อยากหาคู่ ? ดูการใช้ ChatGPT แชทบอท AI สุดฉลาดช่วยหาคู่ควง คู่เดต

เป็นโสดทำไม ใช้ ChatGPT ช่วยหาคู่ควง

สำหรับแอปพลิเคชัน Tinder หรือแม้แต่ แอปพลิเคชันสำหรับหาคู่มากมาย ได้สร้างปรากฏการณ์และประสบการณ์ใหม่ในโลกการเดตของยุคนี้ "ปัดขวา" กลายเป็นวลีที่เต็มไปด้วยความหมายใหม่สำหรับคนโสด (หรือแอบโสด) ในปัจจุบัน

การประกาศตัวว่าเป็นคนโสดใน แอป Tinder หรือแอปพลิเคชันสำหรับหาคู่อื่น ๆ ก็คล้าย ๆ กับการสร้างโพรไฟล์ใน สื่อออนไลน์ (Social Media) นั่นละครับ เริ่มจากการสร้างโพรไฟล์ การแนะนำเบื้องต้น ที่เพิ่มขึ้นมาคือการลงรูปถ่าย การให้ข้อมูลพื้นฐานเพื่อช่วยให้แอปเริ่มทำการ "แมตซ์ (Match)" หรือจับคู่โพรไฟล์อื่นที่ใกล้เคียง

หาคู่เดตด้วย ChatGPT (Find date by ChatGPT)

ถึงแม้แอปพลิเคชันสำหรับหาคู่เดตจะใช้ เทคโนโลยี AI ช่วยสนับสนุนผู้ใช้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการช่วยหาคู่เดตที่เหมาะสม หลายค่ายก็เคลมว่าอัลกอริทึม (Algorithm) ของตัวเองเจ๋งที่สุด หรือ Tinder จะใช้ AI ช่วยแนะนำประโยคเปิดบทสนทนาให้ (Opening Lines) ให้ผู้ใช้ แต่ต้องบอกว่า ChatGPT ได้กลายเป็นอาวุธใหม่ให้คนโสด (โดยเฉพาะหนุ่มโสด) อัพเลเวลกลายเป็นเทพจีบสาวออนไลน์ได้เลย

หนุ่มโสดมากมายในโลกโซเชียลก็ออกมาเล่าประสบการณ์การใช้ ChatGPT ช่วยแต่งกลอนแบบนี้

หรือเอา Chatbot มาช่วยแต่งบทสนทนาให้ตัวเองดูฉลาด ขี้เล่น แบบ 100% ตามภาพข้างล่าง

อ่านถึงตรงนี้หลายคนคงจินตนาการต่อได้ว่าหนุ่ม ๆ เหล่านี้ที่ปล่อยให้ Chatbot ช่วยคิดสำนวนจีบสาว พอถึงคราวเจอตัวจริงจะรอดไหม เพราะพฤติกรรมแบบนี้ทั้งสุ่มเสี่ยง เข้าข่ายหลอกลวงเลยก็ว่าได้ (แน่นอนว่ามิจฉาชีพก็ใช้วิธีนี้ปฏิบัติการ Romance Scam เหมือนกัน) แล้วทำอย่างไรถึงจะใช้ ChatGPT หรือ Gen AI เพื่อเพิ่มโอกาสแต่ไม่ล้ำเส้น เราลองมาฟังคำแนะนำของโค้ชการออกเดตมืออาชีพกันดีกว่าครับ

ใช้ ChatGPT สร้างโอกาสในตลาดคนโสด (Use ChatGPT create opportunity in single people market)

Amy Nobile โค้ชสอนออกเดตชื่อดัง (เธอคิดค่าบริการ $20,000 ต่อหัว) บอกว่าเราใช้ ChatGPT เป็นตัวช่วยได้ โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร มันช่วยแนะนำการสร้างโพรไฟล์บนแอปหาคู่ได้ และนี่คือคำแนะนำที่ ChatGPT น่าจะมีประโยชน์กับคนโสด

ช่วยคิดคำบรรยายโพรไฟล์

แน่นอนว่าคำบรรยายโพรไฟล์และรูปภาพคือด่านแรกที่แอปหาคู่ใช้ในการช่วย match เรากับคนอื่น และช่วยให้ผู้ใช้คนอื่นรู้จักเรามากขึ้น ปัญหาส่วนใหญ่ของคนใช้แอปหาคู่เดตก็คือไม่รู้จะเขียนบรรยายตัวเองยังไง บางทีก็เขียนมากไป บางทีก็น้อยเกิน นี่แหละคือสิ่งที่ ChatGPT หรือ GenAI ทั้งหลายช่วยได้ ว่าแล้วก็มาลองกันเลยนะครับ

คำตอบของ ChatGPT (plus)

คำตอบของ Bing (Creative mode)

คำตอบของ Bard

ส่วนตัวคิดว่ายกแรกนี้ต้องบอกว่าผู้ชนะคือ ChatGPT นะครับ คือมันไม่ใช่ว่าจะเอาไปแปะได้เลย แต่มันเป็นโครงร่างงานเขียนที่น่าจะเอาไปใช้ต่อได้ แล้วดูน่าสนใจกว่าของ Bing (จากค่าย Microsoft) และ Bard (จาก ค่าย Google)

สังเกตว่าผมต้องให้ข้อมูลบางอย่างกับ Chatbot ก่อนเพื่อให้มันสามารถใช้เป็นแนวทางเบื้องต้นในการสร้างโพรไฟล์ และถึงแม้ประโยคที่ ChatGPT ให้จะดีกว่า Chatbot ตัวอื่น มันก็ยังต้องเอามาปรับให้ดูเป็นธรรมชาติ และสะท้อนตัวตนมากกว่านี้

เช่นประโยคจบท้ายที่ ChatGPT แนะนำว่า

"ถ้าคุณชอบการผจญภัยทางใจและจินตนาการ มาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวของเรากัน !"

มันดูสร้างสรรค์กว่าคำตอบอื่นทั้งหมดและสามารถปรับให้กระชับกว่าเดิมเป็น

"ถ้าคุณชอบการผจญภัยในจินตนาการ และชอบเดินทางหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วย ผมก็พร้อมจะจับมือเดินไปกับคุณทุกที่"

พอเอาประโยคที่เราปรับแล้วใส่ไปใหม่ แล้วลองให้เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษบ้างก็ดูดีขึ้นมาอีกแบบนี้ครับ

คือต้องจำไว้เสมอว่าเราต้องลองค่อย ๆ ปรับข้อความ ไม่ใช่มาแบบไหนก็ใช้แบบนั้น เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันต้องสะท้อนตัวตนของเราได้จริง และวัตถุประสงค์ที่เราใช้แอปหาคู่ก็อาจจะไม่เหมือนกัน บางคนแค่อยากหาคู่เดต บางคนอาจะซีเรียสกว่านั้น ก็ต้องบอกวัตถุประสงค์ให้ Chatbot รู้ด้วยเช่นกัน ลองดูตัวอย่างนี้ได้ครับ

จะเห็นว่าทาง ChatGPT จะสามารถช่วยเราแต่งประโยคที่สะท้อนวัตถุประสงค์เราได้ชัดเจนขึ้น คือถ้ามองหาความสัมพันธ์ที่จริงจังก็ภาษาแบบหนึ่ง แต่ถ้ามองหาคู่เดตแบบไม่ซีเรียสมาก็ไม่ได้ปิดบังเช่นกัน

ช่วยเลือกรูปโพรไฟล์

พอ Chatbot รู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน ชอบอะไร มีความต้องการใช้แอปหาคู่เพื่ออะไร ก็ถามต่อได้เลยครับว่าเราควรใช้รูปแบบไหนเพื่อสะท้อนตัวตนเราได้ดีที่สุดแบบนี้

คือถ้าเป็นเรื่องพื้นฐานเช่นภาพที่ชัดเจน มีแสงสว่าง มีรอยยิ้ม มีความสุขอะไรแบบนี้ก็อาจจะพอจินตนาการได้นะครับ แต่ Chatbot ช่วยแนะนำเพิ่มให้ด้วยว่าถ้าแอปที่เราจะใส่รูปให้เพิ่มภาพประกอบได้ก็อย่าลืมใส่ปกหนังสือที่ชอบหรือสถานที่โปรดไปด้วย

ช่วยเริ่มบทสนทนา

ถ้าบุญพาวาสนาส่ง มีคนปัดขวามาเจอเรา ลองให้ Chatbot ช่วยคิดประโยคเปิดบทสนทนาก็ได้ ผมลองสมมติว่าคนที่ match กับเราก็ชอบหนังสือเหมือนกัน แต่เป็นแนวแฟนตาซี ทีนี้ให้ ChatGPT ช่วยคิดคำถามเปิดบทสนทนาแบบติดตลก ก็ได้คำตอบแบบนี้ครับ (ปรับแก้ภาษาให้ดูเป็นธรรมชาติแล้วนะครับ)

"ถ้าเราติดเกาะร้างและสามารถพกหนังสือได้แค่เล่มเดียว ... คุณจะเลือกอะไร? ฉันจะเลือก [ชื่อหนังสือแฟนตาซีที่คุณชอบ]..."

คือจริงๆ แล้วมันก็ตอบมาหลายแบบ แต่ภาษาไทยหลายคนก็คงทราบว่ามันไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไร และสำนวนส่วนใหญ่ก็อิงกับภาษาอังกฤษก็เลยยิ่งดูแปลกๆ นะครับ ที่เลือกมาคือคำถามที่พอใช้ได้ และเป็นไอเดียบอกใบ้ว่าเราก็ชอบหนังสือแนวแฟนตาซีเหมือนกัน หรือถ้าไม่ใช่แนวของคุณจริง ๆ ก็ลองให้ ChatGPT ช่วยคิดต่อก็ได้ว่าหนังสือแนวที่คุณชอบมันมีเรื่องไหนที่อิงแฟนตาซีบ้าง แล้วค่อยให้เธอแนะนำหนังสือที่เธอชอบ

ตั้งคำถามแบบไหนไม่รุกล้ำ

หลังจากเริ่มทำความรู้จักกับคู่เดตแล้ว ถ้าเราอยากจะเริ่มทำความรู้จักกันให้มากกว่าเดิม ChatGPT ก็ยังช่วยคิด ช่วยตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ละเอียดอ่อนด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแผนชีวิตในอนาคต ความคาดหวังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ คำถามเกี่ยวกับชีวิตครอบครัว ลองดูตัวอย่างนี้นะครับ

รายการคำถามนี้พอใช้ได้ แล้วเราลองปรับภาษาให้ลดความเป็นทางการลงหน่อยแบบนี้ สมมติว่าผมเลือกคำถามที่ 3 "สิ่งใดที่ช่วยให้คุณมีแรงจูงใจที่สุดในการทำงานหรือในชีวิตประจำวัน?" แล้วลอง prompt เข้าไปใหม่แบบสอดแทรกอารมณ์ขันนิดหน่อยแบบนี้

จากคำถามที่เราหยิบมา ChatGPT ก็ให้ไอเดียตัวเลือกวิธีการตั้งคำถามที่เพิ่มมาอีก แบบนี้ผมพอจะเห็นแล้วว่ามันพอจะเข้าท่ามากขึ้น แต่คน Gen X รุ่นผมไม่ค่อยจะชินกับการถามตรงๆ แบบนี้ ถ้าไปใช้ในสถานการณ์จริงก็อาจจะเลือกเอาคำถามเหล่านี้มาปรับมุมมองคือแทนที่จะถามว่าเดตเราควรทำยังไง ก็ถามอ้อม ๆ ให้แนะนำเราแทนแบบนี้

"วันนี้ไม่อยากไปทำงานเลย มีวิธีเติมพลังให้เราไหม"

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแนวทางการใช้ Chatbot ช่วยคิดและผ่านการโต้ตอบไปมาระหว่างผู้ใช้และ Chatbot หลายรอบนะครับ ไม่ใช่ว่าเราจะเชื่อทุกอย่างที่มันพูด และที่สำคัญคือเราต้องรักษาตัวตนของเราไว้ด้วย

แล้วอะไรบ้างที่ไม่ควรทำ (What we shouldn't do ?)

เกริ่นไว้แล้วในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ต้องขอย้ำอีกทีว่า "อย่าตัดแปะเด็ดขาด" เพราะนอกจากจะเสี่ยงเรื่องความผิดพลาดแบบ AI Hallucination หรืออาการหลอน สะกดผิด พูดผิดพูดถูกแล้ว (AI ยังสะกดภาษาไทยผิดอยู่เยอะนะครับ) รับประกันได้เลยว่าโอกาสในการเจอคู่เดตของคุณจะลดลงจนแทบเป็นศูนย์ เหมือน Chelsea Ritschel นักข่าวของ The Independent ทดลองให้ ChatGPT ช่วยตอบทุกบทสนทนาของหนุ่มที่ระบบ match มาให้จากแอปหาคู่สองเจ้าคือ Hinge และ Bumble ผลปรากฏว่าแมตซ์กันทั้ง 3 หนุ่ม ได้ผลเหมือนกันหมดคือเงียบหายไปหลังจากคุยกันไม่กี่ประโยค ลองดูตัวอย่างที่เธอเล่าไว้นะครับ

หนุ่มคนแรก ChatGPT แนะนำให้ไปเธอชวนไปร้องคาราโอเกะ แถมภาษาก็ออกแนวเชิญชวนเกินพอดีประมาณว่าเดตแรกก็เปิดเกมรุกเลย คุยไปไม่กี่ประโยคหนุ่มเป้าหมายก็หายเงียบ

ถัดมาอีกคน ChatGPT ก็ช่วยตอบบทสนทนาแบบเยินยอฝ่ายชายแบบเกินพอดีทุกครั้ง แล้วก็เปิดเกมรุกเหมือนเดิม ทำเอาฝ่ายตรงข้ามต้องพยายามหลบเลี่ยงไม่รับคำชวนอยู่นาน สุดท้ายพอ ChatGPT บอกให้เธอชวนหนุ่มไปทาน BBQ เกาหลี หนุ่มคนที่สองก็เงียบไปเช่นกัน

พอถึงคนสุดท้าย ChatGPT ก็บอกให้เธอตัดบทชวนไปทานพิซซ่าทันที ผลก็เป็นแบบนี้ละครับ

สรุปว่าถ้าปล่อยให้เอไอช่วยหาคู่ มันอาจจะพาเราไปนอกลู่นอกทางจนคว้าน้ำเหลว เพราะถึงอย่างไร AI ก็ไม่สามารถเข้าในอารมณ์ความรู้สึกและรายละเอียดต่าง ๆ ของเราได้ดีเท่าตัวเราเองหรอกครับ