ฝนตกหนัก ลมแรง หรือสภาพอากาศ ทำให้อินเทอร์เน็ตช้าลง จริงหรือไม่ ?

ฝนตกหนัก ลมแรง ทำให้อินเทอร์เน็ตช้า จริงหรือไม่ ?
(Does Heavy Rain and Strong Wind Affect Internet Connection ?)

เป็นข้อสงสัยและข้อถกเถียงกันมาเนิ่นนาน สำหรับคำถามที่ว่า ฝนตก หรือ ลมกรรโชกแรง ทำให้อินเตอร์เน็ตช้าลงจริงหรือเปล่า ? เพราะผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตหลาย ๆ คน รู้สึกได้ว่า เวลาฝนตกหนัก ๆ ลมแรง หรือพายุเข้าทีไร ตอนเปิดหน้าเว็บขึ้นมาเพื่อจะค้นหาอะไรสักอย่าง รูปอนิเมชันตอนโหลดมันจะหมุนติ้วอยู่ตลอดเวลาแบบไม่มีทีท่าว่าจะมาสักที ทั้งที่ตอนก่อนหน้าฝนจะตกมันยังโหลดเร็วลื่นปรื๊ดอยู่เลย

ซึ่งก่อนจะไปต่อที่บทความด้านล่างกัน ผู้เขียนขอตอบข้อสงสัยจากคำถามที่เป็นหัวข้อบทความของเราไว้ ณ ตรงนี้เลยว่า มันคือเรื่องจริง ! ที่ฝนตกแล้วเน็ตจะช้าแบบเห็นได้ชัด ส่วนสาเหตุที่เป็นที่มาที่ไปที่ทำให้ช้า ว่ามาจากปัจจัยอะไรได้บ้าง ไปอ่านต่อกันได้เลย

ปัจจัยที่ทำให้สภาพอากาศ มีผลต่อความเร็วอินเตอร์เน็ต
(Factors affecting Slow Internet Speed)

หลายคนคงจะพอจำกันได้ว่า ในช่วงที่เราใช้ อินเทอร์เน็ต (Internet) ความเร็วสูงกันในรูปแบบของ DSL, ADSL, หรือการเชื่อมต่อแบบ NBN ในบางรูปแบบ (เป็นรูปแบบหนึ่งของโปรโตคอลอินเตอร์เน็ต) เราต้องทำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตกันผ่านสายทองแดงของโทรศัพท์ ซึ่งบรรดาสายที่ว่ามานั้น อาจอยู่ใต้พื้นดิน หรือพาดผ่านตามเสาไฟฟ้าต่าง ๆ ที่เราเห็นกันก็ได้ และปัญหาที่ส่งผลต่อความเร็วอินเตอร์เน็ตนั้น ก็คือเจ้าสายทองแดงที่ว่านี่แหละ

ข้อมูลเพิ่มเติม : อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ADSL VDSL DOCSIS FTTX และ Leased Line คืออะไร ? ต่างกันอย่างไร ?

สายทองแดง ต้นเหตุของปัญหาอินเตอร์เน็ตเมื่อสภาพอากาศเลวร้าย

ตัวทองแดงนั้น ถือเป็นวัสดุที่ไม่ได้มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการรับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตในระยะไกล และในความเป็นจริงแล้ว พวกมันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานอินเตอร์เน็ตมาตั้งแต่แรกด้วยอีกต่างหาก แต่ถูกออกแบบมาให้เอาไว้สื่อสารด้วยเสียง (Voice Communication) มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1876 (พ.ศ. 2419) เพื่อใช้งานโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว แถมเจ้าสายพวกนี้นับว่าอยู่มานานเกินศตวรรษ และแน่นอนว่าผู้ที่คิดค้นขึ้นมา คงไม่ได้คิดไว้ล่วงหน้าว่า มันจะยังถูกใช้งานมาจนถึงศตวรรษที่ 21 ด้วย

 
เครดิตภาพ : https://cromwell-intl.com/technical/dsl/

หากต้นทางของชุมสายอินเตอร์เน็ตที่ถูกเชื่อมต่อเข้ามาภายในบ้านของคุณอยู่ใกล้ ๆ ความเร็วในการเชื่อมต่อก็จะเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากพื้นที่เชื่อมต่อของคุณอยู่ไกลออกไป ความเร็วอินเตอร์เน็ตก็จะเริ่มช้าลงเรื่อย ๆ แถมในเวลาที่ฝนตก มันก็ยิ่งช้าลงไปอีก เพราะอย่างที่เรารู้ ๆ กันดีว่า ทองแดงเป็นตัวนำไฟฟ้าชั้นเยี่ยม เมื่อสายทองแดงต้องทำหน้าที่ส่งข้อมูลในระหว่างที่ไฟฟ้าเข้าแทรกแซง มันก็ย่อมจะล่มเป็นธรรมดา

การฝังสายลงใต้ดินก็มีส่วนในเรื่องนี้

โดยทั่วไปแล้ว สายโทรศัพท์ มักถูกฝังลงใต้ดินโดยใช้กระแสไฟฟ้าเป็นตัวส่งสัญญาณ มันจะไม่มีปัญหาอะไรถ้าเกิดว่าพื้นที่โดยรอบนั้นแห้ง และสายโทรศัพท์ได้รับการห่อหุ้มเป็นอย่างดี แต่ถ้าหากกระแสไฟฟ้ามาเจอกับน้ำ นั่นก็อีกเรื่อง...

บรรดาสายโทรศัพท์ที่ถูกฝังลงใต้ดิน มักจะอยู่ที่บริเวณแผ่นคอนกรีตที่มีลักษณะคล้ายฝาท่อ แต่ไม่ใช่ท่อระบายน้ำ ที่ทำให้ช่างผู้ชำนาญงาน สามารถลงไปตรวจสอบได้ง่ายหากมีปัญหาหรือข้อขัดข้องใด ๆ เกิดขึ้น ซึ่งถ้าหากน้ำฝนเข้าไปถึงในบริเวณที่ว่านี้ด้วย ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของสายโทรศัพท์ลดน้อยลง เพราะเกิดปฎิกิริยาระหว่างไฟฟ้ากับน้ำมาเจอกัน ทำให้การเชื่อมต่อช้าลง และมีสัญญาณอ่อนลง ไปจนถึงขั้นที่ใช้งานไม่ได้

เครดิตภาพ : https://selectcon.com/content_from_picture_16.asp

ในทางกลับกัน สำหรับสายโทรศัพท์ที่ถูกพาดผ่านเสาไฟฟ้า น้ำก็สามารถทำให้สายโทรศัพท์เหล่านี้ด้อยประสิทธิภาพลงได้ด้วยเหมือนกันถ้าหากมันสามารถซึมเข้าไปถึงภายในได้ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับสายที่อยู่ใต้ดินแล้ว อย่างไรเสีย สายบนเสาไฟฟ้าก็แห้งไวกว่ามาก

สภาพอากาศที่เลวร้าย ส่งผลต่อความเร็วอินเตอร์เน็ตอย่างไรบ้าง ?
(How Bad Weather affect Internet Speed ?)

อย่างที่เราบอกไปข้างต้นว่า ผลกระทบจากสภาพอากาศที่เราเขียนไปเป็นส่วนใหญ่ มักเกิดขึ้นกับการเชื่อมต่อ อินเตอร์เน็ต แบบ DSL และ ADSL เป็นหลัก เนื่องจากสายสัญญาณนั้นทำมาจากทองแดง จึงมักได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศอยู่บ่อยครั้ง แต่ถ้าเป็นสายไฟเบอร์นั้นจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะตัวสายมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันไฟฟ้า

1. สภาพอากาศที่มีเมฆหมอกหนาครึ้ม และมีฝนตก ส่งผลต่อดาวเทียมที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต

ถ้าหากคุณใช้งานอินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wi-Fi) อยู่ ควรรู้ไว้ว่า คลื่นสัญญาณ Wi-Fi นั้นเดินทางผ่านสัญญาณวิทยุ และเมื่อฝนตก บรรดาเม็ดฝนก็ซับสัญญาณเข้าไปด้วย จึงทำให้สัญญาณ Wi-Fi แทบไม่สามารถเดินทางไปให้ถึงจุดหมายปลายทางได้ และมักจะทำให้ขาดการเชื่อมต่อไปโดยปริยาย นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าฝนจะไม่ตก มีแค่ท้องฟ้าอึมครึมที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกหนา แต่นั่นก็จัดว่าเป็นการรบกวนคลื่นความถี่ของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วย

2. พายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้ประสิทธิภาพการส่งสัญญาณ Wi-Fi ลดลง

การทำงานของเราเตอร์ Wi-Fi จะใช้การส่งสัญญาณในรูปแบบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และเมื่อสภาพอากาศอยู่ในลักษณะฝนตก, มีพายุแรง, หรือมีพายุฝน คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะไม่สามารถจับกับสัญญาณ Wi-Fi ได้ ทำให้ความเร็วในการรับส่งสัญญาณลดลง

3. สภาพอากาศที่ส่งผลต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตในรูปแบบอื่น ๆ

สภาพอากาศที่เลวร้ายไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อดาวเทียมที่ให้บริการเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อโทรศัพท์พื้นฐาน, อินเตอร์เน็ตแบบ DSL, อินเตอร์เน็ตไร้สาย, สายไฟเบอร์, และบริการอินเตอร์เน็ตในทุกรูปแบบ ซึ่งการที่มีฝนตกหนัก, มีพายุ, หรือหิมะ ก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสายสัญญาณ และทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้

4. เพราะออกไปไหนไม่ได้ เลยทำให้มีการใช้งานอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้น

หากเราเปลี่ยนมุมมองไปในอีกแง่มุมหนึ่ง การมีสภาพอากาศที่เลวร้าย อาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสายสัญญาณ หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตโดยตรง แต่ส่งผลกระทบทางอ้อมแทน นั่นก็คือ การที่มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตพร้อม ๆ กันเป็นจำนวนมาก

เครดิตรูปภาพ : https://www.digitaltrends.com/movies/best-media-streaming-sites-services/

การที่สภาพอากาศเลวร้ายจนทำให้ผู้คนเลือกที่จะอยู่แต่ในที่พักอาศัย ไม่ได้ออกไปไหน แล้วพร้อมใจกันเปิดหนังภาพยนตร์ดูแบบออนไลน์ หรือพึ่งพาบริการรับชมสื่อบันเทิงแบบรายเดือนแทน ก็เลยกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแทรฟฟิกขึ้นพร้อมกันจำนวนมาก และเมื่อมีคนใช้งานพร้อม ๆ กัน ความเร็วในการดาวน์โหลดก็ลดลงเพราะการแย่งช่องสัญญาณกันนั่นเอง

สิ่งที่ควร และไม่ควรทำ ในเวลาที่สภาพอากาศส่งผลต่อความเร็วอินเตอร์เน็ต (What to do and don't when Internet Speed is slow during Bad Weather ?)

บทสรุปส่งท้าย (Conclusion)

สาเหตุส่วนใหญ่ในอดีตที่ อินเตอร์เน็ต มักจะล่ม เวลาที่สภาพอากาศไม่ดี มักจะเกิดขึ้นกับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในรูปแบบ DSL หรือ ADSL ซึ่งเป็นรูปแบบอินเตอร์เน็ตที่มีผู้ใช้งานน้อยลงมากแล้ว เพราะในปัจจุบัน จะนิยมใช้งานอินเตอร์เน็ตแบบเครือข่ายไฟเบอร์ (Fiber Internet) กันมากขึ้น เนื่องจากตัวสายสัญญาณมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันไฟฟ้า ทำให้ตัดปัญหาเรื่องการถูกเหนี่ยวนำจากไฟฟ้า แถมยังมีความทนทานสูง และมีค่าแบนด์วิธในการส่งข้อมูลมากกว่าสายทองแดงอีกด้วย

เครดิตภาพ : https://www.pdcable.com/คู่หู-คู่สายไฟ/สายไฟอ่อน-สายไฟแข็ง/

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเรียกใช้งานพร้อมกันทุกบ้าน ทุกสถานที่ ในเวลาที่ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ ก็ยังคงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงสภาพเน็ตช้าในเวลาฝนตกได้อยู่ดี ไม่ว่าคุณจะใช้งานอินเตอร์เน็ตในรูปแบบไหนก็ตาม ถ้าเวลาใช้งานอินเตอร์เน็ตแล้วรู้สึกว่ามันเร็วไม่ทันใจ หรือโหลดไม่ขึ้น ก็ลองทำใจร่ม ๆ รอสักพัก หรือรีเราเตอร์ตามที่เราแนะนำดูอีกที หากอินเตอร์เน็ตขัดข้องเป็นเวลานาน ก็ลองโทรสอบถามจากผู้ให้บริการโดยตรงดู