Raspberry Pi คืออะไร ? มีประโยชน์อย่างไร ทำไมถึงน่าใช้ ?

Raspberry Pi คืออะไร ? มีประโยชน์อย่างไร ทำไมถึงน่าใช้ ?

หากใครติดตามวงการเทคโนโลยีตลอดเวลา คงไม่แปลกที่จะได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของ Raspberry Pi ภาษาไทยอ่านออกเสียงว่า "แรสเบอร์รี" กันมาอยู่บ้าง นั่นเพราะว่ามันค่อนข้างที่จะดังพอสมควร และมีหลายคนนำมันมาใช้ประโยชน์สารพัดอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ การเขียนโปรแกรม (Programming) แต่ถ้าใครที่ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร ถ้าคุณได้กดเข้ามาอ่านบทความนี้แล้ว ลองศึกษากันดูว่า Raspberry Pi คืออะไร ? ทำไมมันถึงดี และ ได้รับความนิยม

Raspberry Pi คืออะไร ?

Raspberry Pi คือ คอมพิวเตอร์บอร์ดจิ๋วมีประสิทธิภาพและขนาดเท่ากับบัตรหนึ่งใบ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยองค์กร "Raspberry Pi" มูลนิธิเพื่อการกุศลจากประเทศอังกฤษที่มีเป้าหมายต้องการที่จะเผยแพร่ เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ไปสู่ผู้คนทั่วโลก พวกเขามีทั้งกิจกรรมประชาสัมพันธ์ และ การให้เปิดคอร์สให้ข้อมูลด้านเทคโนโลยีกับผู้คน

โดยหนึ่งในผลงานนั้นก็คือการสร้างคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กอย่าง Raspberry Pi มาวางจำหน่ายสู่สายตาประชาชน ซึ่งมาพร้อมกับศักยภาพในการเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดย่อมที่มีราคาถูก หาซื้อได้ง่าย สามารถประยุกต์ใช้ฝึกเขียนโปรแกรมและศึกษาทักษะด้านคอมพิวเตอร์ แม้กระทั่งประยุกต์มาสร้างเกม, ระบบกล้องเว็บแคม, เว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือ อุปกรณ์ควบคุมฮาร์ดแวร์ และ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในบ้าน หรือ อุปกรณ์ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things - IoTs) เป็นต้น

ภาพจาก : https://opensource.com/resources/raspberry-pi

นอกจากนี้องค์กร Raspberry Pi ยังสร้างชุมชนอะคาเดมี่สำหรับโปรแกรมเมอร์รุ่นเยาว์ ที่มีชื่อว่า "Code Club" และ "CoderDojo" เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมข่าวสารและเปิดให้เด็ก ๆ ได้มาเรียนรู้การใช้ Raspberry Pi รวมถึงฝึกทักษะด้านคอมพิวเตอร์อื่น ๆ  เช่น วิธีการเขียนโค้ดทำโปรแกรมด้วย ภาษาคอมพิวเตอร์ (Programming Language) อย่าง Scratch, HTML, CSS และภาษา Python ซึ่งเป็นภาษาคอมพิวเตอร์หลัก ๆ ที่รองรับใน Raspberry Pi

ข้อมูลเพิ่มเติม : ภาษาคอมพิวเตอร์ มีอะไรบ้าง ? รวมภาษาคอมพิวเตอร์ที่เหล่า Developer ควรจะต้องรู้จัก

ภายใน Raspberry Pi มีอะไรอยู่บ้าง ?

ส่วนประกอบของแผงสีเขียวที่ชื่อว่า Raspberry Pi นี้มีอะไรบ้าง หลัก ๆ ประกอบด้วย หน่วยประมวลผลกลาง (CPU), หน่วยความจำ RAM, ตัวรับสัญญาณไวไฟ (Wi-Fi Receiver) และ ตัวรับสัญญาณบลูทูธ (Bluetooth Receiver) ตามด้วยพอร์ตต่าง ๆ เช่น HDMI, Audio Output, USB หรือแม้แต่ LAN เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า ด้วยส่วนประกอบเหล่านี้ เราสามารถนำ Raspberry Pi มาใช้ทำคอมพิวเตอร์เดสต์ท็อปหนึ่งเครื่องได้เลย เพียงแค่คุณต้องหาซื้ออุปกรณ์มาเสริม อาทิ จอมอนิเตอร์, เมาส์, คีย์บอร์ด และสาย LAN มาเชื่อมต่อเอา

ภาพ Rasberry Pi 4 Model ฺB / จาก https://www.lifewire.com/what-is-raspberry-pi-4042337

และจุดเด่นของ Raspberry Pi ที่ทำให้มันกลายเป็นของเล่นยอดนิยมสำหรับนักประดิษฐ์ทั้งหลายก็คือ การที่มันมี พอร์ต เอนกประสงค์ หรือ GPIO (General Purpose Input Output) พอร์ตนี้สามารถนำมาประยุกต์ เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อุปกรณ์เปิดปิดในบ้านได้ และควบคุมผ่าน Raspberry Pi เช่น สวิตช์ไฟ, ทีวี, พัดลม เป็นต้น 

ระบบระบบปฏิบัติการของ Raspberry Pi เองมีชื่อว่า Rasbian OS แต่ถ้าอยากนำโอเพ่นซอร์สตัวอื่น มาใช้ก็ได้เช่น Ubuntu หรือ Mate เป็นต้น โดยการเลือก ระบบปฏิบัติการ (Operating System) มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเอา Raspberry Pi มาทำอะไร แล้วแต่จุดประสงค์ของผู้ใช้ครับ

ทำไม Raspberry Pi ถึงได้รับความนิยม ?

เหตุผลหลัก ๆ ว่าทำไม Raspberry Pi ถึงได้รับความนิยม เพราะว่ามันมี "ราคาถูก" เพียงแค่ 1,000 กว่าบาท ก็สามารถซื้อได้แล้ว เมื่อเทียบกับราคาคอมพิวเตอร์ PC ทั่วไปถือว่าถูกแสนถูกเลยทีเดียว แม้ว่าตอนเปิดตัวใน ปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) จะเป็นเพียงบอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่มีเพียง CPU ความเร็ว 700 MHz. แบบ Single-Core พร้อม RAM ขนาดความจุ 256 MB. เลยดูเหมือนแค่ของเด็กเล่นทำอะไรก็คงไม่ทันใจ แต่เพียงเท่านี้ในสมัยนั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับการฝึกปรือเพื่อเขียนโค้ด หรือ เขียนโปรแกรม และสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ 

ยิ่งปัจจุบันมันพัฒนามาไกลจนเทียบเท่าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปราคากลาง ๆ เครื่องหนึ่ง เช่น Raspberry Pi 4 Model B ที่มีการทำออกมาเป็น "Desktop Kit" หรือ แพ็กเกจสำเร็จรูปสำหรับทำคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะมีอุปกรณ์เมาส์และคีย์บอร์ดแถมให้พร้อม (จอซื้อเพิ่มเอง) และพอร์ตเชื่อมต่อหลากหลาย มี CPU Quad-Core ความเร็ว 1.5 GHz และ RAM อีก 8 GB. ในราคา 4,000 - 5,000 กว่าบาท ดังนั้นจะบอกว่า Raspberry Pi เป็นแค่ของฝึกสำหรับโปรแกรมเมอร์อีก ก็คงจะไม่ได้แล้ว 

นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงได้รับความนิยมมากในแวดวงนี้ เพราะหลายคนได้สร้าง ได้สนุก ได้ประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาด้วยต้นทุนที่ไม่สูง ตัวอย่างที่เราเอามาในบทความนี้ก็เป็นของบริษัท "MangDang" ก็มีการพัฒนาหุ่นยนต์ลูกสุนัขที่แสดงอารมณ์ได้ผ่านจอ LCD ชื่อ "Mini Pupper" ซึ่งพวกเขาเขียนโปรแกรมและสร้างมันจาก Raspberry Pi 4

หุ่นยนต์สุนัขแสดงอารมณ์ได้ Mini Pupperที่สร้างจาก Raspberry Pi 4
ภาพจาก : https://www.cnx-software.com/2021/10/06/mini-pupper-raspberry-pi-4-robot-dog-education-ros-slam-navigation-computer-vision/

ปัจจุบัน Raspberry Pi มีการพัฒนาออกมาแล้วกี่รุ่น ?

ภาพจาก : https://www.zdnet.com/article/boost-your-tech-career-with-new-electronics-raspberry-pi-and-robotics-skills-for-only-20/

สำหรับ Raspberry Pi ที่วางขายในตลาดตอนนี้พบได้หลากหลายรุ่น โดยแต่ละรุ่นจะมีการแบ่งเป็น Model A และ Model B ส่วนมากประเภท A จะมีราคาถูกกว่าและลดขนาดของ RAM ลงรวมถึงมีพอร์ตในการเชื่อมต่อน้อยกว่า ส่วน Pi Zero อันนี้เป็นรุ่นที่พัฒนาย้อนหลังให้สเปคเล็กกว่า Pi 1 มีขนาดเล็กลงและถูกลงไปอีกเหมือน iPhone ที่มี SE อะไรประมาณนั้น และทั้งหมดก็จะประกอบด้วยรุ่นต่าง ๆ ดังนี้

• Pi 1 Model B
  (ค.ศ. 2012 - พ.ศ. 2555)
• Pi 1 Model A
  (ค.ศ. 2013 - พ.ศ. 2556)
• Pi 1 Model B+
  (ค.ศ. 2014 - พ.ศ. 2557)
• Pi 1 Model A+
  (ค.ศ. 2014 - พ.ศ. 2557)
• Pi 2 Model B
  (ค.ศ. 2015 - พ.ศ. 2558)
• Pi Zero
  (ค.ศ. 2015 - พ.ศ. 2558)
• Pi 3 Model B
  (ค.ศ. 2016 - พ.ศ. 2559)
• Pi Zero W
  (ค.ศ. 2017 - พ.ศ. 2560)
• Pi 3 Model B+
  (ค.ศ. 2018 - พ.ศ. 2561)
• Pi 3 Model A+
  (ค.ศ. 2019 - พ.ศ. 2562)
• Pi 4 Model A
  (ค.ศ. 2019 - พ.ศ. 2562)
• Pi 4 Model B
  (ค.ศ. 2020 - พ.ศ. 2563)
• Pi 400
  (ค.ศ. 2021 - พ.ศ. 2564)

สรุปเกี่ยวกับ Raspberry Pi

Raspberry Pi ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานทั่วไปเหมือน PC แม้แต่จะเป็นคอมพิวเตอร์สำนักงานก็คงจะไม่ได้ อย่างไรก็ตามคุณสามารถใช้มันสำหรับการพัฒนาโปรแกรมหรือเขียนโค้ดเพื่อสร้างสิ่งต่าง ๆ ได้สบาย ๆ มันเป็นอุปกรณ์ที่กินไฟน้อย แค่ 5 โวลต์ (Volts) เหมือนคุณใช้ชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน ถ้าจะทำเพื่อลดต้นทุนแล้วก็ขอแนะนำและอย่างที่บอกรุ่นใหม่ ๆ ที่ออกมาเช่น Raspberry Pi 4 มันก็มีศักยภาพเทียบเท่ากับ Desktop PC บางรุ่นเลยทีเดียว

หากใครกลัวว่าใช้ไม่เป็น หรือ ใช้ยาก ที่จริงต้องบอกว่า ถ้าคุณใช้ Google เป็น อย่างไรก็ไม่เกินความสามารถลองศึกษาวิธีตามอินเทอร์เน็ตได้ (มีเพียบ) แต่อย่างน้อยคุณจำเป็นต้องมีทักษะ การเขียนโค้ดด้วยภาษาที่รองรับ เช่น Python, HTML, CSS บ้างก็ดี

สุดท้ายนี้ความสำเร็จของ Raspberry Pi เกิดจากราคาที่สามารถเข้าถึงได้ และ ความเป็น DIY ที่ทำให้คนเกิดความคิดสร้างสรรค์ กลายเป็นชุมชนที่แข็งแกร่ง มันดึงดูดความสนใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ที่สนใจด้านนี้ได้มากเลยทีเดียว