อยากเริ่มสตรีมกับเขาดูบ้าง แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน แล้ว โปรแกรม OBS Studio คืออะไร ? จะสตรีมด้วยโปรแกรมนี้ได้อย่างไร เพิ่มกล้องเว็บแคม เพิ่มหน้าจอเกมได้ที่ไหน ตั้งค่าเสร็จแล้วทำให้ออก Facebook หรือ Youtube ได้ยังไง เรามีวิธีการพร้อมรูปสกรีนช็อตอย่างละเอียดทุกขั้นตอนเขียนไว้ที่นี่แล้ว อ่านจบสามารถสตรีมได้เอง พร้อมชวนเพื่อนมาดูได้เลย
โปรแกรมที่เราจะใช้งานกันในวันนี้ คือ โปรแกรม OBS Studio (หรือบางคนอาจเรียกสั้น ๆ ว่า OBS) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่เปิดเผยซอร์สโค้ด (Open Source Software) ที่เปิดให้คนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรีๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งตัวโปรแกรมจะคอยอัปเดตและแจ้งให้เราดาวน์โหลดตัวโปรแกรมรุ่นใหม่ ๆ มาใช้งานอย่างสม่ำเสมอ หากเราเปิดใช้งานโปรแกรม OBS Studio เป็นประจำ (เช็คทุกครั้งที่เปิดโปรแกรม) ดังนั้น ให้เราดาวน์โหลด และทำการติดตั้งโปรแกรมให้เรียบร้อยก่อนเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป
ดาวน์โหลดโปรแกรม OBS Studio ได้ที่ :
มาเริ่มต้นกันด้วยการดู หน้าจอผู้ใช้งาน (User Interface) ของ โปรแกรมถ่ายทอดสด OB Studio กันก่อน ว่าส่วนไหนมีไว้เพื่อทำอะไรกันบ้าง
การเพิ่มกล้องเว็บแคม เพื่อให้ผู้ชมเห็นหน้าเราไปด้วยในระหว่างการสตรีม เราจะต้องมีกล้องเว็บแคมที่ต่อเข้ากับเครื่อง PC โดยตรง และทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถเพิ่มเข้าไปในการสตรีมได้ โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ (ถ้าไม่มีกล้องเว็บแคมสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย)
1. ให้เราไปที่ "เมนู Sources" ด้านล่าง คลิกที่ "ปุ่ม +" แล้วเลือก "เมนู Video Capture Device" จะปรากฎหน้าต่างใหม่ให้ตั้งชื่อ Source หากจะใช้ชื่อที่ให้มาอยู่แล้วให้กด "ปุ่ม OK"
2. ในหน้าต่าง Video Capture Device ตัวโปรแกรมจะตรวจจับกล้องเว็บแคมให้เราโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว หากต้องการตั้งค่าแสง, ความเข้ม, ฟิลเตอร์กล้อง, ฯลฯ ที่มากับเว็บแคมเพิ่มเติม สามารถคลิกที่ "ปุ่ม Configure Video" ได้ หากไม่ต้องการแก้ไขอะไรเพิ่มเติม สามารถกด "ปุ่ม OK" เพื่อยืนยันเพิ่มเว็บแคมได้เลย
3. เมื่อเพิ่มเว็บแคมเสร็จแล้ว หากต้องการปรับขนาด ก็สามารถคลิกเมาส์ซ้ายที่ขอบจอเว็บแคมค้างไว้ แล้วลากปรับได้เลย (ถ้าอยากลากปรับโดยไม่อิงขนาดอัตราส่วน (Ratio) เดิมของกล้อง ให้กด "ปุ่ม Shift" ค้างไว้ด้วย) ถ้าต้องการย้ายที่เว็บแคมของเราให้แสดงผลบริเวณอื่นของจอ ให้คลิกซ้ายค้างภายในพื้นที่กล้องเว็บแคม และปล่อยเมาส์ลงในพื้นที่ที่ต้องการ โดยตัวอย่างจะย้ายจากซ้ายบนลงมาซ้ายล่าง เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ
หลังจากที่เราเพิ่มเว็บแคมเข้าไปเรียบร้อยแล้ว แต่รู้สึกว่าไม่อยากให้มีภาพพื้นหลังโผล่ขึ้นมา เพื่อให้ผู้ชมสามารถเห็นเกมได้มากขึ้น ก็สามารถทำได้โดย การใช้ฉากเขียว หรือ Green Screen เพื่อตัดฉากหลังที่ไม่ต้องการออกไปได้ โดยมีวิธีทำดังนี้
1. เมื่อติดตั้งฉากเขียวด้านหลังตัวเราเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกขวาที่ "รายการ Video Capture Device" หรือชื่อของเว็บแคมที่เราเพิ่มเข้าไปในการสตรีม แล้วเลือก "เมนู Filters"
2. ที่ "กล่องเมนู Effect Filters" ด้านซ้ายล่าง ให้คลิกที่ "ปุ่ม +" แล้วเลือก "เมนู Chroma Key" แล้วกด "ปุ่ม OK"
3. หลังจากที่เพิ่ม "เมนู Chroma Key" เข้ากล่อง "กล่องเมนู Effect Filters" ด้านซ้ายแล้ว จะมีตัวเลือกการปรับเพื่อตัดพื้นหลังให้สามารถแสดงผลได้เนียนตามากขึ้น เช่น Similarity (เพิ่มขอบเขตการตัดพื้นหลัง), Smoothness (ลดขอบสีที่ถูกตัดออกไป) เป็นต้น
สำหรับผู้ที่ใช้ฉากสีอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สีเขียว เช่น สีน้ำเงิน ก็สามารถเลือกสีที่ต้องการตัดออกได้ที่ "เมนู Key Color Type" แล้วเปลี่ยนเป็น "ตัวเลือก Blue" แทนได้ เมื่อปรับเสร็จแล้วให้กด "ปุ่ม Close"
4. เมื่อกลับมาที่หน้าจอสตรีมหลักอีกครั้ง จะเห็นว่า พื้นหลังสีเขียวได้หายไปแล้ว ในกรณีที่ทำแล้วไม่สามารถลบพื้นหลังได้หมด หลงเหลือเป็นสีเทา ๆ เช่นผู้เขียน อาจเป็นไปได้ว่า ความสว่างของห้องไม่เพียงพอที่จะทำให้สามารถตรวจจับสีของฉากได้อย่างเต็มที่ ทำให้ไม่สามารถลบออกได้หมด หรือไม่ ก็อาจเป็นที่สีของฉากไม่ตรงกับค่าสีของโปรแกรมที่เซ็ตไว้ เป็นต้น
การเพิ่มหน้าจอเกมเข้าสตรีม ในที่นี้เราจะแนะนำในรูปแบบของการสตรีมและการเล่นเกมในเครื่องเดียวกัน ซึ่งจะเหมาะสำหรับเครื่อง PC ที่มีสเปกค่อนข้างสูงพอสมควร เพราะการสตรีมและเล่นเกมในคราวเดียวกัน ค่อนข้างกินทรัพยากรของเครื่อง ซึ่งเราจะรู้ว่าสามารถสตรีมได้หรือไม่ในช่วงทดสอบสตรีมในช่วงท้าย
1. ให้เราไปที่ "เมนู Sources" ด้านล่าง คลิกที่ "ปุ่ม +" แล้วเลือก "เมนู Game Capture" จะปรากฎหน้าต่างใหม่ให้ตั้งชื่อ Source หากจะใช้ชื่อที่ให้มาอยู่แล้วให้กด "ปุ่ม OK"
2. ในหน้าต่าง Game Capture ใน "เมนู Mode" ให้เลือก "เมนู Capture Specific Window" จากนั้นที่ "เมนู Windows" ให้คลิกเลือกชื่อเกมที่ต้องการสตรีมขึ้นมา โดยในที่นี้ เราเลือก Genshin Impact มาสตรีม ซึ่งหลังจากคลิกที่ชื่อเกมแล้ว จะปรากฎหน้าจอพรีวิวของเกมนั้น ๆ ขึ้นมาที่โปรแกรมโดยอัตโนมัติ จากนั้นกด "ปุ่ม OK"
ข้อสังเกต :
ถ้าหากเลือกแล้วไม่มีหน้าจอเกมปรากฎขึ้นมา ให้กด "ปุ่ม Cancel" เพื่อปิดโปรแกรม แล้วทำการเริ่มโปรแกรม OBS ขึ้นมาใหม่อีกครั้งโดย คลิกขวาที่ "ไอคอน OBS" แล้วเลือก "เมนู Run as Administrator" แล้วกด "ปุ่ม OK" จากนั้นให้ทำการเพิ่มหน้าจอเกมใหม่ตั้งแต่ ข้อ 1. อีกครั้ง
3. เมื่อเพิ่มหน้าจอเกมมาแล้ว ถ้าใครทำการเพิ่มกล้องเว็บแคมมาก่อนหน้า จะสังเกตได้ว่ากล้องเว็บแคมหายไปจากหน้าจอ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่ถูกหน้าจอเกมวางทับไปเท่านั้น เราสามารถเรียงคืนกล้องเว็บแคมกลับมาได้โดยการจัดเรียงหน้าต่างใหม่ที่ "เมนู Sources" โดยคลิกซ้ายค้างที่ "ตัวเลือก Game Capture" แล้วลากลงมาอยู่ใต้ชื่อ "ตัวเลือก Video Capture Device" แทน แค่นี้กล้องเว็บแคมก็จะกลับมาแล้ว
ในกรณีที่เราอยาก ใช้รูปอวาตาร์ หรือรูปอื่น ๆ หรือเพิ่มรูปโลโก้ ของเราเข้าไป ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. ให้เราไปที่ "เมนู Sources" ด้านล่าง คลิกที่ "ปุ่ม +" แล้วเลือก "เมนู Image" จะปรากฎหน้าต่างใหม่ให้ตั้งชื่อ Source หากจะใช้ชื่อที่ให้มาอยู่แล้วให้กด "ปุ่ม OK"
2. ในหน้าต่างใหม่ที่ "เมนู Image File" ให้คลิกที่ "ปุ่ม Browse" เพื่อทำการหาไฟล์รูปที่ต้องการ
3. เมื่อเจอไฟล์รูปที่ต้องการ ให้คลิกซ้ายที่รูปนั้น ๆ แล้วกด "ปุ่ม Open"
4. เราจะเห็นพรีวิวรูปที่ต้องการเพิ่มเข้าไปในสตรีม หากรูปนั้นถูกต้อง ให้กด "ปุ่ม OK"
5. หลังจากกด "ปุ่ม OK" แล้ว สามารถเลือกปรับขนาดรูปได้ตามต้องการ และย้ายที่รูปได้ตามชอบ โดยใช้การคลิกแบบเดียวกันกับการปรับขนาดและย้ายเว็บแคม
การเช็คเสียงเกมและไมโครโฟนเบื้องต้น นั้นสามารถดูได้ง่าย ๆ ที่แถบปรับแต่งเสียง หรือมิกซ์เสียง (Audio Mixer) ที่อยู่ด้านล่างได้เลย
ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เราจะได้เห็นแถบเสียง Desktop Audio และ Mic / Aux มีสีเขียวสว่างวิ่งขึ้นมา แต่ถ้าหากแถบทั้งคู่นิ่งสนิท ให้ลองเช็คอุปกรณ์เสียงที่ใช้งานในขณะนั้นดูว่า ได้ทำการตั้งเป็นอุปกรณ์ตั้งต้น (Default Device) แล้วหรือไม่
หากต้องการตั้งค่าอุปกรณ์เสียงสำหรับสตรีมโดยเฉพาะ สามารถทำได้โดยการคลิกที่ "ไอคอน รูปเฟือง" ที่ด้านหลังของ "ไอคอน รูปลำโพง" แล้วคลิกเลือก "เมนู Properties"
ในหน้าต่าง Porperties for 'Desktop Audio' ที่ "เมนู Device" ให้เลือกอุปกรณ์ที่ต้องการให้โปรแกรม OBS Studio จับเสียงออกสตรีม แล้วกด "ปุ่ม OK" ซึ่งถ้าหากตั้งค่าได้ถูกต้อง แถบเสียงวิ่ง ๆ สีเขียวก็จะปรากฎให้เห็นแล้ว หากแถบเสียงยังไม่วิ่งอีก ให้ลองไล่ไปทีละอุปกรณ์ รวมถึงเช็ค Volume Mixer ด้วยว่า ได้ทำการปิดเสียง Master Volume หรือปิดเสียงราย Application ไว้หรือเปล่า
ในส่วนของไมโครโฟน ก็สามารถทำได้ด้วยวิธีเดียวกัน หากทดลองพูดดูแล้วไม่มีแถบเสียงขึ้นมา ให้ใช้วิธีเดียวกันกับ Desktop Audio แต่เปลี่ยนไปคลิกที่ "เมนู Mic / Aux" แทน
เมื่อเราเซ็ตสตรีมเสร็จเรียบร้อย พร้อมเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้รับชมกันแล้ว ก็สามารถ เชื่อมต่อเข้ากับแพลตฟอร์มสำหรับสตรีมอย่าง Facebook, Youtube, และ Twitch ได้เลย
การเชื่อมต่อสตรีมเข้า Facebook จะต้องใช้คีย์สตรีม (Stream Key) เพื่อทำการส่งสัญญาณถึงกัน สามารถทำได้ดังต่อไปนี้
1. ไปที่ "เมนู File" แล้วคลิกเลือก "เมนู Settings"
2. ในหน้าต่างการตั้งค่า (Settings) ให้คลิกที่ "เมนู Stream" ทางด้านซ้าย จากนั้น ที่ "เมนู Service" ให้คลิกเลือก "เมนู Facebook Live" ซึ่งหลังจากเลือกแล้ว จะมีกล่องข้อความแจ้งว่า บริการสตรีมมิ่งดังกล่าว รองรับความละเอียดที่ 1280 x 720 พิกเซล ที่เฟรมเรต 30 fps เท่านั้น ให้เรากด "ปุ่ม Yes" เพื่อไปต่อ
3. คลิกที่ "ปุ่ม Get Stream Key" เพื่อรับสตรีมคีย์สำหรับไลฟ์มากรอกใน "ช่อง Stream Key"
4. เมื่อกดปุ่มแล้ว เว็บเบราว์เซอร์ เริ่มต้นของเรา (ในที่นี้เป็น เว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome) จะเด้งขึ้นมาเป็นหน้า Live Producer ของ Facebook ซึ่งเราจะสามารถจัดการตั้งค่าโพสต์ไลฟ์และดูพรีวิวการไลฟ์ก่อนกดไลฟ์ได้ที่นี่ ให้มองหา "เมนู การตั้งค่าสตรีมสด" แล้วกด "ปุ่ม คัดลอก" ที่ท้ายช่องคีย์สตรีม แล้วนำคีย์สตรีมนั้นมาวางใน "ช่อง Stream Key" ของ โปรแกรม OBS Studio แล้วกด "ปุ่ม OK"
5. เมื่อใส่คีย์สตรีมเสร็จเรียบร้อย ให้ไปที่ "เมนู Control" ด้านขวาล่างของโปรแกรม แล้วคลิกที่ "ปุ่ม Start Streaming" เพื่อเข้าสู่กระบวนการพรีวิวก่อนไลฟ์จริง โดยเมื่อโปรแกรมทำการส่งสัญญาณเชื่อมต่อกับ Facebook ได้สำเร็จ ปุ่มจะเปลี่ยนไปเป็น "ปุ่ม Stop Streaming" ไว้สำหรับหยุดสตรีมแทน
6. ให้กลับไปที่หน้าเว็บเบราว์เซอร์ Live Producer อีกครั้ง จะเห็นว่า มีรูปพรีวิวสตรีมของเราที่บริเวณด้านขวาล่างขึ้นมาแล้ว แสดงว่าสามารถเชื่อมต่อสตรีมได้สำเร็จ จากนั้น ให้จัดการใส่หัวข้อสตรีมและแคปชัน พร้อมกับกำหนดที่โพสต์ และกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการโพสต์ให้เห็นให้เรียบร้อย จากนั้นก็สามารถกด "ปุ่มถ่ายทอดสด" เพื่อเริ่มสตรีมได้ทันที
1. สำหรับการเชื่อมต่อสตรีมเข้ากับ Youtube จะคล้ายกันกับ Facebook แต่เปลี่ยนตัวเลือกเป็น Youtube - RTMPS แทน แล้วกด "ปุ่ม Get Stream Key"
2. เมื่อกด "ปุ่ม Get Stream Key" แล้ว โปรแกรมเบราว์เซอร์เริ่มต้นของเรา จะเด้งขึ้นมาเป็นหน้า สตรีมมิ่งแบบสด - Youtube Studio ที่ "เมนู ตอนนี้เลย" ให้กด "ปุ่ม เริ่ม"
3. การเลือกประเภทสตรีมแบบเริ่มต้น ให้กด "ปุ่ม เริ่ม" ที่ "เมนู ซอฟต์แวร์สตรีมมิ่ง"
4. เมื่อเข้าสู่หน้าถัดไป จะปรากฎให้รายละเอียดการไลฟ์ให้กรอกกันก่อน สำหรับ "เมนู วิดีโอนี้สร้างมาเพื่อเด็กไหม" ถ้าคุณไม่แน่ใจ ให้เลือก "ตัวเลือก ไม่ วิดีโอนี้ไม่ได้สร้างมาเพื่อเด็ก" เพื่อป้องกันการเกิดข้อพิพาทในภายหลัง แล้วกด "ปุ่มบันทึก"
5. ไปที่ "เมนู สตรีมคีย์" แล้วกด "ปุ่ม คัดลอก" จากนั้นให้นำไปวางในช่อง Stream Key ใน OBS แล้วกด "ปุ่ม OK"
6. เมื่อใส่สตรีมคีย์เสร็จเรียบร้อย ให้กด "ปุ่ม Start Streaming" แล้วกลับไปที่หน้า Youtube Studio อีกครั้ง หากสตรีมคีย์ถูกต้อง ไลฟ์สตรีมของเราจะถูกถ่ายทอดสดออกไปในแชนแนลของเราทันที
ข้อควรระวัง :
หลังจากใส่สตรีมคีย์ของ Facebook และ Youtube เสร็จแล้ว และทำการกด "ปุ่ม Start Streaming" ที่ OBS แล้ว จะมีข้อแตกต่างกันตรงที่ การไลฟ์บน Facebook จะต้องไปกด "ปุ่ม ถ่ายทอดสด" บนหน้าเว็บเบราว์เซอร์อีกครั้ง จึงจะเป็นการเริ่มการไลฟ์ แต่สำหรับ Youtube นั้น เมื่อกดปุ่มเริ่มสตรีมไปแล้ว ไลฟ์ของเราจะ On Air บนแชนแนลทันที ดังนั้น ต้องมั่นใจว่าจัดการเตรียมสตรีมเรียบร้อยแล้วเท่านั้น จึงค่อยกด "ปุ่ม Start Streaming"
1. สำหรับการเชื่อมต่อสตรีมเข้ากับ Twitch จะคล้ายกันกับ Facebook แต่เปลี่ยนตัวเลือกเป็น Twitch แทน แล้วกด "ปุ่ม Connect Account (Recommended)"
2. โปรแกรม OBS Studio จะเปิดหน้าจอล็อกอิน Twitch ขึ้นมา ให้เราใส่ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของบัญชี Twitch ให้ถูกต้อง แล้วกด "ปุ่ม Log In"
3. เมื่อใส่รหัสผ่านได้ถูกต้อง จะมีหน้าต่างยืนยันตัวตน 2 ชั้น ขึ้นมา ในกรณีที่เราผูกบัญชีไว้กับแอป Authy ไว้ ให้ไปรับรหัสมาใส่ให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด หรือเลือกรับรหัสยืนยันผ่าน SMS ที่เบอร์มือถือที่ผูกไว้ของเรา แล้วกด "ปุ่ม Submit"
(ในกรณีที่ใช้เครื่อง PC เครื่องนี้เป็นเครื่องหลัก สามารถกดติ๊กที่ "ตัวเลือก Remember This Computer for 30 Days" ได้เลย)
4. เมื่อกด "ปุ่ม Submit" แล้ว จะมีข้อความยืนยันการอนุญาตให้ผูกบัญชีเข้ากับ โปรแกรม OBS Studio เพื่อทำการสตรีม ให้เรากด "ปุ่ม Authorize"
5. เมื่อโปรแกรม OBS Studio เชื่อมต่อ Twitch เสร็จเรียบร้อย เราจะได้กลับมาที่หน้าต่างเดิมของ OBS อีกครั้ง ให้กด "ปุ่ม OK" เป็นอันเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อ
6. เมื่อเชื่อมต่อ โปรแกรม OBS Studio เข้ากับ Twitch เสร็จแล้ว เราจะเห็นหน้าต่างย่อยเพิ่มเข้ามาอีก 2 หน้าต่าง ได้แก่ "หน้าต่าง Stream Information" ที่เอาไว้สำหรับแก้ไขข้อมูล Stream และ "หน้าต่าง Chat" ที่เอาไว้สำหรับพิมพ์พูดคุยกับผู้ชมได้เลยโดยไม่ต้องเปิดหน้าเว็บ Twitch แยก ให้เราทำการแก้ไขข้อมูล Stream Information ให้เรียบร้อย แล้วกด "ปุ่ม Done" เพื่อให้พร้อมแสดงผลตอนสตรีมได้ทันที
7. หลังจากแก้ไขเสร็จเรียบร้อย เมื่อเรากด "ปุ่ม Start Streaming" ก็จะสามารถเริ่มสตรีมได้เลย
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |