ในช่วงนี้ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้หลายๆ บริษัท หลายๆ หน่วยงาน หรือองค์กร ก็ประกาศให้พนักงานทำงานที่บ้าน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Work from Home (ตัวย่อ WFH) งดการเข้าทำงานภายในออฟฟิศสำนักงาน เพื่อ ลดการแพร่ระบาดของเชื้อ เพราะเส้นทางการเดินทางมายังออฟฟิศของพนักงานหลายคนนั้นก็เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อได้มาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้รถขนส่งสาธารณะที่ต้องเบียดกับผู้คนจำนวนมาก หรือพนักงานบางคนก็อาจอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ ดังนั้นการที่บริษัทตัดสินใจให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้านนั้นก็น่าจะลดปัญหาในส่วนนี้ลงไปได้มากเลยทีเดียว
ซึ่งการ Work from Home นั้น ดูอาจไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับบางคน เพราะบางบริษัทอาจมีนโยบายนี้มาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้าที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสแล้ว แต่สำหรับพนักงานในบริษัทที่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวันก็อาจไม่คุ้นชินกับสภาพการทำงานในลักษณะนี้ และรู้สึกว่า ประสิทธิภาพในการทำงานของตนเองลดต่ำลง
ภาพจาก : https://thriveglobal.com/stories/how-do-i-know-if-i-am-an-active-procrastinator/
และแน่นอนว่าการทำงานที่บ้านนั้นก็มี อุปสรรคในการทำงาน อยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงาน, สมาชิกร่วมบ้านหรือสัตว์เลี้ยงต่างๆ ที่ไม่เข้าใจลักษณะของการทำงานแบบ Work from Home และที่สำคัญคือตัวพนักงานเองก็ต้องมีความรับผิดชอบในงานของตนเองมากเพียงพอและเข้าใจว่า Work from Home คือการทำงาน ไม่ใช่การหยุดพักผ่อน ซึ่งถึงแม้ว่าตัวพนักงานเองจะทราบดีอยู่แล้วแต่ก็ยังคงมีความรู้สึกขี้เกียจอยู่บ้าง ดังนั้นภายในทิปส์นี้เราได้รวบรวมวิธีการที่จะช่วยให้สามารถทำงานที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในช่วงเวลาก่อนเริ่มงาน ถึงแม้จะเป็นการทำงานแบบ Work from Home แต่เราก็ ควรทำกิจวัตรประจำวันให้คล้ายกับการทำงานตามปกติมากที่สุด เพื่อให้เตรียมความพร้อมในการทำงาน
(อาจจะไม่ต้องคล้ายขนาดนี้... แค่ทำอย่างอื่นคล้ายๆ เดิมก็พอ)
Experts recommend keeping your daily rituals even while working from home. pic.twitter.com/ktHuEaXMLT
— Tomáš Bella (@kvasinka) March 16, 2020
แน่นอนว่าเมื่อเราทำงานที่บ้านของตนเองแล้วนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตื่นเช้าเท่ากับวันปกติที่ต้องเดินทางไปทำงาน และหลายคนก็น่าจะถือโอกาสนี้ในการนอนต่อเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนมากขึ้น แต่ทางที่ดีแล้วเราควรที่จะ ตื่นตามเวลาเดิมเหมือนกับวันทำงานปกติ เพราะนอกจากจะทำให้มีเวลาในการเตรียมตัวทำงานมากขึ้นแล้วยังทำให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างปกติเมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับทำงานที่บริษัทตามเดิมอีกด้วย (แต่สำหรับบางคนที่ต้องตื่นเช้ามากๆ เพื่อเผื่อเวลาการเดินทางไปทำงานก็อาจไม่จำเป็นต้องตื่นตามเวลาเดิม เพียงแต่ปรับเวลาตื่นไม่ให้สายจนเกินไปนัก)
บางคนอาจคิดว่าการทำงานที่บ้านนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องอาบน้ำหรือเปลี่ยนชุด เพราะไม่ได้เดินทางออกไปไหน แต่การอาบน้ำจะช่วยให้ร่างกายเกิดความตื่นตัวและพร้อมต่อการทำงานมากกว่า นอกจากนี้การสวมชุดนอนยังไม่เอื้อต่อการทำงานเพราะทำให้รู้สึกขี้เกียจมากกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องสวมยูนิฟอร์มหรือชุดที่เป็นทางการเท่ากับวันทำงานปกติ เพียงแต่ควร อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ไม่ใช่ชุดนอนในขณะทำงานที่บ้าน และสำหรับบางบริษัทที่มีการประชุมผ่านวิดีโอคอล (Video Conference) นั้น การสวมชุดนอนในการพูดคุยงานก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไรนัก
ภาพจาก : https://www.nbcnews.com/business/business-news/why-are-big-companies-calling-their-remote-workers-back-office-n787101
ในช่วงเวลาการทำงานปกติ หลายคนอาจไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเนื่องจากไม่มีเวลาหรือต้องเร่งรีบในการเดินทางไปทำงาน ดังนั้นในช่วงที่สามารถ Work from Home ได้และไม่ต้องกังวลว่าจะไปทำงานสายนั้นก็ควรที่จะ รับประทานอาหารเช้าเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จะช่วยให้สมองได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทางที่ดีหากสามารถทำอาหารเช้ารับประทานเองก็จะช่วยให้สมองเกิดความตื่นตัวมากกว่าเดิมเนื่องจากได้ขยับร่างกายและยังช่วยเพิ่มสมาธิที่จะทำให้การทำงานราบรื่นยิ่งขึ้นด้วย
ภาพจาก : https://www.foodrepublic.com/recipes/folded-scrambled-eggs/
การวางแผนงานนั้นจะช่วยให้เราสามารถ จัดลำดับความสำคัญและมองเห็นภาพสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน ขณะที่ Working from Home ได้มากกว่าการเริ่มต้นทำงานในทันที เพราะการทำงานแบบไม่มีการวางแผนคร่าวๆ ทำให้หลุดสมาธิได้ง่ายและพะวงกับการทำงานมากกว่าการทำงานตามแผนงานที่วางเอาไว้ รวมทั้งอาจทำให้งานไม่เสร็จเพราะทำงานหลายชิ้นสลับกันไปมา ซึ่งการวางแผนงานนั้นอาจแบ่งคร่าวๆ เป็นงานที่ต้องทำในช่วงเช้าและบ่าย อย่างไรก็ตาม การวางแผนงานนี้ก็อาจมีการ ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน
การ Work from Home นั้น ไม่ได้หมายความว่าสามารถทำงานที่ส่วนใดของบ้านก็ได้ และที่สำคัญคือ ไม่ควรทำงานบนเตียงนอน เพราะอาจทำให้รู้สึกง่วงนอนและเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวได้ ดังนั้นจึงควรออกมาทำงานข้างนอกห้องนอน หรือในบริเวณที่ห่างจากเตียงนอนพอสมควร และสำหรับบางคนอาจมีข้อจำกัดในเรื่องสถานที่ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่างความกว้างของพื้นที่ หรืออุปกรณ์ที่จำเป็นจะต้องใช้ในการทำงานอย่าง คอมพิวเตอร์ โต๊ะ หรือเก้าอี้ที่บ้านนั้นไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงานเท่าไรนัก
ซึ่งหากพอจะตกลงกับสมาชิกร่วมบ้านได้ก็อาจหยิบยืมอุปกรณ์บางอย่างมาใช้ก่อนหากมีความจำเป็น หรืออย่างน้อยก็ควรที่จะ จัดวางโต๊ะทำงานให้มีแสงสว่าง และพื้นที่ที่มากเพียงพอต่อการใช้งาน ส่วนเก้าอี้ก็อาจใช้อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ช่วย เช่น เบาะรองนั่งหรือเบาะรองหลัง (แต่หากไม่สามารถทำได้ก็คงจะต้องทำใจแทนไปก่อน)
ภาพจาก : https://toggl.com/blog/home-office-setup-ideas
นอกจากนี้ สำหรับคนที่อยู่บ้านร่วมกับคนอื่นก็อาจต้อง อธิบายให้สมาชิกร่วมบ้านเข้าใจ ว่าการทำงานที่บ้านไม่ใช่การหยุดพักผ่อน และขอความร่วมมือในการให้พื้นที่ส่วนตัวในช่วงเวลาการทำงาน ส่วนคนที่เลี้ยงสัตว์ก็คงต้อง ห้ามใจตัวเองไม่ให้เผลอเล่นกับสัตว์เลี้ยงเพลิน จนลืมทำงานไปเสียก่อน
แม้ว่าการรับประทานอาหารบริเวณโต๊ะทำงาน จะสะดวกและสามารถทำงานแบบ Work from Home ไปพร้อมๆ กันได้ แต่ใน เวลาพักกลางวันก็ควรเป็นเวลาพักผ่อนส่วนตัวจริงๆ เวลาที่จะรับประทานอาหารร่วมกันกับคนในครอบครัว หรือเวลาที่ได้เล่นกับสัตว์เลี้ยงมากกว่าการนั่งรับประทานอาหารอยู่หน้าคอมพร้อมกับการทำงานไปด้วย เพราะการนั่งอยู่กับที่นานๆ โดยที่ไม่ได้มีการขยับตัวเลยก็อาจทำให้ปวดเมื่อยร่างกายได้
การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานในช่วงเวลาการทำงานนอกจากจะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะมีการพูดคุยเสนอแนะความเห็นจากเพื่อนร่วมทีมแล้ว ยังช่วย คลายความง่วงหรือความเบื่อ ขณะทำงานแบบ Work from Home ได้อีกด้วย แต่ก็ไม่ควรที่จะใช้เวลาในการพูดคุยกันมากกว่าการทำงาน หรือหากต้องพูดคุยหรือติดต่อสื่อสารงานกันเป็นเวลานานก็อาจใช้การโทรคุย หรือวิดีโอคอลแทนการพิมพ์ข้อความหากันเพื่อให้สามารถทำงานไปพร้อมๆ กับการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานได้
ภาพจาก : https://www.eztalks.com/unified-communications/what-is-remote-collaboration.html
การทำงานอยู่บางอย่างนั้นส่งผลให้เกิดความเครียดได้ง่าย จึงควร หาเวลาในการผ่อนคลายความเครียดในขณะทำงาน ซึ่งเมื่อเราทำงานอยู่ที่บ้านแบบ Work from Home คนเดียว เราก็อาจเปิดเพลงที่ชื่นชอบฟังและร้องเพลงไปด้วยขณะทำงานเพื่อคลายเครียดได้โดยไม่ต้องเกรงใจว่าจะรบกวนเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เหมือนกับตอนทำงานที่ออฟฟิศสำนักงาน
และนอกจากผ่อนคลายสมองแล้วเราก็ควรที่จะ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ด้วยเช่นกัน เพราะการนั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานนั้นทำให้ร่างกายเกิดความปวดเมื่อยได้ จึงควรหยุดพักเป็นระยะเพื่อยืดเส้นยืดสายและขยับร่างกายไล่เมื่อยล้าออกไปบ้าง
ภาพจาก : https://media.giphy.com/media/l2SqcpsHv7SQywJYA/giphy.gif
บางบริษัทอาจมีการปรับเปลี่ยนช่วงเวลาการทำงานของพนักงานในช่วง Work from Home นี้ แต่ไม่ได้มีการประชุมกันทุกวันในช่วงเวลาหลังเลิกงาน ทำให้พนักงานบางคนอาจใช้เวลาเลิกงานก่อนเวลาที่ทางบริษัทตกลงไว้เพราะใช้การเลิกงานตามความเคยชิน หรือบางคนอาจทำงานเพลินจนลืมเวลาว่าถึงเวลาที่สมควรที่จะต้องเลิกทำงานและพักผ่อนได้แล้ว ดังนั้นอาจแก้ปัญหาด้วยการ ตั้งนาฬิกาปลุกเวลาการเลิกงาน เอาไว้ และไม่ควรทำงานต่อหลังเวลาเลิกงานเว้นแต่เป็นงานที่ต่อเนื่องและจำเป็นจริงๆ
ภาพจาก : https://medium.com/@ayah.aldwaik/how-to-relax-after-work-best-5-tips-to-relax-after-work-8f32d236338
ในช่วงเวลาปกติถึงแม้จะไม่ได้มีการออกกำลังกายอย่างจริงจังแต่เราก็มีการขยับร่างกายในการเดินทางไปทำงาน, พักกลางวัน และเดินทางกลับบ้าน หรือการเดินห้าง และการไปสังสรรค์กับเพื่อน แต่ในช่วงนี้ที่มีความจำเป็นที่จะต้อง Work from Home อยู่ที่บ้าน
และเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสก็ทำให้ไม่สามารถออกไปเดินเล่น หรือทำกิจกรรมนอกบ้านได้เลย จึงทำให้ ไม่ได้มีการขยับร่างกายมาก เท่าไรนักจนอาจส่งผลให้ปวดเมื่อยร่างกายมากกว่าปกติหรือ เสี่ยงต่อการเป็นออฟฟิศซินโดรมได้ จึงควรออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพ และสำหรับคนที่ไม่มีแรงบันดาลใจหรือแรงผลักดันในการออกกำลังกายก็สามารถลอง เลือกชม Live Stream คลาสการออกกำลังกายของฟิตเนสต่างๆ และออกกำลังกายไปพร้อมๆ กับเทรนเนอร์ได้อีกด้วย
ภาพจาก : https://www.cnet.com/news/best-streaming-workout-subscriptions-in-2020/
หลายๆ คนอาจไม่ใส่ใจในเรื่องเวลาการนอนของตนเองในช่วงนี้เพราะคิดว่าการ Work from Home นั้น เราสามารถตื่นสายได้จึงเข้านอนดึกกว่าเดิม
แต่หารู้ไม่ว่าการ นอนให้เป็นเวลานั้นจะทำให้ตื่นเช้าด้วยความสดชื่น มากกว่าการนอนในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนทุกวัน แต่สำหรับบางคนที่ในเวลาทำงานปกติมีการพักผ่อนไม่เพียงพอเนื่องจากต้องเผื่อเวลาในการเดินทางจนทำให้มีเวลาพักผ่อนน้อยก็อาจถือโอกาสนี้ในการนอนพักให้เพียงพอ แต่ก็ควรที่จะนอนและตื่นให้เป็นเวลาเดิมในทุกวันและค่อยๆ ปรับเวลาการพักผ่อนทีละน้อยไม่ให้ร่างกายเกิดความสับสนด้วยเช่นกัน
ภาพจาก : https://singularityhub.com/2019/02/12/new-study-suggests-you-can-learn-while-you-sleep/
หวังว่าวิธีการเหล่านี้น่าจะเป็นตัวช่วยหนึ่งที่จะช่วยให้พนักงานหลายๆ คนที่กำลัง ปรับตัวกับการ Work from Home อยู่ทำงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นจากเดิมนะ
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |