คำว่า "HTTP" นั้นย่อมาจากคำว่า "Hypertext Transfer Protocol" มันเป็นโปรโตคอลในระดับแอปพลิเคชัน (Application Layer) ในระดับที่ 7 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดของ OSI Model (Open Systems Interconnection Model) ซึ่งเป็นรากฐานของการสื่อสารที่ WWW (World Wide Web) ใช้ในการรับส่งข้อมูล
แต่ถ้าหากการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องแม่ข่าย (Server) กับเครื่องลูกข่าย (Client) เกิดมีปัญหาขึ้นมา แทนที่จะหน้าเว็บไซต์จะแสดงผลตามปกติ ผู้ใช้ก็จะเจอกับ HTTP Status Code ในรูปแบบต่างๆ แทน
โดยรหัส HTTP Status Code ถูกดูแล และควบคุม โดยองค์การกำหนดหมายเลขอินเทอร์เน็ต (Internet Assigned Numbers Authority - IANA)) รหัสถูกแบ่งออกเป็น 5 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
การที่ข้อมูลได้รับการตอบสนอง เป็นตัวชี้วัดว่าคำขอได้รับ และ Server ก็เข้าใจแล้ว แต่มันมีปัญหาในระหว่างที่คำขอกำลังดำเนินการ ทำให้ทางฝั่ง Client ต้องรอผลตอบรับจากทาง Server รหัสในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย
Server ได้รับคำขอในส่วน Headers แล้ว ทาง Client ควรดำเนินการต่อเพื่อส่งคำขอในส่วนของ Body อย่างไรก็ตาม การส่งคำขอ Body ขนาดใหญ่ตามไปหลังจากที่คำขอถูกปฏิเสธ เนื่องจากคำขอของ Header ไม่เหมาะสม จะเป็นวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทาง Client ควรจะส่งคำขอ Header ที่ถูกต้องไปใหม่
101 Switching Protocols หมายความว่า ผู้ส่งคำขอได้แจ้งให้ Server เปลี่ยนโปรโตคอล และทาง Server ก็ยอมทำตามคำขอ
คำขอจาก WebDAV (Web-based Distributed Authoring and Versioning เป็นโปรโตคอลที่ใช้ในการอ่าน-เขียน ไฟล์บน Server) อาจจะมีคำขอย่อย (Sub-Requests) อยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้จำเป็นต้องใช้เวลาในการทำคำขอให้เสร็จสมบูรณ์นานขึ้น
รหัส 102 Processing บ่งบอกว่า Server ได้รับคำขอ และกำลังประมวลผลตามคำขออยู่ แต่ยังไม่มีการตอบสนองกลับมาในเวลานี้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้ทาง Client เข้าใจว่าคำขอเดินทางไม่ไปถึง Server
ใช้ในการส่งคืนคำตอบสนองของ Headers บางส่วนมาก่อนที่ข้อมูลทั้งหมดจะส่งมา
รหัส 2xx บ่งบอกว่า Server ได้รับคำขอจาก Client เข้าใจ เข้าใจคำขอ และยอมรับแล้ว
เป็นการตอบสนองแบบมาตรฐานเมื่อคำขอ HTTP ประสบความสำเร็จ โดยการตอบสนองจะขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ในการส่งคำขอด้วย
คำขอได้รับการตอบสนองแล้ว เริ่มสร้างทรัพยากรใหม่ขึ้นมา
คำขอได้รับและกำลังประมวลผลอยู่ แต่ยังดำเนินการไม่เสร็จ ท้ายที่สุดแล้วคำขออาจจะดำเนินการต่อจนเสร็จ หรือไม่สำเร็จก็ได้
Server เป็น Transforming proxy (เช่น มีการใช้ Web accelerator) ที่ได้รับ 200 OK จากต้นฉบับ แต่มีการส่งคืนค่าการตอบสนองแบบที่ได้รับการแก้ไขกลับมา
Server ประมวลผลคำขอเสร็จแล้ว และยังไม่ส่งคืนเนื้อหาใด ๆ กลับมา
Server ประมวลผลคำขอเสร็จแล้ว และเรียกร้องให้ผู้ส่งคำขอรีเซ็ตมุมมองเอกสาร และยังไม่ส่งคืนเนื้อหาใด ๆ กลับมา
Server กำลังส่งมอบทรัพยากรมาเพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากขอบเขตของ Header ที่ Client ส่งมา มีการกำหนดให้ดาวน์โหลดต่อได้ แม้ถูกขัดจังหวะ หรือแยกการดาวน์โหลดออกเป็นหลายส่วนพร้อมกัน
เนื้อหาของข้อความที่ตามมา เป็นข้อความเริ่มต้นแบบ XML และมีรหัสการตอบกลับอยู่หลายแบบ ขึ้นอยู่กับจำนวน Sub-requests ที่มีอยู่
คำขอที่มีอยู่ใน DAV ที่ได้รับการแจกแจงการตอบสนองไปแล้ว จะไม่ถูกนำกลับมาอีกครั้ง
Server ได้ดำเนินการคำขอทรัพยากรให้เรียบร้อยแล้ว และคำตอบสนองได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ทั้งหมด หรือบางส่วนของทรัพยากร
สำหรับรหัสในกลุ่มนี้ จะบ่งชึ้ว่าทาง Client จำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อให้คำขอเสร็จสมบูรณ์ โดนส่วนใหญ่ก็จะใช้เมื่อมีการ URL redirection
300 Multiple Choices เป็นรหัสที่บ่งชี้ว่ามีตัวเลือกหลายทางในทรัพยากรที่ทาง Client สามารถเลือกได้ (ผ่านระบบ Agent-driven content negotiation) ตัวอย่างเช่น มีตัวเลือกสำหรับฟอร์แมทวิดีโอ, รายการส่วนขยายไฟล์ ฯลฯ
หมายความว่าคำขอในปัจจุบันรวมถึงในอนาคต จะถูกพาไปยังตำแหน่ง URI (Uniform Resource Identifier : มาตรฐานการอ้างอิงรูปแบบการเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ) ที่กำหนด
302 Found หรือที่ก่อนหน้านี้ใช้คำว่า Moved temporarily เป็นการบอกให้ Client ค้นหา URL อื่น ก่อนหน้านี้ รหัสเคยถูกแทนที่ด้วย 303 และ 307
แต่เบราว์เซอร์ในปัจจุบันนิยมใช้รหัส 302 ที่รวมเอาคุณสมบัติของ 303 See Other (ดูอื่น ๆ) เอาไว้ด้วยกัน ซึ่ง Web applications และ Frameworks บางตัวก็ใช้รหัส 302 ราวกับว่ามันเป็นรหัส 303 ด้วยซ้ำ
เป็นการตอบสนองไปยังคำขอที่พบได้ใน URI อื่น เมื่อมีการใช้ GET mothod เมื่อได้รับการตอบสนองไปยัง POST (หรือ PUT/DELETE) ทาง Client จะสันนิษฐานว่า Server ได้รับข้อมูลแล้ว และกำลังส่งคำขอใหม่ไปยัง URI ที่กำหนด
บ่งชี้ว่าทรัพยากรไม่มีความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ที่มีคำขอจาก Headers ทำให้ทาง Client ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดข้อมูลใหม่อีกครั้ง
ทรัพยากรที่ร้องขอจำเป็นต้องส่งผ่าน Proxy เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย HTTP Clients หลายราย เช่น โปรแกรม Google Chrome, โปรแกรม Mozilla Firefox จะไม่ยอมรับรหัสนี้
ปัจจุบัน ไม่มีการใช้งานแล้ว เดิมหมายถึง คำขอที่ต้องใช้ Proxy ที่ถูกกำหนดเอาไว้
ในกรณีนี้ คำขอจะมีการทำซ้ำด้วย URI ตัวอื่น อย่างไรก็ตาม คำขอที่เกิดขึ้นตามมาในอนาคตควรจะใช้ URI ดั้งเดิม
คำขอ และคำขอที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ควรดำเนินการซ้ำโดยใช้ URI ที่แตกต่างไปจากเดิม รหัส 307 และ 308 จะมีการทำงานที่คล้ายคลึงกับรหัส 301 และ 302 แต่มันจะไม่อนุญาตให้เปลี่ยน HTTP Method
รหัสสถานะในกลุ่มนี้จะใช้เมื่อเจอข้อผิดพลาดที่มีสาเหตุมาจากทางฝั่ง Client ยกเว้นว่าเป็นการตอบสนองต่อคำขอของ Header
Server ไม่สามารถ หรือไม่ดำเนินการตามคำขอเนื่องจากมีข้อผิดพลาดจากทาง Client (เช่น คำขอผิดรูปแบบ, ขนาดใหญ่เกินไป ฯลฯ)
ภาพจาก http://www.howusewindows.com/what-is-a-400-bad-request-error-and-how-can-i-fix-it.html
มีความเหมือนกับ 403 Forbidden (หวงห้าม) แต่ 401 Unauthorized จะใช้เฉพาะเมื่อจำเป็นต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ (Authentication) แต่ว่าล้มเหลว หรือยังไม่ได้รับการยืนยัน
ภาพจาก https://community.appian.com/discussions/f/general/10103/error-401---unauthorized
รหัสนี้ถูกสงวนไว้ใช้งานในอนาคต โดยมีความตั้งใจว่ารหัสนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ในระบบจ่ายเงินดิจิทัล หรือชำระเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ (Micropayment)
รหัสนี้บ่งบอกว่า Server เข้าใจ และมีข้อมูลที่คำขอต้องการอยู่ แต่ทาง Server ปฏิเสธที่จะดำเนินการต่อ โดยอาจจะเป็นเพราะผู้ส่งคำขอไม่ได้รับการอนุญาต หรือพยายามส่งคำขอที่ละเมิดสิทธิ์บางอย่างที่ถูกตั้งกฏเอาไว้
นี่เป็นโค้ดยอดฮิตที่แวะเวียนมาให้เห็นหน้าค่าตากันอยู่บ่อย ๆ เวลาที่เรากรอกที่อยู่ URL ผิด หรือที่อยู่เว็บไซต์นั้นไม่มีอยู่จริง รหัสนี้เป็นการบ่งบอกว่าทรัพยากรที่ถูกส่งคำขอไม่มีอยู่บน Server
ภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=Hbdk2_1ZU3o
หมายความว่าทรัพยากรที่มีอยู่ไม่รองรับกับวิธีการที่คำขอใช้ เช่น ใช้คำขอแบบ PUT กับทรัพยากรที่อ่านได้อย่างเดียว (Read-Only Resource)
คำร้องขอทรัพยากร ยอมรับเฉพาะด้านการสร้างเนื้อหาเท่านั้น ไม่ยอมรับคำขอที่เป็น Header
ตัว Client ต้องตรวจสอบสิทธิ์ของตัวมันเองผ่าน Proxy ก่อน
รหัสนี้หมายความว่า Client ไม่ได้ส่งคำขอมาภายในระยะเวลาที่ Server ได้กำเนิดเอาไว้ ทาง Client อาจจะส่งคำขอซ้ำใหม่ได้อีกครั้งในภายหลัง
ภาพจาก https://tech-banker.com/how-to-fix-a-408-request-timeout-error/
บ่งชี้ว่าคำขอไม่สามารถดำเนินการได้เพราะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นกับทรัพยากร เช่น มีการแก้ไขข้อมูล ในขณะที่มีการอัปเดตข้อมูลพร้อมกันหลายรายการ
บอกว่าทรัพยากรที่ร้องขอนั้นไม่มีอยู่แล้ว และจะไม่มีการนำกลับมาอีกครั้ง รหัสนี้จะใช้ในกรณีที่ข้อมูลดังกล่าวถูกลบออกจาก Server อย่างถาวร ทาง Client ไม่ควรส่งคำร้องมาอีกในอนาคต ตามหลักการ Client อย่าง Search engine ควรลบข้อมูลดังกล่าวออกจากดรรชนี แต่ในทางปฏิบัติเครื่องมือค้นหา (Search Engine) ก็ไม่จำเป็นต้องลบก็ได้ แล้วใช้รหัส 404 Not Found แทน
คำขอนี้ไม่ได้ระบุความยาวของเนื้อหา ซึ่งจำเป็นต่อการขอทรัพยากร
คุณสมบัติของ Server ไม่ตรงตามเงื่อนไขที่ผู้ส่งคำขอกำหนดเอาไว้ใน Header
คำขอมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ Server จะยินยอม หรือสามารถดำเนินการให้ได้ เดิมที รหัสนี้ถูกเรียกว่า "Request Entity Too Large"
ความยาวของ URI ที่ถูกกำหนดเอาไว้มีความยาวเกินกว่าที่ Server จะดำเนินการได้ มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งเมื่อมีคำขอ GET ที่มีการเข้ารหัส Query-String แบบเข้ารหัสเอาไว้เป็นจำนวนมาก เดิมที รหัสนี้ถูกเรียกว่า "Request-URI Too Long"
ในคำขอมีไฟล์มัลติมีเดียที่ทาง Server ไม่สนับสนุนอยู่ ตัวอย่างเช่น ทาง Client อัปโหลดไฟล์ภาพ svg+xml ขึ้นไป แต่ Server ไม่รองรับไฟล์นามสกุลดังกล่าว
ทาง Client ร้องขอส่วนหนึ่งของไฟล์ (Byte Serving) แต่ Server ไม่สามารถส่งไฟล์ได้ตามที่ร้องขอมาได้ ตัวอย่างเช่น Client ยื่นคำร้องขอดูไฟล์ในตำแหน่งที่ไกลเกินกว่าไฟล์จริงที่มีอยู่
Server ไม่สามารถทำตามความต้องการตามที่คำขอ Header ถูกส่งเข้ามาได้
รหัสนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) เป็นรหัสเอาฮาที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเล่นมุขในวันโกหก (April Fools' jokes) เท่านั้นเอง รหัสนี้ระบุว่า กาน้ำชาจะถูกส่งคืน แล้วขอให้ชงกาแฟให้แทน
มีบางเว็บไซต์ใช้รหัสนี้เป็น Easter Egg แม้แต่ใน Google.com ก็มีนะ ดังภาพด้านล่าง
ภาพจาก : https://searchengineland.com/new-google-easter-egg-seo-geeks-server-status-418-im-teapot-201739
คำขอที่ส่งไปยัง Server ที่ไม่สามารถตอบสนองต่อคำขอได้
รูปแบบคำขอมีความถูกต้อง แต่ไม่สามารถทำตามที่ต้องการได้เนื่องจาก Semantic errors
ทรัพยากรที่ต้องการเข้าถึงถูกล็อกเอาไว้อยู่
คำขอล้มเหลวเพราะมันต้องพึ่งพาคำขออื่นด้วย และคำขอนั้นล้มเหลว
บ่งชี้ว่า Server ไม่ต้องการเสี่ยงดำเนินการตามคำขอ ที่มีโอกาสถูกขอซ้ำเข้ามาอีกครั้ง
Client ควรเปลี่ยนไปใช้โปรโตคอลตัวอื่น อย่างเช่น TLS/1.3 ซึ่งถูกระบุเอาไว้ใน Upgrade Header
Server ต้นทางต้องการให้คำขอตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้การอัปเดตเกิดข้อผิดพลาด
ผู้ใช้ส่งคำขอมากเกินไปภายในเวลาที่กำหนด มีไว้เพื่อใช้ในการลดภาระของ Server
Server ไม่ยินยอมดำเนินการตามคำขอ เนื่องจาก Header บางส่วน หรือทั้งหมด มีขนาดใหญ่เกินไป
การทำงานของ Server ถูกข้อบังคับด้านกฏหมาย ให้ปฏิเสธการเข้าถึงทรัพยากรบางส่วน หรือทั้งหมด
รหัสสถานะที่เริ่มต้นด้วยเลข "5" เป็นการบ่งบอกว่า Server ได้รับรู้แล้วว่ากำลังเผชิญหน้ากับปัญหา หรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอที่รับมาได้ โดย Server ควรให้คำอธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมชี้แจงด้วยว่าเป็นปัญหาชั่วคราว หรือถาวร เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบ
ข้อความแจ้งเตือนที่มักถูกใช้อยู่เป็นประจำ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด และไม่มีข้อความใดที่เหมาะสม
ภาพจาก https://stackoverflow.com/questions/47766688/500-internal-server-error-on-signing-page-in-vsts/47768058
Server ไม่เข้าใจวิธีการที่คำขอส่งเข้ามา หรือขาดความสามารถที่จะทำตามคำขอนั้นได้ มักใช้กับคุณสมบัติที่กำลังจะเพิ่มเข้ามาในอนาคต
Server ที่ทำตัวเป็น Gateway หรือ Proxy ได้รับการตอบสนองที่ไม่ถูกต้องจาก Server ต้นทาง
ภาพจาก https://david07russel.medium.com/error-502-what-its-meaning-and-what-are-the-solutions-50e94a6fcd71
Server ไม่สามารถดำเนินการตามคำขอได้ สาเหตุอาจจะมาจากมีภาระการทำงานหนักเกินกว่าจะรับไหว หรืออยู่ในช่วงบำรุงรักษา ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแค่เพียงชั่วคราว
Server ที่ทำตัวเป็น Gateway หรือ Proxy ไม่ได้รับการตอบสนองภายในเวลาที่กำหนดจาก Server ต้นทาง
Server ไม่รองรับ HTTP protocol เวอร์ชันที่คำขอใช้ส่งเข้ามา
Transparent Content Negotiation สำหรับตอนสนองต่อคำขอแบบ Circular Reference (การกำหนดตำแหน่งอ้างอิงแบบวงกลม)
Server ไม่สามารถจัดเก็บ "ตัวแทน" ที่จำเป็นในการดำเนินการตามคำขอได้
Server ตรวจพบการทำงานแบบลูปในขณะที่กำลังประมวลผลคำขอ (ใช้แทนรหัส 208 Already Reported)
จำเป็นต้องมีส่วนขยายเพิ่มเติมสำหรับคำขอ เพื่อให้ Server ดำเนินการตามคำขอได้สำเร็จ
Client จำเป็นต้องผ่านการรับรองก่อน (Authentication) ในการเข้าถึงเครือข่าย
รหัสที่กล่าวไปด้านบนเป็นรหัสที่มี IANA ควบคุม แต่มันก็ยังมีอีกหลายรหัสที่มีการใช้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น
ใช้เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เพื่ออนุญาตให้ Response bodies ส่งผ่าน Apache ได้เมื่อมีการเปิดใช้งาน ProxyErrorOverride เอาไว้ ซึ่ง Apache มันจะทำการยกเลิกรหัส 4xx หรือ 5xx โดยอัตโนมัติ
รหัสนี้เคยถูกใช้ใน Twitter Search เวอร์ชัน 1 และใน Trends API เมื่อ Client เริ่มเข้าสู่สถานะ Rate limited เพื่อจำกัด Bandwidth แต่ภายหลังได้เปลี่ยนไปใช้รหัส 429 Too Many Requests แทน
เป็นรหัสที่ทาง Microsoft ใช้เมื่อหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการเข้าถึงถูกปิดกั้นด้วยระบบ Windows Parental Controls
รหัสนี้ใช้โดย Cloudflare และ Cloud Foundry เพื่อบ่งชี้ว่าการยืนยันใบรับรอง SSL/TLS ไม่ประสบผลสำเร็จ
Unofficial codes
Internet Information Services
| nginx
Cloudflare
AWS Elastic Load Balancer
|
ข้อผิดพลาดนี้อาจปรากฏได้หลายรูปแบบดังต่อไปนี้
รหัสนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคำขอที่คุณส่งไปยัง Server มีข้อผิดพลาดบางอย่าง หรือมีความเสียหาย ทำให้ Server ไม่เข้าใจว่าคุณต้องการอะไร บ่อยครั้งที่เกิดจากการที่คุณพิมพ์ URL ของเว็บไซต์ที่ต้องการเข้าใช้งานผิด
รหัสนี้จะแสดงเมื่อคุณพยายามเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ที่จะไม่สามารถแสดงผลได้จนกว่าจะมีการเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี และรหัสผ่านก่อน ถ้าเห็นรหัสนี้ คือ การเข้าสู่ระบบของคุณได้หมดอายุ หรือไม่ก็กรอกข้อมูลผิด
ข้อผิดพลาดนี้อาจปรากฏได้หลายรูปแบบดังต่อไปนี้
ถ้าเปรียบเว็บไซต์เหมือนบ้านของคนอื่น เวลาที่คุณจะเข้าบ้านเขา ก็ต้องขออนุญาตก่อนเข้าบ้านเขาเสียก่อน ซึ่งเจ้าตัวโค้ด Error 403 ตัวนี้ก็เช่นกัน มันคือโค้ดที่บอกว่า คุณไม่สามารถเข้าสู้หน้าเว็บไซต์นั้นได้ เพราะเจ้าของไม่อนุญาต
ข้อผิดพลาดนี้อาจปรากฏได้หลายรูปแบบดังต่อไปนี้
รหัสยอดนิยมที่แวะเวียนมาให้เห็นหน้าค่าตากันอยู่บ่อย ๆ เวลาที่เรากรอกที่อยู่ URL ผิด หรือที่อยู่เว็บไซต์นั้นไม่มีอยู่จริง (หาย หรือ ปิดไป) จาก Server แล้ว
ข้อผิดพลาดนี้อาจปรากฏได้หลายรูปแบบดังต่อไปนี้
Error 500 Internal Server Error เป็นอีกหนึ่งรหัสที่ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ เจอกันเป็นประจำตอนที่เว็บไซต์มีปัญหา ต้นตอของปัญหานี้เกิดจาก Server ไม่พร้อมให้บริการ หรือกำลังมีปัญหาอยู่ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงหน้าเว็บไซต์ได้ อย่างไรก็ตาม รหัสนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามีปัญหาอะไร มันแจ้งแค่ว่ากำลังมีปัญหาเท่านั้น
โค้ด Error 500 นี้ แก้ปัญหาไม่ได้เพราะเกิดขึ้นที่ Server ทำได้แค่เพียงแค่ รอจนกว่าทาง Server จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ถึงจะสามารถเข้าดูได้
ข้อผิดพลาดนี้อาจปรากฏได้หลายรูปแบบดังต่อไปนี้
รหัสนี้บ่งบอกว่าเว็บไซต์กำลัง Overload, Server หมดอายุ หรือไม่ก็ทางฝั่ง Server ไม่สามารถตอบสนองต่อคำขอที่เว็บเบราว์เซอร์ส่งไปได้
รหัสนี้ หมายความว่า มีการสื่อสารผิดพลาดระหว่าง Server หนึ่ง กับอีก Server หนึ่ง โดยข้อผิดพลาดนี้อาจปรากฏได้หลายรูปแบบดังต่อไปนี้
รหัสนี้บ่งบอกว่าเว็บไซต์ไม่พร้อมใช้งาน อาจจะด้วยเพราะ Server กำลัง Overload หรือไม่ก็กำลังบำรุงรักษาอยู่
ข้อผิดพลาดนี้อาจปรากฏได้หลายรูปแบบดังต่อไปนี้
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |