โน้ตบุ๊ก (Notebook) หรือ แล็ปท็อป (Laptop) นั้น มีความแตกต่างจากเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (Desktop Computer) อยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการที่มันมีแบตเตอรี่ภายในตัวเอง เพื่อให้สามารถทำงานนอกสถานที่ได้อย่างคล่องตัวโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียบสายเพื่อจ่ายไฟให้กับเครื่อง และเมื่อมันมีแบตเตอรี่ ก็หนีไม่พ้นเรื่องความเสื่อมสภาพของการเก็บประจุไฟในแบตเตอรี่
เมื่อเรารู้สึกว่า แบตเตอรี่ที่ถูกชาร์จเต็มแล้ว ตอนนำโน้ตบุ๊กไปใช้งานนอกบ้าน กลับใช้ได้แป๊บเดียวแบต ฯ หมดอีกแล้วซะงั้น อาจมีสาเหตุมาจาก แบตเตอรี่โน้ตบุ๊กเสื่อม และได้เวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กกันแล้วล่ะ
โดยทั่วไปแล้ว Battery Cycle หรือรอบแบตเตอรี่ นั้น หมายถึงการใช้แบตเตอรี่จนหมดต่อการชาร์จเต็มในครั้งนั้น ๆ (จาก 100% จนเหลือ 0%) ซึ่งการใช้จนหมดดังกล่าวไม่จำเป็นต้องใช้ให้หมดในครั้งที่เปิดใช้งานเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น ถ้าแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กของคุณถูกลดเหลือ 50% จาก 100% และเสียบชาร์จให้กลับคืนมาใหม่ที่ 100% จากนั้น ก็เปิดใช้จนเหลือ 50% อีกครั้ง จะถูกนับว่าเป็น 1 รอบในทันที (ใช้ 50% สะสมครบสองครั้ง เท่ากับว่าครบร้อยที่ชาร์จมาแล้ว)
เครดิตรูปภาพ : https://www.freepik.com/free-vector/battery-runtime-abstract-concept-illustration_11667709.htm
ส่วนจำนวนรอบแบตเตอรี่ที่เราจะไปพูดถึงกันต่อในส่วนถัดไป ก็คือจำนวนครั้งที่แบตเตอรี่ของคุณ ผ่านกระบวนการที่ว่ามาข้างบนไปแล้วกี่รอบน่ะแหละ ยิ่งแบตเตอรี่มีจำนวนรอบน้อยเท่าไหร่ นั่นก็หมายถึงแบตเตอรี่ก็จะยิ่งมีสุขภาพดีมากขึ้นเท่านั้น โดยแบตเตอรี่ที่มีสุขภาพดี จะมีสภาพที่ใกล้เคียงกับแบตเตอรี่ที่เพิ่งออกมาจากโรงงานใหม่ ๆ เพราะสามารถเก็บประจุพลังงานเพื่อใช้งานได้อย่างเต็มที่ เมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอรี่อีกก้อนที่ผ่านการใช้งานมาสักพัก แบตเตอรี่ที่เริ่มมีจำนวนรอบเพิ่มขึ้นจำนวนหนึ่งแล้ว ก็จะเก็บประจุได้น้อยกว่า
อ่านบทความ การนับรอบชาร์จแบตเตอรี่ (Battery Charge Cycle Count) นับยังไง ? เกี่ยวอะไรกับอายุขัยของแบตเตอรี่ ? ได้ที่ :
ในแล็ปท็อปที่ลงระบบปฏิบัติการ Windows เอาไว้ เราจะสามารถ เช็ครอบของแบตเตอรี่ ได้โดยการใช้คำสั่งลัดใน Command Prompt โดย
1. เปิดหน้าต่าง Command Prompt ขึ้นมา สามารถทำได้โดยการคลิกขวาที่ "ปุ่ม Start" ที่ทาส์กบาร์ หรือกด "ปุ่ม Windows + X" แล้วเลือก "เมนู Command Prompt" หรือ "เมนู Windows PowerShell"
2. เมื่อหน้าต่าง Command Prompt ปรากฎขึ้น ให้พิมพ์ "คำสั่ง powercfg /batteryreport"
3. จากนั้น ให้ออกจาก Command Prompt แล้วเปิด "โปรแกรม File Explorer" ขึ้นมา ไปที่โฟลเดอร์ผู้ใช้ที่เป็นชื่อของคุณเอง มองหา "ไฟล์ Battery - Report.html" โดยไดเรกทอรีของไฟล์โดยละเอียดจะอยู่ที่ "C:\Users\[YOUR USERNAME]\battery-report.html"
4. เมื่อเจอไฟล์ ให้ทำการดับเบิ้ลคลิกเพื่อเปิดมันขึ้นมา โดยตัวไฟล์จะถูกเปิดขึ้นด้วยเว็บเบราว์เซอร์ตั้งต้นของเรา ที่ด้านบนสุดของรายงาน เราจะเห็นข้อมูลพื้นฐานบางอย่างอยู่ที่นี่ด้วย เช่น ชื่อ PC เครื่องนั้น ๆ และเวลาที่รายงานฉบับดังกล่าวถูกสร้างขึ้น ให้ทำการเลื่อนลงมาเพื่อหา "รายการ Installed Batteries" เราจะเห็น "ข้อมูล DESIGN CAPACITY" (ความจุแบตเตอรี่ที่มีมาให้) และ "ข้อมูล FULL CHARGE CAPACITY" (ความจุแบตเตอรี่เมื่อชาร์จเต็ม)
ความจุแบตเตอรี่ (Design Capacity) ที่มีมาให้นั้น คือความจุสูงสุดที่จะสามารถได้รับการชาร์จคืนประจุเข้าไปได้ ในขณะที่ Full Charge Capacity หรือความจุแบตเตอรี่เมื่อชาร์จเต็ม จะหมายถึงว่า แบตเตอรี่โน้ตบุ๊กของคุณ สามารถรองรับประจุได้เท่าไหร่แล้วในตอนนี้ ซึ่งถ้าตัวเลขทั้งสองยังมีค่าที่ใกล้เคียงกัน แตกต่างกันไม่มาก ก็แปลว่าสุขภาพแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กของคุณยังดีอยู่ แต่ถ้าตัวเลข Full Charge Capacity เริ่มต่ำกว่า Design Capacity ก็แปลว่าแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กของคุณกำลังเสื่อมลงไปเรื่อย ๆ แล้วล่ะ
ส่วนรอบแบตเตอรี่หรือ Cycle Count จะแสดงให้เห็นว่า แบตเตอรี่ก้อนนั้น ผ่านการชาร์จมาแล้วกี่รอบ ยิ่งถ้ารอบแบตเตอรี่มีสูง ความจุสูงสุดที่แบตเตอรี่นั้น ๆ จะสามารถประจุไฟได้ ก็จะลดลงจากที่มันเคยได้รับจากโรงงานมา และข้อมูลตารางที่เหลือนั้น จะแสดงการใช้งานแบตเตอรี่อย่างละเอียด ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาบางอย่างที่เกี่ยวกับแบตเตอรี่ได้
เมื่อเราเรียกดูรายงานแบตเตอรี่ของ ระบบปฏิบัติการ Windows อาจมีความเป็นไปได้ว่าจะ ไม่มีการแสดงผลจำนวนรอบของแบตเตอรี่ รวมอยู่ด้วย ซึ่งหากเปรียบเทียบจากภาพที่เห็นในหัวข้อด้านบนแล้ว ตัวเลขที่แสดงผลจะกลายเป็นขีดกลาง (-) แทน
ถ้าหากปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นกับคุณแล้วล่ะก็ ให้ลองเช็คดูก่อนว่า ทำการอัปเดตไดรเวอร์ทั้งหมดของโน้ตบุ๊กของคุณแล้วหรือยัง เพราะปัญหาที่ว่า อาจมีสาเหตุมาจากการที่ ระบบปฏิบัติการ Windows เจอเข้ากับฮาร์ดแวร์ที่มันไม่รู้จัก หรือฮาร์ดแวร์นั้น ๆ แสดงผลในรายการไดรเวอร์ไม่ถูกต้องก็เป็นได้
เครดิตรูปภาพ : https://westerntrainer691.weebly.com/asus-unknown-device-drivers-for-mac.html
และแน่นอน แม้แต่แบตเตอรี่ก็มีไดรเวอร์ของมันเช่นเดียวกับไดรเวอร์ชิปเซ็ตต่าง ๆ ซึ่งหลังจากที่คุณทำการอัปเดตไดรเวอร์และรีสตาร์ทเครื่องแล้ว ให้ลองเรียกรายงานแบตเตอรี่ขึ้นมาอีกครั้ง ถ้ายังไม่แสดงผลอีก ให้ลองไปอัปเดต UEFI / BIOS ดู
ข้อมูลเพิ่มเติม : BIOS คืออะไร ? พร้อมวิธีเข้า BIOS, UEFI บนคอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊ค ยี่ห้อต่างๆ
หากปรากฎว่าอัปเดตไดรเวอร์ก็แล้ว อัปเดตไบออสก็แล้ว ตัวเลขก็ยังไม่มา คราวนี้ก็ถึงคิวของโปรแกรมจัดการ PC ที่ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเครื่องที่คุณใช้อยู่ให้มาแล้วล่ะ เช่น ถ้าสมมติว่าคุณซื้อโน้ตบุ๊กของ Lenovo มา โปรแกรมจัดการของมันเองก็คือ Lenovo Vantage หลังจากที่เปิด โปรแกรมจัดการ หรือ ดูแลคอมพิวเตอร์ (PC Management Software) ของคุณขึ้นมาแล้ว ให้มองหาหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ เช่น Power Management, Battery Management, System Health, ฯลฯ เพื่อดูข้อมูลแบตเตอรี่ของเราแทนได้
ข้อมูลเพิ่มเติม : Balanced, Power Saver, High Performance และ Ultimate Performance คืออะไร ? และ ต่างกันอย่างไร ?
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |