Intel XMP 3.0 หรือ Intel Extreme Memory Profile 3.0 คืออะไร ? มีรูปแบบการทำงานอย่างไร ?

Intel XMP 3.0 คือ อะไร ?

หลังจากที่ทาง Intel ไม่ได้อัปเดตเทคโนโลยี Extreme Memory Profile หรือที่เรียกแบบย่อว่า "XMP" มานานตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ.2550) ในที่สุดหลังจากที่ แรม DDR5 ได้เริ่มวางจำหน่ายให้เลือกซื้อหามาใช้กันได้แล้ว ทาง Intel ก็ได้ฤกษ์อัปเดตปล่อย XMP 3.0 ออกมาเสียที

แล้ว XMP 3.0 มันทำอะไรได้ มีอะไรใหม่ที่น่าสนใจ ? ในบทความนี้เราจะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยี Extreme Memory Profile 3.0 กันให้มากขึ้น

Extreme Memory Profile คืออะไร ?

การจะเข้าใจว่า Extreme Memory Profile (XMP) คือ อะไร ? ก่อนอื่นคุณผู้อ่านจะต้องทำความรู้จักกับ "JEDEC" กันเสียก่อน

JEDEC เป็นมาตรฐานของหน่วยความจำ ที่ใช้ในการกำหนดค่าเวลามาตรฐาน, ความเร็ว ฯลฯ ของหน่วยความจำ  RAM ที่ผู้ใช้ติดตั้งลงในระบบของคอมพิวเตอร์ ซึ่งโดยปกติแล้ว ค่ามาตรฐานนี้มักจะกำหนดค่าความเร็วในการทำงานของ หน่วยความจำ RAM เอาไว้ต่ำกว่าที่ผู้ผลิตได้โฆษณาเอาไว้

ตัวอย่างเช่น คุณซื้อ RAM ที่โฆษณาว่ามีความเร็ว BUS 4,400 MHz หากคุณติดตั้งใช้งานทันทีโดยไม่ปรับแต่งค่าอะไร คุณจะพบว่าความเร็วมันจะต่ำกว่าที่ผู้ผลิตระบุเอาไว้ โดยอาจจะทำงานอยู่ที่ 2,100 MHz เท่านั้น ซึ่งค่านี้เป็นค่ามาตรฐานที่ทาง JEDEC กำหนดเอาไว้ให้นั่นเอง ว่าเป็นค่าความเร็วที่ RAM จะสามารถทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ

ข้อมูลเพิ่มเติม : RAM คืออะไร ? Harddisk คืออะไร ? SSD คืออะไร ? และแตกต่างกันอย่างไร ?

ดังนั้น หากผู้ใช้ต้องการที่จะรีดประสิทธิภาพสูงสุดของ RAM ที่ซื้อมา จึงต้องมาปรับค่าการทำงานใหม่ด้วยตนเองเสียก่อน แน่นอนว่าการปรับแต่งค่าเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์มือใหม่ ดังนั้นทาง Intel จึงได้หาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการพัฒนาระบบ XMP ขึ้นมา

XMP เปรียบเสมือนค่า Profiles ที่บรรจุข้อมูลการตั้งค่า RAM แบบสำเร็จรูปมาให้แล้ว ผู้ใช้ที่ต้องการปรับความเร็วในการทำงานของ RAM ก็เพียงเข้าไปใน UEFI เพื่อเลือกค่า Profiles ของแรมที่ต้องการใช้งานเท่านั้นเอง

สรุปสั้น ๆ คือ XMP ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งความเร็วของ RAM ให้มีความเร็วตรงกับคุณสมบัติที่ผู้ผลิตโฆษณาเอาไว้ โดยที่ยังคงความเสถียรภาพในการทำงานอยู่เหมือนเดิมได้อย่างง่าย ๆ นั่นเอง ซึ่งเวอร์ชันล่าสุด คือ XMP 3.0 ที่เราจะมาอธิบายให้ฟังในบทความนี้ว่ามันมีอะไรน่าสนใจบ้าง

Extreme Memory Profile 3.0 มีรูปแบบการทำงาน เป็นอย่างไร ?

สำหรับ Extreme Memory Profile 3.0 หรือเรียกโดยย่อว่า "XMP 3.0" เป็น XMP เวอร์ชันล่าสุดที่มีการปรับปรุงรูปแบบการทำงานให้เหมาะสมกับ RAM เวอร์ชันใหม่อย่าง DDR5 และมีการปรับปรุงคุณสมบัติหลายอย่างที่เคยมีอยู่ใน XMP 2.0 ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเราจะอธิบายเพิ่มเติมในหัวข้อถัดไป

แต่โดยรวมแล้ว XMP 3.0 จะมาพร้อมกับรูปแบบ Profiles ที่มากกว่าเดิม สามารถปรับแต่ง Profiles ได้อย่างอิสระมากขึ้น และมีการเพิ่มขนาดความจุของข้อมูล XMP จาก 102 Bytes ใน XMP 2.0 มาเป็น 384 Bytes ใน XMP 3.0 อีกด้วย ทำให้สามารถใส่คุณสมบัติที่มีประโยชน์เข้าไปได้เพิ่มมากขึ้น

3 สิ่งสำคัญ ที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Extreme Memory Profile 3.0

ในหัวข้อนี้เรามาเจาะลึกข้อมูลสำคัญของ XMP 3.0 ซึ่งสามารถสรุปออกมาได้เป็น 3 เรื่องสำคัญ ที่ควรรู้เอาไว้ก่อน หากคุณสนใจที่จะหาเทคโนโลยี XMP 3.0 มาใช้งาน

1. XMP 3.0 รองรับซีพียูอะไรบ้าง ?

XMP 3.0 สามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี Dynamic Memory Boost ที่ทาง Intel ได้ให้มาใน Alder Lake ซีพียูเจเนอเรชั่นที่ 12 ที่รองรับ RAM แบบ DDR5 เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นการทำโอเวอร์คล็อกแบบอัจฉริยะ ที่ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจถึงประสิทธิภาพที่ได้รับว่าจะเป็นไปตามความต้องการ โดยมีการปรับเปลี่ยนความเร็วของ RAM ให้เหมาะสมกับงานแบบเรียลไทม์ ผ่านการตรวจจับความต้องการของซอฟต์แวร์ที่กำลังทำงานอยู่

โดยในซีพียูจะมี Memory controller คอยควบคุมความเร็วการทำงานของ RAM ระหว่างความเร็วที่ทาง JEDEC กำหนดไว้ และความเร็วของ XMP Profiles กล่าวคือ ในการทำงานปกติที่ไม่ต้องการความเร็วมากนัก RAM จะทำงานที่ความเร็วของ JEDEC และสลับไปเป็นความเร็วของ XMP Profiles ให้อัตโนมัติ เมื่อระบบตรวจพบความต้องการจากแอปพลิเคชัน

2. XMP 3.0 มีประโยชน์อย่างไร ต่อการโอเวอร์คล็อก ?

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า XMP 3.0 มีขนาดไฟล์ที่ใหญ่กว่าเดิม นั่นช่วยให้จำนวน Profiles ที่สามารถมีได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ใน XMP 2.0 จะมี Profiles เพียง 2-3 Profiles ที่ถูกตั้งค่ามาแล้วจากโรงงานเท่านั้น แต่ใน XMP 3.0 มันจะเพิ่ม Profiles เข้ามาอีก 2 Profiles โดย 2 Profiles ที่ถูกเพิ่มเข้ามานี้ ทางผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าการทำงานให้มัน, เปลี่ยนชื่อ และบันทึกค่าเก็บเอาไว้ได้ ซึ่งหากคุณมีความรู้ ทักษะในการโอเวอร์คล็อก RAM ก็สามารถเลือกที่จะปรับแต่งคุณสมบัติการทำงานของ RAM เพื่อรีดประสิทธิภาพออกมาได้มากกว่าค่าที่โรงงานกำหนดมาให้ได้

สำหรับนักโอเวอร์คล็อก XMP 3.0 ก็มีระบบช่วยเพิ่มความเสถียรใส่เข้ามาด้วย โดยปกติแล้ว การทำโอเวอร์คล็อกจะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่จะทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ แต่ใน XMP 3.0 มันจะมีการทดสอบการทำงานของค่าที่เรากำหนดเองก่อนที่จะเริ่มทำงานด้วย เพื่อประเมินว่าอัตราการรองรับ และความเสถียรอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถทำงานได้หรือไม่

3. XMP 3.0 ใช้งานได้กับซีพียูของ Intel เพียงอย่างเดียวหรือไม่ ?

แม้ XMP จะเป็นเทคโนโลยีที่ทางบริษัท Intel เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา แต่ในปัจจุบันมันก้มีการปรับใช้งานร่วมกับค่าย AMD ด้วยเช่นกัน ในหลากหลายชื่อ แล้วแต่ทางผู้ผลิตมาเธอร์บอร์ดได้ตั้งขึ้นมา ซึ่งมีอยู่ 3 ชื่อ

1. AMP (AMD Memory Profile) ของบริษัท AMD
2. EOCP (Extended OverClock Profile) ของบริษัท Gigabyte
3. DOCP (Direct OverClock Profile) ของบริษัท Asus

สำหรับ XMP 3.0 แม้จะเปิดตัวพร้อมกับซีพียูของ Intel เจเนอเรชั่น 12 แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ ทาง AMD ก็น่าจะออกเวอร์ชันใหม่ที่รองรับตามมาด้วยอย่างแน่นอน

แต่สำหรับเวลานี้ (5 มกราคม พ.ศ. 2565) หากต้องการใช้ XMP 3.0 จริง ๆ แนะนำให้ตรวจสอบ รายชื่อมาเธอร์บอร์ดที่รองรับได้ที่เว็บไซต์ของ Intel เพื่อความแน่นอน หากคุณมีซีพียู และมาเธอร์บอร์ดที่ตรงกับที่ระบุแล้วท้ายที่สุด คุณต้องเลือกซื้อ RAM ที่ระบุว่ารองรับ "XMP 3.0 ready by Intel" มาใช้งานด้วย

คลิกที่ภาพเพื่อขยาย
ภาพจาก : https://www.intel.com/content/www/us/en/gaming/xmp-3-for-core-processors.html

สรุป XMP 2.0 และ XMP 3.0 แตกต่างกันอย่างไร ?

เรามาสรุปทิ้งท้ายกันอีกครั้ง XMP 3.0 ถูกอัปเดตจาก XMP 2.0 เพื่อรองรับการมาของ RAM แบบ DDR5 และเทคโนโลยี Dynamic Memory Boost ที่อยู่ในซีพียูของ Intel เจเนอเรชั่น 12 โดย XMP 3.0 จะทำให้ RAM สามารถสลับความเร็วระหว่าง JEDEC และ XMP ได้ตามความต้องการของแอปพลิเคชันที่กำลังทำงานอยู่

XMP 3.0 เพิ่มจำนวน Profiles จากที่มีอยู่เดิม 3 ค่าจากโรงงาน เข้ามาอีก 2 Profiles โดยเป็นค่าใหม่ที่ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าได้เองอย่างอิสระ

ทั้งหมดที่ว่ามา ทำให้กล่าวได้ว่า XMP 3.0 มีการพัฒนาให้ดีกว่า XMP 2.0 ที่เปิดตัวใน ปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) มากพอสมควร หากประกอบคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ในเวลานี้ การมองหาฮาร์ดแวร์ที่รองรับ XMP 3.0 ด้วย เราก็มองว่าเป็นการลงทุนที่ดีในระยะยาวนะ