ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
THAIWARE.COM | ทิปส์ไอที
 

Antivirus กับ Antimalware แตกต่างกันอย่างไร ?

Antivirus กับ Antimalware แตกต่างกันอย่างไร ?
ภาพจาก : https://www.freepik.com/free-vector/global-data-security-personal-data-security-cyber-data-security-online-concept-illustration-internet-security-information-privacy-protection_12953630.htm
เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 4,098
เขียนโดย :
0 Antivirus+%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A+Antimalware+%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

Antivirus กับ Antimalware แตกต่างกันอย่างไร ?

ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) นั้นถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก, ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ รวมไปถึงผู้ใช้งานทั่วไปด้วย เพราะถ้าหากข้อมูลธุรกิจที่เป็นความลับทางการค้า หรือจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลหลุดออกไป มักจะมีความเสียหายเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน

บทความเกี่ยวกับ Antivirus อื่นๆ

การถูกแฮกไม่ใช่เรื่องไกลตัว จากสถิติที่ผ่านมามีการโจมตีของแฮกเกอร์เกิดขึ้นทุก ๆ 39 วินาที และมีแนวโน้มถี่ขึ้นทุกปี โดยเป้าหมายหลักที่ แฮกเกอร์ (Hacker) เล็งก็จะเป็นธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม เพราะถ้าหากบริษัทไม่มีระบบป้องกันที่ดี หรือขาดความรู้ด้านไอทีก็มีสิทธิ์ตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ๆ

หนึ่งในเครื่องมือป้องกันการโจมตีที่เป็นพื้นฐาน และปรับใช้ภายในองค์กรได้ง่ายที่สุดก็คือ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส (Antivirus Software) แต่อันที่จริงมันมีซอฟต์แวร์อีกประเภทหนึ่งที่ชื่อคล้ายกันมาก นั่นก็คือซอฟต์แวร์แอนตี้มัลแวร์ (Antimalware Software) สองตัวนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร ในบทความนี้เราจะอธิบายให้อ่านกัน

เนื้อหาภายในบทความ

ไวรัส กับมัลแวร์ แตกต่างกันอย่างไร ?
(What is the difference between Virus and Malware ?)

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ไวรัส (Virus) กับ มัลแวร์ (Malware) นั้นไม่เหมือนกัน 

ไวรัสเป็นโค้ดที่สามารถทำซ้ำตัวเองได้เรื่อย ๆ เพื่อสร้างความเสียหายแก่คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการทำลายไฟล์ระบบ หรือลบข้อมูลภายในเครื่อง ในขณะที่มัลแวร์นั้น นิยามถึงซอฟต์แวร์อันตรายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโทรจัน (Trojans), สปายแวร์ (Spyware), หนอนคอมพิวเตอร์ หรือเวิร์ม (Worm), แอดแวร์ (Adware), มัลแวร์เรียกค่าไถ่ หรือ แรนซัมแวร์ (Ransomware) ฯลฯ ซึ่งไวรัสก็เป็นส่วนหนึ่งของมัลแวร์ด้วยเช่นกัน

สรุปง่าย ๆ ว่า ไวรัสทุกตัวเป็นมัลแวร์ แต่มัลแวร์อาจจะไม่ใช่ไวรัสก็ได้

แต่เนื่องจากไวรัสเป็นภัยคุกคามที่มีมาอย่างยาวนาน และปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ แต่ทุกวันนี้แฮกเกอร์ก็ไม่นิยมใช้งานมันในการโจมตี นั่นเป็นเหตุผลว่าบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมแอนตี้ไวรัส ต้องพยายามพัฒนาซอฟต์แวร์ให้สามารถต่อสู้กับมัลแวร์ได้ด้วย ไม่ได้จำกัดแค่ไวรัสเหมือนในอดีต เราสามารถสังเกตเห็นได้ว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสในยุคนี้ นอกเหนือจากการตรวจจับไวรัสแล้ว มันยังสามารถรับมือกับเวิร์ม, เครื่องมือดักจับการพิมพ์บนคีย์บอร์ด (Keylogger), รูตคิต (Rootkit) ฯลฯ ได้ด้วย

ไวรัสคอมพิวเตอร์โจมตีด้วยการแพร่กระจายตัวมันเองจากอุปกรณ์หนึ่ง ไปยังอีกอุปกรณ์หนึ่งด้วยการทำซ้ำตัวเองไปเรื่อย ๆ ผ่านไฟล์ของ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ก็จะตรวจจับไวรัสโดยใช้เทคนิคแบบ Signature-based ในการจับคู่รูปแบบไฟล์กับฐานข้อมูลของมัลแวร์ที่มีอยู่ 

ส่วนซอฟต์แวร์แอนตี้มัลแวร์จะใช้เทคนิคแบบ Heuristic-based ซึ่งเป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมการทำงานของไฟล์ หากมันมีความพยายามทำอะไรที่รุกล้ำเกินหน้าที่ หรือคล้ายคลึงกับพฤติกรรมของมัลแวร์ตัวอื่น ๆ ที่มีอยู่ในฐานข้อมูล มันก็จะตัดสินได้ทันทีว่ามันเป็นไฟล์อันตรายแม้จะไม่มีข้อมูลของไฟล์ดังกล่าวอยู่ในฐานข้อมูลก็ตาม

คำถามคือ แล้วทำไมบรรดาบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมแอนตี้ไวรัส ถึงยังเรียกผลิตภัณฑ์ของตัวเองว่า "แอนตี้ไวรัส" สาเหตุก็มาจากในอดีตมัลแวร์ที่สร้างชื่อเสีย(ง) เอาไว้มากที่สุดคือไวรัส ในการต่อสู้กับไวรัสทำให้ทีม "แอนตี้ไวรัส" ถูกสร้างขึ้นมา และคำนี้ก็ถูกใช้ในการทำตลาดมาโดยตลอด ทำให้คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับคำนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนคำว่า "มัลแวร์" นั้น บางคนไม่รู้จักมันด้วยซ้ำไป

ข้อแตกต่างระหว่างไวรัส กับมัลแวร์ 

ไวรัส

  • เป็นมัลแวร์ชนิดหนึ่ง
  • เริ่มทำงานเมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์
  • ทำซ้ำตัวเองเพื่อแพร่กระจายการโจมตี

มัลแวร์

  • หมายถึงซอฟต์แวร์อันตราย
  • มีหลายประเภท แยกตามการโจมตี
  • สร้างความเสียหายให้อุปกรณ์ และขโมยข้อมูลจากเหยื่อ

แอนตี้ไวรัส คืออะไร ?
(What is Antivirus ?)

สำหรับ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส (Antivirus Software) เป็นซอฟต์แวร์ที่เดิมทีถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันคอมพิวเตอร์จากการโจมตีของไวรัสตามชื่อของมันเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อมัลแวร์ประเภทอื่น ๆ เริ่มแพร่หลายมากขึ้น ตัวโปรแกรมแอนตี้ไวรัส จึงมีการพัฒนาให้สามารถปกป้องการโจมตีจากมัลแวร์ต่าง ๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นโทรจัน, คีย์ล็อกเกอร์, รูทคิท, แบ็คดอร์, ฟิชชิ่ง หรือบอทเน็ต 

บ่อยครั้งที่แอนตี้ไวรัส ถูกเรียกว่าแอนตี้มัลแวร์ โดยคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าสองคำนี้สามารถใช้งานแทนกันได้ เพราะคิดว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัส สามารถป้องกันมัลแวร์ได้ทุกประเภท ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด มันป้องกันมัลแวร์ได้เพียงบางประเภทเท่านั้น และไม่สามารถป้องกันมัลแวร์ที่มีความซับซ้อนได้อย่างที่ซอฟต์แวร์แอนตี้มัลแวร์สามารถทำได้ด้วย

คุณสมบัติสำคัญของแอนตี้ไวรัส

สแกนไวรัส

สามารถสแกนไวรัสโดยทำงานอยู่เบื้องหลังได้ และสแกนไฟล์ หรือโปรแกรมในตอนที่มันถูกเปิดใช้งานเป็นครั้งแรก โปรแกรมแอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่ จะสามารถทำงานแบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจจับไฟล์ที่มีอันตรายได้อย่างรวดเร็ว

ปิดกันส่วนอันตราย

ปิดกั้นไฟล์สคริปต์ที่อันตราย และป้องกันไม่ให้ทำงานได้ ทั้งสคริปต์ที่อยู่ส่งผลกระทบต่อการทำงานแบบออนไลน์ หรือออฟไลน์ เพื่อป้องกันอันตรายจากมัลแวร์

วิเคราะห์พฤติกรรม

การวิเคราะห์พฤติกรรม เป็นวิธีที่ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสนิยมใช้ในการตรวจจับไวรัสที่ไม่รู้จัก หรือไม่มีอยู่ในฐานข้อมูลมาก่อน

อัปเดตอัตโนมัติ

ไวรัส และมัลแวร์มีการพัฒนาทุกวัน ตัวซอฟต์แวร์จึงควรสามารถอัปเดตการทำงาน และฐานข้อมูลให้ทันเหตุการณ์ได้อย่างสม่ำเสมอ

ลบมัลแวร์

เป็นคุณสมบัติที่สำคัญมาก เพราะมัลแวร์หลายตัวที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ของคุณได้ อย่างไรก็ตาม โปรแกรมแอนตี้ไวรัส แบบฟรีส่วนใหญ่ จะสามารถตรวจเจอ และปิดกั้นการทำงานของมัลแวร์ได้ แต่ไม่สามารถลบมันทิ้งได้ นอกจากจะจ่ายเงินซื้อเวอร์ชันเต็มมาใช้งาน หรือไม่ก็ต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์พิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดการมัลแวร์บางชนิดโดยเฉพาะ

ฐานข้อมูลมัลแวร์

ทุกครั้งที่สแกนไฟล์ เนื้อหาจะถูกเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลมัลแวร์ที่ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสมีอยู่

ป้องกันมัลแวร์เรียกค่าไถ่

จากเหตุการณ์เรียกค่าไถ่ไฟล์ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ทำให้มันกลายเป็นคุณสมบัติหลักที่ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่ ใส่เข้ามาให้ เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟล์สำคัญของคุณถูกจับเข้ารหัสเป็นตัวประกัน

เครื่องมือพิเศษอื่นๆ

โปรแกรมแอนตี้ไวรัสในปัจจุบันนี้ มักจะมีเครื่องมือป้องกันการฟิชชิ่ง, สแกนหาช่องโหว่, ป้องกันการโจมตีผ่านเว็บเบราว์เซอร์ และปรับแต่งระบบให้ปลอดภัย ใส่เข้ามาให้ด้วย

แอนตี้มัลแวร์ คืออะไร ?
(What is Antimalware ?)

สำหรับ โปรแกรมแอนตี้มัลแวร์ (Antimalware Software) จะนิยามถึงซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่มีขอบเขตการทำงานกว้างกว่าแอนตี้ซอฟต์แวร์ อย่างเช่น แอนตี้สปายแวร์ (Anti-Spyware), แอนตี้ฟิชชิ่ง (Anti-Phishing), แอนตี้สแปม (Anti-Spam) ฯลฯ

โดยที่ตัวซอฟต์แวร์จะให้ความสำคัญกับมัลแวร์ที่มีการทำงานซับซ้อนเป็นพิเศษ อย่างเช่น มัลแวร์ Zero-day ที่อาศัยช่องโหว่ที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อนในการโจมตี ซึ่งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส ที่ไม่รู้จักมาก่อน

คุณสมบัติสำคัญของแอนตี้มัลแวร์

  • สแกน, ตรวจสอบ และลบ : โดนรองรับมัลแวร์หลายประเภท
  • ทำหน้าที่เหมือนโล่ : คอยป้องกัน และเรียนรู้ที่จะป้องกันมัลแวร์เวอร์ชันใหม่ที่พัฒนาต่อจากเวอร์ชันเดิมได้
  • อัปเดตอัตโนมัติ : มีระบบอัปเดตออนไลน์อัตโนมัติ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยอันตรายใหม่ ๆ 
  • ดูแลการจราจรบนระบบเครือข่าย : ปกป้องอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยการตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต และป้องกันการโจมตีให้เซิร์ฟเวอร์
  • มีระบบป้องกันธุรกรรมออนไลน์
  • มีระบบป้องกันการฟิชชิ่ง
  • นำเสนอระบบรักษาความปลอดภัยที่สามารถรับมือกับการโจมตีด้วย Exploit Kits ที่มีความซับซ้อนได้
  • ป้องกันการเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีมัลแวร์ซ่อนตัวอยู่
  • มีฐานข้อมูลมัลแวร์โดยเฉพาะ

ข้อแตกต่างระหว่าง แอนตี้ไวรัส และแอนตี้มัลแวร์
(The differences between Antivirus and Antimalware)

จากทั้งหมดที่เราได้กล่าวมาข้างต้น ก็จะสามารถสรุปความแตกต่างระหว่างแอนตี้ไวรัส และแอนตี้มัลแวร์ ออกมาได้ดังนี้

  • โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่ตรวจสอบ และลบไวรัส รวมถึงป้องกันการโจมตีจากซอฟต์แวร์อันตราย ในขณะที่แอนตี้มัลแวร์ทำหน้าที่ปกป้องระบบจากมัลแวร์ทุกประเภท
  • แม้ทั้งคู่จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องคอมพิวเตอร์เหมือนกัน แต่ในขณะที่ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสจะป้องกันแบบครอบคลุมในทุกด้าน สามารถรับมือกับอันตรายส่วนใหญ่ได้ แต่ซอฟต์แวร์แอนตี้มัลแวร์จะมีความป้องกันแบบเจาะจงเฉพาะทางมากกว่า โดยภัยอันตราย หรือการโจมตีที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยซอฟต์แวร์แอนตี้มัลแวร์ในการรับมือ
  • โปรแกรมแอนตี้ไวรัสทำงานแบบเชิงรับ คอยป้องกันอันตรายที่โจมตีคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่คุณมี ในขณะที่ โปรแกรมแอนตี้มัลแวร์จะทำงานในเชิงรุกมากกว่าด้วยการเน้นป้องกันภัยอันตรายรูปแบบใหม่ หรือการโจมตีที่มีความซับซ้อน

ตารางเปรียบเทียบ ความแตกต่างระหว่าง แอนตี้ไวรัส และแอนตี้มัลแวร์
(Antivirus and Antimalware Comparison Table)

  แอนตี้ไวรัส

แอนตี้มัลแวร์

นิยาม

ซอฟต์แวร์ป้องกันคอมพิวเตอร์จากไวรัส ซอฟต์แวร์ป้องกันคอมพิวเตอร์จากมัลแวร์

การป้องกัน

ไวรัส และมัลแวร์บางชนิด มัลแวร์ทุกชนิด รวมถึงตัวที่ใหม่ และซับซ้อน
การตรวจจับ ตรวจจับ และทำลาย ไวรัสกับมัลแวร์บางชนิด

ตรวจจับ และทำลายมัลแวร์ทุกชนิด รวมถึงไวรัส

อัปเดตกฏ ไม่บ่อยครั้ง

เป็นประจำ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจจับ

ภัยอันตราย ป้องกันภัยที่คาดเดาได้

ป้องกันภัยที่คาดเดาไม่ได้

การใช้งาน นิยมใช้ใน เครื่อง PC ตามบ้าน

นิยมใช้ใน PC ของบริษัท หรือองค์กร

ราคา ไม่แพง

ค่อนข้างสูง

คุณสมบัติ ตรวจจับแบบเรียลไทม์
ลบไฟล์อันตราย

แซนด์บอกซ์
ตรวจจับข้อมูลบนเครือข่าย
ทำงานเชิงรุก

การรองรับ รองรับอุปกรณ์ส่วนใหญ่

ต้องการฮาร์ดแวร์ที่มีความเฉพาะเจาะจง

ความเชื่อมั่น

พอประมาณ ไม่สามารถรับมือการโจมตีที่ซับซ้อนได้

ค่อนข้างปลอดภัย

เลือกใช้งานอะไรดี ? แอนตี้ไวรัส หรือแอนตี้มัลแวร์ ?
(Which one is better between Antivirus and Antimalware ?)

สำหรับซอฟต์แวร์ทั้งสองประเภทนี้ สามารถทำงานร่วมกันได้ โดยไม่ขัดแย้งกัน และมันก็ไม่ได้แย่งหน้าที่กันทำงานด้วย  มันออกแบบมาให้เติมเต็มส่วนที่ขาดให้กัน และกันมากกว่า

ดังนั้นผู้ใช้ หรือองค์กรที่ให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัย แนะนำว่าควรใช้งานทั้งแอนตี้ไวรัส และแอนตี้มัลแวร์ร่วมกัน เพราะการพึ่งพา "โล่" เพียงอันเดียว คงไม่สามารถรับมือกับภัยอันตรายที่มีอยู่รอบด้านได้


ที่มา : www.pandasecurity.com , www.electric.ai , heimdalsecurity.com , www.geeksforgeeks.org

0 Antivirus+%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A+Antimalware+%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
ระดับผู้ใช้ : Admin    Thaiware
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ
 
 
 

ทิปส์ไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น