาก Planet of the Apes ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544), Mrs. Bucket จาก Charlie and the Chocolate Factory ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), Corpse Bride จาก Corpse Bride ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548), Bellatrix Lestrange จาก Harry Potter and the Order of the Phoenix ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) ที่มีบทบาทมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งใน Harry Potter and the Half-Blood Prince ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 1 ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553), Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 2 ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), Dr. Serena Kogan จาก Terminator Salvation ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), Red Queen จาก Alice in Wonderland ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553), Dr. Julia Hoffman จาก Dark Shadows ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), Madame Thénardier จาก Les Misérables ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), Fairy Godmother จาก Cinderella ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558), Iracebeth จาก Alice Through the Looking Glass ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), Rose Weil จาก Ocean's Eight ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), Eudoria Holmes จาก Enola Holmes ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) และอีกมากมาย

แถมในอนาคตยังมีบทบาทของเธอให้เราได้ติดตามกันอีกทั้ง The Land of Sometimes, Not Bloody Likely และซีรีส์ Call My Agent (UK)

27 พฤษภาคม

CHRISTOPHER LEE

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Sir Christopher Frank Carandini Lee เกิดวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1922 (พ.ศ. 2465) ที่ Belgravia, London ประเทศอังกฤษ

Lee ได้เข้าเรียนที่ Wellington College ตั้งแต่อายุ 14-17 ปี หลังจากเรียนจบออกมาเขาก็ทำงานเป็นเสมียนออฟฟิศจนถึงปี ค.ศ. 1941 (พ.ศ. 2484) เมื่อเขาเข้ารับกองทัพอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

หลังจากออกจากกองทัพในช่วงปี ค.ศ. 1947 (พ.ศ. 2490) เขาก็ได้เริ่มฝึกการเป็นนักแสดงที่ Charm School เขาได้รับบทใหญ่ ๆ ในหนังหลายเรื่อง เช่น Corridor of Mirrors ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491), Hamlet ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491), Moulin Rouge ค.ศ. 1952 (พ.ศ. 2495)

ตลอดช่วงปี ค.ศ. 1950s (พ.ศ. 2493-2502) Lee ได้แสดงหนังและซีรีส์มากมายหลายเรื่อง แต่เขาต้องดิ้นรนในช่วงแรก ๆ เพราะเขาถูกเลือกปฏิบัติเขาถูกมองว่าวางตัวสูงกว่านักแสดงนำชายในยุคนั้นและดูเป็นชาวต่างชาติมากเกินไป อย่างไรก็ตาม การแสดงอันยอดเยี่ยมของเขาใน The Curse of Frankenstein ค.ศ. 1957 (พ.ศ. 2500) ก็พิสูจน์พรสวรรค์ในการเป็นนักแสดงของเขา จนทำให้เขาได้มาเซ็นสัญญาอาชีพกับ Hammer Film Production จนได้สนิทกับ Peter Cushing และร่วมงานกันอบยู่บ่อยครั้ง เช่นใน Dracula ค.ศ. 1958 (พ.ศ. 2501) และ The Mummy ค.ศ. 1959 (พ.ศ. 2502)

Lee ได้แสดงบทบาท Dracula ในภาคต่อของบริษัท Hammer ทั้ง The Hound of the Baskervilles ค.ศ. 1959 (พ.ศ. 2502), The Face of Fu Manchu ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508)

Lee ได้มีบริษัทเป็นของตัวเองในชื่อ Charlemagne Production, Ltd. มีหนังออกมาทั้ง Nothing But the Night ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516) และ To the Devil a Daughter ค.ศ. 1976 (พ.ศ. 2519)

ในช่วงกลางปี ค.ศ. 1970s (พ.ศ. 2513-2522) Lee ก็หยุดพักจากบทบาทสยองขวัญมาเล่นหนังกระแสหลักบ้าง เช่น The Private Life of Sherlock Holmes ค.ศ. 1970 (พ.ศ. 2513), The Three Musketeers ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516), The Four Musketeers ค.ศ. 1974 (พ.ศ. 2517) และหนัง James Bond เรื่อง The Man with the Golden Gun ค.ศ. 1974 (พ.ศ. 2517)

จากความสำเร็จของ 3 เรื่องนั้น ทำให้ Lee ได้ก้าวเข้าสู่วงการ Hollywood ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตในการแสดงของเขา เพราะเขาได้สร้างบทบาทที่น่าจดจำเอาไว้ เริ่มตั้งแต่การก้าวเข้ามาในจักรวาลสงครามแห่งดวงดาวในบทบาท Count Dooku ในเรื่อง Star Wars: Episode II - Attack of the Clones ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) และได้มาปรกาฏตัวอีกครั้งใน Star Wars: Episode III - Revenge of the Sith ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)

อีกหนึ่งบทบาทที่น่าจดจำไม่แพ้กัน คือบทบาทพ่อมด Saruman ใน The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) และมีบทบาทมาอย่างต่อเนื่องใน The Lord of the Rings: The Two Towers ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545), The Lord of the Rings: The Return of the King ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), The Hobbit: An Unexpected Journey ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) และ The Hobbit: The Battle of the Five Armies ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557)

ในวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) เขาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับการรับใช้ประเทศในฐานะนักแสดง และได้รับการแต่งตั้งเป็นชั้นอัศวินในวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) รวมถึงได้รับ Commander of the Order of St John ในวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) อีกด้วย

Lee เสียชีวิตด้วยวัย 93 ปี ที่โรงพยาบาล Chelsea and Westminster ในวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) เวลา 8.30 น. หลังจากเข้าแอดมิตด้วยอาการภาวะหัวใจล้มเหลว

31 พฤษภาคม

CLINT EASTWOOD

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Clinton Eastwood Jr. เกิดวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1930 (พ.ศ. 2473) ที่ San Francisco, California ประเทศอเมริกา

ในตอนเรียนอยู่ ตัวของ Eastwood มีความสนใจในด้านดนตรีและกลศาสตร์ต่างๆ แต่หลังจากที่เขาย้ายไปเรียนที่ต่างๆ ตามอายุที่โตขึ้น จนทำให้ในปี ค.ศ. 1951 (พ.ศ. 2494) เขากลับมาที่บ้านเกิดเพื่อเป็นทหารที่ Fort Ord Military Reservation และหลังจากนั้นก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Los Angeles City College แต่ก็ต้องดรอปไปหลังเรียนได้เพียง 2 เทอมเท่านั้น เพราะเขาตัดสินใจที่จะก้าวเข้าสู่แวดวงการแสดง

ในช่วงกลางปี 50s เขาได้รับบทในหนังเกรด B แต่ก็ไม่ได้รับเครดิตเต็มๆ ทั้ง Revenge of the Creature ค.ศ. 1955 (พ.ศ. 2498) และ Tarantula ค.ศ. 1955 (พ.ศ. 2498)

ช่วงปี ค.ศ. 1958 (พ.ศ. 2501) เขาได้บทบาทในการแสดงเป็นครั้งแรกแบบเต็มตัวในซีรีสืทาง TV เรื่อง Rawhide ค.ศ. 1959 (พ.ศ. 2502) ก่อนที่จะได้ดันเป็นดารานำของซีรีส์ในภายหลังจากที่นักแสดงนำคนก่อนถอนตัวออกไป และนั่นทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียง ผู้คนเริ่มจำหน้าและรู้จักดาราหน้าใหม่คนนี้ทั่วประเทศ

Eastwood ได้เริ่มต้นเล่นหนังใหญ่เรื่องแรกในเรื่อง A Fistful of Dollars ค.ศ. 1964 (พ.ศ. 2507), For a Few Dollars More ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508), The Good, the Bad and the Ugly ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509) และบทบาทเหล่านั้นก็สร้างชื่อให้กับเขาไม่น้อย ทำให้ต่อมาเขาได้รับบทบาทอีกมากมาย 

ในช่วงปี ค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514) นับว่าเป็นปีที่ยุ่งมาก ๆ สำหรับเจ้าตัว เพราะเขาได้แสดงหนังมากมายถึง 3 เรื่องทั้ง Beguiled, Play Misty for Me, Dirty Harry ซึ่งการแสดงของเขาทำให้เขาได้กลายเป็นไอค่อนวัฒนธรรมในช่วงนั้นไปเลย แถมยังช่วยให้หนังประเภทตำรวจได้กลับมาฮิตอีกครั้งด้วย

Eastwood ยังคงแสดงหนังอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะแนว Joe Kidd ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515), High Plains Drifter ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516), The Outlaw Josey Wales ค.ศ. 1976 (พ.ศ. 2519) แนว Road Adventure อย่าง Thunderbolt and Lightfoot ค.ศ. 1974 (พ.ศ. 2517), The Gauntlet ค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2520) หรือแม้กระทั่งหนังคอเมดี้อย่าง Every Which Way but Loose ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) แนวสร้างจากเรื่องจริงการหลบหนีคุก Escape form Alcatraz ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522)

ความดังของเขายาวต่อเนื่องมาหลาย 10 ปีลากยาวมายันยุค ค.ศ. 90s (พ.ศ. 2533-2542) และยังคงแสดงมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปี 80s-90s เขาแสดงหนังกว่า 20 เรื่อง 

แถมในกลางปี ค.ศ. 2000s (พ.ศ. 2543-2552) เขายังสร้างชื่อให้กับตัวเองอีกครั้งและมาเป็นดาราแถวหน้าระดับ A-list เลยทีเดียว กับการแสดงและกำกับในเรื่อง Million Dollar Baby ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ที่ตัวหนังกวาดรางวัลออสการ์ไปถึง 4 สาขา จากเข้าชิง 7 สาขา

[WINNER]
- Best Motion Picture of the Year
- Best Performance by an Actress in a Leading Role (Hilary Swank)
- Best Performance by an Actor in a Supporting Role (Morgan Freeman)
- Best Achievement in Directing

[NOMINEE]
- Best Performance by an Actor in a Leading Role (Clint Eastwood)
- Best Writing, Adapted Screenplay
- Best Achievement in Film Editing

และยังคว้ารางวัลลูกโลกทองคำมาอีก 2 สาขา จากการเข้าชิง 5 สาขา 

[WINNER]
- Best Performance by an Actress in a Motion Picture - Drama (Hilary Swank)
- Best Director - Motion Picture

[NOMINEE]
- Best Performance by an Actor in a Supporting Role in a Motion Picture (Morgan Freeman)
- Best Original Score - Motion Picture
- Best Motion Picture - Drama

ต่อมากับบทบาททวงแค้นคนขโมยรถใน ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) ตามมาด้วยหนังกีฬาดราม่า Trouble with the Curve ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)  

นอกเหนือจากงานแสดง เจ้าตัวยังเป็นผู้กำกับมากความสามารถที่มีฝีมือในการกำกับที่ไม่ธรรมดา Bird ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531), Unforgiven ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2532), Mystic River ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546), Flags of Our Fathers ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) , Letters from Iwo Jima ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) , Invictus ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), American Sniper ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557), Sully ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), The Mule ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) ทั้งแสดงและกำกับเอง, Richard Jewell ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และในอนาคตกับผลงานที่เจ้าตัวกำกับเอง อำนวยการสร้างเอง และแสดงเอง เรื่อง Cry Macho ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)

บนเวทีรางวัลเขาก็มีชื่อเสียงไม่น้อยเลย ตั้งแต่บนเวทีออสการ์ที่เคยคว้ารางวัลมา 4 ครั้งจากการเข้าชิงทั้งหมด 11 ครั้ง และเคยคว้ารางวัล Irving G. Thalberg Memorial Award ในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538)

และบนเวทีลูกโลกทองคำ คว้ารางวัลไป 3 ครั้ง จากการเข้าชิงทั้งหมด 13 ครั้ง แถมยังเคยได้รางวัล World Film Favorite - Male ในปี ค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514) และรางวัล Cecil B. DeMille Award ในปี ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531)

เขาคือนักแสดงที่อยู่คู่วงการ Hollywood มาอย่างยาวนานมากที่สุดคนหนึ่ง แถมยังทำรายได้เป็นล้านๆ ใน 5 ทศวรรษติดต่อกันเลยทีเดียว และยังเป็นผู้กำกับที่มีฝีไม้ลายมือในการกำกับที่ไม่ธรรมดา นี่แหละ "เก่าแต่เก๋า ชายผู้ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองว่าง จนกว่าจะนอนลงโรง Clint Eastwood"

COLIN FARRELL

วันเกิดคนดังวงการฮอลลีวูดในเดือน พฤษภาคม

Colin James Farrell เกิดวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1976 (พ.ศ. 2519) ที่ Castleknock, Dublin ประเทศไอแลนด์

Colin Farrell มีพ่อและลุงเป็นนักกีฬามืออาชีพ และเหมือนกับว่าในตอนเด็ก ๆ ตัวเขาจะตามรอยเท้าพ่อและลุงของเขาไป

พอเริ่มโตขึ้น เขาก็เปลี่ยนความชอบเคยไปออดิชั่นเพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งของวงบอยแบนด์จาก Irish วง Boyzone แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ผ่าน ไม่แน่ว่าถ้าผ่านป่านนี้เราอาจเห็นเขาเป็นักดนตรีอยู่ก็เป็นได้

ต่อมา Farrell เริ่มสนใจศาสตร์ทางด้านการแสดงมากขึ้น จนได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสอนการแสดง Gaiety School of Acting ซึ่งเจ้าตัวก็ดรอปเรียนในเวลาไม่นานเพื่อเริ่มต้นเข้าสู่เส้นทางนักแสดง และบทบาทแรกที่เขาได้รับคือในเรื่อง Frankie Starlight ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538), The Disappearance of Finbar ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) แต่ทั้งสองเรื่องนั้นเขาไม่ได้รับเครดิต จนกระทั่งมางานในแสดงเต็มตัวครั้งแรกกับเรื่อง Drinking Crude ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) ที่ส่งให้เขาได้รับบทในซีรีส์ทางทีวี BBC เรื่อง Ballykissangel ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) ก่อนที่จะก้าวไปสู่อีกขั้นของอาชีพทางการแสดง

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของเขามาจากหนังสงครามเรื่อง Tigerland ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) นั่นคือบทบาทใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ทำให้หลายคนเริ่มรู้จักเขามากขึ้น...

ต่อมาเขาได้รับบทใน American Outlaws (2001) แต่น่าเสียดายที่ตัวหนังทำรายได้ไม่ค่อยดีบน Box-Office แถมยังได้รับเสียงวิจารณ์ที่ไม่ค่่อยดีอีกต่างหาก

ต่อมาเขากลับมารับบทในหนังสงครามอีกครั้ง เรื่อง Hart's War ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) เขาได้แสดงเคียงคู่กับดารา A-list อย่าง Bruce Willis แต่ถึงแม้จะสร้างชื่อให้ Farrell แค่ไหน แต่ตัวหนังก็ค่อนข้างน่าผิดหวังเลยทีเดียว

แต่ตัวของ Farrell ก็ได้ก้าวไปอีกระดับ เขาได้ถูกคัดตัวให้ไปรับบทในหนังของพ่อมดแห่งวงการ Hollywood อย่าง Steven Spielberg ในเรื่อง Minority Report ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) และตัวหนังดังเปรี้ยงปร้าง พร้อมเสียงวิจารณ์ที่ดีเลยทีเดียว ส่งให้ Farrell ประสบความสำเร็จและเส้นทางในวงการก็สดใสขึ้น

ต่อมาเขาก็ไปประสบความสำเร็จกับหนังระทึกขวัญในบทบาทนักแสดงนำ Phone Booth ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) เขารับบทเป็นเหยื่อที่ถูกคุกคามโดนฆาตกรรายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยหน้าตา เขาต้องคุยกันผ่านทางโทรศัพท์สารธารณะ พร้อมๆ กันนั้นบาปของพระเอกก็ค่อย ๆ ถูกปลดปล่อยออกมาผ่านสาธารณะ

ในช่วงปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) นับว่าเป็นปีทองของ Farrell เลยก็ว่าได้ เขาได้เล่นหนังมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นหนังอาชญากรรมระทึกขวัญอย่าง The Recruit, Daredevil, S.W.A.T., Intermission, Veronica Guerin

ตามมาด้วยปีต่อมาบทบาทครั้งใหญ่ใน Alexander ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547 ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ทำรายได้ไปไม่น้อยแถมยังขาย DVD ได้เยอะเลยทีเดียว และแน่นอนจากความผิดหวังในหนังอีกครั้ง เขาก็ไม่ได้ย่อท้อ และเดินหน้ารับบทแสดงในหนังเรื่องต่อไปทันที Farrell ใน The New World ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) แต่ก็ยังไม่ปังเท่าที่ควร

Farrell ก็ยังคงแสดงหนังมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในแต่ละเรื่องก็ยังไม่ค่อยได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่ดีสักเท่าไหร่ ทั้งหนังแอ็คชั่นดัดแปลงจากซีรีส์ทางทีวีชื่อดังสมัยก่อนเรื่อง Miami Vice ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) ที่ทำรายได้ดีบน Box-Office ตามมาบทใน Ask the Dust ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549), Cassandra's Dream ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)

จนกระทั่งกลับมากู้ชื่อเสียงได้อีกครั้งในเรื่อง In Bruges ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) ที่ส่งให้เจ้าตัวได้เข้าชิงและคว้ารางวัลลูกโลกทองคำครั้งแรกในชีวิตกับสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

หลังจากนั้นเขาก็ยังคงเล่นหนังมาอย่างต่อเนื่องร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงชื่อดังมากมาย ทั้ง Pride and Glory ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) ที่ได้แสดงร่วมกับ Edward Norton, The Imaginarium of Doctor Parnassus ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) ที่มารับบทเดียวกับ Heath Ledger ร่วมกับ Johnny Depp และ Jude Law, Crazy Heart ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), Triage ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) ที่เขาลดน้ำหนักไปมากถึง 44 ปอนด์เพื่อมารับบทนำในเรื่องนี้, Ondine ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552), Fright Night ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554), Total Recall ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), Seven Psychopaths ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)

Farrell มาสร้างชื่อให้ตัวเองอีกครั้งกับบทบาทในหนังดราม่าโรแมนติกตลกร้ายเรื่อง The Lobster ของผู้กำกับสุดอาร์ต Yorgos Lanthimos ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำเป็นครั้งที่สอง แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถคว้ารางวัลไปได้ และก็ได้มาร่วมงานกันอีกครั้งใน The Killing of a Sacred Deer ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560)

ต่อมาเจ้าตัวได้มารับบทในซีรีส์ True Detective ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) และก็ได้มารับบทในแฟรนไชส์ Harry Potter เรื่อง Fantastic Beasts and Where to Find Them ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) ที่เขารับบทเป็นพ่อมด Percival Graves มือปราบมาร หัวหน้ากองควบคุมเวทมนต์ของ MACUSA ที่แท้จริงแล้วคือ Gellert Grindelwald (Johnny Depp) ปลอมตัวมา (ส่วนตัวจริงของ Graves อยู่ที่ไหน ชะตากรรมเป็นยังไง ก็ไม่มีใครรู้เช่นกัน) ซึ่งในภาคต่อก็ไม่ได้เห็นเขาแล้ว ทำให้หลายคนเสียดายไปตาม ๆ กัน

Farrell ยังคงมีผลงานการแสดงมาอย่างต่อเนื่อง และพิสูจน์ตัวเองในหลายบทบาทมาตลอด ไม่ว่าจะใน Roman J. Israel, Esq. ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560), Dumbo ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), The Gentlemen ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562), Artemis Fowl ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

และในอนาคตยังมีผลงานของเขาให้เราได้ติดตามกันอีก ทั้งAfter Yang ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), ซีรีส์ The North Water ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), หนังของ Martin McDonagh ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563), หนังกู้ภัย 13 ทีมหมูป่า Thirteen Lives, The Banshees of Inisherin และบทบาทสำคัญตัวร้ายอย่าง Oswald Cobblepot/The Penguin ในหนัง The Batman ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) ของ Matt Reeves ที่เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้ออกเยอะหรอก แต่มันจะเป็นฉากที่ยอดเยี่ยม

Farrell ถือว่าเป็นดาราอีกหนึ่งคนที่พราวเสน่ห์สุด ๆ มีข่าวกับดาราดังมากมายไม่ว่าจะ Paris Hilton, Lindsay Lohan, Angelina Jolie หรือแม้กระทั่ง Britney Spears เคยมีคดีความกับอดีตแฟนที่เป็นนางแบบ Playboy ด้วย เนื่องจากแฟนเก่าเขาจะเอา Sex Tape ไปขาย!

Colin Farrell คือนักแสดงเจ้าเสน่ห์และมีความสามาถคนหนึ่งในวงการ Hollywood ที่ถึงแม้อาจจะยังไม่ได้โดดเด่นจนยืนบนเวทีออสการ์ แต่ก็มีชื่อเสียงมากพอให้ทุกคนจดจำ


The Misfits - พยัคฆ์ทรชน ปล้นพลิกโลก
The Misfits - พยัคฆ์ทรชน ปล้นพลิกโลก
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
The Lord of the Rings: The Two Towers - ศึกหอคอยคู่กู้พิภพ
The Lord of the Rings: The Two Towers - ศึกหอคอยคู่กู้พิภพ
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring - อภินิหารแหวนครองพิภพ
The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring - อภินิหารแหวนครองพิภพ
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
The Little Things - สืบลึกปลดปมฆาตกรรม
The Little Things - สืบลึกปลดปมฆาตกรรม
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Black Adam - แบล็ก อดัม
Black Adam - แบล็ก อดัม
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
The Batman - เดอะ แบทแมน
The Batman - เดอะ แบทแมน
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
The Dark Knight Rises - แบทแมน อัศวินรัตติกาลผงาด
The Dark Knight Rises - แบทแมน อัศวินรัตติกาลผงาด
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
The Dark Knight - แบทแมน อัศวินรัตติกาล
The Dark Knight - แบทแมน อัศวินรัตติกาล
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Tenet - เทเน็ท
Tenet - เทเน็ท
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
007 : No Time To Die - 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
007 : No Time To Die - 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Jumanji: The Next Level - เกมดูดโลก ตะลุยด่านมหัศจรรย์
Jumanji: The Next Level - เกมดูดโลก ตะลุยด่านมหัศจรรย์
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Fighting with My Family - สู้ท้าฝัน เพื่อ ครอบครัว
Fighting with My Family - สู้ท้าฝัน เพื่อ ครอบครัว
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Fast and Furious: Hobbs And Shaw - เร็ว แรงทะลุนรกฮ็อบส์ แอนด์ ชอว์
Fast and Furious: Hobbs And Shaw - เร็ว แรงทะลุนรกฮ็อบส์ แอนด์ ชอว์
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Bohemian Rhapsody - โบฮีเมียน แรปโซดี
Bohemian Rhapsody - โบฮีเมียน แรปโซดี
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Aladdin - อะลาดิน
Aladdin - อะลาดิน
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Ralph Breaks the Internet: Wreck-It Ralph 2 - ราล์ฟตะลุยโลกอินเทอร์เน็ต วายร้ายหัวใจฮีโร่ 2
Ralph Breaks the Internet: Wreck-It Ralph 2 - ราล์ฟตะลุยโลกอินเทอร์เน็ต วายร้ายหัวใจฮีโร่ 2
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Skyscraper - ระห่ำตึกเสียดฟ้า
Skyscraper - ระห่ำตึกเสียดฟ้า
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Ocean\'s 8 - โอเชี่ยน 8
Ocean's 8 - โอเชี่ยน 8
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Black Panther - แบล็ค แพนเธอร์
Black Panther - แบล็ค แพนเธอร์
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Jumanji: Welcome to the Jungle - จูแมนจี้ เกมดูดโลก บุกป่ามหัศจรรย์
Jumanji: Welcome to the Jungle - จูแมนจี้ เกมดูดโลก บุกป่ามหัศจรรย์
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Dunkirk - ดันเคิร์ก
Dunkirk - ดันเคิร์ก
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Fast & Furious 8 - เร็ว...แรงทะลุนรก 8
Fast & Furious 8 - เร็ว...แรงทะลุนรก 8
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Baywatch - ไลฟ์การ์ดฮอตพิทักษ์หาด
Baywatch - ไลฟ์การ์ดฮอตพิทักษ์หาด
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Central Intelligence - คู่สืบ คู่แสบ
Central Intelligence - คู่สืบ คู่แสบ
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Batman v Superman: Dawn of Justice - แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม
Batman v Superman: Dawn of Justice - แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Moana - โมอาน่า ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้
Moana - โมอาน่า ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Fantastic Beasts - สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่
Fantastic Beasts - สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Alice Through the Looking Glass - อลิซ ผจญมหัศจรรย์เมืองกระจก
Alice Through the Looking Glass - อลิซ ผจญมหัศจรรย์เมืองกระจก
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Captain America : Civil War - ศึกฮีโร่ระห่ำโลก
Captain America : Civil War - ศึกฮีโร่ระห่ำโลก
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
In the Heart of the Sea - หัวใจเพชฌฆาตวาฬมหาสมุทร
In the Heart of the Sea - หัวใจเพชฌฆาตวาฬมหาสมุทร
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Fast And Furious 7 - เร็ว แรงทะลุนรก 7
Fast And Furious 7 - เร็ว แรงทะลุนรก 7
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
TOMORROWLAND - ผจญแดนอนาคต
TOMORROWLAND - ผจญแดนอนาคต
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
SAN ANDREAS - ซาน แอนเดรส มหาวินาศแผ่นดินแยก
SAN ANDREAS - ซาน แอนเดรส มหาวินาศแผ่นดินแยก
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
The Hobbit 3 - เดอะ ฮอบบิท สงคราม 5 ทัพ
The Hobbit 3 - เดอะ ฮอบบิท สงคราม 5 ทัพ
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง
Hercules
Hercules
ดูข้อมูล/เช็ครอบหนัง

0 %E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99+%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
สมาชิก : Member    สมาชิก
สบายสบายให้มันสมายเวลาสบายแล้วจะได้สบายสมาย... :)
 
 
 

ทิปส์ไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น