ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
THAIWARE.COM | ทิปส์ไอที
 

การมองเห็นของสัตว์ต่าง ๆ อย่าง สุนัข แมว นก กระต่าย หนูแฮมสเตอร์ เม่นแคระ งู เป็นอย่างไร ?

การมองเห็นของสัตว์ต่าง ๆ อย่าง สุนัข แมว นก กระต่าย หนูแฮมสเตอร์ เม่นแคระ งู เป็นอย่างไร ?
ภาพจาก : https://unsplash.com/photos/cIVq3Cngct0
เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 43,325
เขียนโดย :
0 %E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87+%E0%B9%86+%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87+%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%82+%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7+%E0%B8%99%E0%B8%81+%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2+%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C+%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B0+%E0%B8%87%E0%B8%B9+%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

เคยสงสัยไหมว่าสัตว์ (เลี้ยง) ต่างๆ ของเรามองเห็นโลกเป็นแบบไหนกัน ?

เชื่อว่าเจ้าของ (ทาส) บางคนอาจเคยสงสัยเกี่ยวกับความสามารถในการมองเห็นของสัตว์เลี้ยง (เจ้านาย) ของเราว่า พวกมันมีการมองเห็นโลกที่แตกต่างออกไปจากเรามากน้อยเพียงใด แต่ก่อนที่จะไปพูดถึงความสามารถในการมองเห็นของสัตว์เลี้ยงประเภทต่างๆ นั้น เราก็น่าจะต้องเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถในการรับและมองเห็นภาพของดวงตาเสียก่อน

โดยภายในดวงตาของสิ่งมีชีวิตต่างๆ จะมี Photoreceptor Cells หรือเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการรับภาพสิ่งที่เรามองเห็นอยู่ภายในเรตินาของดวงตา ซึ่งจะประกอบไปด้วย เซลล์รูปแท่ง (Rod Cells) ที่ทำหน้าที่รับแสง และเซลล์รูปกรวย (Cone Cells) ที่ทำหน้าที่รับสีนั่นเอง

การมองเห็นของมนุษย์ (Human Vision)

สำหรับมนุษย์ที่มีมุมมองภาพของดวงตาอยู่ที่ราว 180 องศา และใช้การมองเห็นแบบ Binocular (การมองภาพที่ใช้ดวงตาทั้งสองข้างจับภาพ) นั้นมีการมองเห็นสีแบบ Trichromatic Vision ที่สามารถรับและแยกแยะสีในโทน RGB (Red, Green, Blue) ได้อย่างชัดเจน

เพราะว่า Cone Cells ของมนุษย์ประกอบไปด้วย S-cones (Short Cone) ที่ไวต่อการรับคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นราว 420 nm ทำให้มองเห็นแสงสีน้ำเงิน, M-cones (Medium Cone) ที่ไวต่อคลื่นแสงสีเขียวที่มีความยาวประมาณ 530 nm และ L-cones (Long Cone) ที่ไวต่อคลื่นแสงที่มีความยาวราว 560 nm ทำให้เราสามารถมองเห็นแสงสีแดง (แม้ว่าช่วงความยาวคลื่นที่ L-cones รับได้ดีที่สุดจะมีแนวโน้มเป็นแสงสีเหลือง แต่มันก็มีระยะการรับคลื่นสีที่ครอบคลุมแสงสีแดงด้วย)

การมองเห็นของสัตว์ต่าง ๆ อย่าง สุนัข แมว นก กระต่าย หนูแฮมสเตอร์ เม่นแคระ งู เป็นอย่างไร ?
ภาพจาก : https://biology.stackexchange.com/questions/51870/can-red-cone-cells-actually-see-much-red-light

ส่วนการที่เราสามารถมองเห็นสีสันต่างๆ นอกเหนือไปจากโทนสี RGB ได้นั้น เป็นเพราะการรับสีของดวงตามนุษย์ต้องพึ่งพาการทำงานของ Cone Cells ทั้ง 3 รูปแบบนี้ร่วมกับความสว่างของแสงโดยรอบ จากนั้นสมองจะทำการ “ผสมสี” ที่เราควรจะเห็นออกมานั่นเอง

การมองเห็นของสัตว์ (เลี้ยง) ชนิดต่างๆ

สัตว์ชนิดต่างๆ ไม่ได้มีการรับภาพในลักษณะเดียวกับมนุษย์ จึงทำให้พวกมันมีการมองโลกในมุมมองและสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของสัตว์ชนิดนั้นๆ และสำหรับบทความนี้เราก็จะยกตัวอย่างลักษณะการมองเห็นของเจ้านาย (สัตว์เลี้ยง) ที่คาดว่าหลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดีมาดังนี้

การมองเห็นของสุนัข (Dog Vision)

ไม่ใช่แค่ความเชื่อเกี่ยวกับการเทียบหาอายุของสุนัขจะไม่เป็นความจริงเท่านั้น แต่ความเชื่อที่ว่าสุนัขตาบอดสีเองก็เป็นความจริงแค่กึ่งหนึ่งเท่านั้น เพราะสุนัขไม่ได้มองเห็นทุกสิ่งรอบตัวเป็นสีขาว-ดำ แต่พวกมันก็ไม่ได้มีการมองเห็นสีอย่างชัดเจนเท่ามนุษย์ด้วยเช่นกัน

เนื่องจาก Cone Cells ที่ทำหน้าที่รับสีในดวงตาของสุนัขนั้นสามารถรับคลื่นแสงได้แค่เพียง 2 เฉดสีหลักๆ เท่านั้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ก็คาดเดาว่าสุนัขน่าจะมีการรับรู้สีแบบ Dichromatic Vision ที่มีการมองเห็นสีในโทนสีน้ำเงิน-เหลือง และบอดสีแดง-เขียว

นอกจากนี้ พวกมันยังมีเนื้อเยื่อ Tapetum Lucidum อยู่ภายในดวงตา ที่ทำปฏิกิริยาต่อ Rod Cells ภายในดวงตาในช่วงเวลากลางคืน ทำให้ดวงตาของมันคล้ายจะ “เรืองแสง” และมองเห็นในที่ที่มีแสงน้อยได้ชัดเจนกว่ามนุษย์หลายเท่า

การมองเห็นของแมว (Cat Vision)

แม้ว่าแมวจะมีค่าสายตาที่สั้นกว่ามนุษย์ แต่มันก็มีมุมมองภาพกว้างราว 200 องศา รวมทั้งมี Tapetum Lucidum และ Rod Cells ในปริมาณที่มากกว่าสุนัข (สุนัขมี Rod Cells มากกว่ามนุษย์ประมาณ 5 เท่า ในขณะที่แมวมีปริมาณมากกว่ามนุษย์ราว 6 - 8 เท่า) และเมื่อรวมกันความสามารถในการรับคลื่นเสียง Ultrasonic ด้วยแล้วก็ทำให้มันเป็นสัตว์ที่สามารถใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยได้เป็นอย่างดี

สำหรับการรับรู้สีของแมว นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าน่าจะมีการรับสีแบบ Trichromatic Vision คล้ายกับมนุษย์ แต่ Cone Cells ภายในดวงตาของแมวน่าจะมีความไวต่อความยาวคลื่นสีที่ต่างออกไป โดยคาดการณ์ว่าพวกมันน่าจะมองเห็นสีน้ำเงิน, เขียว และเหลือง เป็นหลัก (ไม่สามารถรับคลื่นสีแดงได้ ทำให้มองเห็นสีแดงและชมพูคล้ายสีเหลืองและเขียว)

การมองเห็นของกระต่าย (Rabbit Vision)

ส่วนกระต่ายที่มีดวงตาอยู่บริเวณข้างกะโหลกนั้น มีลักษณะการมองเห็นที่ค่อนข้างพิเศษ คือ มีขอบเขตการ มองเห็นเกือบ 360 องศา สามารถมองเห็นได้ทั้งแบบ Binocular (การใช้ดวงตาทั้งสองข้างจับภาพในระยะใกล้) และ Monocular หรือการมองภาพแบบใช้ลูกตาเพียงข้างเดียว (ซ้าย-ขวา) ในการจับภาพสิ่งรอบข้าง ทำให้มองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลๆ ได้ดี โดยจุดบอดของสายตาจะอยู่ที่บริเวณปลายจมูกและหลังใบหู

การมองเห็นของสัตว์ต่าง ๆ อย่าง สุนัข แมว นก กระต่าย หนูแฮมสเตอร์ เม่นแคระ งู เป็นอย่างไร ?
ภาพจาก : https://www.vgr1.com/vision/

ส่วนด้านการรับรู้และมองเห็นสีนั้น กระต่ายสามารถมองเห็นสีน้ำเงิน-เหลืองได้ค่อนข้างชัดเจน (บอดสีแดง-เขียว) และมี Rod Cells ที่มากกว่ามนุษย์หลายเท่า จึงทำให้สามารถในการมองเห็นในที่ที่มีแสงน้อยอย่างช่วงหัวค่ำหรือเช้ามืดได้เป็นอย่างดี แต่ไม่มี Tapetum Lucidum ที่ทำให้ดวงตาดูเรืองแสงในเวลากลางคืน

การมองเห็นของหนูแฮมสเตอร์ (Hamster Vision)

แฮมสเตอร์มีดวงตาที่ใหญ่กว่าหนูประเภทอื่นๆ ถึง 2.5 เท่า แต่ความสามารถในการมองเห็นของมันก็คล้ายกับหนูทั่วไป คือ มีสายตาที่สั้นมากและมองเห็นได้เพียงแค่ไม่กี่นิ้วจากระยะสายตาเท่านั้น พวกมันจึงมักใช้หนวดร่วมกับการดมกลิ่นและการฟังเพื่อช่วยในการสัมผัสและรู้สึกถึงสิ่งรอบข้าง

การมองเห็นของสัตว์ต่าง ๆ อย่าง สุนัข แมว นก กระต่าย หนูแฮมสเตอร์ เม่นแคระ งู เป็นอย่างไร ?
ภาพจาก : https://pixabay.com/photos/hamster-brown-cute-animal-pet-1149177/

และเช่นเดียวกับหนูประเภทอื่นๆ คือ แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่ออกหากินในเวลากลางคืน จึงมีความสามารถในการมองเห็นช่วงกลางคืนมากกว่าเวลากลางวัน ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ Photoreceptor ของแฮมสเตอร์แล้วก็พบว่า มีจำนวนของ Rod Cells มากถึง 97% ทำให้มันสามารถมองเห็นในที่ที่มีแสงน้อยได้ดีแม้จะไม่มี Tapetum Lucidum ในขณะที่ Cone Cells มีจำนวนเพียง 3% เท่านั้น จึงทำให้มันไม่สามารถรับและแยกแยะความต่างของสีได้

อย่างไรก็ตาม แฮมสเตอร์บางชนิดอย่างแฮมสเตอร์สายพันธุ์ Siberian ก็มีความสามารถในการมองเห็นสีน้ำเงิน-เหลืองได้ แม้จะไม่ชัดเจนมากนัก (ในระยะที่ความสามารถของมันเอื้ออำนวย)

การมองเห็นของเม่นแคระ (Hedgehog Vision)

ถึงแม้ว่าการศึกษาเรื่องความสามารถในการมองเห็นของเม่นแคระ (ที่จริงๆ แล้วไม่ใช่เม่น แต่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมฟันแทะประเภทกินแมลง) นั้นพบได้น้อยมาก แต่ส่วนมากก็ชี้ว่ามันน่าจะมีลักษณะการมองเห็น คล้ายกับหนูและแฮมสเตอร์ ที่เป็นสัตว์ออกหากินในเวลากลางคืนโดยธรรมชาติ คือ มีระยะสายตาสั้น แต่มองเห็นได้ดีในที่มืด (ไม่มี Tapetum Lucidum) และมีความสามารถในการจำแนกสีที่ต่ำมาก โดยมันอาจจำแนกได้เฉพาะแค่สีน้ำเงินแบบเลือนรางเท่านั้น

และเนื่องจากมันมีความสามารถในการมองเห็นต่ำ จึงมีประสาทหูและประสาทการดมกลิ่นที่ดีกว่าสัตว์โดยทั่วไป ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าเม่นแคระนั้นมีใบหูที่ค่อนข้างใหญ่และสามารถจับฟังเสียงการเคลื่อนไหวของเหยื่อได้เป็นอย่างดี (สามารถรับคลื่นเสียงที่มีความถี่สูงตั้งแต่ 250 - 45,000 Hz ได้) 

การมองเห็นของสัตว์ต่าง ๆ อย่าง สุนัข แมว นก กระต่าย หนูแฮมสเตอร์ เม่นแคระ งู เป็นอย่างไร ?
ภาพจาก : https://www.pickpik.com/hedgehog-animal-baby-cute-small-pet-479

การมองเห็นของนก (Bird Vision)

นกมีความสามารถในการมองเห็นและการรับสีที่สูงกว่ามนุษย์อย่างเราไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะไม่เพียงแต่มันจะสามารถรับสีได้ทั้งแดง, เขียว และน้ำเงินเหมือนกับมนุษย์แล้ว มันยังมี Cone Cells พิเศษที่สามารถรับสเปกตรัมของ อัลตราไวโอเลต ได้อีกต่างหาก

แต่เนื่องจากมนุษย์สามารถมองเห็นได้แค่ RGB เท่านั้น จึงไม่ทราบแน่ชัดว่าการมองเห็นของนกนั้นเป็นไปในลักษณะใด เพียงแต่มีการคาดเดาว่าน่าจะเห็น “แสงสี” ที่สดและสว่างกว่าที่เรามองเห็นอยู่มาก และมีมุมมองภาพที่กว้างกว่ามนุษย์อย่างเห็นได้ชัด (ขึ้นอยู่กับชนิดและสายพันธุ์ของนกด้วย)

การมองเห็นของสัตว์ต่าง ๆ อย่าง สุนัข แมว นก กระต่าย หนูแฮมสเตอร์ เม่นแคระ งู เป็นอย่างไร ?
ภาพจาก : https://coldcreek.ca/environmental-info/uv-world/

อีกทั้งสายตาของนกก็มีความเฉียบคมกว่ามนุษย์ถึงหลายเท่า และมี Pectic Oculi ที่ช่วยควบคุมการไหลเวียนของเลือดภายในดวงตา จึงทำให้มันสามารถมองหาเหยื่อที่อยู่บนพื้นดินขณะกำลังบินโดยไม่ทำให้เส้นเลือดภายในดวงตาของมันแตก รวมทั้งมีโปรตีนพิเศษที่ทำให้มันมองเห็นและเคลื่อนที่ไปตามสนามแม่เหล็ก (Electromagnetic Field) ได้อีกด้วย 

การมองเห็นของงู (Snake Vision)

สำหรับสัตว์จำพวกงู ถึงแม้ว่าดูจากภายนอกแล้วเราจะเห็นว่ามันมีดวงตาอยู่เพียงแค่ 1 คู่ แต่จริงๆ แล้วงูมีประสาทการมองเห็นถึง 2 รูปแบบ ด้วยกัน คือ สามารถมองสิ่งต่างๆ ผ่านทางดวงตาและการจับกระแสอินฟาเรด (คลื่นความร้อน)

โดยการมองเห็นผ่านดวงตาของงูนั้น มีระยะสายตาสั้นที่สามารถแยกแยะความต่างของสีได้เพียงแค่โทนน้ำเงินและเหลือง (บอดแดง-เขียว เช่นเดียวกับสุนัขและกระต่าย) และที่น่าสนใจคือมีการศึกษาวิจัยเรื่องลักษณะการมองเห็นของงูที่ออกหากินในเวลากลางวันและกลางคืน พบว่างูที่มักออกหากินในเวลากลางวันนั้นมีเซลล์โปรตีนภายในดวงตาที่สามารถป้องกันแสง UV ได้ คล้ายกับการสวมแว่นกันแดดที่มีฟิลเตอร์กรองแสง จึงทำให้บางครั้งเรามองเห็นดวงตาของงูเป็นสีเหลืองได้นั่นเอง

การมองเห็นของสัตว์ต่าง ๆ อย่าง สุนัข แมว นก กระต่าย หนูแฮมสเตอร์ เม่นแคระ งู เป็นอย่างไร ?
ภาพจาก : https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0960982219304725

ส่วนการมองโลกผ่านกระแสอินฟราเรด (การจับคลื่นความร้อน) นั้นจะใช้งาน Pit Organs หรืออวัยวะพิเศษในงู (อยู่ใกล้กับบริเวณจมูก) ที่ช่วยให้พวกมันสามารถจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในพื้นที่นั้นๆ ได้ และรับรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ใกล้มากน้อยเพียงใด จึงทำให้พวกมันสามารถล่าเหยื่อในยามค่ำคืนได้อย่างแม่นยำ


ที่มา : biology.stackexchange.com , en.wikipedia.org , en.wikipedia.org , www.popsci.com , animalnecessity.com , www.businessinsider.com , resources.thrivevet.com , www.vgr1.com , newrabbitowner.com , 101hamster.com , www.researchgate.net , rodentlife.com , animals.mom.com , www.wildlifeonline.me.uk , www.lifehacker.com.au , www.audubon.org , www.biosphereonline.com , www.nature.com


0 %E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87+%E0%B9%86+%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87+%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%82+%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7+%E0%B8%99%E0%B8%81+%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2+%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C+%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B0+%E0%B8%87%E0%B8%B9+%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
สมาชิก : Member    สมาชิก
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่..
 
 
 

ทิปส์ไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
7 เมษายน 2567 13:20:13
GUEST
Comment Bubble Triangle
บทความในบล็อกที่น่าสนใจจริงๆ เกี่ยวกับการมองเห็นที่แตกต่างและน่าสนใจของอวัยวะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและเลือดเย็นในการจัดการกับทุกสภาวะทางธรรมชาติ....ขอบคุณที่ทำบล็อกนี้