เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยเห็นและคุ้นเคยกับคำว่า "IoT (Internet of Things)" กันมาบ้างแล้ว เพราะทุกวันนี้อุปกรณ์ IoT ก็ได้เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตและการทำงานของเราจนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว แต่บางคนอาจยังไม่แน่ใจว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เราใช้งานกันอยู่เป็นประจำนั้นเป็นอุปกรณ์ IoT หรือไม่ ? และเจ้าอุปกรณ์ IoT ที่ว่านี้มีกี่ประเภทและมีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง ดังนั้นเราจึงรวบรวมคำตอบของสิ่งที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับอุปกรณ์ IoT มาไว้ในบทความนี้แล้ว
IoT หรือที่ย่อมาจากคำว่า “Internet of Things” ในภาษาไทย ถ้าแปลตรง ๆ เลยก็คือ "อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง" หรือ "อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง" (แล้วแต่จะเรียก) นั้นคำอธิบายถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีตัวประมวลผล, ตัวรับสัญญาณ, ซอฟต์แวร์ หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่มีการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ภาพจาก : https://www.tibco.com/reference-center/what-is-the-internet-of-things-iot
และเนื่องจากแกนหลักของการควบคุมและใช้งานอุปกรณ์ IoTนั้นอยู่ที่ I หรือ Internet ดังนั้นอุปกรณ์เหล่านี้จึงต้องพึ่งพาสัญญาณอินเทอร์เน็ตในการรับ - ส่ง, จัดเก็บ หรือประมวลผลและจัดการข้อมูลต่าง ๆ ภายในระบบตามคำสั่งที่มนุษย์ป้อนลงไป โดยอาจมีการทำงานแบบ M2M (Machine to Machine) หรือ M2H (Machine to Human) ก็ได้ และอุปกรณ์ IoT บางอย่างก็รองรับการสั่งงานจากระยะไกล (Remote) ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่ออุปกรณ์เข้าไว้ด้วยกันได้ด้วยเช่นกัน
โดยอุปกรณ์ IoT แต่ละตัวจะมี “เซนเซอร์ (Sensor)” เพื่อตรวจจับ, รับ และปล่อยสัญญาณของข้อมูลไปยังระบบ Cloud ผ่านทางบลูทูธ, Wi-Fi, สัญญาณดาวเทียม, สัญญาณมือถือ หรือ LPWAN (Low Power Wide Area Networks) หรือเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยตรง
และเมื่อได้รับ “ข้อมูล” เป็นที่เรียบร้อย ซอฟต์แวร์ภายในก็จะทำการประมวลผลสิ่งที่ได้รับและแสดงผลต่าง ๆ ออกมาตามที่ระบบได้ประมวลผลไว้ เช่น การสแกน รหัสคิวอาร์ (QR Code) เพื่อชำระเงินผ่านตู้สินค้า หากไปซื้อของและเลือกชำระเงินแบบ Self-Checkout ที่ตู้คิดเงิน เมื่อยิงบาร์โค้ดสินค้าทั้งหมดแล้วกดชำระเงินโดยการจ่ายด้วย QR Code ระบบก็จะประมวลผลและแสดงผล QR Code ที่สามารถยกมือถือขึ้นมาสแกนเพื่อชำระเงินได้ เป็นต้น
ข้อมูลเพิ่มเติม : Barcode และ QR Code คืออะไร ? ต่างกันอย่างไร ?
ภาพจาก : https://internetofthingsagenda.techtarget.com/definition/Internet-of-Things-IoT
อุปกรณ์ IoT ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Smart Devices หรือ Connected Devices ดังนั้นแล้ว อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีชื่อคำว่า “Smart” รวมอยู่ในชื่ออุปกรณ์ก็นับได้ว่าเป็นอุปกรณ์ IoT ทั้งสั้น ซึ่งเราจะสามารถแบ่งประเภทของอุปกรณ์ IoT ได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
หรืออุปกรณ์ IoT สำหรับการใช้งานส่วนตัวหรือการใช้สอยภายในบ้าน เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยให้การใช้ชีวิตของเราเป็นไปด้วยความราบรื่นและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยส่วนมากแล้วอุปกรณ์ IoT ชนิดนี้มักมีอายุการใช้งานที่สั้นและมีรุ่นใหม่ ๆ ออกมาอยู่เสมอ
ภาพจาก : https://www.venafi.com/sites/default/files/styles/823x390/public/content/blog/2021-03/Top%2010%20IoT%20Vulnerabilties%20.jpg?itok=FLmpp7TU
ตัวอย่างอุปกรณ์ Consumer IoT เช่น PC, Tablet, Smartphone, Smart Watch, Gadget, Router Wi-Fi, Smart TV, Smart Car รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ในตระกูล Smart Home หลอดไฟ, ตู้เย็น, แอร์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านชนิดอื่น ๆ ที่สามารถสั่งการผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือเองก็นับเป็นอุปกรณ์ IoT ด้วยเช่นกัน
เป็นอีกหนึ่งประเภทของอุปกรณ์ IoT ที่พบได้บ่อย โดยมันจะต่างจาก Consumer IoT ตรงที่มันจะเป็นอุปกรณ์ที่เราพบเห็นได้ภายนอกบ้าน เช่น ภายในห้างร้าน, โรงแรม, โรงพยาบาล, หรือสถานที่สาธารณะต่าง ๆ มักเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตภายนอกบ้าน
ตัวอย่างอุปกรณ์ Commercial IoT ได้แก่ ป้ายไฟ/จอทีวีโฆษณา, ไฟจราจร, ระบบการจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชัน, ระบบขนส่งสาธารณะที่รองรับการใช้งาน Smart Card, อุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์เสริมความงามที่นำเอาเทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจวินิจฉัยและรักษาคนไข้ รวมไปกล้องตรวจจับความเร็วและกล้องวงจรปิดเองก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ IoT ด้วย
ภาพจาก : https://ubidots.com/blog/iot-consumer-vs-commercial-vs-industrial-main-overview/
สำหรับ IIoT หรืออุปกรณ์ IoT ที่ใช้ในภาตอุตสาหกรรม นั้นเป็นอุปกรณ์ IoT ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเชื่อมต่อและควบคุมเครื่องจักรต่าง ๆ ในแวดวงอุตสาหกรรมต่าง เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการทำงานและลดปัญหาจุกจิกที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้แรงงานมนุษย์ในการผลิตหรือประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ช่วยทุ่นแรงมนุษย์และควบคุมคุณภาพสินค้า ทำให้กระบวนการผลิตเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
และนอกจากนี้ยังมีการใช้งาน ระบบคลาวด์ (Cloud Computing) เข้ามาช่วยในการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นระบบและสามารถเรียกใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย อุปกรณ์ IoT ประเภทนี้มักมีขนาดใหญ่และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าอุปกรณ์ IoT รูปแบบอื่น ๆ
ภาพจาก : https://www.passionateinmarketing.com/wp-content/uploads/2021/08/Industrial-IOT.png
ตัวอย่างอุปกรณ์ IIoT เช่น แขนกลที่ใช้ในโรงงานผลิต, สายพาน, เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ, ระบบ Cloud, ระบบจัดการเครื่องจักรต่าง ๆ ภายในโรงงาน เป็นต้น
ภาพจาก : https://cdn.ttgtmedia.com/rms/onlineimages/iota-advantages_and_disadvantages-f_mobile.png
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |
ความคิดเห็นที่ 1
22 พฤศจิกายน 2566 14:46:02
|
||
GUEST |
B - COM
กกก
|
|