เวลาเราซื้อมือถือเครื่องใหม่กันทีนึง ก็คงจะหนีไม่พ้นต้องหาซื้อเคสมาใส่กันเพื่อปกป้องมือถือเครื่องใหม่ของเราให้ดูใหม่อยู่เสมอ และเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น แต่ในท้องตลาด ก็มืเคสมือถือมากมายหลายแบบ ทั้งเคสแฟชัน เคสกันรอย และเคสกันกระแทก ที่มีคุณสมบัติและวัสดุของเคสแตกต่างกันไป แล้วทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องใช้เคสแบบไหน และเคสแบบไหนถึงจะดีกับเรามากที่สุด ลองมาอ่านคุณสมบัติของเคสแต่ละแบบกัน
Credit: https://www.freepik.com/wayhomestudio
เคสแฟชัน เป็นเคสโทรศัพท์ที่เน้นความสวยงาม ไม่เน้นปกป้องตัวเครื่อง เคสแบบนี้จะมีการออกแบบและลวดลายสีสันที่แล้วแต่ยี่ห้อและคนออกแบบจะทำออกมา เคสแฟชันจะมีทั้งแบบที่เป็นโรงงานผลิตออกมาเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเคสพิมพ์ลายหรือสกรีนลาย และแบบแฮนด์เมด ที่มีคนรับจ้างทำแบบชิ้นต่อชิ้น ไม่เน้นการกันรอยหรือกันกระแทก นั่นหมายความว่าเมื่อใช้งานไปสักระยะ พลาสติกอาจมีการเสื่อมสภาพ และเปลี่ยนสีได้ในกรณีที่เป็นเคสใส
Credit: https://ranvoo.com/guide/how-to-remove-stains-from-phone-cases/
เคสแบบนี้สามารถหาได้ทั่วไปและมีราคาถูก เริ่มตั้งแต่หลักสิบขึ้นไปจนถึงหลักร้อย เคสชนิดนี้จะใช้พลาสติกเกรดที่มีความทนทานน้อย เพราะจุดประสงค์เพียงแค่นำมาพิมพ์ลายเพื่อให้เวลาที่เอาเคสไปใส่กับโทรศัพท์แล้วเกิดความสวยงามน่าใช้ขึ้นกว่าเครื่องมือถือแบบเดิม ๆ เท่านั้น
Credit: www.lnwmall.com/product/มีทุกรุ่น-เคสสกรีน-ลายคมชัด-ผิวด้าน-ลายจัดเต็มถึงขอบ-ลายนักบินอวกาศ/11000060508019611
เคสแฮนด์เมด ก็คือเคสที่มีการปั้นหรือทำเคสโดยใช้ฝีมือของผู้ทำเพื่อประดับชิ้นงานดังกล่าวลงบนตัวเคสโดยเฉพาะ (ตามชื่อเลย แฮนด์เมด = ทำด้วยมือ) โดยจะมีทั้งแบบการตกแต่งด้วยเรซิน การสกรีนลาย การวาดลวดลายลงไปบนเคส และการติดของประดับตกแต่งอื่น ๆ เช่น สายโซ่ หรือจิวเวลรีลงไป เพื่อความสวยงาม เคสแบบนี้มักจะต้องสั่งออกแบบไปก่อน แล้วรอรับสินค้าในภายหลัง เรียกว่าทำตามสั่ง (Made by Order) โดยตรง
Credit: www.facebook.com/เคสมือถืองาน-Handmade-187100688616798/photos/pcb.189476778379189/189476421712558/
เคสชนิดนี้ส่วนใหญ่มักใช้เคสพลาสติกแข็งเป็นหลัก เพื่อให้สิ่งที่ติดประดับลงไปบนเคส สามารถติดได้คงทนไม่เลื่อนหลุด แต่ก็มีบางแบบเช่นกันที่สามารถใช้เคสแบบซิลิโคนนิ่มได้ด้วย เช่นเคสตัวอย่างด้านล่าง
Credit: https://shopee.co.th/🌈เคสใสโฮโลแกรม✨โซ่วิ้งๆ✨-i.1626262.5551720907
เคสกันรอยจะมีคุณสมบัติตามชื่อ นั่นคือการกันรอยขีดข่วนให้กับตัวเครื่อง สำหรับแบรนด์ที่มีชื่อหรือเป็นที่รู้จักกันดี ก็จะใช้วัสดุที่มีคุณภาพกว่าเคสแฟชัน และส่วนใหญ่ก็จะสามารถกันกระแทกได้ระดับเบา ๆ เช่น พลัดตกจากมือลงบนโต๊ะในขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะ เป็นต้น
เคสซิลิโคน จะใช้วัสดุเป็นซิลิโคนตามชื่อ ซึ่งก็จะมีความยืดหยุ่นและสามารถบิดงอได้ ทำให้มีความนิ่มและสัมผัสยืดหยุ่นกว่าเวลาจับถือหรือใช้งาน เกรดของซิลิโคนที่นำมาผลิตเคสก็จะแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตและราคา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเคสราคาแพงจะใช้ซิลิโคนเกรดดีเสมอไป เคสกันรอยแบบซิลิโคนนี้จะสามารถกันรอยได้ในระดับปานกลาง แต่ก็จะมีรอยที่ตัวมันเองได้ด้วยเช่นกัน (กันรอยให้โทรศัพท์ แต่ไม่ได้กันรอยที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง) ขึ้นอยู่กับเกรดซิลิโคนที่ใช้เช่นกัน
Credit: https://www.apple.com/th-en/shop/product/MWVU2FE/A/iphone-11-silicone-case-black
และเนื่องจากซิลิโคนก็เป็นวัสดุที่อยู่ในกลุ่มพลาสติกเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อใช้งานไปสักระยะ ก็จะมีอาการเคสหมองเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองได้ โดยระยะเวลาในการเปลี่ยนสี ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพวัสดุที่เปลี่ยนไปข้างต้น ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เคสพลาสติกในที่นี้จะเป็นเคสพลาสติกแบบแข็ง ที่ไม่สามารถจับบิดงอได้เหมือนเคสซิลิโคน เมื่อทำการใส่เข้ากับโทรศัพท์แล้วก็จะลงล็อกและยึดติดกับตัวเครื่องได้พอดีไม่ขยับหรือเคลื่อนไป โดยเคสพลาสติกจะหนาหรือบาง ก็ขึ้นอยู่รูปแบบของเคส และการออกแบบของผู้ผลิตเจ้านั้น ๆ ไม่จำเป็นต้องมีสีใสเสมอไป ซึ่งในปัจจุบันก็มีสีและแบบเคสพลาสติกให้เลือกกันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สีทึบ สีรุ้ง สีพาสเทล แบบขุ่น แบบกลิตเตอร์ (กากเพชร) ฯลฯ
Credit: https://www.bnn.in.th/case-and-film/cases/case-iphone/4895206918725?, https://twitter.com/reinbocase/status/855419234381213696/photo/1
เคสพลาสติกแบบนี้ จะเป็นเคสที่นิยมนำมาทำเป็นเคสแฟชันมากที่สุด เพราะมีความแข็งแรงพอที่จะสามารถเอาไปแต่งเสริมเติมต่อได้หลากหลายรูปแบบ แต่เพราะมันไม่ได้มีความนิ่มและยืดหยุ่นเหมือนเคสซิลิโคน ดังนั้น จึงต้องระวังเรื่องตกกระแทกเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าพลาสติกเกรดดีแบรนด์ดังหน่อย ก็จะกันกระแทกได้มากกว่าพลาสติกเกรดทั่วไปที่ขายในราคาถูก ที่เวลาร่วงหลุดจากมือที อาจจะแตกตั้งแต่เคสแล้วสร้างรอยให้เครื่องโทรศัพท์เราต่อได้อีกทอด ขึ้นอยู่กับระดับความสูงในการร่วง
เคสหนังจะเน้นในเรื่องของความดูหรูหราน่าใช้งาน โดยปกติแล้ว ตัวเคสจะไม่ได้สร้างจากหนังแล้วเอามาขึ้นรูปเลยโดยตรง แต่จะใช้การหุ้มหนังเข้ากับเคสพลาสติกแข็งอีกที ทำให้สามารถใส่เข้ากับโทรศัพท์ได้ง่าย เคสหนังจะมีหลายราคาขึ้นอยู่กับวัสดุหนังที่นำมาทำเคส โดยแบรนด์ไฮเอนด์บางแบรนด์ เช่น Coach, Gucci, MCM, Louis Vuitton ก็มีมาทำเคสโทรศัพท์ขายกับเขาด้วยเช่นกัน สนนราคาก็เริ่มตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นเลยล่ะ
Credit: https://poshmark.com/listing/iPhone-X-MCM-Case-5e2efbf78557af1ddab89549
นอกเหนือจากการนำหนังมาทำเคสเพื่อความสวยงามแล้ว ยังมีเคสหนังที่ถูกนำมาดัดแปลงเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน เช่น เคสใส่บัตร อีกด้วย
เคสฝาพับ จะมีรูปร่างหน้าตาคล้าบกับกระเป๋าถือของผู้หญิง โดยเคสฝาพับ จะมีโครงเคสด้านในที่ทำจากพลาสติกแข็งเช่นเดียวกัน ส่วนที่หุ้มเคสและการทำเป็นฝาพับด้านนอก จะใช้วัสดุแตกต่างกันตามการออกแบบของผู้ผลิต เช่น หนัง ผ้าสักกะหลาด หนังกึ่งพลาสติก เป็นต้น ซึ่งจะสามารถกันรอยได้มากกว่าเคสทั่วไป (เพราะคลุมเครื่องทั้งหมด) และกันกระแทกได้ปานกลาง
Credit: https://www.casemaxshop.com/product/71224/case-iphone-12-12-pro-เคสแบบฝาพับมีช่องใส่บัตร-imprint-clover-pattern-leather-wallet
เคสฝาพับ มักเป็นเคสที่นำไปต่อยอดเป็นเคสเสริมฟังก์ชันการใช้งานมากที่สุด เพราะมีพื้นที่ว่างสำหรับการตกแต่งสร้างสรรค์มากกว่าเคสอื่น ๆ ที่มักติดปัญหาในเรื่องดีไซน์ของโทรศัพท์ เช่น รูเจาะของกล้องหลังที่มีตำแหน่งไม่ตรงกันในโทรศัพท์แต่ละรุ่น
เคสประเภทนี้จะถูกออกแบบมาให้มีความทนทานต่อการตกกระแทกเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของโทรศัพท์จากการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ โดยวัสดุที่เป็นส่วนประกอบของเคสจะมีหลากหลายขึ้นอยู่กับผู้ผลิตโดยตรง เช่น เคสของ UAG จะใช้การผสมผสานวัสดุอย่างโพลีคาร์บอเนต พลาสติกแข็ง และยาง TPU เข้าด้วยกัน, เคสของ Otterbox จะใช้โพลีคาร์บอเนตและซิลิโคน เป็นต้น
ส่วนเรื่องการกันรอยนั้นมาคู่กันอยู่แล้ว เพราะในระดับที่สามารถกันกระแทกได้แล้วเนี่ย เรื่องเล็กน้อยอย่างกันรอยนี่หายห่วง (กันรอยให้เครื่องอย่างเดียวนะ ไม่นับตัวเคสที่อาจมีรอยได้เอง ขึ้นอยู่กับวัสดุของเคสนั้น ๆ)
Credit: https://www.urbanarmorgear.com/products/monarch-series-iphone-12-pro-max-case, https://www.harveynorman.co.nz/phone-and-gps/mobile-phone-accessories/iphone-accessories/otterbox-defender-iphone-11-pro-max-black.html#gallery-2
โดยเคสที่สามารถกันกระแทกได้แบบไร้กังวล จะเป็นเคสกันกระแทกที่มีมาตรฐานทางทหาร หรือที่นิยมเรียกกันว่า Military Standard (MIL-STD) เพราะเป็นเครื่องรับรองได้ว่ามีความทนทานและมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะนำไปใช้ทางการทหารได้ เช่น ทนต่อการตกกระแทก ทนต่อการสั่นสะเทือน หรือเรียกรวม ๆ ได้ว่า ทนต่อการนำไป "สมบุกสมบัน" นั่นเอง
Credit: https://www.vault.com/blogs/job-search/military-careers-this-infographic-explains-how-to-transition-to-civilian-life
เคสกันกระแทกจากอลูมิเนียม ถึงแม้ว่าชื่อจะบอกว่าผลิตด้วยวัสดุหลักเป็นอลูมิเนียม แต่ก็มีการผสมวัสดุอื่นในการผลิตขึ้นเพื่อกันกระแทกด้วยเช่นกัน โดยกรอบด้านนอกของเคสจะผลิตจากอลูมิเนียมเพื่อความสวยงาม ส่วนด้านในของกรอบจะเป็นวัสดุ EVA ซึ่งเป็นโฟมโพลิเมอร์ที่นิยมนำไปทำแผ่นกันกระแทก พื้นรองเท้า แผ่นรองเมาส์ เสื่อโยคะ เป็นต้น จึงทำให้เครื่องไม่เป็นรอยจากอลูมิเนียม เพราะมี EVA คั่นกลางระหว่างเคสกับเครื่อง
Credit: https://www.case777.com/index.php?case=เคส-iPhone-6&showcase=เคส-iPhone-6-%2C-6s-เคสกันกระแทกแบบเฟรมอลูมิเนียม-ปกป้องตัวเครื่อง-360-องศา
ตอนแรกผู้เขียนชั่งใจอยู่ว่าจะจัดมันไปอยู่ในระดับกลางหรือระดับสูงสุดดีสำหรับ เคสบัมพ์เปอร์ แต่เนื่องจากว่าประเภทของตัวเคสไม่ใช่ตัวชี้วัดระดับการกระแทก แต่เป็นวัสดุของมันต่างหากที่เป็นตัวชี้ขาดในเรื่องนี้ ดังนั้นถึงของจับมันแยกออกมาดีกว่า ซึ่งวัสดุที่ว่าก็จะมีตั้งแต่ยางกันกระแทกแบบบาง ๆ ที่พอมีความยืดหยุ่น ไปจนถึงซิลิโคนเกรดที่ใช้ทางการแพทย์เลยล่ะ
Credit: https://www.pinterest.com/pin/455356212294741725/
โดยเคสบัมพ์เปอร์ จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงที่ เคสแบบนี้มักจะไม่มีพื้นหลังของเคสมาให้ (แต่บางรุ่นก็มี) จะมีเพียงกรอบข้างให้ใส่เท่านั้น นั่นหมายความว่ามันจะไม่สามารถกันรอยขีดข่วนด้านหลังของเครื่องได้ แต่เมื่อถึงเวลาตกกระทบ ด้วยความที่เคสบัมพ์เปอร์ ถูกออกแบบมาให้มีขอบที่ยกสูงกว่าตัวเครื่อง ดังนั้นเวลาตก ขอบจะสัมผัสก่อน ทำให้ได้รับแรงกระแทกน้อยลงโดยขึ้นอยู่กับวัสดุ สำหรับแบรนด์ที่ทำเคสบัมพ์เปอร์ขายและมีวัสดุในระดับดีก็เช่น Elephant, ElementCase
เคสกันกระแทกระดับปานกลาง จะไม่หนาและหนักเท่าเคสที่มีการกันกระแทกในระดับสูงสุด ทำให้ชั้นของวัสดุมีความบางกว่า และมีน้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณสมบัติในการตกกระแทกในระดับการใช้งานทั่วไป เช่น ตกจากมือขณะยืนหรือเดิน ตกจากมือลงกระทบกับขั้นบันได เป็นต้น แบรนด์ที่อยู่ในข่ายนี้ก็เช่น UAG, Otterbox, Pelican, Gear4, JTLegend, Case-Mate, ElementCase, Spigen, Mous, ฯลฯ
Credit: https://case-mate.com/products/kodak-iphone-xr
เคสกันกระแทกระดับสูงสุด มักจะมีวัสดุที่หนาและมีความคงทนมากที่สุดในบรรดาประเภทเคสโทรศัพท์ทั้งหมด ทำให้มีประสิทธิภาพในการกันกระแทกระดับสูงสุด สามารถทนต่อการตกกระแทกได้ในจำนวนครั้งที่มากที่สุด ซึ่งในหลาย ๆ แบรนด์ สามารถผ่านการทดสอบประสิทธิภาพได้เหนือกว่าที่มาตรฐานทางทหารกำหนดไว้เสียด้วยซ้ำไป แบรนด์ที่อยู่ในข่ายนี้ก็เช่น UAG, Otterbox, Pelican, Gear4, Case-Mate, SupCase เป็นต้น
Credit: https://www.amazon.in/SUPCASE-Designed-Full-Body-Kickstand-Protector/dp/B07MZRLQ1N
เคสเสริมฟังก์ชันการใช้งาน เป็นเคสที่ถูกออกแบบมาให้มีหน้าที่มากกว่าการป้องกันรอยที่เกิดจากการใช้งานและการตกกระแทกเบื้องต้น เช่น เคสใส่บัตร ที่เอามาใส่บัตรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครดิต บัตร ATM นามบัตรต่าง ๆ หรือบัตรอื่น ๆ ที่ต้องการได้ และเคส Wireless Charge ที่ทำให้โทรศัพท์ที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการชาร์จไร้สาย สามารถใช้ชาร์จแบบไร้สายได้ด้วย
เคสใส่บัตร มีฟังก์ชันการใช้งานตามชื่อเลยคือ สามารถใส่บัตรหรือธนบัตรแบบพับได้ เคสแบบนี้จะมีข้อดีคือสามารถพกเครื่องโทรศัพท์ไปไหนมาไหนได้โยไม่ต้องกลัวลืมกระเป๋าสตางค์ เพราะมีบัตรมีเงินอยู่ในมือถือที่เดียวแล้ว โดยส่วนมาก เคสใส่บัตรมักจะถูกผลิตมาในรูปของเคสหนัง หรือเคสฝาพับ เพราะมีความยืดหยุ่นของวัสดุและรูปทรงของเคส ที่สามารถนำมาทำเคสใส่บัตรได้ แต่ก็มีเคสแบบพลาสติกที่ทำซองใสติดด้านหลังเพื่อการใส่บัตรด้วยเหมือนกัน
Credit: https://twitter.com/bbymeshop_/status/1252639644388220928/photo/1 , https://shopee.co.th/(พร้อมส่ง)-เคสหนังใส่บัตรได้-Samsung-Galaxy-Note-8-(สีดำ)-i.533493.667662355
เคสชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charge Case) เป็นเคสที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้โทรศัพท์มือถือที่ไม่มีฟังก์ชันชาร์จไร้สาย สามารถใช้งานฟังก์ชันดังกล่าวได้ เช่น การวางบนแท่นชาร์จเพื่อชาร์จแบตเตอรี่โดยไม่ต้องเสียบสายชาร์จกับตัวโทรศัพท์
แต่เคสแบบนี้ จะต้องใช้การเสียบหัวชาร์จของเคส เข้ากับพอร์ตเสียบสายชาร์จของโทรศัพท์ตลอดเวลาแทน ทำให้ไม่สามารถเสียบหูฟังได้ในกรณีที่โทรศัพท์รุ่นนั้น ๆ ใช้พอร์ตเดียวกันกับการชาร์จ ไม่ได้มีช่องเสียบหูฟังแยก เคสแบบนี้ จะมีทั้งแบบที่ผู้ผลิตอิสระทำ และแบบที่เจ้าของค่ายมือถือรุ่นนั้น ๆ ทำเอง เช่น Huawei เป็นต้น
Credit: https://th.aliexpress.com/item/4000066725787.html
สรุปการเลือกเคสมือถือที่เหมาะกับตัวคุณก็คือ ต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า คุณเป็นคนใช้โทรศัพท์มือถือแบบไหน เช่น ถ้าหากคุณเป็นคนใช้มือถือไม่ค่อยติดมือ ส่วนใหญ่วางกับโต๊ะ เวลาไปเข้าห้องน้ำไม่พกมือถือไปด้วย หรือมีกระเป๋า / ซองใส่มือถืออีกที ก็สามารถใช้เคสแฟชัน หรือเคสกันรอยทั่วไปได้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่พกมือถือติดตัวตลอดเวลา ใช้มือถือราคาแพง และต้องหยิบออกมาดูหรือใช้นอกสถานที่หรือกลางแจ้งอยู่บ่อย ๆ การขยับมาใช้เคสที่กันรอยรอบด้านอย่างเคสฝาพับ หรือ เคสกันกระแทก ก็จะช่วยให้อุ่นใจเรื่องความปลอดภัยของมือถือที่คุณใช้ได้ในระดับหนึ่งว่า มันจะไม่เสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งานที่ควรจะเป็น และจะไม่เกิดอาการรวนอันเนื่องมาจากการตกกระทบของชิ้นส่วนภายใน
Credit: https://www.businessinsider.in/otterbox-now-makes-smartphone-cases-with-built-in-popsockets-that-you-can-swap-out-whenever-you-want/articleshow/69272819.cms
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |